Spoil
- การคุกคามเกิดขึ้นทันทีเมื่อพบกับการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ไม่สบายใจ
- เด็กหลายๆ มองว่าการกระทำบางอย่างเป็นเรื่องปกติ เพราะถูกทำให้ชิน หรือเรียกว่า Grooming
- ควรสอนเด็กให้เข้าใจว่าเราสามารถปฏิเสธการแตะตัวจากคนอื่นได้
ช่วงที่ผ่านมาเราคงได้เห็นข่าวการคุกคามทางเพศจากคนในครอบครัว กับเด็กผู้หญิงวัยประถม โดยที่หลายๆ คนก็มองว่า มันเป็นเรื่องราวของครอบครัว คนนอกไม่ควรจะไปก้าวก่าย บ้างก็มองว่าเป็นการแสดงความรักในรูปแบบหนึ่ง บ้างก็มองว่าเขาชินกับการทำแบบนี้ ตัวเด็กไม่ได้คิดอะไร มีแต่คนนอกคิดแทน
จริงๆ แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมาว่า การคุกคามทางเพศคืออะไรกันแน่?
จากคำนิยามของ EEOC (Equal Employment Opportunity Commission) หรือ คณะกรรมการว่าด้วยความเสมอภาคของโอกาสในการทำงานของ สหรัฐอเมริกา
คือ พฤติกรรมที่เราไม่ได้ยินยอมให้เกิดขึ้น โดยพฤติกรรมนั้นเข้าข่ายเกี่ยวกับเรื่องเพศ รวมไปถึงการขอเดทแบบที่เราไม่เต็มใจ การเล่นมุกตลกแบบสกปรก หรือแม้แต่การวิจารณ์อัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศ ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ยกตัวอย่างเช่น
- การข่มขืน
- การแตะตัวโดยที่ไม่ยินยอม
- การกระซิบ หรือเอาตัวเข้ามาใกล้ชิด
- การลูบหัว ลูบหลัง จนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด
- การมองในเชิงคุกคาม จาบจ้วง โดยที่ตัวผู้ถูกคุกคามรู้สึกอึดอัด
- การส่งข้อความ ส่งจดหมาย มาขอมีเพศสัมพันธ์ หรือมุกเกี่ยวกับเพศ
- การถาม เล่นมุกจาบจ้วง ทั้งต่อหน้าคนเยอะๆ หรือส่วนตัว
- การโห่แซว ผิวปาก ในเชิงชู้สาว (catcall)
- พูดถึงเรื่องเพศ การมีเพศสัมพันธ์โดยที่เราไม่ตั้งตัว และไม่ยินยอม จนรู้สึกอึดอัด
- ถามคำถามส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องเพศ
นอกจากนี้จากพจนานุกรมได้ให้คำนิยามว่า “การกระทำ หรือพฤติกรรมทางเพศ ที่ผู้ถูกกระทำหรือ ผู้ท่ีตกเป็นเหยื่อถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาและไม่ต้องการ โดยการคุกคามทาง เพศอาจอยู่ในรูปของการแสดงออกทางวาจา กริยาท่าทาง หรือการสัมผัสทาง ร่างกาย อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกท่ีสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจต่อรองที่มีเหนือ กว่าอีกฝ่ายหนึ่ง”
สิ่งสำคัญคือความไม่ยินยอม และการมีอำนาจเหนือกว่าของอีกฝ่าย การคุกคามเกิดขึ้นทันทีเมื่อเราพบเจอกับการกระทำที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัด ไม่ชอบ ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นจากท่าทาง คำพูด หรือการกระทำก็ตาม สามารถนับเป็นการคุกคามได้หมด หากเป็นท่าทาง หรือคำพูด เราสามารถแสดงออกไปว่าเราไม่พอใจ เราอึดอัด หากเป็นการกระทำ เราไม่ควรอยู่เฉย อาจจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เป็นต้น
สถิติการคุกคามทางเพศเด็กในไทยยังคงน่าเป็นห่วง และมีจำนวนสูงขึ้นทุกปี จากรายงานข่าวพบว่า ยิ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในช่วงการระบาดของโควิดในปีสองปีนี้ และที่พบส่วนใหญ่มาจากคนในครอบครัว หรือญาติสนิท ไปกว่าครึ่ง และผู้ถูกกระทำมีอายุน้อยลงทุกปี
สาเหตุของการคุกคามทางเพศเด็กมาจากการขาดความรู้ความเข้าใจของคนในสังคม โดยเฉพาะปัญหาในครอบครัว เด็กยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าคืออะไร รวมไปถึงการมีความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่ไม่มั่นคง อิทธิพลจากสื่อ ปัญหาทางจิตใจของคนในครอบครัว การใช้ความรุนแรง เป็นต้น การขาดความรู้ความเข้าใจ จะทำให้เราไม่สามารถรู้ตัว ปฏิเสธ หรือแม้แต่จะขัดขืนได้
เด็กหลายๆคนเติบโตมาในครอบครัวที่มองว่าการกระทำบางอย่างเป็นเรื่องปกติ ไม่แม้แต่จะฉุกคิด เพราะถูกทำให้ชิน เราเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า Grooming หรือมีจุดประสงค์อื่นๆ นอกเหนือไปจากการเลี้ยงดู ดังนั้นการเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้จึงสำคัญ หากโรงเรียนไม่สอน พ่อแม่ไม่อธิบายให้ฟัง เด็กก็เลือกที่จะศึกษาด้วยตัวเอง หรือไม่เข้าใจไปเลย การศึกษาด้วยตัวเองบางครั้งก็ส่งผลเสีย โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่มีอำนาจการตัดสินใจ ขาดความรู้ความเข้าใจ เช่น การศึกษาจากอินเตอร์เน็ต ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเสมอไป รวมไปถึงประเทศไทยยังขาดผู้เชี่ยวชาญในด้านการคุ้มครองเด็ก อย่างนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ซึ่งส่งผลให้ขาดประสิทธิภาพในการช่วยเหลือดูแลเด็กหรือผู้ถูกกระทำ
แล้วเมื่อไรที่เราควรเริ่มรู้ เริ่มสอนเด็กให้เข้าใจ?
สามารถเริ่มต้นได้เลยตั้งแต่เด็ก เพื่อให้เด็กเข้าใจว่าเราสามารถปฏิเสธการแตะตัวจากคนอื่นได้ เราสามารถไม่ยินยอมที่จะให้ใครมาแตะต้องร่างกายของเรา แม้แต่พ่อแม่ ซึ่งสิ่งสำคัญคือความยินยอม จากเด็กที่มีความรู้ความเข้าใจ ไม่ใช่เพียงการยินยอมเพราะมองว่าเป็นเรื่องปกติ คนในครอบครัวขอร้อง จึงทำตาม ปัญหาก็จะกลับไปยังจุดเดิม คือการขาดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งบางครั้งเด็กที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงวัยที่เหมาะสม ก็ยังไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ หรือสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริงนั่นเอง
ในแต่ละประเทศ จะมีการกำหนดอายุที่สามารถยินยอมให้มีเพศสัมพันธ์ได้ (age of consent) สำหรับประเทศไทยคืออายุ 15 ปี หรือตามกฎหมายเรียกว่าผู้เยาว์ หากมีอายุต่ำกว่านี้ ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ถือว่าผิดกฎหมายอยู่ดี หากอิงตามพัฒนาการในช่วงวัย เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจเองได้ 100% เนื่องจากสมองส่วนหน้าที่ใช้ในการตัดสินใจ ยังไม่พัฒนาเต็มที่ บางครั้งจึงทำให้ตัดสินใจจากอารมณ์มากกว่าความรู้สึก ขาดการคิดวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงหรือผลกระทบที่จะตามมา
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เราควรตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น สิ่งที่ควรรีบทำคือแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คุยกับผู้เชี่ยวชาญอย่าปล่อยทิ้งไว้ และอย่ายอมอยู่เฉย
สิ่งที่เราทำได้และควรทำ คือการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ เข้าใจสิทธิในร่างกายตัวเอง วิธีการรับมือหรือป้องกันเมื่อเกิดเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด ทำให้เรื่องนี้ถูกพูดถึงได้เป็นปกติในสังคมของเรา พ่อแม่กล้าที่จะสอนลูก เพราะลูกควรได้รับรู้และเข้าใจ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษาเรื่องเพศ และเรื่องสิทธิมนุษยชนในโรงเรียนอีกด้วย
รายการอ้างอิงhttps://www.thaiscience.info/journals/Article/JMAT/10402644.pdfhttps://www.thetimes.co.uk/article/sexual-abuse-rises-in-thailand-during-pandemic-vqpwmx3vqhttps://worldpopulationreview.com/country-rankings/age-of-consent-by-countrywhatissh.pdfhttps://worldpopulationreview.com/country-rankings/age-of-consent-by-country
1 ความคิดเห็น