Spoil
- เรื่องธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องการเป็นที่ยอมรับ แคร์คนรอบข้าง และกลัวการแปลกแยก
- Social Conformity คือการคล้อยตามทางสังคม
- ความเห็นของคนส่วนใหญ่สามารถเปลี่ยนเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกได้ (เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าถูก)
เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เราอยู่ในสังคมที่มักจะคล้อยตามคนส่วนใหญ่ เห็นอะไรก็เชื่อ หรือทำตามกันหมด ขาดการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน แม้ในบางครั้งเราจะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด แต่เมื่อคนในสังคมส่วนใหญ่ทำแบบนั้น เราก็จะทำตามๆ ไป ไม่อยากดูแปลกแยกจากคนอื่น พยายามทำตัวกลมกลืนไปกับทุกคน
จริงๆ แล้วสิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ ที่มักจะต้องการการยอมรับจากคนในสังคม แคร์คนรอบข้าง กลัวการแปลกแยก ซึ่งบางครั้งทำให้เราต้องยอมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพื่อให้สังคมยอมรับ ไม่อยากถูกมองไม่ดีจากคนรอบตัว
จากการคล้อยตามในสังคมที่กล่าวว่า ได้มีนักจิตวิทยาที่ชื่อ Solomon Asch ทำการทดลองเกี่ยวกับอิทธิพลทางสังคม (Social Influence) ไว้ โดยได้รับอิทธิพลจากการโฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) ของฮิตเลอร์ ว่าทำไมคนมากมายถึงคล้อยตามและฟังคำสั่งได้ ซึ่งการทดลองของ Solomon Asch คือการศึกษาการคล้อยตามทางสังคม (Conformity)
โดย Asch ได้ทำการวิจัยจากกลุ่มนักศึกษาชาย แบ่งเป็นกลุ่มที่เป็นหน้าม้า และกลุ่มที่เข้ามาร่วมการทดลองจริงๆ และบอกนักศึกษากลุ่มนั้นว่า เป็นการทดลองเกี่ยวกับการวัดระดับสายตา โดยการให้แต่ละคนเลือกเส้นที่มีความยาวขนาดเท่ากับเส้นตัวอย่าง จากสี่ตัวเลือก ซึ่งคนที่เป็นหน้าม้าจะถูกบรีฟให้ตอบผิดซ้ำๆ ทำการทดลองจำนวน 18 ครั้ง และหน้าม้าก็จะตอบถูกครั้งแรกๆ และตอบผิดซ้ำๆ อยู่อีก 12 ครั้ง เพื่อดูว่า คนที่เข้าร่วมการทดลองจริงๆ จะตอบตามหน้าม้าหรือไม่ โดยให้ยกมือตอบในห้อง ทำให้คนอื่นๆจะเห็นคำตอบของเรา ผลปรากฏว่า ผู้เข้าร่วมการทดลอง ตอบตามหน้าม้า แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นคำตอบที่ผิด ถึง 75% ผู้เข้าร่วมการทดลองจริงๆ แม้จะรู้อยู่ว่าเส้นที่ตัวเองตอบไม่ยาวเท่ากับเส้นตัวอย่าง แต่เมื่อเห็นหน้าม้าตอบผิดซ้ำๆ ก็เกิดความไม่มั่นใจ แล้วคล้อยตามในที่สุด ซึ่งการทดลองนี้ก็แสดงให้เห็นถึงการคล้อยตามทางสังคม เมื่อสิ่งที่เราเห็นกับตาว่าถูก แต่เมื่อคนอื่นๆ ตอบอีกแบบ ทำให้สิ่งที่ผิดกลายเป็นสิ่งที่ถูก เราก็มักจะคล้อยตามไป เพราะกังวลว่าจะแปลกแยก
ในขณะเดียวกัน ในห้องที่มีจำนวนหน้าม้าน้อยกว่าผู้เข้าร่วมการทดลอง เปอร์เซ็นต์การตอบถูกก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การคล้อยตามก็ขึ้นอยู่กับจำนวนคนส่วนใหญ่ แต่การทดลองนี้ก็ยังมีกลุ่มควบคุม โดยการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองทั้งหมด ตอบแบบไม่ต้องเห็นคำตอบกัน ซึ่งผลปรากฏว่า ทุกคนตอบถูก 99% เมื่อไม่จำเป็นจะต้องตอบออกสื่อ ไม่มีใครรับรู้กับคำตอบของเรา คนก็มีแนวโน้มที่จะตอบถูกมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน เมื่องานที่ให้ทำยากขึ้น (ในการทดลองดังกล่าว ใช้เส้นที่มีความยาวใกล้เคียงกันมาก อาจจะแยกด้วยสายตาไม่ออกในทันที มาให้ผู้เข้าร่วมการทดลองตอบคำถาม) คนก็มีแนวโน้มที่จะตอบคล้ายตามคนส่วนใหญ่ (ซึ่งในการทดลองก็คือหน้าม้า) นั่นเอง แต่การทดลองดังกล่าวก็มีข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง ทั้งกลุ่มตัวอย่างที่ไม่หลากหลาย งานที่ไม่แตกต่าง ก็อาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการทดลองได้
จากผลการทดลองของการคล้อยตามทางสังคมก็แสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มักจะคล้อยตามคนในสังคมเพราะต้องการการยอมรับ ไม่กล้าแปลกแยก แม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่เมื่อเรารู้ว่ามันผิด แต่ไม่กล้าลุกขึ้นมาพูด ออกมาส่งเสียง เพียงเพราะเห็นคนอื่นทำ เลยทำตาม จนสามารถทำให้คำตอบที่ผิดก็จะกลายเป็นคำตอบที่ถูกไปได้ ดังนั้นการยืนหยัดในความคิดของตัวเอง ที่ถึงแม้ว่าจะแตกต่างจากคนอื่น หากเรากล้าตอบแปลกแยกหรือแตกต่างจากหน้าม้า ผู้เข้าร่วมคนอื่นๆก็อาจจะกล้าส่งเสียงของตัวเองมากขึ้นด้วยก็ได้
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาโดยเฉพาะในสังคมปัจจุบัน ที่เรามักจะคล้อยตามคนอื่นได้ง่ายๆ ยิ่งในโซเชียลมีเดีย เห็นอะไรที่คนส่วนใหญ่ทำตามกันเยอะๆ เป็นไวรัล แชร์เยอะ ติดเทรนด์ เห็นแบบนี้บางครั้งก็ทำให้เราก็ขาดการไตร่ตรอง ทำตามคนอื่นไป เพราะคิดว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำมันอาจจะถูก หรือถ้าไม่ทำตามแบบนั้นคนอื่นจะมองเราไม่ดี มองว่าเราแปลกแยกก็ได้
เพราะฉะนั้นก่อนจะเชื่อ แชร์ หรือทำตามอะไร อย่าลืมว่าควรพิจารณาไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน ว่าจำเป็นมั้ยมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ จำเป็นต้องทำตาม หรือเปล่า ถ้ารู้แล้วว่าเป็นเรื่องที่ผิดแล้วยังเฮโลทำตามๆ กันไป สังคมส่วนใหญ่ก็สามารถทำให้ผิดเป็นถูกได้ ถ้าเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง ก็ขอให้ยืนหยัดด้วยความมั่นใจ แตกต่างได้ ไม่เห็นด้วยได้ ไม่ใช่เรื่องผิดเลย!
รายการอ้างอิงhttps://www.simplypsychology.org/asch-conformity.htmlhttps://www.verywellmind.com/the-asch-conformity-experimentshttps://www.newworldencyclopedia.org/entry/Solomon_Asch
0 ความคิดเห็น