ไม่รู้จะเอายังไงดี? เลือกไม่ได้? ทำไมการตัดสินใจถึงเป็นเรื่องที่ยากจัง
“แวน” เด็ก TCAS 66 ตัดสินใจว่าอยากเรียนคณะแพทยฯ ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้วางแผนจะเข้าคณะวิศวฯ สาเหตุ คือ คุณยายของแวนป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายตอนแวนเรียนม.6 เทอม 2 แวนได้อยู่ในกระบวนการตัดสินใจเรื่องการรักษาของทีมแพทย์ เห็นตั้งแต่คุณยายยังช่วยเหลือตัวเองได้ จนเป็นผู้ป่วยติดเตียง และจากไปอย่างสงบที่โรงพยาบาล ทำให้เขาประทับใจ อยากเป็นแพทย์ที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น แต่เนื่องจากไม่ได้เตรียมสอบสายวิทย์สุขภาพมาก่อน ทำให้การสอบ admission ปีนี้คะแนนไม่ดีเท่าที่ควร แวนสอบติดคณะเภสัชฯ แต่สิ่งที่อยากเรียนเป็นคณะแพทยฯ ใจจริงเขาอยากซิ่วแบบไม่ต้องเรียนคณะไหนเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าปีหน้าให้เต็มที่ แต่พ่อแม่บอกให้แวนเรียนคณะเภสัชฯ ไปด้วย เพื่อที่อย่างน้อยจะได้มีที่เรียนหากปีหน้าสอบคณะแพทยฯ ไม่ได้ เพราะพ่อแม่รู้นิสัยแวนดีว่าถ้าไม่มีตารางที่แน่ชัด เขาจะเรื่อยเปื่อย เล่นเกม นอน ไปเที่ยว ต่อให้อยู่บ้านอ่านหนังสือก็ไม่ใช่ว่าจะได้อ่าน หรืออาจเปลี่ยนใจไปมาอีก เพราะเรื่องการเลือกปักหมุดคณะที่จะเข้า เขาเปลี่ยนมาหลายรอบ ลองเรียนมาหลายวิชา ขนาด drawing ยังเคยลงเรียนเพราะช่วงนั้นอยากเข้าคณะสถาปัตย์ ส่วนแวนกลับคิดว่าถ้าเข้าปี 1 คณะเภสัชฯ เขาต้องเสียเวลาไปกับการทำกิจกรรมของคณะและไปเข้าเรียนวิชาที่ไม่ได้ใช้สอบ admission หรือถ้าจะดรอปอาจดรอปไม่ได้หรือช้าเกินไปสำหรับการเตรียม TCAS 67 แวนเถียงทะเลาะกับพ่อแม่อยู่หลายวัน จนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการกดยืนยันสิทธิ์ แวนยังไม่ได้กด โอ้ยยย…เอาไงดี
หมอเชื่อว่าเด็ก Admission ปีนี้มีหลายคนที่คะแนนไม่ถึงตามคณะตามที่คาดหวังไว้ ทำให้ลังเลใจในการยืนยันสิทธิ์ ไม่ใช่แค่เรื่องการเรียนที่เราต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ แต่ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทำให้เราต้องมีการตัดสินใจ (Making Decision) มีคนคาดการณ์ว่าใน 1 วัน เราต้องมีการตัดสินใจมากถึง 35,000 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนว่าจะตื่นกี่โมง ตื่นแล้วทำอะไรต่อ อะไรจะทำไม่ทำ กว่าจะเข้านอนอีกรอบ (นึกภาพเป็น Flow Chart) ส่วนใหญ่เราทำไปด้วยความเคยชิน ใช้โหมดการตัดสินสินใจแบบอัตโนมัติ (Automatic) ไม่ต้องคิดมากเป็นไปตามสัญชาตญาณ (Intuition) ซึ่งมาจากการเรียนรู้และประสบการณ์ในอดีตที่สั่งสมมา บางเรื่องก็ต้องคิด เช่น วันนี้จะแต่งชุดไหน ไปกินร้านอะไร มีนัดกับใคร ไปจนถึงบางเรื่องที่เป็นวาระสำคัญต้องตระหนักไตร่ตรองให้ดีในการตัดสินใจเลือก ทุกการตัดสินใจมีผลที่ตามมา ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่ดีหรือแย่ก็ได้ บางเรื่องเราเป็นคนเดียวที่ต้องรับผลหรือหลายคนต้องมาร่วมรับผลที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การตัดสินใจเลือกสอบเข้า
ดังนั้น “ทักษะการตัดสินใจ” (Decision Making Skills) เป็นหนึ่งใน Soft Skills ที่เราต้องฝึก เพราะเป็นทักษะที่จะช่วยให้เราเลือกวิธีการที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดในช่วงเวลานั้น ซึ่งต้องใช้ทักษะหลายอย่างประกอบกัน เช่น การแก้ปัญหา (Problem-solving), การใช้เหตุผล (Reasoning), สัญชาตญาณการเอาตัวรอด (Intuition), การจัดการเวลา (Time management), สร้างสรรค์คิดสิ่งใหม่ (Creativity), ความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence), มีระบบในการทำงาน (Organization)
ตัวอย่างทักษะย่อยที่ต้องมีเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
สัญชาตญาณการเอาตัวรอด (Intuition):
เป็นทักษะที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและจากประสบการณ์ที่เรียนรู้มาในอดีต บางสถานการณ์เราต้องใช้โหมดนี้ เช่น รถกำลังจะชน เราไม่มีเวลามากพอมานั่งติดข้อดีข้อเสียว่าถ้าเราใช้แผน A, B, C…
การจัดการเวลา (Time management):
การตัดสินใจมีกรอบระยะเวลาของมัน และการลงมือจัดการแก้ปัญหาตามที่ตกลงใจไปแล้วต้องมีลำดับขั้นตอน เราต้องทำตามให้ได้ ไม่เลื่อนผัดผ่อน เพราะความผิดพลาดที่เกิดจากจุดหนึ่งจะกระทบเป็นลูกโซ่ให้อีกหลายอย่างพังไปด้วย
มีระบบในการทำงาน (Organization):
เป็นอีกทักษะที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยในการเรียงลำดับความสำคัญของงาน (prioritize) ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง และนำข้อมูลที่กระจัดกระจายมาเชื่อมต่อร้อยเรียงให้เห็นภาพเป็นระบบตั้งแต่ต้นจนจบ การลงมือทำจะได้ง่ายขึ้น
เคล็ดลับการฝึกที่จะช่วยให้มีการตัดสินใจที่ดีขึ้น
1.มีกรอบระยะเวลาในการตัดสินใจ
เรียงลำดับความสำคัญสิ่งที่ต้องจัดการก่อนหลัง และมี deadline ว่าจะตัดสินใจลงมือทำตามทางที่เลือกไว้เมื่อไร เพราะถ้ากรอบระยะเวลาไม่ชัดเจนมีแนวโน้มว่าเราจะเลื่อนผัดผ่อนด้วยหลายเหตุผล เช่น กังวลที่จะรับรู้ความจริง ซึ่งบางเรื่องเป็นเรื่องที่รอไม่ได้ เช่น มีญาติป่วยเป็นโรคร้ายแรง ต้องรีบตัดสินใจว่าจะให้แพทย์รักษาแบบไหน หากเราเป็นคนนอกวงการแพทย์เราต้องหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต/ปรึกษาคนที่มีความรู้ ยิ่งปล่อยเวลาให้ผ่านไปอาการป่วยจะแย่ลง สิ่งสำคัญในการตัดสินใจ คือ ทางเลือกที่ดีที่สุดที่ทำได้ในเวลานั้น (The best possible solution) แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด
2.มีข้อมูลมากพอประกอบการตัดสินใจ:
ข้อมูลมีทั้งที่เป็นข้อเท็จจริงและความเห็น แต่ละคนเลือกเชื่อข้อมูลที่ไม่เหมือนกันด้วยหลายเหตุผล เช่น การมีอคติ (Bias) เลือกเชื่อเพราะเคารพนับถือคนที่ให้ข้อมูลหรือเชื่อตามหลักกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Evidence Base) หลังจากนั้นนำข้อมูลมาตัดสินใจ ประเมินข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก หากเรามีข้อมูลเรามากพอเพื่อนำมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะ ด้วย Critical Thinking จะช่วยให้เรามั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจที่จะเลือกและยอมรับผลลัพธ์ที่ตามมา เพราะว่าเราได้เลือกทางที่ดีที่สุดแล้ว
3.มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจเลือก
เนื่องจากสถานการณ์และชุดข้อมูลต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเราต้องอัพเดต เราสามารถเลือกตัดสินใจอีกอย่างที่ต่างจากตอนแรกได้หากสถานการณ์เปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องผิดที่ไม่ได้ทำตามแผน
4.ถอยตัวเองออกมามองในสายตาบุคคลนอก
เวลาที่เราคลุกวงในมากไป เราจะอินเกินและไม่ได้คิดให้รอบด้าน แต่ถ้าเราลองถอยออกมา ลดการใช้อารมณ์และมีสตินึกรู้ถึงอคติที่อาจเกิดขึ้นได้ คิดแบบคนจากวงนอกที่มองเข้าไป อาจทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ ๆ
5.ฟีดแบคตัวเองและขอความเห็นจากคนอื่น
ในช่วงที่อยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ความคิดเห็นฟีดแบคจากคนอื่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เรามีมุมมองที่หลากหลายได้มากขึ้น แต่ต้องระวังว่าเราขอความเห็นจากคนอื่นมากไปมั้ย ซึ่งแต่ละคนเห็นต่างกัน หากเรามีข้อมูลมากเกิน อาจทำให้สับสนไม่กล้าตัดสินใจได้
6.จัดการอารมณ์ของตัวเองให้ดี
อารมณ์มีผลสำคัญต่อการตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ เช่น โกรธแค้นต้องการเอาชนะ, รื่นเริงมั่นใจมากว่าต้องได้รับผลลัพธ์ตามที่คาดหวังแน่ สำคัญที่เราต้องมีความรู้ตัว (self awareness) ว่าเรากำลังรู้สึกแบบไหนและต้องมีการจัดการที่เหมาะสม เพราะหากปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ทำให้การตัดสินใจเกิดอคติและมีโอกาสผิดพลาดได้สูง
7.คิดทบทวนแต่พอควรอย่าคิดมากไป (Overthinking)
การคิดไตร่ตรองทบทวนสิ่งที่จะตัดสินใจทำเป็นสิ่งดี แต่ถ้าคิด คิด คิด จนได้ข้อสรุปตามกำหนดกรอบเวลาแล้ว ควรจบและเลือกทางนั้น เพราะบางครั้งถ้าคิดวนเวียนซ้ำไปมากลับกลายเป็นว่าจะทำให้เราสงสัยการตัดสินเลือกของตัวเอง จนเลือกไม่ถูก ไม่ได้ลงมือทำเสียที
8.ความผิดพลาดคือการเรียนรู้
เมื่อตัดสินใจทำไปแล้วต้องยอมรับผลที่จะตามมา หากผลลัพธ์ออกมาไม่ดี อย่าโทษตัวเองหรือคนอื่นด้วยอารมณ์ที่ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ ช่วงแรกอาจโกรธ เสียใจ ฟูมฟาย ร้องไห้ได้ แต่ต้องรีบจัดการกับอารมณ์เอาให้ลง แล้วไปโฟกัสเรียนรู้ว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากอะไร และจะมีวิธีการอย่างไรไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีก
9.ดูแลตัวเองให้ดี
เรื่องสามัญที่เรามักลืมมันไป คือ การดูแลตัวเองให้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดในการตัดสินใจ เช่น กินให้อิ่ม นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ เพราะหากสภาพร่างกายอ่อนล้า สมองจะอึน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้
หากน้องเป็น “แวน” น้องจะตัดสินใจอย่างไร ลองแชร์กันดูนะคะ
หมอแมวน้ำเล่าเรื่อง “จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น”
0 ความคิดเห็น