ปัจจุบันเหตุไม่คาดฝัน เหตุร้าย สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนตลอดเวลา นับเป็นสถานการณ์เสี่ยงของคนทุกเพศ ทุกวัย ทำให้หลายคนคิดหาวิธีป้องกันตัวเอง ซึ่งนอกจากการฝึกศิลปะการป้องกันตัวแล้ว การพกอุปกรณ์ป้องกันตัวก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนเลือกทำ แต่รู้หรือเปล่า? อุปกรณ์ป้องกันตัวแบบพกพาบางอย่างก็ไม่สามารถพกไปในที่สาธารณะได้ เพราะผิดกฎหมาย มีโทษปรับ และถือว่าเป็นคดีอาญา วันนี้คอลัมน์ ‘เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน’ รวมมาให้ทุกคนแล้วว่าเราสามารถพกอะไรได้โดยไม่ผิดกฎหมายบ้าง มาดูกัน!
7 อุปกรณ์ป้องกันตัว พกได้ไม่ผิดกฎหมาย
1. นกหวีด/เครื่องส่งเสียง
สำหรับนกหวีด และเครื่องส่งเสียง สามารถเป่าหรือกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือ แทนการตะโกนได้ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีเสียงดัง และได้ยินไปไกลกว่าเสียงตะโกนของเรา ซึ่งอาจทำให้ผู้ร้ายตกใจและเปลี่ยนใจวิ่งหนีออกไปเองได้อีกด้วย
2. กรรไกร
อย่างที่ทราบกันว่ากรรไกรถือเป็นของมีคมที่ค่อนข้างอันตราย การที่คุณพกกรรไกรเล็ก ๆ สักอันสามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเบื้องต้นเมื่อถูกทำร้ายได้ แต่จะมีบางสถานที่ที่ห้ามพก เช่น สนามบิน
3. คัตเตอร์
คัตเตอร์ถือเป็นของมีคมที่ค่อนข้างอันตรายอีกชนิดหนึ่งเช่นกัน การพกคัตเตอร์สามารถนำมาใช้เพื่อป้องกันตัวเบื้องต้นเมื่อถูกทำร้ายได้เช่นเดียวกับกรรไกร แต่จะมีบางสถานที่ที่ห้ามพก เช่น สนามบิน
Note : การใช้กรรไกรและคัตเตอร์ป้องกันตัว หากตกอยู่ในอันตราย เพียงแค่ตั้งสติและเลือกตำแหน่งที่จะแทงคนร้ายให้บาดเจ็บ เพื่อตัดกำลังและวิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด
4. ปากกา
หากรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย และต้องหาอุปกรณ์บางอย่างเพื่อป้องกันตัว ลองค้นกระเป๋าดูค่ะว่ามีปากกาไหม การพกปากกาปลายแหลมนอกจากจะใช้เขียนแล้วก็สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ซึ่งไม่ผิดกฎหมายใดๆ ควรเลือกจุดที่จะแทงให้ดีและมั่นใจว่าปากกาจะทำให้คนร้ายบาดเจ็บได้ เช่น คอ ดวงตา หัวไหล่ เป็นต้น
5. สเปรย์แอลกอฮอล์/น้ำหอม
สำหรับสเปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หลายคนคงมีติดกระเป๋าไว้อยู่แล้ว นอกจากนี้ น้ำหอมก็สามารถใช้ฉีดเพื่อป้องกันตัวได้ เนื่องจากมีส่วนผสของแอลกอฮอล์เช่นกัน ซึ่งหากเราถูกคนร้ายจู่โจม เพียงแค่ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม เข้าไปที่บริเวณใบหน้าของคนร้ายก็สามารถทำให้เขาแสบบริเวณตา และปล่อยมือจากเรา ทำให้เราสามารถมีเวลาหลบหนีได้
6. พริกป่น
ฟังแล้วอาจจะดูแปลกๆ พกพริกป่น? แต่สิ่งนี้สามารถนำมาป้องกันตัวได้จริง หากใครที่เคยถูกพริกเข้าตาจะรู้ดีว่ามันแสบร้อนขนาดไหน เราสามารถสาดพริกใส่ตาของคนร้าย ซึ่งจะทำให้เกิดอาการแสบตา ในตอนที่เขาแสบตาเนี่ยเราก็จะได้หาจังหวะวิ่งหนีออกมา แต่ทุกคนอาจจะต้องเลือกอุปกรณ์สำหรับใส่พริกที่ปลอดภัยและหยิบใช้ได้สะดวก เช่น กระป๋องแป้งขนาดเล็กที่สามารถพกใส่กระเป๋าได้และเปิดใช้งานได้อย่างง่าย
7. ร่ม
เป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยแดดแรงมาก ไม่ว่าจะฤดูไหนก็เหมาะที่จะพกร่มติดตัวไว้เสมอ นอกจากร่มจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันแดด หรือฝนแล้ว ก็ยังสามารถนำมาป้องกันตัวหากเกิดเหตุร้ายได้อีกด้วย เราอาจจะใช้ร่มกระแทกไปที่ลำคอ หรือใช้ปลายร่มแทงที่ลิ้นปี่ของคนร้าย แต่ระวังไม่ควรใช้ร่มฟาดหรือตี เพราะจะทำให้คนร้ายแย่งร่มไปได้ เราจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำกลับเสียเอง
ข้อควรระวัง!
ทางที่ดีควรศึกษาการใช้อุปกรณ์ป้องกันตัวแต่ละชนิดอย่างละเอียด โดยเฉพาะอุปกรณ์ประเภทของมีคมทั้งหมด เนื่องจากอุปกรณ์แต่ละชนิดมีอันตรายในตัวเอง หากใช้ไม่ระมัดระวังจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ และอาจจะทำให้ผิดกฏหมายได้ ดังนั้น ควรระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายทั้งตัวเราเอง หรือผู้ร้ายจนถึงแก่ชีวิตได้
3 อุปกรณ์อย่าหาพก ระวังต้องโทษไม่รู้ตัว!
ทุกคนรู้กันแล้วว่าอุปกรณ์ป้องกันตัวอะไรบ้างที่สามารถพกได้โดยไม่ผิดกฎหมาย คราวนี้มาต่อกันสิ่งที่ห้ามพกกันบ้างค่ะ บางคนยังเข้าใจผิดว่าอุปกรณ์บางอย่างสามารถพกได้ แต่ความจริงแล้วผิดกฎหมาย จะมีอะไรบ้างมาดูกัน!
1. สเปรย์พริกไทย
สิ่งนี้คือสิ่งที่หลายคนยังเข้าใจผิดว่าสามารถพกพาเพื่อป้องกันตัวได้ แต่ความจริงแล้วผิดกฎหมาย เพราะสเปรย์พริกไทยมีสารก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา ผิวหนัง และระบบทางเดินหายใจ ถือเป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 4 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากผลิต นำเข้า หรือพกพา จะได้รับโทษตามข้อกฎหมายทันที
โดยกฎหมายสเปรย์พริกไทยในประเทศไทย ระบุไว้ว่า ห้ามผลิต นำเข้า หรือครอบครอง หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. เครื่องช็อตไฟฟ้า
หลายคนอาจจะเห็นในละครว่ามีการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าเพื่อป้องกันตัว หรือต่อสู้ แต่นั่นเป็นเพียงอุปกรณ์ที่ประกอบการแสดงเท่านั้น ในชีวิตจริงเราไม่สามารถใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าในที่สาธารณะได้ เครื่งช็อตไฟฟ้าเป็นอาวุธโดยสภาพตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (5) การครอบครอง(ที่บ้าน)ไม่มีความผิด แต่ถ้าพกพาไปตามทางสาธารณะก็จะมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ห้ามผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือที่สาธารณะ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น
3. มีด/ปืน/ดาบ
เป็นที่รู้กันดีว่า อุปกรณ์ทั้ง 3 ชนิดนี้ถือเป็นสิ่งที่อันตรายไม่สามารถพกพาได้ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม ทางกฎหมายถือว่าเป็นอาวุธโดยสภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธนั้น เช่นเดียวกับเครื่องช็อตไฟฟ้า
อะไรบ้าง? ที่เรียกว่า ‘อาวุธ’ และเข้าข่ายความผิด
- อาวุธโดยสภาพ แปลว่า ไม่ว่าจะดูยังไง สุดท้ายก็คืออาวุธ เพราะสิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการประทุษร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือถึงตายได้ เช่น ปืน ระเบิด ดาบ เป็นต้น
- ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ แต่อาจถูกใช้หรือเจตนาจะใช้เป็นอาวุธ เช่น จอบ เสียม มีดทำสวน ขวานฟันไม้ มีดปอกผลไม้ ท่อนไม้ เป็นต้น
จากกรณีที่ 2 อุปกรณ์ที่ไม่ใช่อาวุธโดยสภาพ เช่น มีดปอกผลไม้ หากพกเพื่อประกอบอาชีพ ไม่ได้มีเจตนาที่นำมาใช้เป็นอาวุธก็สามารถพกพาได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ถูกหยิบออกมาเพื่อใช้ข่มขู่ผู้อื่นก็สามารถทำให้ติดคุกได้ เพราะความผิดในมาตรา 392 นี้ เมื่อโชว์แล้วทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวตามกฎหมายถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว นอกจากนี้สิ่งของที่ไม่เป็นอาวุธโดยสภาพนั้นถ้าถูกนำไปทำร้ายคนอื่นก็จะกลับกลายเป็นอาวุธทันที และจะมีความผิดเพิ่มขึ้นอีกกระทงเช่นกัน
สุดท้ายนี้ สิ่งที่เราควรพกเพื่อเป็นวิธีที่จะป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด คือ การมีสติ และมีความระมัดระวังตัวอยู่เสมอ พยายามไม่พาตัวเองไปในที่เสี่ยง หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็พยายามสังเกตมองสิ่งรอบตัวว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือเปล่า อย่าก้มหน้าก้มตาเดินหรือเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเดียว แค่นี้เราก็จะปลอดภัยจากผู้ไม่ประสงค์ดีต่อทรัพย์และร่ายกายได้แล้วค่ะ
ข้อมูลจากhttps://thaijuvenile.wixsite.com/lamphun/single-post/2015/07/03/%E0%B8%9E%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B8%A2-%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3-%E0%B9%84%E0%B8%A1-%E0%B9%80%E0%B8%AA-%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%84-%E0%B8%81
0 ความคิดเห็น