
Spoil
- การกินฮอร์โมนเสริมคือการกินเพิื่อรักษาโรคต่างๆ หรือช่วยในภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย
- เช่น เพื่อให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสิว หรือเพื่อดูแลรักษาสำหรับผู้ที่มีถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) เป็นต้น
- การกินยาคุมกำเนิดเพื่อเสริมฮอร์โมนนั้น ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน ส่วนการกินเพื่อคุมกำเนิดสามารถปรึกษาเภสัชกรตามร้านขายยาได้เลย
กินยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมนคืออะไร จะรู้ได้ยังไงว่าควรกิน?
สวัสด่ีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้คอลัมน์ Sex Education by Dek-D ของเราจะพูดถึงเรื่องยาคุมกำเนิดกันครับ ซึ่งครั้งนี้เป็นการกินยาคุมที่ไม่ใช่เพื่อ "คุมกำเนิด" แต่เพื่อเป็นการปรับฮอร์โมน หลายคนอาจจะสงสัยว่ากินทำไม รู้ได้ยังไงว่าต้องกิน ส่วนบางคนอาจจะเคยกินตามคำแนะนำแพทย์มาแล้ว ก่อนจะไปอ่านรายละเอียด พี่หมอขอย้ำก่อนว่า การใช้ยาคุมกำเนิดควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานะครับ
ฮอร์โมนเพศหญิง
เมื่อพูดถึงฮอร์โมนเพศหญิง ใครหลายๆ คนคงนึกถึง เอสโตรเจน (Estrogen) เป็นหลักแน่นอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เราหลายๆ คนคุ้นเคยกันตั้งแต่สมัยเด็กๆ ว่าสร้างมาจากรังไข่ และไปกระตุ้นเซลล์ในแต่ละตำแหน่งของร่างกาย
ซึ่งถ้าใครอ่านบทความเรื่องก่อนๆ ของ Sex Education by Dek-D ก็จะรู้ว่า ฮอร์โมนเพศหญิงนั้นมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต (Growth and Development) ในคุณลักษณะของเพศหญิง (Female Characteristics) ไม่ว่าจะเป็นการสะสมของชั้นไขมันที่แตกต่างจากเพศชาย (Fat deposit) ในบริเวณเต้านม หรือสะโพก เป็นต้น
ฮอร์โมนเพศหญิงแบบสังเคราะห์
นอกจากฮอร์โมนเพศที่อยู่ภายในร่างกายของเราแล้ว ปัจจุบันฮอร์โมนเพศหญิงถูกทำออกมาในรูปแบบการสังเคราะห์ด้วย โดยเป็นฮอร์โมนชนิดๆ ต่าง เช่น ชนิดรับประทาน หรือฉีด เป็นต้น เพื่อใช้ในรูปแบบแตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะวัตถุประสงค์หลักอย่างที่ทุกคนน่าจะทราบกันอยู่แล้วคือ การคุมกำเนิด (Contraception)
.png)
กินยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน
นอกจากยาคุมกำเนิดจะมีประโยชน์ในการคุมกำเนิดแล้ว ยังมีการกินฮอร์โมนเสริมหรือกินยาคุมกำเนิดเพื่อวัตถุประสงค์อื่นอีกด้วย เช่น เพื่อรักษาโรคต่างๆ หรือช่วยในภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่การที่อยู่ดีๆ เรานึกอยากจะกินฮอร์โมนเสริมก็ซื้อยาคุมมากินได้เลยนะครับ พี่หมอขอย้ำเลยว่าให้อยู่ในการดูแลแนะนำของแพทย์เท่านั้น
ตัวอย่างของการกินฮอร์โมนเสริม เพื่อ...
1. เพื่อทำให้ประจำเดือนคงที่
สำหรับน้องๆ ที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ทุกๆ 28 วัน อาจจะดูเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และเมื่อไม่รู้แน่นอนว่าประจำเดือนจะมาช่วงเวลาไหน บางครั้งก็ทำให้เกิดเหตุไม่คาดคิด ประจำเดือนมาไม่รู้ตัว ทำให้เปื้่อนชุดตัวเก่งได้
กรณีนี้หากไปพบแพทย์ก็จะได้รับคำแนะนำให้กินยาคุมกำเนิดเพื่อทำให้ระดับฮอร์โมนคงที่ในแต่ละเดือน และเมื่อฮอร์โมนลดลง จะทำให้ผนังมดลูกทำให้เลือดตกได้อย่างสม่ำเสมอ (Menstruation, Period) หรือที่เราเรียกว่ารอบเดือนนั่นเอง
2. เพื่อรักษาสิว
เนื่องจากฮอร์โมนเสริมบางประเภทนั้นมีส่วนประกอบทั้งเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่จะไปช่วยในการรักษาสิว เนื่องจากสิวบนใบหน้าบางครั้งเกิดจากการกระตุ้นต่อมไขมันให้เกิดสิว (Sebum from sebaceous gland) มากเกินไป ทำให้หน้ามัน หรือต่อมสิวทำงานมาก จากแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งยาคุมแต่ละชนิดจะลดระดับของฮอร์โมนชนิดนี้ลงได้
อย่างไรก็ตาม สาเหตุของสิวอาจจะเกิดได้จากหลายๆ อย่าง เช่น การดูแลรักษาความสะอาด หรือสิ่งแวดล้อม หรือบางคนแพ้หน้ากากอนามัย ก่อนจะใช้ฮอร์โมนปรึกษาแพทย์จะดีที่สุดครับ ว่าถ้าไม่มีสาเหตุอื่นๆ ทีี่เป็นไปได้แล้ว ค่อยเริ่มใช้ฮอร์โมนดีกว่า
3. การดูแลรักษาสำหรับผู้ที่มีถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS)
ในบางคนที่มีอาการของกลุ่มโรคถุงน้ำรังไข่หลายไป (Polycystic Ovary Syndrome) เป็นเป็นโรคที่เกิดจากระดับฮอร์โมนผิดปกติ ทำให้ หน้ามีสิว ผิวมัน ขนดก และประจำเดือนผิดปกติ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีอาการของกลุ่มโรคนี้ ควรจะไปพบแพทย์ก่อนดีที่สุดครับ

ฮอร์โมนเสริมจากภายนอก (External Hormone) นั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป เพราะฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดแต่ละยี่ห้อก็มีปริมาณและชนิดของฮอร์โมนที่แยกย่อยแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ถ้าจะให้ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเริ่มทาน หรือถ้าใช้เพื่ออาการทั่วๆ ไป เช่น เพื่อคุมกำเนิด แนะนำให้ไปร้านขายยาที่มีเภสัชกรก็ได้นะครับ
สุดท้ายนี้ ใครมีคำถามข้อสงสัยอะไร คอมเม้นต์ถามกันได้เช่นเคยครับ พี่หมอจะทยอยนำมาตอบให้ในคอลัมน์ Sex Education by Dek-D ต่อไป ส่วนน้องๆ คนไหนที่ใช้ยาคุมกำเนิดอยู่ โดยเฉพาะเพื่อการคุมกำเนิด อย่าลืมว่าต้องกินยาให้ถูกและสม่ำเสมอนะครับ ส่วนผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิดนั้นก็แล้วแต่ชนิดและปริมาณฮอร์โมนอย่างที่บอกไป เลือกใช้ที่เหมาะกับตัวเราได้โดยปรึกษาเภสัชกรครับ วันนี้ลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ
นพ.ชนม์พิสิฐ มณฑล
1 ความคิดเห็น