หลังจากที่ใช้เวลาเกือบ 20 ปี ไปกับการร่ำเรียนหนังสือ อดทนฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ นานามาอย่างยาวนาน และแล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึง…วันที่เราเรียนจบอย่างเป็นทางการ!
ภายใต้ความดีใจหลังจากเรียนจบ บัณฑิตจบใหม่หลายคนอาจจะกำลังเผชิญกับความรู้สึกเคว้งคว้าง เพราะถึงเวลาเริ่มต้นแช็ปเตอร์ใหม่ของชีวิต เป็นพาร์ตของวัยทำงานที่ต้องออกไปเผชิญกับโลกแห่งความจริงแล้ว แต่หลายคนก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และเฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
“ฉันจะทำงานอะไรดี”
“ฉันจะหางานทำได้ภายในปีนี้ไหมนะ”
“ฉันเก่งเรื่องอะไรบ้าง”
หลายคนคิดถึงเรื่องอนาคตมากเกินไปจนนอนไม่หลับ อีกทั้งยังมีความรู้สึกหลากหลายที่วนเวียนเข้ามาไม่หยุดพัก ทั้งเศร้า กดดัน วิตกกังวล สับสน เพราะมองหาทางไปต่อให้กับชีวิตของตัวเองหลังจากเรียนจบไม่ได้ หากน้องๆ คนไหนที่กำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ เราอาจจะกำลังตกอยู่ใน ภาวะ Post-Graduate Blues หรือ ภาวะซึมเศร้าหลังเรียนจบ ก็ได้ค่ะ
Post-Graduate Blues คืออะไร?
Post-Graduate Blues มีอีกชื่อเรียกว่า Post-Graduation Depression โดย ดร.เบอร์นาร์ด ลัสกิน (Bernard Luskin) นักจิตบำบัดชาวอเมริกัน ได้อธิบายเกี่ยวกับภาวะนี้ไว้ว่า มันคืออาการซึมเศร้าและวิตกกังวล ที่สามารถเกิดได้ทั้งก่อนและหลังจากสำเร็จการศึกษา และอาจเกิดภายในไม่กี่เดือนหลังเรียนจบอีกด้วย
จากข้อมูลของ National Alliance on Mental Health พบว่ากว่า 75% ของวัยที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตนั้น มีอายุอยู่ที่ราวๆ 24 ปี หมายความว่า เป็นช่วงวัยที่เพิ่งเรียนจบหมาดๆ หรือเริ่มต้นเข้าสู่วัยทำงานนั่นเอง
นอกจากนี้ ทาง City Mental Health Alliance ได้ทำการสำรวจและพูดคุยกับเหล่าบัณฑิตกว่า 300 คน พบว่า มีบัณฑิตจบใหม่กว่า 49% ที่กำลังเผชิญกับอาการเหล่านี้อยู่
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะ Post-Graduate Blues
1.ต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เนื่องจากในช่วง 3-4 ปีก่อนหน้านี้ เรามีตารางชีวิตที่เกี่ยวกับเรื่องเรียนซะส่วนใหญ่ หรือยังพอมีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อเรียนจบแล้วเราก็ต้องปรับตัวจากนักศึกษาเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่พร้อม
2.ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อดี
คำถามหนึ่งข้อที่ต้องเผชิญจากคนรอบตัว คือ ‘หลังจากเรียนจบจะทำอะไร’ เรียกได้ว่าเป็นคำถามซึ่งไร้คนตอบ เพราะตัวเราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อหลังจากนี้ การที่ไม่รู้ว่าเองจะไปทางไหนต่อเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เด็กจบใหม่บางคนรู้สึกหลงทาง สับสน ไปจนถึงรู้สึกแย่กับตัวเอง
3.เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
บัณฑิตจบใหม่มักจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจากสังคม และคนรอบตัว ที่บีบบังคับให้ต้องรีบหางานให้ได้ภายในไม่กี่เดือน แม้กระทั่งแรงกดดันจากตัวเองที่มักจะเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนในวัยเดียวกัน เพราะในขณะที่เพื่อนได้งานทำกันหมดแล้ว ยังเหลือแค่เราที่ยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อดี
เหล่าบัณฑิตจบใหม่ควรจะรับมือกับ Post-Graduate Blues ยังไง?
อย่างไรก็ตาม หากใครที่กำลังเผชิญอยู่กับภาวะนี้ ขอให้รับรู้ไว้ว่า ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่กำลังต่อสู้กับมัน เพราะยังมีบัณฑิตจบใหม่อีกหลายคนที่อาจตกอยู่ในสภาวะเดียวกันกับเรา
และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้น น้องๆ สามารถป้องกันและรับมือได้ด้วยวิธีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
เพราะการเปรียบเทียบจะทำให้เราเกิดความรู้สึกแย่ และเป็นการด้อยคุณค่าตัวเอง ให้คิดเสมอว่าเราทุกคนต่างมีเงื่อนไขและต้นทุนในชีวิตที่แตกต่างกัน มันอาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ถ้าหากว่าสามารถลดความคิดเรื่องนี้ให้น้อยลง มันก็อาจจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆ ไปได้
2.ให้เวลาช่วยเยียวยาจิตใจ
การเปลี่ยนบทบาทจากนักศึกษาและก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ถือเป็นการเริ่มต้นแช็ปเตอร์ใหม่ของชีวิต และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบหรือกดดันตัวเองจนเกินไป ควรให้เวลาตัวเองได้พักผ่อนและปรับตัว เพื่อให้เราได้ทบทวนความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง พักสมองจากเรื่องน่าปวดหัว ออกไปทำในสิ่งที่อยากทำก็อาจจจะช่วยให้เราได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆ สำหรับการทำงานในอนาคตเพิ่มขึ้นอีกด้วย
3.บอกเล่าความรู้สึกให้ผู้อื่นฟัง
หากใครที่รู้สึกว่ารับมือกับสิ่งที่เจอไม่ไหว ลองบอกเล่าความรู้สึกให้ผู้อื่นฟังอาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน คนที่เราไว้ใจ หรือจิตแพทย์ การระบายความในใจที่เก็บเอาไว้จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น และลดความรู้สึกโดดเดี่ยว หรือความเศร้าลงได้ แต่สำหรับคนที่ไม่สบายใจจะบอกเล่าให้คนอื่นฟัง การเขียนไดอารี่ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยจะให้เราสลัดความรู้สึกแย่ๆ ที่อยู่ภายในใจออกมาได้เหมือนกันค่ะ
Post-Graduate Blues เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นและหายไปได้ เพียงแค่ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องให้เวลาตัวเองได้ปรับตัวไปกับการเปลี่ยนแปลง และมองหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ภาวะนี้มันคือสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมาในใจของเราเอง และเราก็สามารถจัดการกับอาการเหล่านี้ให้หายไปได้ด้วยตัวเราเองเช่นกันค่ะ
0 ความคิดเห็น