ใครเคยเป็นคนคั่นเวลา รอให้เขาลืมรักครั้งเก่าบ้างมั้ยคะ?
บ่อยครั้งที่หลายคนเร่งรีบหาความสัมพันธ์ครั้งใหม่ทันทีหลังจากที่เลิกรากับคนเก่า โดยที่ไม่ได้คิดทบทวนให้ดีก่อน ทำให้ความสัมพันธ์ครั้งใหม่มักจะจบลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอยากเริ่มต้นใหม่เพียงเพราะว่า ต้องการใครสักคนเข้ามาซ่อมแซมหัวใจที่แตกสลาย แต่ดันลืมคิดไปว่า ความสัมพันธ์ในครั้งนี้อาจทำร้ายความรู้สึกของเขาคนนั้น หรือแม้กระทั่งตัวเอง ซึ่งความสัมพันธ์แบบนี้ ถูกเรียกว่า “Rebound Relationship”
Rebound Relationship คือความสัมพันธ์แบบไหน?
Rebound Relationship คือ ความสัมพันธ์ที่คนคนหนึ่งเริ่มต้นกับคนใหม่โดยที่ยังไม่สามารถลืมแฟนเก่าได้ ถ้าพูดให้ภาพชัดเจนเลยก็คือ เป็นความสัมพันธ์ที่เอาไว้คั่นเวลา หรือเอาคนใหม่เข้ามาแทนที่คนเก่า ทั้งที่คนคนนั้นอาจจะไม่ได้มีความรู้สึกรักให้กับคนใหม่เลยก็ตาม แต่แค่ต้องการใครสักคนเข้ามาช่วยดูแลความเหงา และบรรเทาความเศร้า เพื่อให้มูฟออนจากรักครั้งเก่าได้เร็วๆ หรือเพื่อรอกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าเท่านั้นเอง
ลักษณะของความสัมพันธ์แบบ Rebound Relationship
บ่อยครั้งที่บางคนมักไม่ยอมรับว่า ตัวเองกำลังใช้ความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ เพื่อลืมความเศร้าและฟื้นตัวจากรักครั้งเก่า ดังนั้นเขาอาจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กับคนใหม่ค่ะ หากใครกังวลว่า คนที่กำลังคุยอยู่ด้วย หรือตัวเอง มีแนวโน้มที่จะไม่พร้อมสำหรับความสัมพันธ์ครั้งใหม่นี้ นี่คือสัญญาณเตือนจาก Rebound Relationship ลองเช็กไปพร้อมๆ กันเลย
มุมของคนที่เริ่มความสัมพันธ์ Rebound Relationship
คิดถึงแฟนเก่าตลอดเวลา
เป็นเรื่องปกติที่จะคิดถึงแฟนเก่าหรือความสัมพันธ์ที่เพิ่งเลิกรา แต่ถ้าความคิดถึงเหล่านี้ยังคงเกาะกินหัวใจอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ยังคิดถึง แถมยังเทิดทูนให้แฟนเก่าหรือความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้เป็นความรักในอุดมคติ ซึ่งการคิดถึงแฟนเก่าตลอดเวลามันอาจจะทำให้เราไม่ได้โฟกัส และสนใจความสัมพันในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่แฟร์สำหรับทั้งคู่เอาซะเลยค่ะ
ตามส่องโซเชียลมีเดียของแฟนเก่าอยู่บ่อยๆ
เลิกรากันไปแล้วก็จริง แต่บางครั้งก็ยังอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตเป็นยังไงบ้าง จะสบายดีไหม มีเรื่องทุกข์ใจหรือเปล่า? บ่อยครั้งการส่องก็อาจทำให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างอีกฝ่ายกับตัวเราเองได้ จนอาจทำให้เกิดความทุกข์ยิ่งกว่าเดิม เช่น เขาโพสต์รูปกับแฟนใหม่แถมยังดูมีความสุขดี งั้นโพสต์บ้างดีกว่าฉันเองก็มีความสุขเหมือนกัน เกิดเป็นการประชดประชันขึ้นมา จนทำให้ลืมนึกถึงความสัมพันธ์ในปัจจุบันไป
ยังอยากกลับไปคืนดีแฟนเก่า
เริ่มต้นรักครั้งใหม่แล้วก็จริง แต่ลึกๆ แล้วก็ยังอยากกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าอยู่ ฟังดูแล้วไม่ใช่สัญญาณที่ดีเท่าไหร่เลยค่ะ เพราะตอนนี้เราอยู่ในความสัมพันธ์ครั้งใหม่แล้ว ในกรณีนี้เท่ากับว่าเป็นการนอกใจเลยก็ว่าได้นะ ทางที่ดีก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ควรตัดใจจากความสัมพันธ์ครั้งเก่าให้ได้ก่อน ไม่งั้นความสัมพันธ์ในปัจจุบันจะมีแต่แย่กับแย่แน่นอนค่ะ
มุมของคนที่ถูกดึงมาอยู่ใน Rebound Relationship
เขาดูเหมือนจะเข้าหาเราเร็วเกินไป
เคยถูกเขาเรียกด้วยสรรพนามที่หวานแหววชวนเขินแก้มแดง เช่น ที่รัก, เบ๊บ, บิบิ๋, คนดี ฯลฯ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันได้ไม่นานหรือเปล่าคะ หรือช่วงแรกที่คุยกันเขาดูแลเอาใจใส่อย่างดีจนคิดว่า ยังไงความรักในครั้งนี้ก็ไปกันรอดแน่นอน แต่ในบางครั้งก็รู้สึกว่า ตัวเองเป็นเหมือนผ้าใบเปล่าๆ ที่ให้เขาระบายความรู้สึกลงไป เพราะอยู่ดีๆ เขาก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือซะงั้น
รู้สึกว่าถูกวัดด้วยมาตรฐานที่มองไม่เห็น
เขามักจะพูดถึงเรื่องราว หรือเปรียบเทียบเรากับแฟนเก่าอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งอาจเป็นการเปรียบเทียบทั้งในแง่ที่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจ หรืออาจทำให้สูญเสียความมั่นใจก็ได้ ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ คนเก่าเขาทำไว้ดี นั่นแหละค่ะ ซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามาตรฐานที่คนเก่าเขาทำเอาไว้มันอยู่ในระดับไหน แต่ถ้าเป็นอีกมุมหนึ่งบางคนอาจจะเล่าเรื่องของแฟนเก่าที่เขารู้สึกไม่ชอบ แต่เราทำได้ดีกว่าแทน
ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและช้าในเวลาเดียวกัน
ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ เขาทั้งแสดงความรัก ความเอาใจใส่ที่ดีต่อเราอยู่เสมอ แถมยังใช้เวลาเกือบทุกช่วงเวลาร่วมกันเป็นประจำ แต่ในบางครั้งกลับรู้สึกว่า เราแทบไม่รู้จักเขาเลย ไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นยังไง ไม่รู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร ซึ่งอาจเรียกได้ว่า “เป็นความสนิทสนมจอมปลอม” หรือเป็นเพียงแค่ตัวละครตัวหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้น
เขาไม่ค่อยพูดถึงเรื่องราวของตัวเอง
การถามคำถาม และแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ เพื่อทำความรู้จักนิสัยใจคอ และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่มักจะเกิดขึ้นเมื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ใช่มั้ยคะ แต่ถ้าหากเราสังเกตเห็นว่าเขาไม่ค่อยพูดถึงเรื่องราวของตัวเองมากนัก ส่วนมากเอาแต่ถามเรื่องของเรา หรือพูดถึงแต่ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเลิกราไปล่ะก็…นั่นหมายความว่าเขาอาจมองเราเป็นแค่คนแก้เหงาคั่นเวลาอยู่ก็ได้ค่ะ
ทำไมบางคนถึงรีบเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่
แน่นอนว่าการเลิกรากับคนรัก ไม่ว่าความสัมพันธ์ครั้งนั้นจะจบดีหรือแย่ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดหัวใจอยู่ดี แถมยังเป็นเรื่องยากที่จะสามารถพาตัวเองหลุดพ้นจากจุดนั้นได้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่อาจรู้สึกเหงา สับสน และไม่มั่นคง เลยทำให้บางคนพยายามเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ เพื่อให้ตัวเองลืมและเอาชนะจากความเจ็บปวดเหล่านั้นได้
เกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว แต่สร้างผลกระทบระยะยาวได้
Rebound Relationship มักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1-12 เดือน แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่นานก็อาจสร้างความสับสนทางอารมณ์ได้ เนื่องจากคนที่ตกอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้อาจไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการคืออะไร และยังคงมีความรู้สึกผูกพันกับอดีต คนส่วนใหญ่พบว่าตัวเองอยู่ในความสัมพันธ์รูปแบบนี้โดยไม่รู้ตัว แต่บางคนก็ตั้งใจให้มันเกิดความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้อีกด้วยค่ะ ถึงแม้ Rebound Relationship จะเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวและจบลงไป แต่สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องมีคนที่ได้รับผลกระทบกับความสัมพันธ์ในครั้งนี้อยู่ดี
Rebound Relationship สามารถพัฒนาเป็นความรักที่มั่นคงได้มั้ย?
จากที่เล่ามานั้นดูเหมือนจะเป็นความสัมพันธ์อีกรูปแบบหนึ่งที่ค่อนข้าง Toxic ประมาณนึงเลยใช่มั้ยคะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคู่รักคู่ไหนเลยที่ไม่สามารถก้าวผ่าน Rebound Relationship ไปได้นะคะ คู่ที่สามารถพัฒนาไปเป็นความรักที่มั่นคงก็พอมีอยู่บ้าง แต่ก็จะมีเปอร์เซ็นต์ที่ค่อนข้างน้อยกว่าคู่ที่ไปไม่รอดอยู่ดีค่ะ
ถ้าเผลอตกอยู่ในความสัมพันธ์นี้จะทำยังไงดี?
หากใครพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบ Rebound Relationship อยู่ “มิคาเอลา สไตน์” นักจิตบำบัด แนะนำให้ถามตัวเองว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีสำหรับตัวเราเองหรือเปล่า? ซึ่งมีวิธีการและคำถาม ดังนี้
ฝ่ายที่เริ่มความสัมพันธ์ใหม่หลังจากเลิกราได้ไม่นาน ให้ถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้:
- ฉันกำลังทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ที่ผ่านมา?
- ฉันได้เรียนรู้อะไรบ้างจากความสัมพันธ์ครั้งก่อน?
- ฉันไม่สบายใจที่จะอยู่คนเดียว?
- ฉันกำลังพึ่งพาคนอื่น เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองหรือเปล่า?
ฝ่ายที่ถูกดึงเข้าไปในความสัมพันธ์ ให้ถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้:
- ฉันพึงพอใจในความสัมพันธ์นี้หรือเปล่า?
- เขาคนนี้สามารถสร้างความสัมพันธ์แบบที่ฉันต้องการหรือเปล่า?
- ฉันรู้สึกเหงาในความสัมพันธ์นี้หรือไม่?
- มีบุคคลที่สามในความสัมพันธ์นี้หรือไม่?
หากสำรวจ ถามตัวเอง และได้คำตอบที่แท้จริงแล้วเรียบร้อย ก็อย่าลืมไปพูดคุยและเคลียร์ใจกับอีกฝ่ายให้เข้าใจด้วยนะคะ เพื่อที่ว่าจะได้หาคำตอบให้กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้ด้วยว่า มันควรไปต่อ หรือควรพอแค่นี้ ถ้าต้องการไปต่อก็ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันหาหนทาง เพื่อประคับประคองและพัฒนาความสัมพันธ์ให้มันดียิ่งขึ้น แต่ถ้าต้องการยุติความสัมพันธ์ก็เคลียร์ให้จบ และแยกย้ายกันไปเติบโตค่ะ
ในเรื่องความสัมพันธ์บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ
ชาว Dek-D.com อาจจะเคยได้ยินมาว่า "วิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะใครสักคนที่ยังคงอยู่ในใจ คือการเริ่มต้นกับคนใหม่" ใช่มั้ยคะ? แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการเริ่มต้นรักครั้งใหม่ คือ ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ในครั้งนี้ไปกันรอดจริงๆ เราจะต้องให้เวลาตัวเองได้ตระหนักรู้ถึงสิ่งที่ต้องการจริงๆ และใช้เวลาฟื้นตัวจากความรักครั้งก่อนสักระยะหนึ่ง จึงค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถ้ายังเคลียร์ใจตัวเองไม่ได้ก็อย่าเพิ่งดึงใครเข้ามาในความสัมพันธ์จะดีที่สุดค่ะ เพราะมันคงเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ Healthy เท่าไหร่ มีแต่จะส่งผลเสียต่อใจของอีกฝ่าย หรือแม้แต่ตัวเราเองด้วยซ้ำ
ความสัมพันธ์แบบ Rebound Relationship อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดีเสมอไป หากทั้งสองฝ่าย ย้ำว่า “ทั้งสองฝ่าย” เห็นตรงกันว่า รู้สึกโอเคกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่ผูกมัด หรือความสัมพนธ์ในระยะยาว Rebound Relationship ก็อาจจะเป็นความสัมพันธ์อีกหนึ่งรูปแบบที่ตอบโจทย์ได้ค่ะ แต่ถ้าใครกำลังมองหาคู่ชีวิตระยะยาว หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ความสัมพันธ์นี้อาจไม่เหมาะกับเราค่ะ
ข้อมูลจาก : https://www.stylecraze.com/articles/rebound-relationship/https://www.betterhelp.com/advice/relations/5-signs-youre-in-a-rebound-relationship-and-how-to-bounce-back/https://www.verywellmind.com/what-is-a-rebound-relationship-5207206รูปภาพจาก : https://www.freepik.com/
0 ความคิดเห็น