เครดิตบูโรคืออะไร ทำไมหลายคนกลัว?
ตามที่มีข่าวเรื่อง กยศ. ใกล้ล้มละลาย เงิน กยศ. ไม่เข้า กู้ยากขึ้น ลูกหนี้เก่าไม่ใช้หนี้คืน ซึ่งข้อเท็จจริงของข่าวนี้ ตามที่รายการ The Resources วิจัยใกล้ตัว ช่อง Thai PBS สรุปสาเหตุไว้ คือ
- กยศ. กำลังเจอวิกฤตสภาพคล่อง เนื่องมาจากเงินสดลดลง และคนยังไม่ใช้หนี้คืนจำนวนมาก
- กยศ. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากเดิม เนื่องมาจากการแก้กฎหมาย ทำให้ต้องจ่ายเงินชดเชยให้คนที่จ่ายเกินมาแล้ว
- กยศ. มีการขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม 19,000 ล้านบาท แต่ได้รับสนับสนุนมาเพียง 4,573 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอ
โดยสาเหตุสำคัญคือ การที่ผู้กู้เงินยังค้างชำระหนี้เป็นจำนวนมาก ทำให้ กยศ. ขาดสภาพคล่อง โดยพี่จูนได้นำประเด็นนี้ไปสำรวจความเห็นเพื่อนๆ ในทั้งสองแพลตฟอร์มคือ Facebook และ X ว่า มีวิธีแก้ปัญหาคนไม่ชำระหนี้ กยศ. เงินไม่พอสำหรับผู้กู้รายใหม่ อย่างไรดี ?
ผลสำรวจออกมาในทิศทางเดียวกันคือ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการบังคับชำระหนี้โดยนำ กยศ. เข้าเครดิตบูโร แล้วเครดิตบูโรคืออะไรกันนะ ทำไมหลายคนจึงคิดว่าวิธีนี้ได้ผล วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักเครดิตบูโรเพิ่มเติมกันค่ะ
สรุปผลโหวตวิธีแก้ปัญหาคนไม่ชำระหนี้ กยศ.
อันดับ 1 บังคับชำระหนี้โดยนำ กยศ. เข้าเครดิตบูโร
อันดับ 2 ตัดเงินเดือนเพื่อชำระหนี้มากขึ้น
อันดับ 3 ขอให้รัฐสนับสนุนงบประมาณเพิ่ม
ผลสำรวจจาก X (ทวิตเตอร์) @webdekd
อันดับ 1 บังคับชำระหนี้โดยนำ กยศ. เข้าเครดิตบูโร
อันดับ 2 ขอให้รัฐสนับสนุนงบประมาณเพิ่ม
อันดับ 3 ตัดเงินเดือนเพื่อชำระหนี้มากขึ้น
เครดิตบูโร คืออะไร?
เครดิตบูโร (Credit Bureau) หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด คือสถาบันที่รวบรวมข้อมูลบัญชีสินเชื่อ รวมทั้งประวัติการชำระหนี้และสินเชื่อทุกประเภทที่เคยได้รับอนุมัติจากสถาบันการเงิน ซึ่งข้อมูลเครดิตนี้ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
1. ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตัวตนลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานภาพการสมรส อาชีพ เลขที่บัตรประชาชน และกรณีที่เป็นนิติบุคคล จะเป็น ชื่อ สถานที่ตั้ง เลขที่ทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น
2. ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ และประวัติการชำระสินเชื่อ ประวัติการชำระราคาสินค้าหรือบริการโดยบัตรเครดิต รวมทั้งสถานะบัญชี
ข้อมูลเครดิต สำคัญอย่างไร?
ข้อมูลเครดิตไม่เพียงสะท้อนถึงพฤติกรรมและวินัยทางการเงินของเจ้าของข้อมูล และความตั้งใจในการชำระหนี้และความน่าเชื่อถือ (เครดิต) เท่านั้น แต่สถาบันการเงินยังใช้ประโยชน์จากข้อมูลเครดิตร่วมกับปัจจัยอื่นในการอนุมัติสินเชื่อ เช่น ความสามารถในการหารายได้ ความเป็นไปได้ของธุรกิจ หลักประกัน เป็นต้น หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ว่า หากเรามีประวัติการชำระหนี้ดีจะมีโอกาสได้รับสินเชื่อในอัตราที่เหมาะสมนั่นเอง
ทำไมคนกลัวเครดิตบูโร?
หลายคนเข้าใจว่าการผิดนัดชำระหนี้จะทำให้ติดแบล็กลิสต์ หรือติด Blacklist ติดเครดิตบูโร ทำให้ขออนุมัติสินเชื่อไม่ได้ กู้ไม่ผ่าน เคลียร์หนี้แล้วยังติด Blacklist ซึ่งไม่เป็นความจริง
เพราะการเก็บข้อมูลของเครดิตบูโร ไม่ได้จัดเก็บเป็นแบล็กลิสต์หรือบัญชีดำ เครดิตบูโรมีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลตามความจริง ไม่มีหน้าที่ในการขึ้นบัญชีดำ และไม่มีส่วนในการอนุมัติสินเชื่อ
การที่กู้เงินไม่ผ่าน หรือขอสินเชื่อไม่ผ่านนั้น มาจากการที่สถาบันการเงินพิจารณาจากข้อมูลเครดิตประกอบกับเหตุผลอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงิน
ข้อมูลเครดิต ถูกเก็บไว้นานแค่ไหน?
ตามปกติแล้ว สถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตจะต้องนำส่งข้อมูลสินเชื่อของลูกค้าแต่ละรายให้บริษัทข้อมูลเครดิตเป็นรายเดือน จนกว่าสินเชื่อนั้นจะได้รับการชำระเสร็จสิ้น
หากลูกค้าผิดนัดชำระหนี้และค้างชำระเกิน 90 วัน สถาบันการเงินจะส่งข้อมูลสินเชื่อคงค้างให้บริษัทข้อมูลเครดิตต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ค้างชำระเกิน 90 วัน
จากนั้น บริษัทข้อมูลเครดิตจะเก็บข้อมูลเครดิตที่ได้รับจากสถาบันการเงินไว้ในฐานข้อมูลต่อไปอีกเป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี นับจากวันที่บริษัทข้อมูลเครดิตได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงิน

นำระบบ กยศ. เข้าเครดิตบูโร ดีไหม?
กยศ. เป็นระบบการปล่อยกู้ที่มีระยะเวลานานถึง 15 ปี แม้ว่าปัจจุบันมีการหักเงินเดือนชำระหนี้ กยศ. แต่ก็เป็นสัดส่วนผู้กู้ที่ไม่มาก เป็นไปได้ว่าผู้กู้จำนวนหนึ่งทำงานอิสระหรือไม่มีงานทำ ส่งผลต่อความรับผิดชอบในการชำระหนี้
หากนำข้อมูล กยศ. เข้าเครดิตบูโร ย่อมส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่ออื่นๆ ตามมา เนื่องจากข้อมูลเครดิตมีปัญหา อาจกระตุ้นให้ผู้กู้เร่งชำระหนี้มากขึ้นก็เป็นได้ หรือไม่ก็ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าทำไมถึงชำระหนี้ไม่ได้
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะแก้ปัญหาหนี้เสียด้วยวิธีการใด การขาดสภาพคล่องของ กยศ. ในขณะนี้ก็กำลังส่งผลกระทบต่อน้องๆ ปีการศึกษาปัจจุบันที่กำลังรอเงินกู้ หลายครอบครัวต้องสำรองจ่ายค่าเทอมไปก่อนด้วยการกู้หนี้ยืมสินมา ส่งผลให้เป็นหนี้ซ้ำซ้อน เป็นปัญหาระยะยาวต่อไปอีก
**ผู้กู้ กยศ. จำเป็นต้องจ่ายเงินคืน เพื่อให้เงินกลับไปหมุนเวียนในกองทุน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ รุ่นหลังได้กู้เงินเรียนต่อไป**
สุดท้ายนี้ ไม่ใช่เพียงลูกหนี้ กยศ. แต่การมีสินเชื่อของสถาบันการเงินใดๆ ก็ตาม ก็ควรจะชำระหนี้ให้ตรงเวลา เพื่อรักษาข้อมูลเครดิตในการยื่นขอสินเชื่อในอนาคต ทั้งนี้ เราสามารถขอดูข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองได้ตลอด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ncb.co.th/
ที่มาhttps://www.ncb.co.th/faq/https://www.creditinfocommittee.or.th/FAQ/Publichttps://www.ncb.co.th/ncb-article/what-is-credit-bureau-information/https://youtu.be/9pNOgeyHwoE?si=S_Z3gD95zAe9e_Z0
0 ความคิดเห็น