‘เกรด’ นั้นสำคัญไฉน รวมให้แล้ว 9 เทคนิค พิชิตเกรดสุดปัง! ฉบับเด็กมัธยม

เกรดเทอมที่แล้วเป็นยังไงบ้าง

สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงนี้วัยรุ่นวัยเรียนก็เปิดเทอมกันแล้ว “ยินดีต้อนรับเข้าสู่เทอมสองอย่างเป็นทางการค่าาา” ถือว่าเป็นเทอมสุดท้ายก่อนเลื่อนระดับชั้นและก่อนจะออกจากรั้วโรงเรียนสำหรับน้องๆ ม.6 อีกด้วย ไหนเทอมที่ผ่านมาเกรดเป็นยังไงกันบ้างเอ่ย มาเล่าให้พี่แป้งฟังได้น้า

สำหรับน้องๆ คนไหนที่เกรดเทอมแรกอาจจะน้อยหรือไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก็ไม่ต้องเศร้าหรือเสียใจไปนะคะ “เดี๋ยวเทอมนี้เอาใหม่” เอ๊ะ! ประโยคคุ้นๆ เหมือนจะพูดแบบนี้ทุกเทอม แต่จะมีสักกี่เทอมเชียวที่ได้เริ่มใหม่จริงๆ?

รวมให้แล้ว 9 เทคนิค พิชิตเกรดสุดปัง! ฉบับเด็กมัธยม
รวมให้แล้ว 9 เทคนิค พิชิตเกรดสุดปัง! ฉบับเด็กมัธยม

ใครที่เทอมแรกหรือเทอมก่อนๆ นู้นน เผลอปล่อยจอยปล่อยใจจนพลาดทำให้เกรดตกไปแล้ว แต่เทอมอยากฮึดสู้ใหม่อย่างจริงจัง เชิญมาทางนี้ได้เลย วันนี้พี่แป้งได้รวบรวมเทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้เกรดของน้องๆ กลับมาดีขึ้นและปังกว่าเดิมมาฝากค่ะ

‘เกรด’ นั้นสำคัญไฉน

การได้มาซึ่ง เกรดที่ดี ต้องอาศัยความพยายาม ความมีวินัย และความรับผิดชอบที่สูงมาก ซึ่งการได้เกรดที่ดีมาครอบครองนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และมันยากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเรายิ่งเรียนสูงขึ้น เพราะเนื้อหาในแต่ละชั้นปีล้วนมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไป และยิ่งสำหรับน้องๆ ม.ปลาย แล้ว เรื่องเกรดเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะมันคือใบเบิกทางที่จะทำให้เราไปต่อในด่านต่อไปได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็คือ 'การสอบเข้ามหาวิทยาลัย' นั่นเองค่ะ

เกรด ถือว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของการคัดเลือกในระบบ TCAS โดยส่วนมากจะใช้เป็น  ‘‘เกณฑ์ขั้นต่ำในการสมัคร’’ โดยแต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีการกำหนดเกณฑ์ที่ต่างกัน ซึ่งน้องๆ จะต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกครั้งนะคะ และถ้าหากน้องๆ มีเกรดไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดก็จะไม่สามารถสมัครได้ค่ะ เพราะเกรดขั้นต่ำนับเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้สมัคร ถ้าเกรดไม่ถึงเกณฑ์ก็เท่ากับว่า คุณสมบัติของน้องไม่ผ่าน และต่อให้ฝืนสมัครไปก็จะถูกปัดตกอยู่ดีค่ะ  

นอกจากนี้ เกรด ยังสามารถบ่งบอกอะไรในตัวเราได้มากกว่าการเป็นเพียงแค่ตัวเลขอีกด้วยค่ะ เกรดที่ดีสามารถสื่อความหมายได้ว่า คนๆ นั้นเป็นคนที่มีความพยายาม ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความรับผิดชอบ จึงสามารถไขว่คว้าเกรดที่ดีมาได้ ดังนั้นความสำคัญที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเลขของเกรด คือ การสะท้อนพฤติกรรมว่าแต่ละคนมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองอยู่ในระดับใดบ้างนั่นเองค่ะ  

รวมให้แล้ว 9 เทคนิค พิชิตเกรดสุดปัง!

ก่อนจะไปดูเทคนิคพิชิตเกรด มาสัญญากันก่อนว่าเทอมนี้จะตั้งใจเอาใหม่จริงๆ (ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวก้อยกัน!) เอาล่ะ…ถ้าสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง

1.คิดในแง่บวกมากขึ้น

เมื่อไม่ได้เกรดตามที่คาดหวังบ่อยครั้ง บางคนอาจรู้สึกหดหู่ อยากยอมแพ้  และโทษตัวเอง หากใครที่กำลังโทษหรือโกรธตัวเองอยู่ อันดับแรกคือ หยุดความคิดเหล่านั้นก่อนเลยค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอดีตที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้แล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องเผชิญกับความผิดพลาดในชีวิต แทนที่จะคิดว่า ‘เราล้มเหลว’ ให้คิดว่า ‘เราทำได้และจะทำให้ดีกว่านี้’ น้องๆ ต้องเริ่มจากการเชื่อว่าตัวเองทำได้ ต่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะไม่เป็นดังหวังอีกครั้ง แต่ถ้าเราตั้งใจและเต็มที่กับมันแล้ว พี่แป้งเชื่อว่าน้องๆ จะรู้สึกภูมิใจและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นแน่นอน

ส่วนใครที่รู้สึกว่าการเรียนเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ เรียนไปก็คงไม่ได้เอาไปใช้อะไร ลองปรับความคิดใหม่ดูนะคะ ลบความคิดแง่ลบออกแล้วมองในแง่บวกมากขึ้น น้องๆ ต้องคิดว่าการเรียนคือสิ่งที่สนุกสนาน ทำให้เราได้เจอความท้าทายหรือความรู้ใหม่ๆ ที่จะติดตัวเราได้ตลอด หรือไม่ก็ลองหาเป้าหมายในอนาคตดูค่ะ มันอาจจะทำให้น้องๆ มองเห็นชัดกว่าเดิมว่าเราเรียนไปเพื่ออะไร

2.หาจุดที่ตัวเองผิดพลาด

ต่อมาให้น้องๆ ทำการสำรวจตัวเองว่าในเทอมที่ผ่านมาเราผิดพลาดจุดไหนบ้าง หรือยังมีจุดไหนที่เราควรจะโฟกัสให้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ระยะเวลาส่งงาน การอ่านหนังสือสอบ เนื้อหาของชิ้นงาน ความตั้งใจในชั้นเรียน ฯลฯ การสำรวจหาจุดที่ตัวเองเคยผิดพลาดไปจะช่วยให้เรารู้จักตัวเอง และสามารถนำเอาข้อผิดพลาดตรงนั้นมาพัฒนาและปรับปรุงตัวเอง

เมื่อรู้ข้อผิดพลาดแล้วก็ลงมือแก้ไขซะ เช่น เทอมก่อนเราคุยกับเพื่อนในชั้นเรียนมากเกินไป ลองเปลี่ยนมาคุยหลังเลิกเรียนแทน ส่วนหัวข้อการพูดคุยเมื่อก่อนเราอาจจะคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยคราวนี้ลองเปลี่ยนมาคุยเรื่องเรียน เอาประเด็นต่างๆ ที่ได้เรียนมาพูดคุยถกเถียง แลกเปลี่ยนความรู้กัน หรือเอามาเล่นเป็นเกมก็จะช่วยให้เรารู้สึกสนุกและจำเนื้อหาได้ดีขึ้นด้วยค่ะ

3.อย่าลืมดูเค้าโครงการสอน

วันแรกของการเปิดเรียนครูจะทำการแจก Course Syllabus หรือเค้าโครงการสอน ที่ประกอบไปด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาในแต่ละเทอม แผนการสอน รวมถึงการวัดผลการเรียน ที่จะบอกว่าเทอมนี้ประกอบไปด้วยคะแนนอะไรบ้าง เช่น จิตพิสัย 10, คะแนนเก็บ 50, กลางภาค 20 และปลายภาค 20  

สำหรับใครที่ครูแจกให้แล้ว แต่ไม่เคยเปิดอ่าน ได้มาแล้วก็ยัดใส่กระเป๋า ปล่อยเบลอไปให้คิดใหม่นะคะ เพราะถ้าน้องๆ เปิดดูรายละเอียดในนั้นจะทำให้เราวางแผนการเรียนได้ง่ายขึ้น แต่ละวิชาจะมีแผนการสอนที่ต่างกันออกไป เมื่อเปิดดูแล้วเราจะได้รู้ว่าวิชานี้เราควรจะโฟกัสสิ่งไหน ระหว่างคะแนนเก็บหรือคะแนนสอบ รวมไปถึงเนื้อหาที่เราจะต้องทำความเข้าใจด้วย

เปิดดูรายละเอียดใน Course Syllabus จะทำให้เราวางแผนการเรียนได้ง่ายขึ้น
เปิดดูรายละเอียดใน Course Syllabus จะทำให้เราวางแผนการเรียนได้ง่ายขึ้น

4.วางแผนและจัดตารางชีวิตในแต่ละวัน

อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ผลการเรียนของน้องๆ ดีขึ้น คือ การวางแผนและจัดตารางชีวิตค่ะ ถ้าเราไม่วางแผนก่อนล่วงหน้าอาจจะทำให้เกิดความสับสนว่าควรจะทำอะไรก่อนหลังดี การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้จริง จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจที่ดีในการเรียน และควรกำหนดปริมาณงานหรือสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันให้เหมาะสมด้วย พร้อมทั้งกำหนดเดดไลน์ของงานแต่ละชิ้นก็จะช่วยให้เราจัดการเวลาได้ดีขึ้นค่ะ ซึ่งการวางแผนและจัดตารางชีวิตจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสมาธิในการเรียนและทำงานภายในเวลาที่กำหนด และช่วยให้งานสำเร็จได้ตามเป้าหมายอีกด้วย

5.ให้ความสนใจในชั้นเรียนมากขึ้น

หากเทอมที่ผ่านมาเราเผลอปล่อยจอยไปบ้าง ถึงเวลาแล้วที่เทอมนี้น้องๆ จะต้องตั้งใจและจดจ่อในชั้นเรียนมากขึ้น ฟังสิ่งที่ครูสอนแทนการพูดคุยกับเพื่อนหรือนั่งเหม่อลอย และพยายามจดตามสิ่งที่ครูสอน แต่! อย่าจดตามทุกตัวอักษรที่อยู่บนกระดาน ให้เราทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นก่อนแล้วค่อยจด เพื่อที่ว่าเวลาเรากลับมาอ่านอีกครั้งจะได้เข้าใจง่ายขึ้น  

และอย่ากลัวที่จะยกมือถามเวลามีข้อสงสัย หากไม่เข้าใจตรงไหนให้ยกมือถามครูทันที เพราะถ้าปล่อยเอาไว้เราอาจจะลืมได้ หรือถ้ายังไม่กล้าถาม ณ ตอนนั้นจริงๆ ให้จดคำถามที่เราสงสัยไว้ พอเลิกเรียนค่อยไปถามครูก็ได้เช่นกันค่ะ  

6.ฝึกจดเลคเชอร์และทำสรุปไว้อ่านก่อนสอบ

ในแต่ละวันน้องๆ ต้องเรียนหลายวิชาม๊าก! ถ้านั่งฟังเฉยๆ โดยที่ไม่จดตามการจำเนื้อทั้งหมดให้ได้คงเป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้นหากเราจดเนื้อหาสำคัญที่ครูสอนไว้ นอกจากจะสามารถเก็บข้อมูลในคาบเรียนได้แล้ว เรายังนำไปใช้อ่านทบทวนก่อนสอบได้อีกด้วย รวมไปถึงตอนอ่านหนังสือก็ควรจดโน้ตสรุปเอาไว้ด้วย เพราะการที่เราจดสรุปด้วยตัวเองจะช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้และจดจำเนื้อหาได้ค่ะ  เทคนิคการจดเลคเชอร์มีหลากหลายรูปแบบมาก น้องๆ สามารถเลือกจดได้ตามความชอบหรือตามสไตล์ของตัวเองได้เลย พี่แป้งแนะนำว่าควรจดเป็นภาษาของตัวเอง เพราะเวลาที่กลับมาอ่านเราจะสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว เช่น  

  • ใช้เทคนิคการจดแบบ Cornell อ่านเพิ่มเติม 
  • ใช้สัญลักษณ์ในการเลคเชอร์ เช่น เครื่องหมายบวก (+) แทนคำว่า และ
  • เลคเชอร์โดยใช้ตัวย่อ เช่น ค. = ความ, กก. = เกี่ยวกับ, ปสก = ประสบการณ์
จดโน้ตตอนอ่านหนังสือจะช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้และจดจำเนื้อหาได้
จดโน้ตตอนอ่านหนังสือจะช่วยให้เราเกิดการเรียนรู้และจดจำเนื้อหาได้

7.คะแนนเก็บต้องเก็บให้ครบ

ใครที่ไม่ชอบทำการบ้านหรือขี้เกียจทำงานส่งครูบอกเลยว่าพลาดมากๆ เพราะงานพวกนี้นี่แหละที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญทำให้เราคว้าเกรด 4 มาอย่างง่ายดาย วิธีการได้มาซึ่งเกรดที่ดีให้น้องๆ ดูอัตราส่วนการตัดเกรดค่ะ เช่น วิชาไหนที่มีอัตราส่วนการตัดเกรด 70:30 คือ คะแนนเก็บ 70 คะแนนสอบ 30 ดังนั้นถึงน้องๆ จะทำข้อสอบได้เต็ม แต่ไม่ส่งการบ้านเลยก็ไม่มีทางที่จะได้เกรดดีแน่นอน แต่บางวิชาก็จะใช้ 30:70 คือ คะแนนเก็บ 30 คะแนนสอบ 70  นั่นหมายความว่า เราอาจจะต้องไปทุ่มอ่านหนังสือสอบเพิ่มเติมเพื่อให้คะแนนสอบออกมาดี แต่คะแนนเก็บก็ยังสำคัญอยู่นะคะ  

การทำการบ้านจะช่วยให้เราได้ฝึกฝนและเข้าใจเนื้อหาที่ได้เรียนมามากขึ้น เวลาทำต้องทำด้วยตัวเอง และทำอย่างตั้งใจ ทำออกมาให้ดี ใส่ใจรายละเอียดต่างๆ อย่าทำเพียงแค่ทำส่งเฉยๆ และที่สำคัญต้องส่งให้ทันตามเวลาที่ครูกำหนดด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้โดนหักคะแนน

8.อ่านให้ครบ อ่านให้เข้าใจ  

ก่อนอื่นน้องๆ ต้องรู้ด้วยว่าแต่ละวิชาจะออกสอบเรื่องไหนบ้าง ซึ่งสามารถดูได้ที่  Course Syllabus ที่ครูแจกมา แต่ถ้าไม่แจกเราก็ถามไปเลยค่ะว่า แนวข้อสอบออกเรื่องอะไรบ้าง หลังจากที่รู้แล้วก็ลิสต์แนวข้อสอบไว้ เพื่อเอามาเช็กว่าเราอ่านเรื่องไหนไปแล้ว อ่านครบตามที่ออกสอบไหม  

ที่สำคัญ! เวลาที่อ่านต้องอ่านให้เข้าใจ ไม่ควรจำอย่างเดียว ถึงบางวิชาจะมีเนื้อหาที่จำเป็นต้องจำจริงๆ แต่อย่าลืมทำความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ ด้วยนะคะว่าแต่ละเรื่องมีที่มาที่ไปยังไง ลองนึกภาพตามสิ่งที่เรากำลังอ่านไปด้วย วิธีนี้จะทำให้เรารู้สึกสนุกและช่วยให้เราจดจำและเข้าใจได้ดีขึ้นกว่าเดิม ต่อให้ครูพลิกแพลงโจทย์ยังไงก็ทำได้แน่นอน

9.หยุดผัดวันประกันพรุ่ง

บางคนพยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานาที่ให้ตัวเองไม่ต้องทำการบ้าน หรือเลื่อนวันออกไปเรื่อยๆ ใครที่ทำแบบนี้อยู่ต้องเปลี่ยนนิสัยแล้วนะคะ เพราะทุกครั้งที่เราเลือกที่จะผัดวันประกันพรุ่ง จำนวนงานก็จะเพิ่มขึ้น หรือเวลาทำงานนั้นน้อยลงจนทำให้ทำงานส่งไม่ทันได้ค่ะ ส่วนเรื่องการอ่านหนังสือสอบ พี่แป้งแนะนำว่าให้น้องๆ เริ่มอ่านเก็บเนื้อหาแต่ละวิชาไว้แต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ต้องมาอ่านหนังสือแบบอัดเนื้อหาทีเดียวในช่วงใกล้สอบ และอย่าลืมจัดลำดับความสำคัญวิชาไหนควรอ่านก่อน-หลังด้วยนะคะ

ก่อนจะทำการบ้านหรืออ่านหนังสืออยากให้น้องๆ ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวันเอาไว้ เมื่อเราทำสำเร็จก็ให้รางวัลตัวเอง เพื่อที่จะได้มีกำลังใจทำสิ่งนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ แถมพอทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เราก็จะมีเวลาว่างมากพอสำหรับการพักผ่อนและทำอะไรอย่างที่เราต้องการได้แบบสบายใจ โดยที่ไม่ต้องมีเรื่องที่กังวลใจอีกด้วย

 

เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับเทคนิคพิชิตเกรดสุดปังที่พี่แป้งนำมาฝากกันในบทความนี้ แม้ว่าระหว่างทางเราอาจจะรู้สึกเหนื่อยหรือท้อไปบ้าง แต่เมื่อเราได้เห็นผลลัพธ์จากความพยายามของตัวเองแล้ว เราก็จะรู้สึกหายเหนื่อยและรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นที่เราสามารถทำได้ พยายามอย่ากดดันตัวเองมาก ถ้าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเครียดให้หยุดและพักก่อน หากิจกรรมที่คลายเครียดทำ พอรู้สึกดีขึ้นค่อยกลับมาลุยต่อ  

 

พี่แป้งเชื่อว่า ถ้าน้องๆ มุ่งมั่น ตั้งใจ  มีวินัย พร้อมทั้งเชื่อว่าตัวเองทำได้ เกรดดีๆ ที่หวังไว้ก็คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่ะ สำหรับน้องๆ คนไหนที่อยากให้พี่แป้งแชร์เทคนิคการเรียนเพิ่มเติมหรือมีเรื่องอะไรที่อยากอ่านก็มาคอมเมนต์พูดคุยกันด้านล่างได้เลยนะคะ พี่แป้งรอตอบน้องๆ อยู่น้า ^^

 

ข้อมูลจาก : https://www.oxford-royale.com/articles/improve-underperforming-gradeshttps://www.sparkadmissions.com/blog/how-to-get-good-grades-in-high-school/รูปภาพจาก : https://www.freepik.com/

 

พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น