Teen Coach EP.53 : ทฤษฎี Self-Fulfilling Prophecy ถ้าคิดว่าทำได้ เราก็จะทำได้!

น้องๆ เคยเชื่อในทฤษฎีนี้หรือเปล่า ความคาดหวังสร้างความจริงให้เกิดขึ้นมาได้ เคยรู้สึกบ้างมั้ยว่าตัวเราจะทำสิ่งนั้นได้ เมื่อเรามีแพสชั่นในสิ่งนั้นๆ จะยิ่งทำให้เราผลักดันตัวเอง หากเรามองว่าเราทำไม่ได้ เราก็จะทำไม่ได้อยู่อย่างนั้น เราไม่มีทางออกอยู่อย่างนั้น

ปรากฏการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า Self-fulfilling prophecy เป็นปรากฏการณ์หรือการคาดการณ์ว่าจะเกิดสิ่งนั้นขึ้นจริงๆ  ได้

เคยมีการวิจัยเรื่อง Self-fulfilling prophecy โดยการศึกษาความคาดหวังของคุณครูต่อกลุ่มนักเรียน มีการแบ่งนักเรียนที่โดยรวมมีไอคิวเฉลี่ยเท่ากันออกเป็นสามกลุ่ม  การทดลองนี้บอกกับคุณครูว่ากลุ่มที่หนึ่งเป็นเด็กดี ต้องสอบติดมหาวิทยาลัยดีๆ กลุ่มที่สอง เป็นเด็กไม่เก่ง เรียนไปก็ไม่น่าเก่งขึ้น ส่วนกลุ่มที่สามไม่ได้พูดอะไร ผลการทดลองปรากฏว่า นักเรียนกลุ่มที่หนึ่งเรียนได้ดีขึ้นจริงๆ เพราะทั้งตัวนักเรียนเชื่อว่าตัวเองเก่งและคุณครูก็คาดหวังและตั้งใจสอนมากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนกลุ่มที่สองกลับแย่ลง เนื่องจากถูกมองว่าเป็นเด็กที่เรียนไม่ได้ อีกทั้งนักเรียนยังมองตัวเองเป็นเเบบนั้น ส่วนกลุ่มที่สามไม่ได้รับความคาดหวังจากครูเท่ากลุ่มที่หนึ่ง

ปรากฏการณ์นี้ยังถูกนำไปใช้ทั้งในทางเศรษฐศาสตร์และจิตวิทยา เช่น ช่วงที่โรคระบาด  เราเข้าใจว่าข้าวของจะแพง ทำให้คนกังวลและหันไปกักตุนของมากขึ้นจนทำให้สินค้าขาดตลาด ทำให้เงินเฟ้อ เพราะพฤติกรรมดังกล่าวเป็นไปตามความคาดหวังของคนในสังคม ทุกคนเชื่อว่าของจะแพง ไม่มีการจัดการที่ดี ทำให้ต้องรีบตุนเสบียง เป็นต้น

การคาดหวังเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย บางครั้งมันก็ช่วยให้เราเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ เป็นเเรงผลักดัน เรามีแพสชั่น เราต้องสำเร็จ แต่เราก็ต้องมองที่ความเป็นจริงด้วย ประเมินโอกาส ความสามารถ หรือแนวโน้มที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นได้ ซึ่งในบางครั้ง การคาดหวังมากเกินไปก็อาจจะส่งผลกระทบกับเราในทางกลับกัน เราผิดหวัง เศร้า เสียใจ กับสิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เราหวังนั่นเอง น้องๆ ชาว Dek-D ล่ะคะ ช่วงนี้คาดหวังเรื่องอะไรให้เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง มาคอมเมนต์คุยกัน