สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com เมื่อพูดถึงเรื่อง ‘ภาษี’ แล้ว น้องๆ อาจมองว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรายังเรียนไม่จบไม่ต้องรีบร้อนเรียนรู้ก็ได้ ใครที่กำลังคิดแบบนี้อยู่ต้องหยุดเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เพราะภาษีเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม แน่นอนว่าน้องๆ คงจะมีข้อสงสัยกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เงินเดือนเท่าไหร่ต้องยื่นภาษี, ถ้าไม่ยื่นภาษีจะโดนโทษอะไรมั้ย หรือต้องยื่นภาษีเมื่อไหร่ บทความนี้จะพาน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกคน ไปไขข้อสงสัยพร้อมๆ กันค่ะ ถ้าพร้อมก็ลุยเลย!
รู้ก่อนเรียนจบ! “ยื่นภาษี” คืออะไร แล้วทำไมต้องเสียภาษีด้วย?
ทำความรู้จัก ประเภทของ ‘ภาษี’ มีอะไรบ้าง?
ภาษี คือ เงินหรือทรัพย์สินที่รัฐบาล หรือสถาบันที่ปฏิบัติหน้าที่เทียบเท่า เรียกเก็บจากประชาชนที่มี่รายได้ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล เพื่อนำมาใช้ในการบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า โดยภาษีแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ภาษีทางตรง คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บโดยตรงจากผู้ที่มีรายได้ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีจะต้องรับภาระไว้เองทั้งหมด จะให้คนอื่นเสียแทนไม่ได้ ต้องจ่ายเองเท่านั้น ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา, ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน, ภาษีบำรุงท้องที่, ภาษีมรดก และภาษีทรัพย์สินต่าง ๆ
- ภาษีทางอ้อม คือ ภาษีที่รัฐเรียกเก็บรวมไปกับการซื้อสินค้าหรือบริการ ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีสามารถผลักภาระไปให้ผู้อื่นที่เกี่ยวข้องได้ เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีสรรพามิต, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, ภาษีศุลกากร, ภาษีทางการค้า และค่าธรรมเนียมอากรต่าง ๆ
ยื่นภาษี VS เสียภาษี ต่างกันยังไง?
ยื่นภาษี คือ การยื่นแบบแสดงรายการ เพื่อแจ้งรายละเอียดเงินได้และค่าลดหย่อนของเราให้กรมสรรพากรทราบ ส่วนการ เสียภาษี คือ ขั้นตอนหลังจากการยื่นภาษีเรียบร้อยแล้ว โดยระบบจะคำนวณให้ว่าเงินได้สุทธิของเราเกินเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ถ้าเกินเราก็จะต้องเสียภาษีนั่นเองค่ะ
เคยสงสัยกันมั้ย ทำไมเราถึงต้องยื่นและเสียภาษี?
เนื่องจากเป็นข้อกำหนดของกฎหมาย ซึ่งระบุไว้ว่า ผู้ที่มีรายได้ทุกคนต้องยื่นภาษี พูดง่ายๆ ก็คือ เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย รวมถึงผู้ที่ประกอบอาชีพสร้างรายได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น YouTuber, ฟรีแลนซ์, ขายของออนไลน์, เขียนนิยาย, ขาย E-Book ฯลฯ และถึงแม้ว่าเงินได้สุทธิจะไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็ต้องยื่นเหมือนกัน
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานการยื่นทำธุรกรรมต่างๆ ในอนาคตได้ เช่น ใครที่มีแพลนต้องการซื้อบ้าน ซื้อรถ การยื่นภาษีก็ช่วยให้การกู้ยืมสินเชื่อผ่านได้ง่ายขึ้น รวมถึงเป็นการยื่นข้อมูลที่มีประโยชน์ให้กับทางภาครัฐ เพื่อทำการเก็บสถิติผู้ที่มีรายได้ของประเทศ และนำเงินภาษีที่เราจ่ายไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อีกด้วย
รู้หรือไม่? การยื่นภาษีและเสียภาษี ไม่ได้เกี่ยวกับอายุนะ
น้องๆ หลายคนคงคิดว่าต้องยื่นภาษีหรือเสียภาษีก็ต่อเมื่อเรียนจบและมีงานทำแล้วเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเรื่องของภาษีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุเลยค่ะ แต่การยื่นและเสียภาษีเกี่ยวข้องกับรายได้ที่เราได้รับในแต่ละปีต่างหาก ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ และต่อให้รายได้จะมากหรือน้อยทุกคนต่างก็ต้องยื่นภาษีด้วยกันทั้งนั้น ส่วนการเสียภาษีก็ขึ้นอยู่กับว่าเงินได้สุทธิอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหรือไม่
ทำความเข้าใจ ‘เงินได้ กับ เงินได้สุทธิ’ คืออะไร?
ก่อนอื่นพี่แป้งอยากให้น้องๆ ทุกคนทำความรู้จัก และทำความเข้าใจเกี่ยวกับ 2 อย่างนี้ก่อนค่ะ
- เงินได้ คือ รายได้ทั้งหมดที่ได้รับตลอดทั้งปี (12 เดือน) เช่น เงินเดือน โบนัส เงินปันผลต่างๆ เป็นต้น
- เงินได้สุทธิ คือ เงินได้ตลอดทั้งปีที่หักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อนต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วิธีคำนวณหาเงินได้สุทธิ
เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
ตัวอย่าง : นายเด็กดี เป็นพนักงานประจำมีรายได้ทั้งปีรวมกัน 300,000 บาท หักค่าใช้ 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท และมีรายการลดหย่อนภาษีส่วนตัว 60,000 บาท ประกันสังคม 9,000 บาท และไม่มีกองทุนหรือประกันอื่น ๆ
เงินได้สุทธิ = เงินได้ทั้งปี - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน - ค่าประกันสังคม
300,000 - 100,000 - 60,000 - 9,000 = 131,000 บาท
เท่ากับว่า นายเด็กดีจะมีเงินได้สุทธิ 131,000 บาทต่อปี หลังจากนั้นก็นำจำนวนเงินได้สุทธิดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดูว่าต้องเสียภาษีเท่าไหร่
จะรู้ได้ยังไงว่า ต้องเสียภาษีหรือไม่?
ตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ใช้ในการคำนวณภาษีกำหนดว่า บุคคลที่มีเงินได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ต้องยื่นภาษีแต่ไม่ต้องเสียภาษี นั่นหมายความว่า บุคคลที่มีเงินได้สุทธิตั้งแต่ 150,001 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษี แล้วต้องเสียภาษีเท่าไหร่ล่ะ? ตารางนี้มีคำตอบค่ะ
เงินได้สุทธิ (บาท) | อัตราภาษี |
1 - 150,000 | ได้รับการยกเว้น |
150,001 - 300,000 | 5% |
300,001 - 500,000 | 10% |
500,001 - 750,000 | 15% |
750,001 - 1,000,000 | 20% |
1,000,001 - 2,000,000 | 25% |
2,000,001 - 5,000,000 | 30% |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% |
จากตัวอย่างที่ผ่านมา นายเด็กดีมีเงินได้สุทธิอยู่ 131,000 บาท หมายความว่า เขาไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าสมมตินายเด็กดีมีเงินได้สุทธิอยู่ที่ 160,000 บาท เขาต้องเสียภาษี 5% นั่นเองค่ะ
มีรายได้ แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องทำยังไง?
สำหรับน้องๆ ที่มีรายได้จากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ทำงานพาร์ทไทม์, ขายของออนไลน์, อินฟลูเอนเซอร์ ฯลฯ แต่ยังอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ กฎหมายกำหนดให้พ่อแม่ผู้ปกครองมีหน้าที่ยื่นภาษีและเสียภาษีแทนได้ค่ะ แต่จะต้องยื่นภาษีภายในช่วงเวลาที่กำหนด
กำหนดการยื่นภาษี ดูให้ดีระวังพลาด!
โดยปกติแล้วจะมีการยื่นภาษีประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม ของทุกปี สำหรับใครที่ยื่นผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรจะมีการขยายเวลายื่นภาษีไปอีก 8 วัน ซึ่งหมายความว่า สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เมษายน ของทุกปีนั่นเองค่ะ ยกเว้นในกรณีที่มีรายได้ต้องยื่นภาษีครึ่งปีก็จะต้องทำการยื่นภาษีภายในเดือนกันยายนของทุกปีด้วย
ประเภทเงินได้ที่ต้องเสียภาษี มีอะไรบ้าง?
เนื่องจากแต่ละคนประกอบอาชีพและมีเงินได้ที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อความเป็นธรรมทางกฎหมายได้มีการแบ่งลักษณะเงินได้ออกเป็นกลุ่มๆ ตามความเหมาะสม เพื่อกำหนดวิธีคำนวณภาษีให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด โดยแบ่งออกเป็น 8 ประเภท ดังนี้
- เงินได้ประเภทที่ 1 เช่น เงินเดือน, โบนัส, โอที, เบี้ยขยัน
- เงินได้ประเภทที่ 2 เช่น ค่าคอมมิชชั่น, ค่ารีวิวสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย
- เงินได้ประเภทที่ 3 เช่น ค่าลิขสิทธิ์, ค่ากู๊ดวิล, ค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญา
- เงินได้ประเภทที่ 4 เช่น ดอกเบี้ยต่างๆ, เงินปันผล, Cryptocurrency
- เงินได้ประเภทที่ 5 เช่น ค่าเช่าทรัพย์สินทุกประเภท
- เงินได้ประเภทที่ 6 เช่น ค่าวิชาชีพอิสระ ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ, นักกฎหมาย, วิศวกร, สถาปนิก, นักบัญชี และช่างประณีตศิลป์
- เงินได้ประเภทที่ 7 เช่น ค่ารับเหมาก่อสร้าง ทั้งค่าแรงและค่าของ
- เงินได้ประเภทที่ 8 เช่น ขายของออนไลน์, ขายอสังหาริมทรัพย์, ร้านอาหาร
จากเงินได้ 8 ประเภทที่กล่าวไปข้างต้น เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ น้องๆ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ กรมสรรพากร ได้เลยยย
เอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อยื่นภาษี
- ใบทวิ 50 (ออกโดยบริษัทที่เราทำงานอยู่)
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษีของบริษัทที่จ่ายเงิน/ โบนัส/ ค่าคอมมิชชั่น
- เอกสารลดหย่อน เช่น ดอกเบี้ยบ้าน เบี้ยประกัน ใบเสร็จซื้อสินค้า
ยื่นภาษีที่ไหนได้บ้าง?
เราสามารถยื่นภาษีได้ 3 ช่องทาง ดังนี้
- สำนักสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง
- ส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ไปยัง “กองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร”
- ยื่นทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://efiling.rd.go.th/rd-cms/ ของกรมสรรพากร
ถ้าไม่ยื่นภาษีจะมีโทษหรือเปล่า?
การจ่ายเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม ถือเป็นบทลงโทษเกี่ยวกับภาษีอากรอย่างหนึ่งค่ะ และอาจมีโทษทางอาญาด้วย แล้วแต่ความผิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงขั้นไหน ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กรณี ดังนี้
- กรณีไม่จ่ายภาษีภายในกำหนดเวลา ต้องเสียเงินเพิ่มอีก 1.5 % ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย นับตั้งแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันจ่ายภาษี
- กรณีไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการ หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่จ่ายภาษีไม่ครบ นอกจากจะต้องรับผิดจ่ายเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 - 2 เท่าของภาษีที่ต้องจ่าย (แล้วแต่กรณี)
- กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการภายในกำหนด ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
- กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จ หรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน - 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 - 200,000 บาท
- กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าน้องๆ หลายคนคงได้คำตอบคลายความสงสัยกันไปไม่มากก็น้อย ดังนั้น หากตอนนี้น้องๆ คนไหนที่มีรายได้อยู่ก็อย่าลืมยื่นและเสียภาษีให้ครบถ้วนกันด้วยนะคะ และถึงแม้ว่ารายได้จะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษีก็ยื่นไปก่อนค่ะ เพื่อความปลอดภัยจะได้ไม่ถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง
ข้อมูลจาก : https://www.rd.go.th/553.html https://www.itax.in.th/pedia/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99/ https://www.itax.in.th/pedia/%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%97%e0%b8%a9/#rf1-1114 รูปภาพจาก :https://www.freepik.com/
0 ความคิดเห็น