สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com ปัจจุบันนี้วัยรุ่นหลายๆ คนกำลังเผชิญอยู่กับโรคซึมเศร้า ซึ่งแน่นอนว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิตซะส่วนใหญ่ เช่น เศร้า ท้อแท้ หงุดหงิดง่าย รู้สึกไร้ค่า หรือปัญหาอื่นที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์และความรู้สึก สำหรับใครที่ไม่ได้มีอาการข้างต้นก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะคะ เพราะว่ายังมีกลุ่มอาการทางร่างกายที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะซึมเศร้าได้ เช่น ปวดหัว ปวดหลัง ปวดท้อง โดยอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบอกว่าเราอาจจะกำลังตกอยู่ใน “ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น” ก็เป็นได้
ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น (Masked Depression) คืออะไร?
คำว่า ‘ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น’ ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงทศวรรษที่ 1970 และ 1980 ซึ่งคำนี้ได้อธิบายถึง ภาวะของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าที่มีอาการทางกายมากกว่าอาการทางจิต ซึ่งอาการทางร่างกายเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยสาเหตุทางชีววิทยา ตามที่สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ได้กล่าวเอาไว้ แต่มันคือภาวะซึมเศร้ารูปแบบพิเศษที่มีลักษณะผิดปกติ นั่นหมายความว่า อาการจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน ซึ่งคำว่า ‘Masked’ ในที่นี้ก็คือ แมสก์หรือหน้ากาก ที่ผู้มีภาวะนี้เลือกที่จะสวมใส่ เพื่อปกปิดอาการทางจิตใจแล้วแสดงออกเป็นความเจ็บปวดทางร่างกายแทน
ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น ต่างจากโรคซึมเศร้าอย่างไร?
เป็นที่ทราบกันดีว่า โรคซึมเศร้า โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นสภาวะที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง กรรมพันธุ์ สภาพแวดล้อม (การเลี้ยงดูของครอบครัว) รวมถึงลักษณะนิสัยที่มองโลกในแง่ลบมากเกินไปก็มีโอกาสพัฒนาความคิดไปสู่โรคซึมเศร้าได้ โดยผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีอาการที่เห็นได้ชัดคือ เศร้า เบื่อหน่าย รู้สึกไร้ค่า หมดความสนใจในสิ่งที่ชอบ ทำอะไรช้าลง ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ซึ่งทำให้คนรอบข้างจะสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
แต่ ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น หรือหน้ากากซ่อนความเศร้า เรียกได้ว่าเป็นภาวะที่ยากต่อการรับรู้เลยล่ะค่ะ เพราะผู้ที่มีภาวะนี้มักจะแสดงอาการออกมาไม่ชัดเจน เลือกที่จะซ่อนความเศร้าเอาไว้ และยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น การไปเรียน ไปทำงาน หรือเข้าสังคม สามารถยิ้มแย้มพูดคุยกับคนรอบข้างราวกับว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่ภายใต้รอยยิ้มนั้นลึกๆ แล้วกลับมีความวิตกกังวล และความเครียดแฝงอยู่ และมักจะแสดงออกว่าเจ็บป่วยทางกายมากกว่าจิตใจ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หายใจไม่อิ่ม ฯลฯ ซึ่งถ้าหากปล่อยไปนานๆ ก็อาจนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้าได้ค่ะ
ทำไมภาวะซึมเศร้าถึงเชื่อมโยงกับความเจ็บปวดทางกาย
บทความจากเว็บไซต์ Healthline เขียนไว้ว่า อาการซึมเศร้าอาจทำให้เกิดอาการทางร่างกาย การรับรู้ และพฤติกรรม ที่นอกเหนือไปจากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้ ซึ่งมีนักวิจัยประมาณการไว้ว่า สองในสามของผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าจะมีอาการเจ็บปวดทางร่างกายเป็นเวลายาวนานและไม่สามารถหาสาเหตุได้ นอกจากนี้ งานวิจัยยังบอกอีกว่า พื้นที่ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ และความเจ็บปวดของร่างกายนั้นถูกรบกวนด้วยภาวะซึมเศร้า และยังเชื่อมโยงกับการผลิตสารเคมีที่เรียกว่า ‘ไซโตไคน์’ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและเจ็บปวดได้ คล้ายกับการที่ภาวะซึมเศร้า และการนอนหลับมีความเชื่อมโยงกันนั่นเองค่ะ
เศร้าแล้วทำไมต้องซ่อน
สาเหตุที่ทำให้ต้องซ่อนความเศร้าอาจมีหลายปัจจัย ได้แก่
- กลัวถูกตัดสินจากคนอื่น : เพราะเมื่อไหร่ที่แสดงความเศร้า หรือร้องไห้ออกมา มักจะกลัวถูกผู้อื่นตัดสินว่า เป็นคนที่อ่อนแอ เรียกร้องความสนใจ หรือถูกเลี้ยงดูมาให้รู้จักกับความอดทน จึงทำให้เลือกเก็บความรู้สึกเอาไว้ และไม่อยากแสดงออกเมื่อรู้สึกเศร้า
- ไม่อยากเป็นภาระ : ผู้ที่มีภาวะนี้บางคนอาจคิดว่า การเป็นซึมเศร้าเท่ากับอ่อนแอ จึงไม่กล้าบอกใครว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ เพราะกลัวจะสร้างภาระและความเป็นห่วงให้กับคนรอบข้าง
- เสพติดความสมบูรณ์แบบ : คนที่เป็น Perfectionist มักจะไม่ยอมรับความรู้สึกเชิงลบ เพราะทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่ดีพอ เมื่อรู้สึกเศร้าจึงเก็บความรู้สึกไว้ไม่แสดงออกมา เพราะรู้สึกว่าความรู้สึกเชิงลบมันจะทำให้ตัวเองมีข้อบกพร่อง
- รู้สึกอาย : หากเปิดเผยว่ามีภาวะซึมเศร้าก็กลัวคนรอบข้างจะมองว่าตัวเองผิดปกติหรือเป็นตัวประหลาด กลัวจะถูกกลั่นแกล้งและล้อเลียน จึงเลือกสร้างเกราะป้องกันปกปิดความเศร้าภายในใจเอาไว้ และแสดงออกว่าตัวเองสบายดี สามารถยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตได้ปกติ
เช็กตัวเองกันหน่อย เราเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นมั้ยนะ?
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว น้องๆ อาจจะเริ่มสงสัยกันแล้วว่า ตัวเองเข้าข่ายเสี่ยงเป็นภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นหรือเปล่านะ? เดี๋ยวเรามาเช็กอาการและพฤติกรรมไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
- หลีกเลี่ยงการพูดถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง มักจะชอบปฏิเสธว่า ตัวเองไม่ได้เศร้า
- แกล้งแสดงออกว่าตัวเองมีความสุข เพื่อให้คนอื่นรู้สึกว่าตัวเองปกติและมีสุขภาพจิตที่ดี
- ย้ำคิดย้ำทำ ทุกอย่างที่ทำต้องไม่มีข้อผิดพลาด และออกมาสมบูรณ์แบบ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ
- มีพฤติกรรม Workaholic ทุ่มเททำงาน หามรุ่งหามค่ำ ไม่ยอมพักผ่อน เพื่อให้ได้ผลงานออกมาดีที่สุด
- หงุดหงิดง่ายอย่างไม่สมเหตุสมผล เมื่อมีเรื่องหรือเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
- มีปัญหาด้านการนอน เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท
- เจ็บปวดตามร่างกายโดยไม่มีสาเหตุ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม
Noted : ในกรณีของอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าบางคนอาจมีอาการทางร่างกายได้เหมือนกันค่ะ แต่จะแสดงออกมาชัดเจนเลยว่า ตัวเองกำลังเศร้าอยู่ ต่างจากผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นที่จะไม่รู้ตัวว่ากำลังเศร้าค่ะ
การรักษาภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น
การรับมือกับภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ซึ่งจะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปตามอาการ ถ้าหากน้องๆ สงสัยว่าตัวเองมีอาการหรือพฤติกรรมที่เข้าข่ายภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นล่ะก็พี่แป้งแนะนำว่า ให้น้องๆ เข้าไปพูดคุยและปรึกษากับจิตแพทย์ เพื่อประเมินอาการเบื้องต้นจะดีที่สุดค่ะ ไม่ควรปล่อยเอาไว้นาน เพราะจริงๆ ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงมาก แต่ในด้านการรักษาอาจจะรักษาได้ยากกว่าผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าทั่วไป เนื่องจากอาการแสดงออกมาไม่ชัดเจนนั่นเองค่ะ
โดยการรักษาผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นส่วนมากจะเป็นการรักษาในเชิงให้ความรู้ การทำจิตบำบัด และการบำบัดรูปแบบอื่น เช่น ศิลปะบำบัด ฝึกสมาธิ รวมถึงการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม เพื่อให้มองเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้น และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเศร้า นอกจากนี้ บางคนอาจจะต้องทานยาต้านอาการซึมเศร้าควบคู่กับการบำบัดไปด้วยค่ะ
How to รับมือคลายความเศร้าด้วยตัวของเราเอง
นอกจากการรักษาทางการแพทย์ที่จะช่วยให้ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นนั้นดีขึ้นแล้ว น้องๆ ยังสามารถปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรม เพื่อคลายความเศร้าภายในใจให้ลดลงได้ด้วยตัวเองเหมือนกันค่ะ จะมีวิธีไหนบ้าง มาดูกัน
1.ร้องไห้บ้างก็ได้ : ยิ่งเรากลั้นน้ำตาไว้มากเท่าไหร่ ความเศร้ามันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น การร้องไห้จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เพราะน้ำตามันได้นำพาความเครียด ความกังวล ความเศร้า ที่อยู่ภายในใจเราออกมาด้วย
2.สายตามันหลอกกันไม่ได้ : ฝืนยิ้มไปก็เท่านั้น แม้ว่าจะพยายามยิ้มแย้มให้ดูสดใส ราวกับไม่มีเรื่องเศร้าใจ แต่บางครั้งแววตามันก็ฟ้องชัดเจนเลยค่ะว่า เรากำลังฝืนอยู่ทำตัวให้เป็นปกติอยู่ และยิ่งถ้าใครที่ทำบ่อยๆ เข้ามันจะทำให้เกิดความเคยชิน จนกลายเป็นว่าเราหลอกตัวเองอยู่เสมอ
3.ผิดพลาดบ้างก็ไม่เป็นไร : ลดความเป็น Perfectionist ลงสักนิด เพื่อให้ชีวิตมีความสุข การที่เรามีข้อผิดพลาดมันไม่ได้หมายความว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตสักหน่อย ให้ท่องไว้เสมอว่า ‘Nobody's perfect’ ไม่สมบูรณ์แบบไม่เป็นไร เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนก็ได้
4.เปิดใจยอมรับว่าเรามีภาวะซึมเศร้า : อาการเจ็บป่วยทางกายและทางใจ เป็นเรื่องที่เราไม่มีทางที่จะหลีกหนีมันได้ เพียงแค่เปิดใจยอมรับ อย่ารู้สึกอายหรือกลัวที่จะบอก เราไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และคงไม่มีอะไรที่จะทำร้ายเรา ได้เท่ากับเราทำตัวของเราเอง
5.บอกคนที่ไว้ใจ ถึงสิ่งกำลังเผชิญอยู่ : ในชีวิตของเราล้วนต้องมีใครสักคนที่เราไว้ใจ และกล้าที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่แล้ว การมีคนที่ไว้ใจคอยรับฟังจะช่วยทำให้เราหาทางออกได้เร็วขึ้น และทำให้เราสามารถเอาชนะกับความเศร้าภายในใจได้
6.เขียนไดอารีเพื่อขจัดความเศร้า : งานวิจัยจากวารสาร Journal of Affective Disorders บอกว่า การเขียนไดอารีสามารถลดอาการซึมเศร้าได้จริง ในช่วงที่ยังไม่กล้าเปิดใจบอกใคร ลองบอกกับไดอารีก่อนได้นะ ระบายความรู้สึกเศร้า หรือสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในใจออกมา เพื่อให้รู้สึกดีขึ้น
ภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้น ฟังดูเหมือนอาการจะไม่รุนแรงมากเท่าไหร่ แต่ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายได้ไม่แพ้ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าเลยนะคะ หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นรู้สึกผิดหวังกับตัวเองมากๆ ก็อาจทำให้เขามีความคิดชั่ววูบอยากจะทำร้ายตัวเอง เพื่อให้หายไปจากโลกใบนี้ เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยเอาไว้นานเด็ดขาด ควรรีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วจะส่งผลดีต่อตัวเองที่สุดค่ะ
ข้อมูลจาก : https://psychcentral.com/depression/what-does-masked-depression-look-like#tipshttps://www.healthline.com/health/depression/masked-depression#mind-body-connectionhttps://www.starfishlabz.com/blog/472-%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2https://www.manarom.com/blog/masked_depression.htmlรูปภาพจาก : https://www.freepik.com/สุดท้ายนี้ หากใครที่กำลังเผชิญอยู่กับภาวะซึมเศร้าซ่อนเร้นก็อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไปนะคะ เราสามารถเอาชนะมันได้ และอย่าลืมว่าบนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะหมด ดังนั้นจงภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น และมีความสุขไปกับมันดีกว่าค่ะ ^^
0 ความคิดเห็น