Teen Coach EP.118 : อยู่ร่วมกับมนุษย์ Toxic ยังไง ไม่ให้จิตใจดิ่งดาวน์

มองไปรอบๆ ตัวเราซิ มีคนที่ Toxic อยู่ใกล้ๆ ไหม...

พี่หมอแมวน้ำได้รับเคสคนไข้หญิงเรียนอยู่ชั้นม.6 ชื่อ “ฟาง“ มีอาการเศร้ามากเกือบตลอดเวลา ไม่มีความสุข ร้องไห้ง่าย อ่านหนังสือไม่ได้  สมาธิไม่ดี ไม่มีแรงทำอะไร นอนไม่หลับ คิดลบกับตัวเอง เก็บตัว ไม่ยอมไปโรงเรียน ฟางหยุดจนโรงเรียนแจ้งว่าติด มผ.หลายวิชา ผู้ปกครองอยากได้ใบรับรองแพทย์ไปยื่นให้กับที่โรงเรียน เพื่อที่จะไปแก้งานและเรียนให้จบ ม.6 เลยพามาพบจิตแพทย์ จากการพูดคุยทั้งกับฟางเองและผู้ปกครอง พี่หมอแมวน้ำวินิจฉัยว่าฟางป่วยเป็น “โรคซึมเศร้า” การรักษา คือ การให้ยา ปรับแก้สิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดอาการ ทำจิตบำบัดด้วยการปรับความคิดและพฤติกรรม ( CBT-Cognitive Behavioral Therapy, พูดคุยทำความเข้าเรื่องโรคและแนวทางในการรักษาให้กับคนที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะช่วยเหลือไปในแนวทางเดียวกัน

เรื่องราวมีอยู่ว่า…

 

ฟางกับฝ้ายเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนเข้าเรียนชั้น ม.4 ห้อง Gifted วิทย์-คณิต ตอนแรกฝ้ายมีเพื่อนอยู่กลุ่มอื่น แต่มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้น ฝ้ายเลยเอาตัวเองออกมา คนภายนอกมองว่าฝ้ายน่าสงสารที่โดนเพื่อนทั้งกลุ่มแบน ฟางรู้สึกเห็นใจ อยากช่วย เรื่องบังเอิญที่ทำให้ได้ฟางได้ใกล้ชิดกับฝ้าย คือ ทั้งสองคนเลขที่ติดกัน เลยต้องทำงานร่วมกันหลายอย่าง  ช่วงแรกของการคบฟางคิดว่าฝ้ายน่ารักดี เรียนเก่ง น่าเข้าหา พอเริ่มสนิทตอนที่ครูประกาศคะแนน ฝ้ายมาถามฟางทุกครั้งและพูดเปรียบเทียบ ถ้าครั้งไหนฝ้ายได้คะแนนดีกว่าฝ้ายมักจะพูดล้อเล่นปนความเป็นห่วงว่า "ทำไมฟางได้คะแนนแค่นี้เอง ข้อสอบครั้งนี้ง่ายนะ ครั้งหน้าเราช่วยติวให้ก็ได้" ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นความหวังดี แต่ฟางกลับรู้สึกเจ็บจึ้ก เหมือนโดนหลอกด่าว่าโง่ ส่วนครั้งไหนที่ฟางได้คะแนนมากกว่าฝ้ายจะบอกว่า "ดวงดีจังมั่วแล้วตอบถูก"

 

ฟางพยายามไม่อยากคิดลบกับฝ้าย เพราะฝ้ายก็ช่วยเธอหลายอย่าง เช่น ตอนพรีเซนต์งานที่ทำคู่ ฝ้ายให้ฟางหาข้อมูลและทำสไลด์เองหมด ส่วนฝ้ายอาสาออกไปพูด ด้วยเหตุผลว่า "ฟางพูดไม่ดี เดี๋ยวจะเสียคะแนน เราทำให้ดีกว่านะ" ซึ่งฟางเห็นด้วยตามนั้น เพราะตอนฝ้ายพูดทุกคนดูสนใจ อาจารย์ถามมา ฝ้ายตอบได้หมดเพราะฟางติวให้ก่อนพรีเซนต์  ทำให้คะแนนเก็บหลายวิชาออกมาดีมาก ฝ้ายรับคำชมแล้วบอกทุกคนว่าทำเองเตรียมเอง พอฟางอ้าปากจะบอกความจริง ฝ้ายขัดตลอด บางวิชาครูหันมาบอกฟาง "เธอกินแรงเพื่อน ครูควรจะให้คะแนนเธอดีมั้ย" บางงานครูโยนมาตู้มให้ทำก่อนสอบ ฟางอยากอ่านหนังสือมากกว่าแต่ฝ้ายไม่ช่วยงาน "ฟางเรียนเก่งกว่าเรา เราขออ่านหนังสือนะ" สุดท้ายฟางต้องทำงานจนไม่ได้อ่านหนังสือ คะแนนไม่ดี ทำให้ฟางรู้สึกเสียใจ โกรธ ที่ฝ้ายทำแบบนี้ ตอนเคลียร์ใจกันฟางใช้เหตุผลคุยแต่ฝ้ายไม่รับฟัง เถียงแบบตรรกะพังมาก เวลาที่ฟางบอกขอลดระดับความสัมพันธ์ ฝ้ายร้องไห้ฟูมฟายแล้วเอาเรื่องฟางไปเล่าให้คนอื่นฟังซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ฟางดูแย่ เพราะคนอื่นมองฟางด้วยสายตาแปลก ๆ เวลาฟางพยายามที่สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนคนอื่น เพื่อนมีท่าทีห่างเหิน ไม่สนใจ มีบางคนพูดตรง ๆ ว่า "เราไม่อยากคบคน toxic" พอถูกหลายคนปฏิเสธ ทำให้ฟางคิดว่าตัวเองแย่ ไม่ดี ฝ้ายเป็นคนเดียวที่เข้ามาปลอบ "ไม่เป็นไรนะฟาง ต่อให้เธอนิสัยไม่ดีแค่ไหน แต่เรารับได้ เพราะเราเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นา" ฟางเลยต้องคู่กับฝ้ายต่อ 

 

แต่ละวันที่กลับมาจากโรงเรียน ฟางรู้สึกเหมือนโดนสูบพลังชีวิตไป อยากพักแต่พักไม่ได้ งานที่โรงเรียนก็ต้องทำ แถมต้องเรียนพิเศษออนไลน์เพื่อเตรียม Admission อีก เวลาที่จะเอาไปใช้กับการเรียนถูกขัดด้วยการที่ฝ้ายโทรมาบ่นระบายเรื่องที่ไม่สบายใจทุกวัน ยิ่งฟังฟางยิ่งแย่ จนไม่มีสมาธิมากพอที่จะมาเตรียมสอบ วันหยุดฝ้ายตามประกบติดเรียนพิเศษเหมือนฟางทุกอย่าง เวลาเกือบทั้งหมดในชีวิตของฟางมีฝ้ายเข้ามาอยู่ด้วย ฟางรู้สึกไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย แต่ไม่กล้าปฏิเสธฝ้าย

 

ฟางอยากเข้าคณะพวกวิทย์สุขภาพ ซึ่งระบบ Admission ตอนนี้มีหลายรอบ เกณฑ์หลายอย่าง ฟางเคยหวังรอบ portfolio ซึ่งต้องมีผลงานและการแข่งขัน ทุกรายการมีฝ้ายพ่วงติดมาตลอด ฟางเคยคิดจะลงแบบเดี่ยว พอฝ้ายรู้จะพูดบั่นทอนจิตใจ "ฟางคิดหรอว่าจะทำได้ ลงแล้วตกรอบหรือคะแนนแย่ยิ่งเสียเซลฟ์นะ ลงแบบคู่กับเราเราจะช่วยฉุดให้คะแนนเธอดีขึ้นเอง" ถ้าฟางตัดสินใจลงสอบแบบเดี่ยว พอฝ้ายรู้จะไม่พอใจมาก "ฟางคิดจะแข่งกับเรา เพื่อนรักกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้หรอก แต่เราให้อภัยได้นะ" ตอนทำข้อสอบฟางคิดวนสิ่งที่ฝ้ายพูด กลัวตัวเองจะเป็นเพื่อนที่ไม่ดีแล้วถูกเลิกคบ เพราะตอนนี้ฟางไม่มีใคร ฟางเลยทำข้อสอบได้ไม่เต็มที่ คะแนนเลยออกมาห่วยเหมือนที่ฝ้ายพูดไว้ ความมั่นใจของฝ้ายเรียกได้ว่าติดลบ ผลการเรียนลดลงเรื่อย ๆ ตอนทำ Portfolio ฟางปรึกษาฝ้ายและขอข้อมูลเพิ่ม เช่น ภาพที่เคยถ่ายไว้ แต่ฝ้ายพูดดักคอไว้ว่า "เราขอใช้งานนี้ลงพอร์ตนะ ซึ่งคนทำควรจะมีแค่คนเดียว เราเหนื่อยจะตายที่ต้องเป็นคนทำให้คะแนนมันออกมาดี" ฟางเลยแทบจะไม่มีอะไรใส่ลงพอร์ต เรียนพิเศษก็เรียนไม่ทันตามแผน ยิ่งนานวันเข้าฟางไม่อยากไปโรงเรียน ฝ้ายจิกยิก ๆ ว่างานกลุ่มวิชานั้นวิชานี้ใส่ชื่อฟางให้อยู่ด้วย "ฟางรีบทำแล้วส่งงานมาให้เราด้วย" ถ้าฟางไม่ส่งงานให้ฝ้ายจะด่าทั้งทางแชททั้งคอล "ทำไมฟางเป็นคนไม่รับผิดชอบแบบนี้ นี่เราช่วยเธออยู่ เธอเห็นแก่ตัว หยุดอยู่บ้านซุ่มอ่านหนังสืออยู่สินะ" ฟางเคยปรึกษาพ่อแม่เรื่องพฤติกรรมของฝ้ายที่ทำให้ฟางดำดิ่ง แต่พ่อแม่มองว่าเป็นเรื่องของเด็ก ที่เป็นเพื่อนกันต้องมีการปะทะกันบ้าง พ่อเคยบอกว่า "ทำไมฟางไม่อดทนเลย เรื่องแค่นี้เอง" ในตอนที่เศร้าเสียใจมากที่สุดฟางไม่เห็นว่าใครจะช่วยเธอได้เลย เธออยากอยู่แค่ในห้องที่เป็นเซฟโซน "อย่างน้อยเราก็ปลอดภัย ไม่มีใครทำร้ายเราได้อีก"

 

เรื่องราวที่ฟางเล่าให้ฟัง มีสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า คือ ฟางตกอยู่ลูปความสัมพันธ์ที่ toxic มาก แต่หลุดออกมาไม่ได้ และพี่หมอแมวน้ำกำลังพยายามช่วยฟางอยู่

ว่าด้วยเรื่องมนุษย์ toxic

เคยมั้ยคะ…ที่เราไปปฏิสัมพันธ์กับคนคนหนึ่ง ตอนที่อยู่ด้วยกันเรารู้สึกแย่ ถูกด้อยค่า จากคำพูดหรือการกระทำของเขาทำให้เรารู้สึกผิด ต้องทำตามที่เขาต้องการ อยากออกจากความสัมพันธ์แต่มันไม่หลุด เจ็บแต่ก็ยังทนอยู่กับเรื่องแย่ ๆ ต่อไป ถ้าคุณเคยเจอ…คุณกำลังเผชิญกับคนที่ Toxic อยู่ค่ะ 

ถ้าเป็นไปได้คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ สิ่งที่พูดง่ายแต่ทำยาก คือ “ไม่ต้องยุ่งกับคน Toxic จะได้ไม่ Toxic” แต่ใครมันจะรู้ล่ะคะว่าคนที่เรากำลังสร้างความสัมพันธ์ด้วยเป็นคน toxic พี่หมอแมวน้ำเลยจะแนะนำวิธีสังเกตว่าใครมีแนวโน้มจะเป็นคน Toxic เพื่อที่ว่าเราจะได้หนีไปให้ไกล หลีกเลี่ยงให้มากที่สุด แต่โจทย์นี้มีความยากหน่อยตรงที่ว่าหากคนที่ Toxic เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเรา เช่น คนในครอบครัว เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนที่ทำงาน คนรัก มันหนียาก หากลองหนีเองแล้วยังไม่หลุด การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์, นักจิตวิทยา จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้

สัญญาณของคนที่ Toxic

  1. พูดแต่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง : เนื้อเรื่อง คือ "ฉันดี" ด้อยค่าคนอื่นว่าแย่ไปหมด
  2. โทษคนอื่นตลอด : เวลาที่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น ไม่เคยโทษตัวเองเลย ดีแต่โทษคนอื่น จนคนที่อยู่ใกล้ ๆ เชื่อว่าเขาผิดจริง ไม่ดีพอ
  3. ไม่เห็นอกเห็นใจ : เวลาที่คนอื่นเศร้า เสียใจ หรือตกอยู่ในช่วงอารมณ์ลบ จะไม่แสดงความเห็นใจ แต่กลับใช้คำพูดและท่าทางที่ทิ่มแทงให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิม เช่น “เพราะเธอทำตัวเองเลยเป็นแบบนี้ ” “คิดไปเองหรือเปล่า มันไม่น่าจะเศร้าขนาดนั้นมั้ย”
  4. พ่นพลังลบใส่คนอื่น : จากคำพูดและการกระทำของคน Toxic ทำให้คนรอบตัวอินและรู้สึกแย่ไปด้วย (emotional draining)  เช่น พูดบ่นเรื่องของตัวเองที่เป็นเหยื่อโดนกลั่นแกล้ง คุยแต่ข้อมูลที่ฟังแล้วทำให้รู้สึกว่าโลกนี้โหดร้ายจัง เราอยู่ด้วยแล้วรู้สึกหดหู่ หวาดกลัว สิ้นหวัง ถูกดึงพลังชีวิตออกไป ไม่อยากทำอะไรเลย
  5. ควบคุมให้คนอื่นทำในสิ่งที่ต้องการ : มีวิธีการพูดที่จะทำให้อีกฝ่ายยอมทำในสิ่งที่ต้องการ (manipulative) เช่น ต่อว่า ประชดประชัน เปรียบเทียบ โกหก หากอีกฝ่ายไม่ทำจะต้องทนทุกข์ไปกับความรู้สึกผิด (guilt trips) ชีวิตไม่เป็นสุขไปด้วย
  6. ตัดสินวิจารณ์คนอื่นในทางลบ : พยายามหาข้อบกพร่องหรือสิ่งที่อีกฝ่ายทำผิด เอามาพูด/กระทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแย่กับตัวเอง จนความภาคภูมิใจในตัวเองลดลง (low self-esteem)
  7. เชื่อใจไม่ได้ : เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักจะจ้องทำลายให้คนอื่นแตกกระจายไปด้วย ดังนั้นเวลาที่เขาพูดหรือสัญญาอะไรกับเรา เป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ยาก เพราะเขาพร้อมที่จะหักหลัง ทำอย่างไรก็ได้ให้เรารู้สึกพัง

วิธีการรับมือกับมนุษย์ Toxic

1. กำหนดขอบเขตความสัมพันธ์

คนที่ Toxic จะไม่รักษาระยะห่างระหว่างกัน จ้องที่เข้ามาในพื้นที่ส่วนของเรา เพื่อทำลายความภาคภูมิใจ (self-esteem) ทำให้เรารู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ขาดความมั่นใจ เมื่อเราอ่อนแอลงเขาจะควบคุมเราได้ง่าย ดังนั้นต้องมีการคุยกติกาขอบเขตความสัมพันธ์ไว้ตั้งแต่แรก เช่น จะไม่รับสายและอ่านแชทหลัง 6 โมงเย็น มอบหมายงานที่กำหนดชี้ชัดจำเพาะ อย่าไปยอมทำตามสิ่งที่เขาต้องการ มีบทลงโทษผลที่จะตามมา เช่น ถ้าเขาเริ่มที่จะตำหนิต่อว่าเราด้วยอารมณ์ ขอหยุดการคุยไว้ก่อน

2. ติดต่อกันให้น้อยที่สุด

เราไม่สามารถไปห้ามพฤติกรรมของมนุษย์ Toxic ที่จะมาบ่อนทำลายเราได้ แม้จะกำหนดขอบเขตไว้แล้วก็ตาม ดังนั้นให้อยู่ด้วยคุยติดต่อกันเท่าที่จำเป็น พยายามอย่าเปิดเผยข้อมูลของเราให้อีกฝ่ายรู้ เพราะจะทำให้เขาเข้ามาควบคุมเราได้ง่ายมากขึ้น

3. ไม่เอาเรื่องของเขามาใส่ใจ

คน Toxic พร้อมที่จะก่อดราม่า โยนความผิด และปล่อยพลังลบทำลายคนรอบข้างเป็นนิสัยของเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาคิดว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่าที่ต้องรับผิดชอบเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น (หากคิดวิเคราะห์แล้วว่าเราไม่ผิดจริง ๆ) หรือไม่เอาเรื่องนั้นมาคิดจนเกิดอารมณ์ลบ เช่น เสียใจ, กังวล

4. ยืนหยัดต่อสู้เพื่อตัวเอง

 เมื่อคน Toxic พยายามที่จะบังคับให้เราทำตามที่เขาต้องการหรือโยนความผิด พลังลบมาให้ เราต้องตั้งสติดี ๆ เพื่อที่จะยืนหยัดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของเรา รู้จักปฏิเสธให้เป็น เช่น ถูกโยนงานกลุ่มมาให้ทำ เราต้องปฏิเสธและกำหนดแบ่งงานว่างานไหนเป็นความรับผิดชอบของเรา ของเขา พยายามคุยกันโดยมีพยานหลักฐาน เช่น บุคคลที่ 3 แชท อัดเสียง เพื่อที่ว่าเมื่อมีดราม่าเกิดขึ้นเรามีสิ่งที่ยืนยันได้ว่าคุยตกลงกันไว้อย่างไร

5.กอดและปลอบตัวเองให้เป็น

หากเราติดอยู่ในเกมของคน Toxic เราจะรู้สึกผิด ไร้ค่า เศร้า ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ลบ ซึ่งคนที่อยู่ในลูปนี้จะไม่สามารถคิดวิเคราะห์มองเห็นข้อเท็จจริงได้ แต่ถ้าอย่างน้อยถ้าเราพยายามที่จะชื่นชม กอด ปลอบ ทำสิ่งที่ดีต่อตัวเองได้ และมองหาสิ่งที่เป็นพลังบวก เช่น ออกกำลังกายที่ทำให้ร่างกายเราแข็งแรงขึ้น อ่านหนังสือ ดูหนัง ที่ทำเรามีความ เอ๊ะ! ฉุกคิดบวกขึ้นมา จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

6. ติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่น

 เหยื่อของคนที่ Toxic ส่วนใหญ่จะถูกบังคับให้ตัดขาดจากคนภายนอก ทำให้ในชีวิตต้องวนเวียนอยู่กับความ Toxic คิดว่าตัวเองไม่มีใครช่วยได้ สิ้นหวัง แต่ถ้าเราพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ติดต่อกับคนอื่น เช่น คุยกับคนที่ดีกับเราแล้วช่วยดึงเราออกจากหลุมแห่งความดิ่งได้ อย่างน้อยเรายังมีตัวช่วยไม่ให้เราแย่ไปกว่าเดิม 

7. อย่าไปคาดหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงคนที่ Toxic ได้

 ช่วงแรกของการอยู่ในลูปความ Toxic เรายังมีความหวังว่าสิ่งดี ๆ ที่เราให้กับคน Toxic จะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่น ไม่ด่าทอด้อยค่า ไม่มาบังคับเราอีก แต่ความคิดแบบนี้ไม่มีวันที่จะเป็นจริงได้ เราอาจลองและให้โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม ดังนั้นไม่ต้องคิดที่จะเปลี่ยนคน Toxic แต่ให้เปลี่ยนที่ตัวเอง เรายังมีโอกาสรอดจากลูปนี้

จากกรณีของฟางที่โดนฝ้าย Toxic ใส่นานถึง 2 ปี ไม่มีเพื่อนเพราะฝ้ายไปพูดใส่ร้าย และเมื่อไปขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่แต่พ่อแม่ดูไม่เข้าใจ จนสุดท้ายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า พี่หมอแมวน้ำให้การรักษาด้วยการให้ให้ยารักษาโรคซึมเศร้า พูดคุยให้พ่อแม่เข้าใจเรื่องโรคซึมเศร้าว่าสาเหตุเกิดจากอะไร วิธีการรักษาช่วยเหลือ และติดต่อประสานงานกับที่โรงเรียน ขอปรับเปลี่ยนวิธีการเรียน เช่น จากงานกลุ่มมาเปลี่ยนเป็นให้คะแนนงานเดี่ยว, เริ่มต้นไปโรงเรียนเท่าที่ไหว และตัดความสัมพันธ์ Toxic  จากฝ้าย ด้วยการบล็อคช่องทางการติดต่อทางโซเชียลมีเดีย ไม่ต้องรับรู้ข้อมูลกัน หลีกเลี่ยงการเจอหน้า หากฝ้ายเข้าหาให้รีบหนีหรือให้คนอื่นรับหน้าแทน มีการทำจิตบำบัดปรับความคิดและพฤติกรรม (CBT-Cognitive Behavioral Therapy) จนสภาพจิตใจดีขึ้น เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ตามเป็นจริง คิดบวก รู้วิธีการจัดการกับอารมณ์ ปกป้องตัวเองได้ และปรับพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดความคิดลบ

 

ผลจากการรักษา คือ ฟางอาการดีขึ้น อ่านหนังสือสอบได้ ติดคณะเภสัชฯ ซึ่งฟางอยากเรียนอยู่เหมือนกัน

พี่หมอแมวน้ำเชื่อว่าอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิต เราน่าจะติดอยู่ในลูปความสัมพันธ์ Toxic กันบ้าง ลองเล่าแชร์ประสบการณ์กันได้ หรือถ้ามีอะไรอยากให้พี่หมอแมวน้ำช่วยเหลือ ก็คอมเมนต์กันมาได้เลยค่ะ

ข้อมูลจากhttps://www.healthshots.com/how-to/ways-to-deal-with-toxic-people/https://psychcentral.com/blog/whats-a-toxic-person-how-do-you-deal-with-one#whats-a-toxic-person

 หมอแมวน้ำเล่าเรื่อง “จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น”

หมอแมวน้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น