หากพูดถึงโรงเรียนมัธยมปลายสายวิทย์-คณิต ที่เป็นต้นแบบการผลิตนักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยระดับประเทศ เชื่อว่าน้องๆ คงนึกถึงโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT) และกำเนิดวิทย์ (KVIS) ทั้งจากกระแสรายการแข่งขันวิชาการ Genwit อัจฉริยะพันธุ์ใหม่ หรือการแข่งขันโอปิกวิชาการที่มีชื่อนักเรียนของทั้งสองแห่งติดอันดับทุกปี ทำให้ทั้งสองโรงเรียนมีภาพจำเด็กเก่ง ในวันนี้ Dek-D จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับทั้งสองโรงเรียนว่าแต่ละแห่งมีหลักสูตรการเรียนการสอน และความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย!
เปิดรั้วโรงเรียน มหิดลวิทยานุสรณ์ (MWIT)
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (Mahidol Wittayanusorn School) เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย มีรูปแบบเป็นโรงเรียนประจำ เปิดสอนเฉพาะระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) มีฐานะเป็นองค์กรมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2534 ตั้งอยู่ที่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
จุดประสงค์ในการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อสร้างนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ให้แก่ประเทศ และเป็นโรงเรียนที่มีเครือข่ายกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำในประเทศอื่นๆ โดยนักเรียนทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ทุนเรียนฟรีเต็มจำนวน
หลักสูตรการเรียนของ MWIT
โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์มีการพัฒนาหลักสูตรขึ้นเอง เพื่อใช้เป็นการเฉพาะกับนักเรียนของโรงเรียน และมีการปรับปรุงหลักสูตรทุก 3 ปี โดยมีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ จากมหาวิทยาลัยเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาหลักสูตร รวมถึงเป็นผู้สอนให้กับน้องๆ อีกด้วย โดยหลักสูตรโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ พ.ศ. 2566 ประกอบด้วย
- รายวิชาพื้นฐาน (70 หน่วยกิต) เป็นรายวิชาที่มีเนื้อหาครอบคลุมตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ แต่อาจมีเนื้อหาบางส่วนที่มีความเข้มข้นกว่าหลักสูตรแกนกลาง เพื่อให้นักเรียนมีความรอบรู้ และรู้ลึกในสาระการเรียนรู้ต่างๆ
- รายวิชาเพิ่มเติม (16 หน่วยกิต) เป็นวิชาที่มุ่งเน้นให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความถนัดและความสนใจของแต่ละคน โดยแบ่งกลุ่ม รายวิชาเพิ่มเติมเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่ม 1 วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ต้องลงทะเบียนเรียนไม่น้อยกว่า 9 หน่วยกิต
- กลุ่ม 2 สังคมศึกษา ศิลปะ ภาษาศาสตร์ สุขศึกษาและพลศึกษา ต้องลงทะเบียนเรียนไม่น้อยกว่า 5 หน่วยกิต
- และสามารถเลือกรายวิชาจากกลุ่ม 1 หรือกลุ่ม 2 ได้ตามความสนใจ อีก 2 หน่วยกิต หรือผ่านการเข้ารวมฝึกประสบการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ โดยนํามาเทียบโอนผลการเรียนได้ เมื่อผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการวิชาการของโรงเรียน
- กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน (600 ชั่วโมง) มุ่งเน้นการออกแบบกิจกรรมเพื่อสรางพื้นที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้รอบด้านจากการลงมือปฏิบัติจริง ผ่านการเรียนรูตั้งแต่ระดับใกล้ตัวไปจนถึงชุมชนและสังคม เพื่อบ่มเพาะนักเรียนให้มีทักษะที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนามนุษย์ตามแนวคิดทักษะที่จําเป็นในอนาคต
จุดเด่นของ MWIT
- โรงเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำโครงงานวิทยาศาสตร์ หรือวิจัยกับนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจากทั่วประเทศ
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับโรงเรียนเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับสร้างความเป็นเลิศด้านวิชาการตามที่นักเรียนสนใจ
- โรงเรียนมีการพัฒนาหลักสูตรขึ้นเอง โดยผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ เพื่อใช้เป็นการเฉพาะกับนักเรียนของโรงเรียน
- การเรียนการสอนเน้นการปฏิบัติจริงในห้องทดลอง คล้ายกับการเข้าค่าย สอวน.
- มีระบบ ICT ห้องปฏิบัติการ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เปิดให้บริการแก่นักเรียนเพื่อทำงานวิจัยทุกวัน
- ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเทอม ในการเรียนที่นี่ฟรีทั้งหมด พร้อมกับได้รับเงินสนับสนุนค่าอาหารและค่าที่พักในหอพักโรงเรียนด้วย
- แต่ละปีจะเปิดรับนักเรียนที่มีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ปีละ 240 คน
การคัดเลือกนักเรียน MWIT
สำหรับการคัดเลือกนักเรียนที่จะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ในแต่ละปีโรงเรียนจะเลือกเฉพาะเด็กที่มีความเป็นเลิศด้านวิทย์-คณิตจากทั่วประเทศ และรับเข้าเรียนจริงประมาณ 240 คนเท่านั้น และแต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนทั้งหมด 24 คน โดยทางโรงเรียนจัดสนามสอบคัดเลือก 2 รอบ ดังนี้
- รอบแรก สอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ เนื้อหาครอบคลุม สาระการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คัดเลือกจากนักเรียนที่มีคะแนนสูงสุด 600 คน
- รอบสอง สอบวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และความถนัดทางการเรียน คัดเลือกจาก 600 คน ให้เหลือ 240 คน (ไม่นำคะแนนรอบแรกมาคิด)
- มีค่าสมัครสอบคนละ 200 บาท (กรณีที่ผู้สมัครสอบมาจากครอบครัวฐานะยากจน สามารถขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการสมัครสอบได้ โดยต้องส่งหลักฐานรับรองจากผู้อำนวยการโรงเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ว่าผู้สมัครสอบมีฐานะยากจนจริง)
- ปีการศึกษา 2568 เปิดรับสมัคร 1-31 สิงหาคม 2567
คุณสมบัติผู้สมัคร
- กำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
- มีผลการเรียน ดังนี้
- คะแนนเฉลี่ยสะสมรวมทุกรายวิชา ในชั้น ม.1 และ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- คะแนนเฉลี่ยสะสมกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในชั้น ม.1 และ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- คะแนนเฉลี่ยสะสมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ในชั้น ม.1 และ ม.2 ไม่ต่ำกว่า 3.00
- มีสัญชาติไทยและมีเลขประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และการพักในห้องพักของโรงเรียน
- สามารถพักอยู่ในโรงเรียนในลักษณะโรงเรียนประจำได้ และยินดีปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนในปัจจุบันหรือที่มีการกำหนดในอนาคต
ตัวอย่างศิษย์เก่าจาก MWIT
- นายปพณ ละเภท นักเรียนเก่า รุ่น 28 ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ ณ Massachusetts Institute of Technology (MIT) สหรัฐอเมริกา
- นางสาวขวัญลดา ศรีจอมขวัญ นักเรียนเก่า รุ่น 27 กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี ในรูปแบบ Double Major สาขา Cognitive Science และ Writing Seminars และศึกษาวิชาโทด้าน Linguistics ที่ Johns Hopkins University
เปิดรั้วโรงเรียนกำเนิดวิทย์ (KVIS)
โรงเรียนกำเนิดวิทย์ (Kamnoetvidya Science Academy) เป็นโรงเรียนที่เน้นความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ในรูปแบบโรงเรียนประจำ เปิดสอนเฉพาะระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-6) ก่อตั้งโดย กลุ่มปตท. เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558 ตั้งอยู่ที่อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างนักวิจัย และนวัตกรมาขับเคลื่อนประเทศ สู่เวทีระดับนานาชาติ โดยนักเรียนทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้ทุนเรียนฟรีเต็มจำนวนตลอด 3 ปีที่เรียน โดยไม่มีข้อผูกมัด และไม่ต้องใช้ทุนคืน
หลักสูตรของ KVIS
โรงเรียนกำเนิดวิทย์ยึดหลักสูตรแกนกลางจากกระทรวงศึกษาธิการ แต่น้องๆ จะไม่ได้เรียนแค่วิชาวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์เท่านั้น ด้านภาษา ศิลปะ สังคม ฯลฯ ตามหลักสูตรแกนกลางก็ยังได้เรียนเหมือนกับโรงเรียนทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างคือโรงเรียนกำเนิดวิทย์เพิ่มความเข้มข้นของวิชาเรียน ด้วยการนำจุดเด่นของรูปแบบการจัดการเรียนการสอนจากต่างประเทศเข้ามาใช้ร่วมด้วย โดยโรงเรียนมีการออกแบบหลักสูตรแบบ “วัดตัวตัด” หรือ Customized curriculum ที่ช่วยให้นักเรียนมีความถนัดเฉพาะด้าน และพัฒนาความรู้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ หลักสูตรจึงแบ่งเป็น 2 ระดับ คือ ระดับพื้นฐานและขั้นสูง ในชั้น ม. 4 เทอม 1 ทุกคนจะได้เรียนพื้นฐานทั่วไปเหมือนกันทั้งหมด เพื่อค้นหาว่าแต่ละคนชอบด้านไหนเป็นพิเศษ เมื่อขึ้น ม.4 เทอม 2 จนจบ ม.6 ก็จะได้เรียนด้านนั้นๆ ที่เป็นขั้นสูงเฉพาะทางมากขึ้น
เช่น กลุ่มวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา จะมีการแยกออกเป็นระดับปกติ (Basic) ที่สอนเนื้อหาขั้นพื้นฐาน ซึ่งหากนักเรียนอยากรู้เนื้อหาที่ลึกลงกว่านี้ก็สามารถลงเรียนระดับเข้มข้น (Advance) ได้ ซึ่งจะมีเนื้อหาในระดับเดียวกับหลักสูตร AP (Advanced Placement) ของสหรัฐอเมริกา และ A-Level ของประเทศอังกฤษ ถือเป็นหลักสูตรวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา แต่มีความเข้มข้นของเนื้อหาเทียบเท่าระดับมหาวิทยาลัยเลยค่ะ
นักเรียนต้องเรียนรายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมจำนวนไม่น้อยกว่า 86.5 หน่วยกิต แบ่งเป็น รายวิชาพื้นฐานจำนวน 41 หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติมจำนวนไม่น้อยกว่า 45.5 หน่วยกิต
จุดเด่นของ KVIS
- ใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนการสอนทุกรายวิชา (ยกเว้นภาษาไทย) ก่อนจบการศึกษา นักเรียนต้องสอบ TOEFL IBT ได้ไม่ต่ำกว่า 60 คะแนน กรณีที่สอบไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ นักเรียนต้องเข้าค่ายฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษเพิ่มเติมที่โรงเรียนจัดให้
- นักเรียนทุกคนต้องทำวิจัย และนำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษ ในที่ประชุมวิชาการ
- จัดให้มีเครือข่ายความร่วมมือทางด้านวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศ ส่งเสริมนักเรียนไปนำเสนอผลงานแข่งขัน และเข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการในระดับนานาชาติ
- มีคลินิกวิชาการ โดยมีครูสาขาวิชาต่างๆ มาให้คำปรึกษาด้านวิชาการ และจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน กิจกรรมเสริมทักษะ ดนตรี กีฬา นันทนาการ กิจกรรมชุมนุม ให้นักเรียนได้เข้าร่วมตามสนใจ
- มีระบบ ICT ห้องปฏิบัติการ ด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เปิดให้บริการแก่นักเรียน เพื่อทำงานวิจัยทุกวัน
- นักเรียนทุกคนได้ทุนเรียนฟรีเต็มจำนวนตลอด 3 ปีที่เรียน โดยไม่มีข้อผูกมัด และไม่ต้องใช้ทุนคืน
- แต่ละปีจะเปิดรับนักเรียนที่มีความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ปีละ 72 คน
การคัดเลือกนักเรียน KVIS
สำหรับการคัดเลือกนักเรียนที่จะเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ ในแต่ละปีโรงเรียนจะเลือกเฉพาะเด็กที่มีความเป็นเลิศด้านวิทย์-คณิต และรับเข้าเรียนจริงประมาณ 72 คนเท่านั้น และแต่ละห้องเรียนจะมีนักเรียนทั้งหมด 18 คน โดยทางโรงเรียนจัดสนามสอบคัดเลือก 2 รอบ ดังนี้
- รอบแรก สอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาวิทยาศาสตร์ เนื้อหาครอบคลุม สาระการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนต้น คัดเลือกจากนักเรียนที่มีคะแนนสูงสุด 300 คน
- รอบสอง พิจารณาจากเอกสารแนะนำตัว, Portfolio ดูผลงานและกิจกรรมเด่นที่เคยทำในระดับชั้น ม.ต้น และสัมภาษณ์ โดยคัดเลือกจาก 300 คน ให้เหลือ 72 คน (ไม่นำคะแนนรอบแรกมาคิด)
- หมายเหตุ ในจำนวนนี้จะคัดเลือกจากผู้สมัครทุกจังหวัดจำนวน 66 คน และให้โควตาสำหรับนักเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด จำนวน 6 คน (ระยอง 3 คน, จันทบุรี 1 คน, ชลบุรี 1 คน และฉะเชิงเทรา 1 คน)
- ไม่มีค่าสมัครสอบ
- ปีการศึกษา 2568 เปิดรับสมัคร ประมาณเดือนกันยายน 2567
คุณสมบัติผู้สมัคร
- กำลังศึกษาอยู่ในชั้น ม.3 หรือเทียบเท่า
- มีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
- มีผลการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้น ม.1 และ 2 เฉลี่ยตั้งแต่ 3.50 ขึ้นไป และมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมรวมทุกรายวิชาตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไป หรือ
- ผ่านการคัดเลือกรอบแรก โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.4-6 หรือ
- ได้รับรางวัลการแข่งขันด้านคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ระดับชาติหรือระดับนานาชาติ ระหว่าง ป.4-ม.3
- มีสัญชาติไทยและมีเลขประจำตัวประชาชน
- ไม่เป็นโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษา และการพักในห้องพักของโรงเรียน
- สามารถพักอยู่ในโรงเรียนในลักษณะโรงเรียนประจำได้ และยินดีปฏิบัติตามระเบียบของโรงเรียนในปัจจุบันหรือที่มีการกำหนดในอนาคต
ตัวอย่างศิษย์เก่าจาก KVIS
- นายณัฐกันต์ แสงนิล นักเรียนรุ่นที่ 5 ผู้แทนประเทศไทยโอลิมปิกวิชาการ วิชาฟิสิกส์ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สาขา Computer Engineering ณ Nanyang Technological University (NTU) สาธารณรัฐสิงคโปร์
- นายภาธร อัมมวรรธน์ นักเรียนรุ่นที่ 5 ผู้แทนประเทศไทยโอลิมปิกวิชาการ วิชาฟิสิกส์ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สาขา Electrical Engineering ณ California Institute of Technology (CalTech) สหรัฐอเมริกา
- นางสาวอภิชญา ตั้งวงศ์กิจศิริ นักเรียนรุ่นที่ 3 ผู้แทนประเทศไทยโอลิมปิกวิชาการ วิชาเคมี ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- นายกฤติธี รัชชนันท์ นักเรียนรุ่นที่ 5 ผู้แทนประเทศไทยโอลิมปิกวิชาการ วิชาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 2 โรงเรียนที่รวมเด็กเก่งวิทย์-คณิตของประเทศไทย ที่พี่แป้งนำมาฝากกันในวันนี้ เรียกได้ว่าหลักสูตรของแต่ละแห่งมีครบทั้งด้านวิชาการที่เข้มข้นเจาะลึกทุกสาขา กิจกรรมส่งเสริมทักษะชีวิต บุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ อุปกรณ์ที่แสนครบครัน รวมถึงวิธีการรับสมัครก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
สำหรับน้องๆ คนไหนที่สนใจอยากลองศึกษาข้อมูลของแต่ละโรงเรียนเพิ่มเติมก็สามารถคลิกลิงก์เว็บไซต์โรงเรียนที่พี่แป้งแปะเอาไว้ เพื่ออ่านรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้เลยนะคะ
1 ความคิดเห็น
ถ้าทุกโรงเรียนในประเทศไทยปรับเปลี่ยนจำนวนนักเรียนแต่ละห้องเรียน
ไม่ว่าจะเป็นอนุบาล ประถม มัธยม ปวช. และปวส.
ให้เหลือ 10-20 คนและ 20-30 คนได้แบบสองโรงเรียนนี้ก็จะดีมาก
เพราะหลายครอบครัวที่มีควรจะมีความพร้อมจะมีลูกยังไม่อยากจะมีลูกเลยค่ะ
ส่วนครอบครัวที่จำเป็นต้องมีไม่รู้ว่าลูกหลานของตัวเองต้องไปเจออะไรบ้าง