จดจำและนำไปใช้! 10 ทริคเรียนดีแบบฉบับวิทยาศาสตร์

เพิ่งเปิดเทอมกันสดๆ ร้อนๆ หลังจากที่ได้พักหายใจหายคอกันไปแล้ว เปิดเทอมใหม่นี้ ถ้าน้องๆ ชาว Dek-D คนไหนอยากอัปเลเวลตัวเองให้เก่งขึ้น อัปเกรดให้ดีขึ้น ลองทำตาม 10 ทริคนี้เลยค่ะ รับรองว่าผลลัพธ์ต้องดี เพราะวิทยาศาสตร์พิสูจน์มาแล้วว่าปัง!

1. ทบทวนบทเรียนภายใน 24 ชั่วโมง จำได้ 80%

มีแนวคิด "curve of forgetting" บอกว่า คนเราจะเก็บและจดจำสิ่งที่เรียนรู้ได้มากถึง 80% ถ้าทบทวนเนื้อหาภายใน 24 ชั่วโมง และหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ แค่ทบทวนบทเรียนนั้นอีกครั้งสั้นๆ ก็จะช่วยให้จดจำข้อมูลเดิมไว้ได้มากถึง 100%  

2. อ่านก่อนนอน สมองจำแม่น

การนอนหลับมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง ตอนตื่นนอนสมองจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และในเวลานอนหลับสมองจะเรียบเรียงและจัดเก็บข้อมูล เพื่อเตรียมหยิบออกไปใช้ในเวลาที่ต้องการ เพราะฉะนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดเก็บ ก่อนนอนประมาณ 2-3 ชั่วโมง จะเป็นเวลาที่เหมาะสมกับการอ่านหนังสือทบทวนบทเรียนที่ดีที่สุด

3. ค่อยๆ อ่านทีละพาร์ท ฉลาดกว่าอ่านรวดเดียว

ถ้าให้เทียบระหว่าง 'การอ่านรวดเดียวจบ' กับ 'ค่อยๆ อ่านไปที่ละพาร์ทสั้นๆ แต่อ่านอย่างสม่ำเสมอ' บอกเลยว่าวิธีหลังจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ามากๆ การค่อยๆ ป้อนความรู้เข้าไปในสมองที่ละนิด แต่ทำบ่อยๆ จะทำให้จดจำได้ดีว่า ใส่ลงไปตู้มเดียวเยอะๆ เพราะอาจทำให้เกิดการ Overlearning สมอง error เพราะข้อมูลเยอะเกินไป

(ภาพจาก pexels.com)
(ภาพจาก pexels.com)

4. รับบทคุณครูท่านหนึ่ง สอนเพื่อนได้ สอนตัวเองด้วย

อ่านทบทวนเองคนเดียวอาจจะยังไม่พอ ถ้าสรุปเนื้อหา เรียบเรียง ถ้าได้รับบทเป็นคุณครูท่านหนึ่งมาอธิบายให้เพื่อนฟังและเพื่อนๆ เข้าใจ นั่นหมายความว่าเราเข้าใจบทเรียนเป็นอย่างดี และวิธีนี้ก็เหมือนเป็นการทบทวนซ้ำ ทำให้เข้าใจและจดจำได้ดีมากขึ้น  

5. อ่านจากกระดาษ จดจำได้นานกว่าจอแท็บเล็ต

นักเรียนในยุค 5G แบบนี้ หลายคนก็มีแท็ปเลต โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเป็นตัวช่วยสำคัญในการเรียน ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้าน ทำรายงาน จดโน้ต หรือแม้กระทั่งอ่านหนังสือ มีแค่อย่างเดียวก็สามารถทำได้ทุกอย่าง สะดวกสุดๆ แต่ก็มีงานวิจัยบอกว่า การอ่านหนังสือที่เป็นกระดาษจริงๆ จะได้ผลดีกว่าอ่านจากหน้าจอ เพราะจะช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับเรื่องที่อ่านมากกว่า และสมองกสามารถจดจำได้ดีกว่าด้วย

6. เปลี่ยนโลเคชั่นอ่านหนังสือบ่อยๆ ช่วยเพิ่มความจำ

การเปลี่ยนสถานที่อ่านหนังสือก็ช่วยเรื่องความจำได้ด้วยนะ อาจจะแค่ย้ายมุมจากโต๊ะหนังสือเดิมๆ ไปมุมอื่นๆ ของบ้าน หรืออาจจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นห้องสมุด คาเฟ่ สวนสาธารณะ การอ่านข้อมูลเดิมๆ ในสถานที่หลากหลายจะช่วยให้ข้อมูลเก็บอยู่ในสมองได้ดีขึ้น

7. ตั้งโจทย์ให้ตัวเอง  

ถ้าอ่านหนังสือจนคิดว่าจำได้แล้ว อีกหนึ่งวิธีเช็กความเข้าใจของตัวเองคือ การทำโจทย์หรือฝึกทำข้อสอบ การทำข้อสอบเก่าๆ ที่มีอยู่แล้วก็ถือว่าปัง แต่ถ้ายังไม่พอ ให้ลองตั้งโจทย์ด้วยตัวเอง เพราะเราจะได้ทบทวนตั้งแต่ตอนคิดโจทย์ ตอนลงมือทำ และตอนเฉลย อ่านขนาดนี้จำไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป  

(ภาพจาก pexels.com)
(ภาพจาก pexels.com)

8. พูดออกมาดังๆ ฟังเสียงตัวเอง

ถ้าการอ่านหนังสือเงียบๆ หรือฟังเสียงของคนอื่น ยังไม่เวิร์ก มีงานวิจัยบอกว่า การอ่านออกเสียงและการได้ฟังเสียงของตัวเอง จะช่วยให้ความทรงจำแข็งแกร่งขึ้น เพราะว่าเสียงของเราที่เราได้ยินนั้น จะถูกบันทึกไว้เป็นความทรงจำได้ชัดเจนมากกว่า

9. ฝึกความจำด้วยการทำ Mind Mapping

ผู้เชี่ยวชาญอธิบายความแตกต่างระหว่าง "คนที่เรียนรู้ช้า" กับ "คนที่เรียนรู้ได้ไว" อยู่ที่การเชื่อมโยงและจัดลำดับความคิด การสรุปเนื้อหาแบบ Mind Mapping จะช่วยให้เห็นภาพรวม และเข้าใจคอนเซปต์ได้ดี และทำให้สมองสามารถบันทึกข้อมูลได้ดีขึ้น

10. ออกกำลังกายให้ร่างกายหลั่งเอเนอร์จี้ก่อนอ่าน

แค่ออกกำลังกายก็เหนื่อยจะแย่ แล้วจะให้มาอ่านหนังสือต่อเนี่ยนะ? ใช่ค่ะ น้องๆ อ่านถูกแล้วมีงานวิจัยบอกว่า หลังจากออกกำลังกายระยะสั้นๆ ประมาณ 20 นาที จะช่วยสูบฉีดออกซิเจน และสารอาหารไปยังสมอง นอกจากนี้การเสียเหงื่อเล็กๆ น้อยๆ จะช่วยให้ตื่นตัว สดชื่นและกระปรี้ประเปร่ามากขึ้น ทำให้สมองเฟรชพร้อมรับความรู้มากขึ้นด้วย

 

อีกหนึ่งทริคเด็ดที่ช่วยเพิ่มพลังสมองให้กระปรี้กระเปร่าพร้อมรับความรู้ให้มากขึ้นก็ คือ ลูกอมตาตื่น “Limitless” จาก SAPPExDek-D   เพราะนอกจากรสชาติเปรี้ยวจี๊ดจากมะนาว ยังอัดแน่นด้วยสารสกัดจากชาเขียวช่วยให้ตื่นตัว มีวิตามินบี 6 และบี 12 ช่วยเสริมสร้างการทำงานตามปกติของสมอง  อมแล้วสดชื่นช่วยให้โฟกัสได้ดี เหมาะกับการอมตอนอ่านหนังสือสุดๆ 

สนใจสั่งซื้อ Limitless  ลูกอมตาตื่น ตัวช่วยอ่านหนังสือได้ที่

 

 ข้อมูลจากhttps://www.thebestcolleges.org/https://www.mydegreeguide.com/how-to-study-tips/https://www.usa.edu/blog/study-techniques/
พี่แพม
พี่แพม - Columnist คอลัมนิสต์สายติ่งเกาหลี นอนน้อยเพราะดูซีรีส์ สาระไม่ค่อยมี หน้าตาดีไปวันๆ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น