เขียนนิยายไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย
นี่คือวิถีชีวิตของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่ง เจ้าของนามปากกา “etsuhimawari” ที่แบ่งเวลาจากการเลี้ยงลูกถึง 3 คน แอบแว็บมาแต่งนิยายแนวอาหารเรื่อง “ย้อนเวลามาเป็นเชฟ” จนติดท็อปและมีรายได้จากการขายนิยายออนไลน์อย่างไม่คาดคิด!
เรื่องราวของนักเขียนคุณพ่อลูกสามคนนี้ เริ่มต้นจากการเป็นนักอ่านมาก่อนเหมือนนักเขียนคนอื่นๆ เลย เขาอ่านนิยายแค่ปีละ 200 เล่มเอ๊งง พออ่านเยอะก็อยากแต่งนิยายของตัวเองขึ้นมาบ้าง ตอนเลี้ยงลูกก็เลยแว็บมานั่งแต่งนิยายดู คิดซะว่าเป็นงานอดิเรกคลายเครียด แต่ไปๆ มาๆ ฟีดแบ็กกลับดีเกินคาด ตอนนี้เขียนมาถึงเรื่องที่สองแล้ว แถมยังมีรายได้จากการขายนิยายมาจ่ายค่ากาแฟ ค่าเน็ต ค่าไฟได้อีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าต้องมีหลายๆ คน อยากรู้แน่ๆ ว่าเขาแบ่งเวลาจากการเลี้ยงลูกถึงสามคนมาแต่งนิยายอย่างไร เอาเวลาไปไหนไปสรรหาไอเดียมาเขียนนิยาย แถมยังมีรายได้จากนิยายที่เขียนอีก ว่าแล้ว ก็ไปทำความรู้จักคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวคนนี้ พร้อมแรงบันดาลใจดีๆ จากเขากัน!
“คุณพ่อลูกสาม
ผู้อ่านนิยายปีละเกือบ 200 เล่ม!”
สวัสดีครับ Etsu Himawari ครับ ปัจจุบันอายุ 32 ปี เขียนนิยายเรื่อง หนึ่งธูปสักการะฟ้า และ ย้อนเวลามาเป็นเชฟ ครับ ตอนนี้เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวและทำงานไปด้วยครับ โชคดีที่ทำงานที่บ้าน เลยได้ใช้เวลาอยู่กับลูก ๆ ทั้ง 3 คนครับ
เราเริ่มเขียนนิยายครั้งแรกช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาครับ ปกติแล้วเป็นคนชอบอ่านหนังสือ อ่านหนังสือเฉลี่ยอาทิตย์ละ 2 เล่มเป็นอย่างน้อย เพราะเลี้ยงลูกอยู่บ้าน กิจกรรมที่มีให้ทำเลยน้อยครับ ถ้าไม่ดูหนังก็อ่านหนังสือ พออ่านหนังสือเยอะขึ้น (ปีที่แล้วอ่านไปทั้งหมด 190 เล่ม/ปีก่อนอ่านไป 184 เล่ม) ก็เลยเกิดความรู้สึกอยากเขียนขึ้นมาครับ
นิยายเรื่องแรกที่เขียนลงคือ หนึ่งธูปสักการะฟ้า ครับ เป็นนิยายแนวกำลังภายในย้อนยุค (ไม่มีย้อนเวลา) เขียนด้วยความนึกสนุกของตัวเองที่อยากทำเป็นงานอดิเรกครับ ส่วนผลตอบรับก็เกินความคาดหมายมาก ๆ ครับ มีคนอ่านและผู้ติดตามเยอะกว่าที่คิดเอาไว้มากเลย (ตอนแรกคิดว่าจะไม่มีคนอ่านด้วยซ้ำ)
“ฟีดแบ็กจากนักอ่าน
ทำให้เราอยากเขียนให้ดีขึ้นในทุกวัน”
ไอเดียเราส่วนใหญ่มาจากการอ่านและหนังที่ได้ดูครับ พออ่านแล้วก็อยากเขียน พอได้ดูหนังแล้วก็เกิดไอเดีย
เรื่อง ย้อนเวลามาเป็นเชฟ ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการได้ดูซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง Grand maison Tokyo ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเชฟญี่ปุ่นซึ่งต้องการเปิดร้านอาหารมิชลินสตาร์ 3 ดาวของตัวเองในญี่ปุ่นครับ พอได้ดูก็เกิดความรู้สึกว่าอยากเขียนแนวทำอาหารขึ้นมาเลย บวกกับตอนนั้นอ่านหนังสือแนวย้อนเวลาอย่าง ‘ราชันบัลลังก์เวทย์’ ก็เลยจับแนวคิดย้อนเวลาเข้ามาร่วมด้วยครับ
ทั้ง 2 เรื่องที่เขียนมา เราจะมีพล็อตเอาไว้อยู่แล้วครับ แต่จะไม่ลงรายละเอียดปลีกย่อย เป็นแค่โครงสร้างใหญ่ ๆ ที่วางแผนเอาไว้ ในการเขียนแต่ละตอนก็เลยจะมีการด้นสดหรือปรับเอาไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาแทรกระหว่างเรื่องอยู่ตลอดเวลาครับ ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่ามันสนุกมาก ๆ
ส่วนฟีดแบ็กที่ได้รับก็ค่อนข้างดีเลยครับ คอมเมนต์ของผู้อ่านหลายคอมเมนต์ช่วยให้เราได้แนวคิดในการนำไปใช้เยอะมากครับ โชคดีที่นักอ่านส่วนใหญ่วิจารณ์เพื่อให้เราปรับเปลี่ยนแก้ไข ไม่ด่าไม่หยาบคาย
ฟีดแบ็กของนักอ่านทำให้เราอยากเขียนให้ดีขึ้นในทุกวัน อยากนำเสนอไอเดียแปลกใหม่ให้คนอ่านรู้สึก ว้าว! เหมือนกันครับ แต่ก็มีความกดดันอยู่บ้างตรงที่คนอ่านยิ่งคาดหวังกับเรามากขึ้นครับ
“เขียนนิยายไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย”
ผมจะเขียนนิยายช่วงที่ลูกดูทีวี เล่นเกม หรือนอนกลางวันครับ ก็จะมีเวลาช่วงนั้นเขียนนิยาย อ่านหนังสือ หรือดูหนังครับ (อีกอย่างผมเปิดคอมพิวเตอร์ไว้แทบตลอดทั้งวัน พอคิดอะไรออกก็จะพิมพ์ลงไปครับ) แล้วเราทำงานอยู่บ้านตลอดเวลา เลยมีเวลาในการเขียนเยอะเป็นพิเศษครับ ส่วนใหญ่จะบังคับให้ตัวเองเขียนให้ได้วันละ 1 ตอนเป็นอย่างน้อยครับ
ปกติพอเลี้ยงลูกเราก็จะขยับร่างกายมากกว่า เวลาว่างก็พักสมองจากการอ่านหนังสือหรือดูหนัง เลยไม่ได้ใช้สมองอย่างจริง ๆ จัง ๆ เท่าไหร่ครับ พอได้มาเขียนหนังสือ รู้สึกว่าเราได้เค้นความคิด เค้นจินตนาการออกมามากขึ้น สนุกกับการได้คิดมากขึ้นครับ
แต่เราก็มีช่วงที่รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันครับ เพราะอยากเขียนในสิ่งที่คิดอยู่ในหัว แต่คลังคำศัพท์ในหัวเราน้อยเกินไป เวลาสื่อสารออกมาก็เลยจะค่อนข้างลำบาก เพราะต้องพยายามจับเอาความรู้สึกที่เป็นนามธรรมมาเขียนให้คนอ่านรู้สึกเข้าใจในสิ่งที่เราจะบอกครับ
เราโชคดีที่คนที่บ้านสนับสนุน ติดตาม เข้าไปอ่าน ไปอุดหนุนงานของเราบ้าง ให้กำลังใจกันตลอดครับ บางครั้งก็สั่งอาหาร สั่งกาแฟ มาซัพพอร์ตกันตลอดครับ เขารู้ว่าผมชอบดื่มกาแฟ ก็จะพยายามสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ในทุกวันครับ ผมรู้สึกขอบคุณเขาเสมอ รู้สึกขอบคุณลูก ๆ ที่เป็นแรงผลักดันให้ทำสิ่งนี้ด้วย
“ขายตอนอ่านล่วงหน้า
ช่วยประวิงเวลาเขียนนิยาย และมีรายได้”
ก่อนหน้านี้ได้อ่านบทสัมภาษณ์คุณนักเขียนที่ประกอบอาชีพขับไรเดอร์ แล้วก็คุณแม่บ้าน กับน้องนักเรียนที่เขียนนิยายขายบนเว็บเพื่อหาค่าเทอม ผมเลยเกิดความรู้สึกว่า ถ้าเราเขียนนิยายให้คนอ่านแล้วขายเป็นค่ากาแฟสักเล็กน้อยก็คงจะดีครับ หรือถ้าโชคดีขายได้จริง ๆ ไม่แน่ว่ายังพอช่วยเหลือค่าอินเตอร์เน็ตได้ด้วย ก็เลยตัดสินใจลองขายดูครับ
แล้วเราก็ไปเจอคอมเมนต์ของคนอ่านบอกว่ามีให้อ่านล่วงหน้าไหม อยากอ่านล่วงหน้า ผมเลยดูในฟังชั่นขายนิยายในเว็บ เห็นว่ามีฟังชั่นให้ขายตอนล่วงหน้าก่อนปล่อยให้อ่านฟรี ก็เลยตัดสินใจขายแบบนี้ครับ ตอนที่จะเปิดขายนิยาย ไม่ได้แจ้งนักอ่านนะครับ แต่นักอ่านทราบดีว่าเราลงนิยายถี่และบ่อย แทนที่จะต้องรีบเขียนรีบลง การเปิดขายตอนล่วงหน้าช่วยประวิงเวลาให้เราได้เขียนตอนใหม่ ๆ ไว้ก่อนได้ครับ พอเขียนไปได้หลายตอน เราก็นำมาลงขายล่วงหน้าเอาไว้ มันก็ผ่อนคลายตัวเราเองด้วย จะได้ไม่ต้องเร่งเขียนออกมา ซึ่งนักอ่านก็โอเคกับตรงนี้นะครับ
ตอนนั้นคาดหวังแค่กาแฟ 1 แก้วครับ ถ้าได้กาแฟสักแก้วต่อวันก็พอแล้ว แต่ผลตอบรับดีกว่าที่คิดเอาไว้มากครับ การสนับสนุนและคนที่เข้ามาอ่านก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนแรกที่เขียนผมเห็นในนิยายมีแนวย้อนเวลาหาอดีต แนวแฟนตาซีสนุก ๆ เยอะแยะมากมาย ก็กลัวว่าที่เขียนไปจะซ้ำซากน่าเบื่อ ทำให้คนอ่านไม่อยากอ่าน แต่พอได้เห็นคนติดตามอย่างเหนียวแน่น ส่งข้อความมาหา มาให้กำลังใจ มันก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันใหญ่ที่ช่วยให้ผมพยายามมากขึ้นครับ
รายได้ที่ได้มาเราตั้งใจจะใช้จ่ายกับค่ากาแฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าไฟเป็นหลักครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้รับการสนับสนุน จนสามารถนำรายได้มาช่วยตรงส่วนนี้ได้จริง ๆ ครับ ต้องขอบคุณคุณผู้อ่านทุก ๆ ท่านมากจริง ๆ ที่ให้การสนับสนุน
“ยิ่งรู้ลึกรู้จริง ยิ่งเขียนง่าย”
ตอนนี้ สิ่งที่เราอยากทำให้สำเร็จ คงเป็นการเขียนนิยายทั้ง 2 เรื่องให้จบครับ ด้านความฝันก็คงเป็นการได้ตีพิมพ์หนังสือที่เขียนครับ สำหรับเราการเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกที่เราชื่นชอบครับ การเขียนทำให้รู้สึกว่าเราอยากจะพัฒนาภาษาเขียนที่ใช้ไปเรื่อย ๆ แล้วก็สนุกกับการเจอคำที่ไม่เคยได้ยินหรือได้ใช้ในชีวิตประจำวันมาก่อน มันแปลกใหม่มากเลยครับ
ใครที่อยากเขียนนิยาย เขียนเถอะครับ…มันไม่มีอะไรเสียหายที่จะเขียนและแชร์จินตนาการของเราให้คนอื่น ๆ ได้อ่านกัน ทุกอย่างเหมือนเริ่มต้นจากความว่างเปล่า แล้วค่อย ๆ ก่อขึ้นมาที่ละเล็กละน้อย ถึงคลังศัพท์ในหัวจะน้อยมาก แต่เขียนไปเรื่อย ๆ เราจะอยากเรียนรู้คำใหม่ ๆ เพื่อสื่อให้ตรงกับใจเราเองครับ
แล้วถ้าเราจะเขียนเกี่ยวกับอะไร ก็ให้ศึกษาข้อมูลตรงนั้นให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยิ่งรู้ลึกมากเท่าไหร่ การเขียนก็จะยิ่งง่ายขึ้น แม้ว่าจะเป็นแนวแฟนตาซีเหนือจริง แต่ข้อมูลเชิงลึกที่เรามี เราสามารถบิดมันได้ง่าย ๆ เลยครับ สรุปก็คือยิ่งรู้ลึกรู้จริง ยิ่งเขียนง่ายครับ
อ่านสัมภาษณ์นี้จบ เห็นด้วยกับที่นักเขียนคุณพ่อลูกสามคนนี้บอกเลยว่าถ้าอยากเขียนนิยายก็ลองลงมือเขียนดู คลังศัพท์ในหัวน้อยก็ไม่เป็นไร เขียนไปเรื่อย ๆ เราก็จะอยากเรียนรู้คำใหม่ ๆ ขึ้นมาเอง แล้ววันหนึ่งเราก็จะเจอคำที่เราอยากเขียนออกมา คิดว่าข้อนี้เป็นทริคที่ดีเลยนะ
สำหรับเรื่องราวของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งในวันนี้ ที่เริ่มต้นเขียนนิยายเพราะอ่านนิยายมาเยอะ เราเชื่อว่าเหตุการณ์นี้ต้องเคยเกิดขึ้นกับนักอ่านหลายคน แต่ที่พิเศษก็คือ เขาคนนี้ลงมือเขียนนิยายของตัวเองขึ้นมา แม้ว่าจะยุ่งอยู่กับการเลี้ยงลูกมากแค่ไหน เขาก็จะแบ่งเวลามาแต่งนิยายเสมอ เขาทำหน้าที่เป็นคุณพ่อที่น่ารักของลูกๆ ทั้งสามคน และเป็นนักเขียนของนักอ่านที่ขยันอัปนิยายอย่างสม่ำเสมอด้วย ดูๆ แล้วเขาก็ทำหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องเลยนะคะ ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม แบ่งเวลาได้มีประสิทธิภาพมากๆ
หวังว่าเรื่องราวของคุณพ่อที่เขียนนิยายไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย จะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจดีๆ ให้นักเขียนทุกคนมีกำลังใจในการเขียนนิยายกันนะคะ ^^
เริ่มเขียนนิยายอ่านผลงานนิยายของ “etsuhimawari”
พี่แนนนี่เพน
0 ความคิดเห็น