เช็กสถิติความเสี่ยงติดเชื้อ HIVs รุก-รับ ใครเสี่ยงมากสุด!

Spoil

  • ปัจจุบัน อัตราการติดเชื้อของคนไทยรายใหม่น้อยลงเรื่อยๆ ยอดต่อปีประมาณ 6 พันกว่าคน
  • การมีเพศสัมพันธ์โดยฝ่ายรับ ไม่ว่าจะเป็นทางทวารหนัก หรืออวัยวะเพศหญิงก็มีความเสี่ยงมากกว่า
  • ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถกินยาเพื่อควบคุมโรค และใช้ชีวิตได้ตามปกติ

เช็กสถิติความเสี่ยงติดเชื้อ HIVs รุก-รับ ใครเสี่ยงมากสุด!

แม้ว่าเราจะให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันอัตราการติดเชื้อในเพศสัมพันธ์ก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยๆ (Sexual transmitted disease) อาจจะเพราะหลายคู่ประมาท คิดว่าคงไม่เป็นอะไร และหลายๆ ครั้ง เราเชื่อใจคู่นอนของเรามากเกินไปด้วยครับ สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนได้ครับ...

ผู้ติดเชื้อคนไทยรายใหม่น้อยลงเรื่อยๆ

จากข้อมูล UNAIDS พบว่า อัตราการติดเชื้อของคนไทยรายใหม่น้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี จากเมื่อ 20 ปีก่อนติดเชื้อปีละแสนกว่าคน จนปัจจุบันยอดต่อปีประมาณ 6 พันกว่าคนเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพศชาย (5200 คน) และมักมีผู้ป่วยรายใหม่กว่า 20% ในผู้ที่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด และในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน (MSM – Men who have sex with men) พอๆ กับกลุ่ม Transgender คือประมาณ 10%

ความเสี่ยงในการติดเชื้อ

จากการศึกษาอื่นๆ อ้างอิงจาก Standford health care พบว่า ความเสี่ยงในการติดเชื้อนั้นขึ้นอยู่กับการสัมผัสเชื้อโรคด้วยเช่นกัน ว่าผู้ที่มีเชื้อนั้นมีสถานะอย่างไร หรือรูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ ดังนี้

1.      ปัจจัยที่ทำให้เกิดโอกาสการติดเชื้อที่มากขึ้น 

ตามรูปแบบการมีเพศสัมพันธ์ พบว่า ในการมีเพศสัมพันธ์โดยฝ่ายรับ ไม่ว่าจะเป็นทางทวารหนัก หรืออวัยวะเพศหญิงก็มีความเสี่ยงมากกว่า (Receptive anal sex 1.4%, Receptive Vaginal sex 0.08%) ส่วนฝ่ายรุกจะลดลงมา (Insertive anal sex 0.06%, Insertive vaginal sex 0.04%) ส่วน Oral sex ก็ยิ่งโอกาสน้อยลงไปอีก

2.      ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เพิ่มโอกาสการติดเชื้อ

  • ผู้ป่วยที่มีเชื้ออยู่แล้ว มีปริมาณเชื้ออยู่ HIV อยู่มาก (viral load) หรือไม่ได้รับการรักษา
  • มีบาดแผลทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก หรืออมีโรคอื่นๆร่วมด้วยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์
  • มีประจำเดือนขณะมีเพศสัมพันธ์ (Menstruation)
  • ปัจจัยที่ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยที่มีเชื้อนั้น ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณเชื้อ Vira load อยู่น้อย
  • ใช้ยาต้านไวรัสอยู่ ไม่ว่าจะเป็น PrEP (Pre-exposure prophylaxis) หรือ PEP (Post-expsoure prophylaxis)
  • การใช้น้ำยาหล่อลื่น (Lubricant)

 ยา PrEP  ใช้สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV เช่น ผู้รักร่วมเพศ ผู้ขายบริการทางเพศ  ส่วน ยา PEP ใช้สำหรับผู้ได้รับเชื้อ HIV โดยต้องกินยาต้านให้เร็วที่สุดหลังสัมผัสเชื้อ บางครั้งหมอและพยาบาลก็ต้องใช้ยานี้ สำหรับการตรวจเชื้อและขอรับยา ทำได้ที่คลินิกนิรนาม โรงพยาบาลตามสิทธิการรักษา และโครงการต่างๆ ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อ HIV สามารถกินยาเพื่อควบคุมโรค และใช้ชีวิตได้ตามปกติ

วิธีใช้ "PrEP" และ "PEP" เช็กอาการ "ผู้ติดเชื้อ HIV"

สุดท้ายนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าการที่สถิติผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้เรามีความเสี่ยงต่ำไปด้วย  แม้โอกาสจะเกิดขึ้นน้อย แต่การป้องกันไว้อย่างดีที่สุดในทุกทาง เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อก็เป็นหนทางที่ดีที่สุดด้วยครับ แต่สำหรับใครที่พลาดไป  การยอมรับตนเองว่ามีการติดเชื้อ เข้ารับการรักษา และลดความเสี่ยงตนเองที่จะนำไปแพร่เชื้อให้อื่นนั้นดีที่สุด ใครที่ยังไม่ติดก็ป้องกันให้ดี ส่วนใครที่สงสัยหรือต้องการขอรับยา สามารถติดต่อได้ที่คลินิกนิรนามทุกแห่งครับ

 

นพ.ชนม์พิสิฐ มณฑล

 

พี่โด่ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด