เพิ่มความสมจริงให้นิยายด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ ตำนาน และเรื่องเล่าปรัมปรา!

เพิ่มความสมจริงให้นิยายด้วยการสร้าง
ประวัติศาสตร์  ตำนาน และเรื่องเล่าปรัมปรา!

 

สวัสดีค่ะชาวนักเขียนเด็กดีทุกคน เชื่อว่าหลายๆ คนที่เขียนนิยาย โดยเฉพาะแนวแฟนตาซี ต้องมีการสร้างโลกสมมติขึ้นมาในนิยายเพื่อให้นักอ่านรู้สึกสมจริง แต่มันจะสมจริงมากยิ่งขึ้นกว่านี้ หากเราทำยังไงก็ได้ให้นักอ่านรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่แค่โลกที่สร้างขึ้น แต่มันอาจมีอยู่จริงๆ ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้!

เช่นเดียวกับในโลกแห่งความเป็นจริง โลกสมมติในนิยายต้องมีเรื่องราวที่เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการคิดและวิถีชีวิตของตัวละครของเรา สิ่งเหล่านี้สามารถกลายเป็นปัจจัยจูงใจสำหรับสงคราม การตัดสินใจเปลี่ยนชีวิต และบทกวีที่ตัวละครของเราร้องเพลงในผับบาร์ มันเปรียบเสมือนเนื้อที่คอยห่อหุ้มกระดูก

แล้วเรื่องราวที่ว่ามันคืออะไรล่ะ…?

คำตอบคือ ประวัติศาสตร์ (Histories) ตำนาน (Legends) และเรื่องเล่าปรัมปรา (Myths)

 

Photo by Clarisse Meyer @clarissemeyer on Unsplash
Photo by Clarisse Meyer @clarissemeyer on Unsplash

 

ทำไมต้องมีประวัติศาสตร์ (Histories) ตำนาน (Legends) และเรื่องเล่าปรัมปรา (Myths)?

พี่คิดว่าทุกๆ โลกต้องการประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าสัก 2-3 เรื่องที่ส่งผลต่อเรื่องราวในนิยายของเรา มีเพียงเราเท่านั้นที่ตัดสินใจได้ว่าต้องการเรื่องราวกี่เรื่อง แต่ถ้าหากว่ามีเวลา ขอแนะนำให้เขียนออกมาเยอะๆ ก่อน เพราะท้ายสุดแล้ว อดีตคือสิ่งที่ทำให้โลกของเราเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในเรื่องราวของเรา

มันง่ายที่จะสร้างโลกที่ไม่มีเรื่องราวเบื้องหลัง แต่ถ้าโลกของเรามีอายุถึงร้อยปี โลกก็จะเปลี่ยนไป เรื่องราวเหล่านี้บันทึกการเปลี่ยนแปลงและบางครั้งก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ถ้าโลกของเราไม่มีเรื่องเล่าหรือประวัติศาสตร์ โลกก็จะแบนราบและไม่สมจริง แม้แต่ The Hunger Games ซึ่งไม่เป็นที่รู้จักในด้านการสร้างโลก ก็ยังมีประวัติของสงครามกลางเมือง (กับเขต13) และประวัติของเกมก่อนหน้านี้

 

เตรียมพร้อมก่อนสร้างตำนาน!

ก่อนจะไปเจาะลึกกัน อยากให้ทุกคนสร้างไทม์ไลน์ขึ้นมาก่อน จะใช้ excel, word หรือเขียนบนกระดาษก็ได้ ตามใจ แต่สิ่งสำคัญคือเราจะต้องสร้างไทม์ไลน์ที่เหมาะสม มิฉะนั้นมันจะพังได้แบบง่ายๆ ขอแอบแนะนำ Excel เพราะเราจะสามารถเขียนเหตุการณ์ที่ทับซ้อนกันได้ในไทม์ไลน์เดียว

หากเรามีไอเดียอยู่แล้วว่าโลกของเราเป็นอย่างไร ลองย้อนไทม์ไลน์กลับไป และคิดถึงช่วงแรกสุดที่โลกของเราถูกล่าอาณานิคมเป็นครั้งแรก มันมีลักษณะอย่างไร? ใครกันแน่ที่เริ่มต้นการล่าอาณานิคม? ใครเป็นผู้กำหนดเขตแดนของประเทศ? 

เมื่อได้สิ่งนั้นแล้ว ลองเพิ่มสงครามเล็กๆ ระหว่างประเทศที่มีพรมแดนติดกันลงไปหลายๆ ครั้ง กับสงครามทั่วโลกอย่างน้อยหนึ่งครั้งด้วย นอกจากนี้อย่าลืมสนใจการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาลของแต่ละประเทศ หรือการเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง จากนั้นให้นึกถึงภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อโลกของเรา

แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะสร้างเรื่องราวในโลกของเรามากกว่านั้น

วันนี้พี่ขอแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก

  • ประวัติศาสตร์: เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น!
  • ตำนาน: มักมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่าประวัติศาสตร์ บางส่วนอาจเป็นจริง ในขณะที่บางส่วนไม่เป็นเช่นนั้น
  • เรื่องเล่า/นิทานปรัมปรา: เรื่องราวที่ชาวโลกของเราปรุงแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง คำอธิบาย หรือวัตถุประสงค์ในการสอน

 

HMAS Australia, Rotary Photographic Series, 'The Only Girl I Ever Loved', 1914 -1918
HMAS Australia, Rotary Photographic Series, 'The Only Girl I Ever Loved', 1914 -1918
Photo by Museums Victoria on Unsplash 

ประวัติศาสตร์ (Histories)

 

มีหลายสิ่งที่ต้องจำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ อย่างแรกเลยก็คือมันอาจจะน่าเบื่อ นั่นเป็นเพราะว่าโดยปกติประวัติศาสตร์ประกอบด้วยตัวเลขมากมาย เช่น มีผู้ต่อสู้กี่คนในสงครามครั้งนี้ เมืองนี้ใหญ่เพียงใด จำนวนผู้อพยพในปีนั้น เป็นต้น อย่างที่สอง ตามปกติประวัติศาสตร์จะถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรโดยผู้เห็นเหตุการณ์ ทำให้เหตุการณ์เชื่อถือได้และไม่ใช่ตำนาน

เมื่อเราเขียน / คิดประวัติศาสตร์สำหรับโลกของเรา เราควรจดบันทึกว่า มีข้อมูลนี้ได้อย่างไรและใครเป็นคนเขียน? เป็นหนึ่งในอาลักษณ์ของกษัตริย์หรือไม่? เป็นนักเดินทางที่ชอบการผจญภัยหรือไม่? เป็นหนึ่งในอัศวินหรือไม่?

มีหลายสิ่งที่เราต้องใส่ไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น

  • สงครามระหว่างประเทศและการจบลงของมัน?
  • สงครามกลางเมืองการจบลงของมัน?
  • ภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อม (ความอดอยาก อุทกภัย การเจ็บป่วย ตรวจสอบให้แน่ใจว่านี่เป็นระดับใหญ่)
  • ใครเปลี่ยนโลก?
  • รายชื่อผู้ปกครองแต่ละประเทศ และเหตุการณ์ในช่วงเวลาของพวกเขา
  • การสร้างชาติ
  • การเปลี่ยนรัฐบาล
  • การสำรวจ

อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุด เราต้องรู้ว่าใครเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก 

 เมื่อตัวละครของเราตัดสินใจ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขามีอำนาจ) พวกเขาดูประวัติศาสตร์อะไรเพื่อตัดสินใจ? มีวิธีการใดบ้างที่ลองทำและได้ผลเป็นจริง? วิธีการใดที่ล้มเหลวในอดีต?

 

The Phantom Horseman,1870-93 by Sir John Gilbert (d.1897)
The Phantom Horseman,1870-93 by Sir John Gilbert (d.1897)
Photo by Birmingham Museums Trust on Unsplash 

ตำนาน (Legends)

 

ตำนานเปรียบเสมือนประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ได้รับการบันทึกอย่างถูกต้อง 

ตำนานมักจะเริ่มต้นจากความจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยนักเล่าเรื่องคนใหม่ ส่วนใหญ่แล้วตำนานจะถูกส่งต่อโดยปากต่อปาก บางครั้งก็มีเขียนในภายหลัง ตำนานของทรอยและโอดิสซีย์เป็นตัวอย่างของเรื่องราวประเภทนี้

รากฐานที่สำคัญของตำนานคือ ตำนานมักให้บางสิ่งแก่ผู้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกมีความหวังและชัยชนะเมื่อพวกเขาได้อ่านหรือฟังเรื่องของเด็กในฟาร์มที่กลายเป็นกษัตริย์ หรือความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินเรื่องของราชินีที่ใช้แมวสอดแนมเพื่อค้นหาว่าพลเมืองของเธอคนใดที่ทรยศ 

ตำนานทำให้ผู้ฟังมีอารมณ์ร่วมแม้ว่าจะเป็นเพียงความบันเทิงก็ตาม

ในฐานะนักเขียน เราควรทราบประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของตำนาน แต่ในทำนองเดียวกัน เราก็ควรปล่อยให้ตัวละครของเราเชื่อในตำนานเวอร์ชันที่เปลี่ยนแปลง ถ้าตำนานเป็นศูนย์กลางของนิยายที่เราเขียน ลองรวมหลายๆ เวอร์ชั่นของตำนานนั้นไว้  รับรองว่ามันจะทำให้โลกสมมติของเราให้ความรู้สึกสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่มีเวอร์ชันใดที่ถูกต้องในตอนท้าย

 

Congreve Street, Birmingham, showing Christ Church and the Town Hall, By Laurence J Hart
Congreve Street, Birmingham, showing Christ Church and the Town Hall, By Laurence J Hart
Photo by Birmingham Museums Trust on Unsplash 

เรื่องเล่าปรัมปรา (Myths)

 

เรื่องเล่า / นิทานปรัมปราคล้ายกับตำนาน เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งตัวละครของเราอาจเชื่อว่ามันเป็นความจริง และเรื่องเล่าปรัมปราเหล่านี้ยังคงส่งผลต่อการกระทำ วัฒนธรรม และกระบวนการคิดของพวกเขา มันอาจจะกลายเป็นประเด็นปัญหา เมื่อตัวละครของเราพบว่าตำนานเหล่านี้ไม่เป็นความจริง

ทุกๆ เรื่องเล่าปรัมปรามีจุดประสงค์ที่ต่างกัน บางเรื่องเป็นนิทาน เช่น เด็กเลี้ยงแกะของอีสป บางเรื่องก็เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษ เช่นเบวูล์ฟ บทกวีมหากาพย์เกี่ยวกับวีรบุรุษยุคอังกฤษโบราณ รวมถึงคำทำนายเองก็จัดอยู่ในหมวดหมู่ตำนานหรือเรื่องเล่าปรัมปราด้วยเช่นกัน เป็นเรื่องยากมากที่คำทำนายจะเป็นประวัติศาสตร์จริง (แม้ว่าเราเคยเห็นมันเกิดขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริงนี้แล้วก็ตาม) 

บางทีการพบว่าคำทำนายเป็นเพียงตำนานอาจเป็นประเด็นสำคัญในเรื่องของเราก็ได้นะ

เรื่องเล่าปรัมปรามีความสำคัญเพราะมันมักเปิดเผยสิ่งที่สำคัญที่สุดต่อสังคม

  • พวกเขาเห็นคุณค่าของความกล้าหาญและการต่อสู้หรือไม่? 
    จากนั้นพวกเขาอาจเล่าตำนานเกี่ยวกับนักรบที่เอาชนะสัตว์ทะเลได้
     
  • พวกเขาพยายามสร้างยูโทเปียหรือไม่? 
    จากนั้นพวกเขาอาจมีตำนานที่ใครบางคนประสบความสำเร็จจริงๆ
     
  • ประชาชนกลัวอะไร? 
    เรื่องเล่าปรัมปราอาจให้แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้

 

…………………..

 

ประวัติศาสตร์ ตำนาน และเรื่องเล่าปรัมปราเป็นสิ่งที่กระตุ้น ขับเคลื่อน และทำให้ตัวละครแสดงท่าทางหรือมีลักษณะบางอย่างออกมา เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมและโลกทั้งใบของเรา เราอาจไม่จำเป็นต้องมีครบทั้งหมดก็ แต่แอบแนะนำให้มีอย่างน้อยมีสองหัวข้อ (ประวัติศาสตร์ ตำนาน และเรื่องเล่าปรัมปรา) สำหรับทุกวัฒนธรรมที่เรามี

เรื่องราวเหล่านี้อาจไม่ได้นำมาสร้างเป็นนิยายของเรา แต่มันจะทำให้โลกสมมติของเราสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น!

เรามีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ตำนาน หรือเรื่องราวปรัมปรำที่ชื่นชอบจากนิยายเรื่องอื่นๆ หรือไม่? ทำไมถึงคิดว่ามันส่งผลกระทบอย่างมากในนิยายเรื่องนั้น? เราเคยเขียนอะไรเกี่ยวกับโลกของตัวเองบ้างหรือเปล่า? 

ปลดปล่อยความคิดของเราออกมา และอย่าลืมเล่าให้ฟังด้วยว่าเป็นยังไง รออ่านอยู่นะ!

 

 พี่น้ำผึ้ง :)

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด