แจก 9 ทางเลือกที่บีบตัวละครให้กดดัน จนนักอ่านต้องจึ้ง ลุ้นตัวบิด!

แจก 9 ทางเลือกที่บีบตัวละครให้กดดัน
จนนักอ่านต้องจึ้ง ลุ้นตัวบิด!

 

สิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับนิยายคือ “ความขัดแย้ง” มันทำให้เรื่องของเราเข้มข้นขึ้น แต่รู้มั้ย สิ่งสำคัญเกี่ยวกับความขัดแย้งคืออะไร? คำตอบคือ...การผลักดันให้ตัวละครของเรากระทำอะไรสักอย่างไงละ!

ในทุกฉาก ตัวละครของเรากำลังสร้างทางเลือก ไม่ว่าจะทางเลือกที่ยิ่งใหญ่ หรือกระทั่งทางเลือกเล็กๆ อย่างเช่นการเลือกเมนูอาหาร ด้วยเหตุนี้เอง แต่ละทางเลือกจึงกำหนดชะตากรรมของพวกเขา

บางการตัดสินใจก็สามารถตัดสินใจได้เลยทันที บางการตัดสินใจก็อาจคลุมเครือ และไม่รู้จะเลือกทางไหน จนทำให้เกิดความขัดแย้งภายใน ทางเลือกเหล่านี้ทำให้ตัวละครรู้สึกว่า พวกเขาต้องทุ่มเทในการตัดสินใจ มันทำหน้าที่เป็นบททดสอบเพื่อเผยให้เห็นว่าพวกเขาเป็นใคร

ดังนั้นการสร้างทางเลือกสำคัญมากๆ ทำให้มันซับซ้อนขึ้นอีกนิด สร้างความกดดันให้ตัวละครสักหน่อย และนี่คือ 9 ทางเลือกที่น่าหยิบไปใช้ ลองนำไปประยุกต์ให้ตัวละครรู้สึกกดดัน  เช่นเดียวกับนักอ่านของเรา

 

 

1
Minor : การตัดสินใจที่ไม่ได้สำคัญมากนัก

เป็นการตัดสินใจแบบง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว จริงอยู่ที่ในช่วงเวลานั้นๆ มันอาจฟังดูสำคัญ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตหรืออนาคตมากนัก ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจว่าจะกินข้าวผัดหรือส้มตำ การตัดสินใจว่าจะสวมชุดไหนไปเที่ยว หรือจะนัดหมายตอนนี้หรือในภายหลัง

 

2
 Win-Win : ชนะกันทั้งสองฝ่าย

นี่คือสิ่งที่ตัวละครทุกตัวต้องการ แต่ไม่ค่อยได้รับเพราะนักเขียนชอบแกล้งตัวละคร (อิอิ) 

win-win เป็นสถานการณ์ที่ตัวละครได้ประโยชน์ทั้งคู่ หมายความว่าทั้งสองตัวเลือกนั้นดี ไม่ว่าจะเลือกอันไหน ผลลัพธ์ของมันจะทำให้ผู้เลือกพึงพอใจ 

อย่างไรก็ตาม win-win เป็นทางเลือกที่สามารถทำลายความขัดแย้งได้ ดังนั้นถ้าจะใช้อันนี้  ต้องเตรียมแผนสร้างจุดหักมุมในเรื่องเพิ่มด้วยนะ

 

3
Win-Lose : ถ้าฉันชนะ แกก็แพ้ไป!!

 

ตัวเลือกเหล่านี้ชัดเจนเลยว่า อันหนึ่งเป็นทางเลือกที่ดี อีกอันหนึ่งไม่ใช่ นั่นหมายความว่าใครบางคนจะมีความสุข และบางคนจะไม่มีความสุข ก็ต้องดูกันว่าใครเลือกอะไรไป 

ตัวอย่างเช่น หากตัวเอกของเราเลือกทางเลือก A และมันทำให้เขาได้รับในสิ่งที่ต้องการ ตัวละครอีกตัว (ศัตรู คู่แข่ง วายร้าย) ก็จะไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม ตัวเอกของเราอาจจะไม่ได้มัน หากอีกฝ่ายได้

แต่สถานการณ์นี้อาจเป็นเรื่องยากมากขึ้น เมื่อตัวละครมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่แพ้ เช่น ตัวเอกกับเพื่อนซี้ถูกวางยาพิษ และยาแก้พิษมีเพียงหนึ่งโดสเท่านั้น! ถ้าเขารับมัน หมายความว่าเพื่อนของเขาจะตาย นั่นเป็นทางเลือกที่ยากขึ้น และบีบรัดหัวใจนักอ่านมากขึ้น ลองปรับดูนะ

 

 

4
Dilemma : กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เมื่อไม่มีทางเลือกใดเหมาะสมที่สุด เรามักจะมีภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก การตัดสินใจรูปแบบนี้อาจต้องชั่งน้ำหนักแต่ละทางเลือกดีๆ ว่าอันไหนมีข้อเสียน้อยที่สุด เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็ไม่ได้น่าอภิรมณ์ทั้งนั้น (ฮา)

ทางเลือกแบบ dilemma มักจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่ตัวละครต้องการเสียสละกับระยะเวลาของมัน  ความชอบและความสำคัญของมันเป็นปัจจัยในการเลือกของตัวละครด้วย ตัวเอกจะยอมเสียเวลาหรือเสียเงินดี? เธอควรจะยอมรับความจริงและทนถูกเพื่อนๆ เยาะเย้ยสัก 2-3 ชั่วโมง หรือรีบพาตัวเองออกไปจากกลุ่มคนเหล่านั้นเสียตอนนี้?

สร้างสถานการณ์ให้เลือกยากๆ จัดเต็มลงไป!

 

5
Hobson’s Choice : ฉันจะให้เลือกนะ รับมันไว้ หรือไม่เอาเลย

เคยได้ในสิ่งที่จริงๆ ก็ไม่ได้ต้องการมั้ย แต่เรารับมาเพราะมันดีกว่าการไม่ได้อะไรเลย นั่นแหละคือ Hobson’s choice 

ที่สุดของทางเลือกที่แสนกดดัน “ฉันจะให้เลือกนะ รับมันไว้ หรือทิ้งมันไป”  กล่าวกันว่าวลีนี้มีต้นกำเนิดมาจากโธมัส ฮ็อบสัน เจ้าของคอกม้าในเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งเสนอให้ลูกค้าเลือกว่าจะนำม้าไปที่คอกม้าใกล้ประตูมากที่สุดหรือไม่รับอะไรเลย

ตัวอย่างของ Hobson’s choice เช่น ตัวละครยอมถูกลดเงินเดือนลงเพราะดีกว่าที่จะถูกเลิกจ้าง หรือ ตัวเอกต้องใส่ชุดสีแดงที่ไม่ได้ชอบ เพราะไม่มีชุดอื่นเหลืออยู่ในตู้ 

หลักการคือรับๆ เอาไว้ อยากได้ไม่อยากได้ก็ต้องเอา เพราะดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

 

6
Sophie’s Choice : เลือกทางไหนก็รู้สึกผิด

สถานการณ์นี้เป็นฉากที่ตัวละครต้องเลือกระหว่างสองตัวเลือกที่น่ากลัวพอๆ กัน ตัวเลือกนี้ตั้งชื่อตามหนังสือและภาพยนตร์ Sophie's Choice ซึ่งตัวละครต้องตัดสินใจว่าลูกสองคนของเธอคนไหนจะถูกฆ่า เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่น่าเศร้ามากๆ

อย่างไรก็ตาม เราสามารถประยุกต์ให้ตัวละครต้องเลือกอยู่ในเวลาและสถานที่เดียวเท่านั้นได้ โดยผลลัพธ์ไม่จำเป็นต้องน่ากลัวเหมือนหนังสือ  Sophie's Choice อาจจะเป็นอะไรง่ายๆ แต่ทำให้ตัวละครรู้สึกผิดเมื่อเลือกทางใดทางหนึ่ง 

ตัวอย่างเช่น ตัวเอกจะเลือกเข้าร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยของเขาเอง หรือเลือกไปงานวันเกิดครบรอบ 100 ปีของคุณยายของเขา 

ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจไหน ตัวละครจะรู้สึกผิดเมื่อได้ตัดสินใจแล้ว

 

 

7
Morton’s Fork : ทางเลือกที่สุดท้ายก็พาไปสู่จุดจบเดียวกัน

คล้ายๆ กับ dilemma แต่ทางเลือกนี้เจ็บปวดมากกว่ามากๆๆ เพราะทั้งสองทางเลือกนำไปสู่จุดจบเดียวกัน 

ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์เรื่อง Mad Max แม็กซ์จับศัตรูของเขา ‘จอห์นนี่เดอะบอย’ และใส่กุญแจมือที่ข้อเท้าของเขากับเรือบรรทุกน้ำมันอัปปางและพลิกคว่ำ พร้อมกับถังน้ำมันที่แตก แม็กซ์จุดไฟฟิวส์หน่วงเวลา (time-delay fuse) และส่งเลื่อยตัดเหล็กให้แก่จอห์นนี่ ถ้าจะรอดจากสถานการณ์นี้ เห็นทีมีอย่างเดียวคือตัดข้อเท้าตัวเอง

ไม่ว่าการตายจากการระเบิด หรือการสูญเสียเลือดจากการตัดข้อเท้าของตัวเอง ทั้งสองก็เป็นทางเลือกที่น่ากลัว เพราะมีผลลัพธ์เดียวเท่านั้น (เดาจากเรื่องว่าคือความตาย) 

ลองหยิบไปปรับกับนิยายของเราดู ให้วายร้ายต้องเลือกทางที่น่าหวาดเสียว แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็มีแนวโน้มว่าจะแย่เสียยิ่งกว่าแย่อยู่ดี

 

8
Moral Choices : เลือกในสิ่งที่ท้าทายศีลธรรม

ทางเลือกศีลธรรม คือทางเลือกที่ตัวละครต้องตัดสินใจในสิ่งที่ท้าทายศีลธรรม ซึ่ง Sophie’s Choice ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกศีลธรรมด้วยเช่นกัน 

ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครต้องเลือกระหว่างการโกหกเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ หรือพูดความจริงเพราะซื่อสัตย์ แม้ว่าความจริงนั้นจะทำร้ายใครซักคน หรืออาจจะเป็นการที่ตัวละครยอมเอาเปรียบผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองได้ดี แม้จะรู้ว่ามันผิดหากทำเช่นนั้นก็ตาม

ในทางเลือกศีลธรรม ตัวละครจะแสดงเหตุผลในการตัดสินใจ เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกโอเคกับการตัดสินใจนั้นๆ ฟีลคล้ายปลอบใจตัวเองแหละ

 

9
ทำบางอย่าง หรือไม่ทำอะไรเลย

ในบางกรณี ตัวละครสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าไปมีส่วนรวมหรือไม่มีส่วนร่วม แม้เขาอาจไม่ได้รับผลกระทบจากผลลัพธ์โดยตรง แต่ทางเลือกนั้นสร้างความเสี่ยงอยู่ดี

ตัวอย่างเช่น 
 

  • ส่งผลความเสี่ยงต่อชื่อเสียงของเขา : ถ้าไม่ทำ ก็ทำให้เขากลายเป็นคนขี้ขลาด
  • หรือผลสะท้อนทางศีลธรรมของการตัดสินใจที่จะไม่ทำอะไรเลย : การปล่อยให้ใครสักคนตาย
  • หรือแม้แต่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย : หากเขาเลือกที่จะช่วยคนที่กลายเป็นภัยคุกคาม

 

…………………..

 

ไม่ว่าจะนำทางเลือกประเภทไหนใส่ลงไปในเรื่องราว ให้ค้นหาวิธีสร้างความขัดแย้งภายใน วิธีที่น่าสนใจคือ จับคู่ตัวเลือกที่เท่าเทียมกัน เช่น ตัวเลือกที่แสดงถึงความกลัวสองอย่าง ความต้องการสองอย่าง หรือความเสี่ยง / การเสียสละสองอย่าง

นอกจากนี้เรายังสามารถเน้นไปที่องค์ประกอบที่ตรงข้ามกันได้ เช่น การแสดงความกลัวต่อความต้องการ หน้าที่ต่อเสรีภาพ หรือความต้องการที่ขัดต่อความเชื่อทางศีลธรรม ด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกันเหล่านี้ จะทำให้นักอ่านรู้สึกเหมือนถูกกดดันเช่นเดียวกับที่ตัวละครเป็น ลองหยิบไปปรับใช้ดูนะคะ

หากสนใจเคล็ดลับการเขียนหรืออยากเป็นนักเขียนที่เก่งขึ้น สามารถกดติดตามรวมบทความเด็ดได้ที่ "เปิดคัมภีร์! ส่งต่อเคล็ดลับที่จะทำให้การเขียนนิยายของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย!" เชื่อว่าน่าจะมีเคล็ดลับการเขียนที่ตรงใจทุกคนอยู่แน่ๆ ค่ะ

 

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabayขอบคุณข้อมูลจากhttps://en.wikipedia.org/wiki/Morton%27s_forkhttps://en.wikipedia.org/wiki/Sophie%27s_Choice_(film)https://sentencedict.com/hobson's%20choice.htmlhttps://www.yourarticlelibrary.com/decision-making/decision-types-6-types-of-decisions-every-organization-need-to-take/25660

 

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น