เพราะโลกนี้คือละคร 3 2 1 แอคชั่น
หลาย ๆ คนอาจจะเห็นการล้อเลียนหรือ parody บทละคร อย่างในละครเรื่องดุจอัปสร ที่นางเอก หรือ ฟ้า ชอบหันมาพูดกับตัวเองเหมือนอยู่ในโลกจินตนาการ เพราะต้องรับมือกับแม่ที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ หรือการต่อบทขำ ๆ ในแอปพลิเคชั่นชื่อดังอย่าง TikTok ที่กำลังจะโดนแม่ด่า จึงแกล้งสวมบทเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง แล้วบอกว่า "กูไม่ใช่เปรม"
ชีวิตของมนุษย์เราต่างก็ต้องเคยพบเจอกับปัญหา ความเศร้า ความผิดหวัง ความท้อแท้ แต่ละคนมีวิธีการรับมือไม่เหมือนกัน วิธีแต่ละวิธีที่ใช้ก็จะช่วยลดความรู้สึกแย่ ๆ ของเราให้ลดลง หรือในบางครั้งก็เป็นกลวิธีที่ใช้ปกป้องตัวเอง หรือเรียกว่า กลไกการป้องกันตัวเอง (Defense Mechanism) หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง
จริง ๆ แล้ว แนวคิดกลไกการป้องกันตัวเอง เป็นแนวคิดของ Sigmund Freud นักจิตวิเคราะห์ชื่อดังที่หลายคนอาจจะคุ้นหูมาบ้าง กลไกการป้องกันตัวเองเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาความเครียด ปัญหาได้เพียงชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้แก้ที่สาเหตุจริง ๆ แต่ในบางครั้งมันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เรารับมือกับปัญหาและผ่านไปได้ในแต่ละวัน
มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะใช้กลไกเหล่านี้ แต่เมื่อใดก็ตามที่กลายเป็นการหลอกตัวเอง หรือไม่รับรู้ความเป็นจริง นั่นแปลว่ากลไกเหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเราแทนที่จะป้องกันเรา
ตัวอย่างกลไกการป้องกันตนเองที่อาจจะพบได้ในชีวิตประจำวัน
- การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง (Rationalization)
- การโทษคนอื่น (Projection)
- การเก็บกด (Repression)
- การไม่ยอมรับความจริง (Denial of Reality)
- การหลีกหนี และการถอนตัว (Escape and Withdrawal)
- การสร้างวิมาน หรือ ฝันกลางวัน (Fantasy or Daydreaming)
การสร้างวิมาน หรือ ฝันกลางวัน
(Fantasy or Daydreaming)
วันนี้เราก็จะมาพูดถึง การจินตนาการเรื่องราวขึ้นมาในหัวของเรา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากความเป็นจริงการฝันกลางวัน หรือ การมีจินตนาการ เป็นกลไกการป้องกันตัวเองประเภทหนึ่ง ที่ใช้ในการหลีกหนีจากความเป็นจริง โดยการสร้างโลกหรือสถานการณ์ในจินตนาการ กลไกนี้ช่วยให้คนหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหาในชีวิตจริง ความเครียด หรือความรู้สึกที่ไม่สบายใจ โดยการถอยหนีไปสู่โลกที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง
ลักษณะของกลไกการป้องกันตนเองชนิดการฝันกลางวัน
1. การหลีกหนีจากความจริง
นับเป็นวิธีการหลีกหนีทางจิตใจจากสถานการณ์ที่เครียด น่าเบื่อ หรือไม่น่าพึงพอใจ เช่น ไม่อยากเรียนหนังสือ ในขณะที่กำลังเรียนอยู่อาจจะนึกภาพถึงตัวเองวันสอบเสร็จ ได้ไปเที่ยว
2. การเติมเต็มความปรารถนา
ในบางครั้งก็นับเป็นการเติมเต็มความปรารถนาหรือความต้องการที่ยังไม่สมหวัง ทำให้คนได้สัมผัสกับสถานการณ์ที่พวกเขาปรารถนาแต่ไม่สามารถมีได้ในความเป็นจริง
3. การรู้สึกดีขึ้นในชั่วคราว
การจินตนาการบางครั้งสามารถช่วยบรรเทาความเครียดหรือความไม่สบายใจได้ชั่วคราว แต่มันไม่ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น หากเรามัวแต่ติดอยู่กับโลกในจินตนาการเกินไป จนทำให้ชีวืตจริงของเราแย่กว่าเดิม ถ้าหากว่าเราไม่แก้ปัญหานั้น ๆ
เพื่อที่จะเห็นภาพมากขึ้น พี่จะลองยกตัวอย่างเพิ่มเติมนะคะ
ในภาพยนตร์เรื่อง "Inside Out" เราจะเห็นว่าตัวละคร "Bing Bong" ซึ่งเป็นเพื่อนในจินตนาการของไรลีย์ ตัวเอกของเรื่อง เป็นส่วนหนึ่งของโลกจินตนาการที่เธอสร้างขึ้นในวัยเด็ก ซึ่งเป็นตัวอย่างของการใช้จินตนาการเพื่อหลีกหนีจากความเป็นจริงที่ไม่พึงพอใจหรือความรู้สึกที่ยากจะเผชิญ
หรือการ์ตูนซินเดอเรลล่า ที่มีนางฟ้าแม่ทูนหัวพาซินเดอเรลล่าออกไปจากแม่เลี้ยงใจร้าย และได้เจอเจ้าชาย
หรือล่าสุด ละครชุดดวงใจเทวพรหม นางเอกของเรื่อง ดุจอัปสร จินตนาการและเล่นละคร ราวกับว่าชีวิตของเธอคือบทละครฉากหนึ่ง เมื่อถูกสั่งคัท เรื่องราวที่โหดร้ายเหล่านั้นจะสิ้นสุดลง และทุกคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม
ชีวิตจริงก็เหมือนละคร แค่รอว่าเมื่อไรเราจะถูกสั่งคัทเท่านั้นเอง
แต่อย่างไรก็ตาม การจินตนาการเหล่านี้ อาจจะถูกมองว่าเป็นการหลอกตัวเอง ฝันลม ๆ แล้ง ๆ หรือไม่ยอมรับความจริง แต่ในเมื่อความจริงมันโหดร้ายเกินไป การที่หนีมาพักพิงอยู่ในจินตนาการของเราบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ เมื่อรู้สึกดีขึ้นก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตจริงได้นั่นเอง
ข้อมูลจากกลไกการป้องกันตนเอง - Defense Mechanisms[:] - คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (chula.ac.th)Maladaptive Daydreaming: What It Is, Symptoms & Treatment (clevelandclinic.org)ดังนั้นแล้วแม้ว่าการฝันกลางวันและการจินตนาการสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการรับมือกับปัญหาได้ แต่ควรรักษาความสมดุลและไม่ให้กลไกเหล่านี้บิดเบือนหรือทำให้การรับรู้ความจริงของเราผิดเพี้ยนไปนั่นเอง
0 ความคิดเห็น