Spoil
- การจองตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาดีควรจองล่วงหน้า 1 เดือนสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและ 2 เดือนสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ
- สัมภาระมี 2 ประเภท คือ สัมภาระถือขึ้นเครื่องและสัมภาระเช็คอิน ทั้ง 2 ประเภทมีการจำกัดขนาดและน้ำหนักของกระเป๋า รวมถึงจำกัดสิ่งที่นำไปด้วยได้
- กรณีที่ไม่ได้ทำการเช็คอินออนไลน์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาถึงสนามบินล่วงหน้าเพื่อทำการเช็คอินและรับตั๋วโดยสารให้ทัน
- Boarding Time ที่แสดงในตั๋วโดยสารไม่ใช่เวลาเครื่องออก แต่เป็นเวลาเรียกขึ้นเครื่อง
การขึ้นเครื่องบินในแต่ละครั้งจะต้องเตรียมความพร้อมหลายด้าน สำหรับมือใหม่แล้วอาจฟังดูเป็นเรื่องที่ยากและซับซ้อนโดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางเพียงลำพัง แต่ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลไปเพราะการขึ้นเครื่องบินนั้นง่ายกว่าที่คิด คอลัมน์นี้จะมาอธิบายถึง ขั้นตอนต่าง ๆ และการเตรียมตัวสำหรับการเดินทางด้วยเครื่องบิน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันค่ะ!
Step 1 จองตั๋วเครื่องบิน
ก่อนจะขึ้นเครื่องบินได้สิ่งแรกที่เราต้องมีคือ ตั๋วเครื่องบินค่ะ การเดินทางด้วยเครื่องบินแตกต่างจากการเดินทางด้วยวิธีอื่นค่อนข้างมาก หนึ่งในนั้นคือการที่ราคาตั๋วสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอตามความต้องการซื้อนั่นเองค่ะ ยิ่งเข้าใกล้วันเดินทางราคาตั๋วยิ่งแพงและยิ่งแพงขึ้นไปอีกหากเป็นช่วงวันหยุดยาวหรือช่วง High season ที่คนจะท่องเที่ยวกันเยอะ จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ต้องการเดินทางด้วยเครื่องบินทำการจองตั๋วบินล่วงหน้าเป็นเวลานานต่างจากการเดินทางรูปแบบอื่น บางคนเลือกจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนในตอนที่มีโปรโมชันดี ๆ ออกมา แล้วค่อยแพลนทริปเที่ยวตามมาทีหลังก็มีค่ะ
การจองตั๋วให้ได้ราคาที่ดี สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศควรจองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศควรจองล่วงหน้าประมาณ 2 เดือนค่ะ ทั้งนี้เราควรหมั่นเช็คโปรโมชันราคาตั๋วเป็นประจำจะช่วยให้ทราบราคาโดยทั่วไปและทำการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ราคาตั๋วเครื่องบินยังแตกต่างกันไปตามช่องทางการขาย มีทั้งแบบจองผ่านแพลตฟอร์มของสายการบินโดยตรงและจองผ่านแพลตฟอร์มตัวแทน ซึ่งการจองผ่านแพลตฟอร์มตัวแทนมักจะได้ราคาที่ดีกว่าและเปรียบเทียบโปรโมชันได้ง่ายกว่าด้วย แต่การจองผ่านแพลตฟอร์มของสายการบินโดยตรงก็มีข้อดีเช่นกัน คือ เราสามารถจัดการบุ๊คกิ้งของเราได้เอง จะได้รับข้อมูลการจองจากสายการบินทางอีเมลล์โดยตรง หมดกังวลเรื่องตั๋วหลอก อีกทั้งยังมีการสะสมแต้มสมาชิกจากการจองเที่ยวบินอีกด้วย
Note การจองผ่านแพลตฟอร์มตัวแทนต้องเลือกแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ อาจดูได้จากรีวิวของผู้ใช้บริการจริงและความเป็นที่รู้จักของแพลตฟอร์ม เช่น Traveloka, Agoda
ข้อควรระวังก่อนกดซื้อตั๋วเครื่องบิน
1. เช็คข้อมูลผู้โดยสาร
ข้อนี้สำคัญมากจะต้องกรอกข้อมูลให้ตรงตามเอกสารยืนยันตัวตนของเราคือ บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ต โดยเฉพาะชื่อและนามสกุล เพราะหากข้อมูลไม่ตรงกันอาจทำให้เกิดปัญหาออกตั๋วไม่ได้ตอนเช็คอินค่ะ
2. เช็ควันและเวลาออกการเดินทาง
สำหรับเที่ยวบินใช้เวลาเดินทางนานข้ามวันหรือเที่ยวบินที่ออกเดินทางช่วงใกล้ ๆ เที่ยงคืน อาจทำให้เราสับสันวันเวลาได้ ตรงที่ออกเดินทางวันนี้แต่กว่าจะถึงปลายทางก็เป็นวันถัดไปแล้ว ดังนั้นจะต้องตรวจเช็คความถูกต้องทั้งวัน-เวลาที่จะออกเดินทาง และวัน-เวลาที่จะถึงที่หมายนะคะ
3. เช็คสนามบินต้นทางและปลายทาง
เป็นอีกเรื่องสำคัญเช่นกัน ให้ระมัดระวังการจองสลับกันระหว่างสนามบินต้นทางและปลายทาง ซึ่งถ้าเราจองผิดอาจจะต้องเสียเงินเพื่อซื้อตั๋วใบใหม่แทนได้
4. เช็คบริการเสริม ต้องใช้หรือเปล่า?
บริการเสริม เช่น ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่ม, ประกันการเดินทาง อาจต้องจ่ายเงินเพิ่มนอกเหนือจากค่าตั๋วเพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ ให้เราดูตรงสรุปค่าโดยสารว่ามีการเลือกบริการเสริมเพิ่มหรือไม่ หากไม่ต้องการบริการเสริมให้กดลบบริการเสริมออกไปก่อนที่จะจ่ายเงินค่ะ
Step 2 จัดกระเป๋าเตรียมขึ้นเครื่องบิน
สัมภาระการเดินทางแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ สัมภาระถือขึ้นเครื่องและสัมภาระเช็คอิน โดยทั้งสองประเภทมีสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ น้ำหนัก, ขนาด และสิ่งที่ใส่ไปในสัมภาระ
1. สัมภาระถือขึ้นเครื่อง (Carry-on package)
สัมภาระที่สามารถถือติดตัวขึ้นเครื่องบินไปด้วยได้ จะมีข้อบังคับที่แตกต่างกันไปในแต่ละสายการบิน โดยส่วนมากแล้วจะให้ถือขึ้นเครื่องได้น้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กิโลกรัม จะเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องอย่างกระเป๋าลากหรือกระเป๋าเป้ 1 ใบ และสามาถนำกระเป๋าขนาดเล็ก เช่น กระเป๋าถือ, กระเป๋าแล็ปท็อป ขึ้นเครื่องได้อีก 1 ใบ โดยมีการกำหนดขนาดสัมภาระด้วยเพราะจะต้องใส่ในชั้นวางด้านบนศรีษะหรือเก็บไว้ในช่องใต้เก้าอี้ด้านหน้าที่นั่งของเราได้นั่นเอง
ตัวอย่าง สัมภาระถือขึ้นเครื่องของสายการบิน Air Asia ขนาดไม่เกิน 56 x 23 x 36 ซม. สำหรับกระเป๋าถือขึ้นเครื่องและไม่เกิน 40 x 30 x 10 ซม. สำหรับกระเป๋าขนาดเล็ก โดยมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 7 กิโลกรัม
สำหรับสัมภาระเช็คอินจะมีข้อกำหนดพิเศษเกี่ยวกับสิ่งที่นำใส่กระเป๋าไปได้ เช่น ของเหลว, สเปรย์ หรือเจล ต้องบรรจุในภาชนะขนาดไม่เกิน 100 มล. ปริมาตรรวมไม่เกิน 1 ลิตร และใส่ในถุงพลาสติกใสแบบซีลปิดได้อีกชั้น นอกจากนี้ยังมีวัตถุต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้พกใส่กระเป๋าหรือพกติดตัวไปด้วยซึ่งผู้โดยสารควรจะทำความเข้าใจข้อมูลส่วนนี้ก่อนการเดินทาง ตัวอย่าง
2. สัมภาระเช็คอิน
สัมภาระนอกเหนือจากสัมภาระถือขึ้นเครื่องที่เราจะต้องโหลดเข้าใต้ท้องเครื่องในตอนที่ทำการเช็คอิน ส่วนมากจะมีอยู่ในเที่ยวบินระหว่างประเทศ ทำให้บางเที่ยวบินไม่มีบริการสัมภาระเช็คอินรวมอยู่ในสิทธิประโยชน์ของตั๋วโดยสาร ดังนั้นถ้าเราต้องการโหลดกระเป๋าจึงต้องซื้อเพิ่มเป็นบริการเสริมค่ะ
วิธีเช็คน้ำหนักสัมภาระเช็คอินให้ดูตอนที่ทำการจองตั๋วว่ามีบริการน้ำหนักกระเป๋าเท่าไร โดยส่วนมากจะเริ่มต้นที่ 20 กิโลกรัม และจะมากหรือน้อยต่างกันไปตามประเภทของตั๋วโดยสาร หากพิจารณาแล้วว่าน้ำหนักกระเป๋าที่ได้มานั้นไม่เพียงพอควรจะซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มเป็นบริการเสริมในตอนจองตั๋วด้วยจะประหยัดกว่าไปซื้อเพิ่มตอนเช็คอินค่ะ
จำนวนสัมภาระเช็คอินและขนาดของสัมภาระแต่ละชิ้นแล้วแต่สายการบินจะกำหนด แต่น้ำหนักรวมแล้วต้องไม่เกินน้ำหนักกระเป๋าที่ซื้อไว้ โดยทั่วไปจะโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่องได้สูงสุดไม่เกิน 23 กิโลกรัมต่อชิ้นสำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด และห้ามมีของต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องได้ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่เป็นส่วนประกอบซึ่งต้องถือขึ้นเครื่องเท่านั้นค่ะ
ตัวอย่าง การบินไทยกำหนดน้ำหนักสัมภาระของเที่ยวบินภายในประเทศสำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัดไม่เกิน 20-35 กิโลกรัม
นอกจากจะเตรียมกระเป๋าเดินทางให้พร้อมแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมอีกอย่างคือ เอกสารยืนยันตัวตน สำหรับเที่ยวบินในประเทศสามารถใช้บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเพื่อทำการเช็คอิน ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศจะใช้พาสปอร์ตเป็นเอกสารยืนยันตัวตน สิ่งสำคัญที่ต้องระวังอีกอย่างสำหรับเที่ยวบินไปต่างประเทศคือ วีซ่า บางประเทศกำหนดให้ต้องมี ซึ่งหากไม่มีจะโดนปฏิเสธการเข้าเมืองได้ค่ะ
Step 3 ไปสนามบินเตรียมออกเดินทาง
กระเป๋าพร้อม เอกสารพร้อม คราวนี้ถึงเวลาไปสนามบินกันแล้วค่ะ สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อถึงสนามบินคือ การเช็คอินเพื่อรับตั๋วโดยสาร ให้ไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบินที่เราเดินทางด้วย ยื่นเอกสารยืนยันตัวตนให้เจ้าหน้าที่ทำการออกตั๋วโดยสาร ผู้โดยสารที่มีสัมภาระเช็คอินจะทำการโหลดกระเป๋าในขั้นตอนนี้ เมื่อเช็คอินเสร็จสิ้นเราจะได้รับตั๋วโดยสารหรือ Boarding Pass สำหรับใช้ในการขึ้นเครื่องบิน
วิธีเช็คอิน ทำอย่างไรได้บ้าง?
1. เคาน์เตอร์เช็คอิน
ผู้โดยสารจะต้องทำการเช็คอินเพื่อยืนยันตัวตนว่าเรามาถึงแล้วและพร้อมจะเดินทางไปกับเที่ยวบินนี้ ระยะเวลาที่สามารถทำการเช็คอินที่เคาน์เตอร์เช็คอินจึงมีจำกัด ผู้โดยสารจะต้องเผื่อเวลาในการมาเช็คอินด้วย โดยส่วนมากแล้วเวลาเปิด-ปิดของเคาน์เตอร์เช็คอิน คือ
- เที่ยวบินภายในประเทศจะเปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออก 2 ชั่วโมง และปิดบริการ 45 นาที ก่อนเวลาเครื่องออก
- เที่ยวบินระหว่างประเทศจะเปิดบริการ 3 ชั่วโมงก่อนการเดินทางและปิดบริการ 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
ดังนั้น จึงแนะนำให้เผื่อเวลามาถึงสนามบินล่วงหน้า 2 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศและเผื่อเวลา 3 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศค่ะ เหตุที่ต้องเผื่อเวลามากขนาดนี้เป็นเพราะว่าเคาน์เตอร์เช็คอินของแต่ละสายการบินมีผู้ใช้บริการกันอย่างหนาแน่นและอาจแน่นมากจนทำให้เราเช็คอินไม่ทันก็เป็นได้ เผื่อเวลาไว้ก่อนดีกว่าไปไม่ทันเวลานะคะ เพราะที่ผ่านมาก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกเครื่องเพราะเช็คอินไม่ทันค่ะ
2. เช็คอินออนไลน์
เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ปัจจุบันการเช็คอินสามารถทำได้หลายวิธีนอกเหนือจากการไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน นั่นคือการเช็คอินออนไลน์หรือ Web check-in ซึ่งเป็นการเช็คอินด้วยตนเอง หมดปัญหาเรื่องไปเช็คอินไม่ทัน โดยทั่วไปแล้วสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศจะเช็คอินออนไลน์ได้ล่วงหน้า 14 วัน ถึง 4 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศจะเช็คอินได้ล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ถึง 4 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง
หมายเหตุ ระยะเวลาที่ทำการเช็คอินทั้งที่เคาน์เตอร์และทางออนไลน์แต่ละสายการบินไม่เหมือนกัน อย่าลืมเช็คข้อมูลของสายการบินที่จะเดินทางด้วยทุกครั้ง
อย่างไรก็ดี แม้จะเช็คอินออนไลน์ด้วยตนเองมาแล้วยังต้องเผื่อเวลาไปสนามบินล่วงหน้าเช่นเดิมเพราะยังต้องมีเวลาเหลือในการเดินไปที่เกทเพื่อขึ้นเครื่องบินค่ะ โดยเฉพาะผู้โดยสารที่มีสัมภาระต้องโหลดจะต้องมาที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเพื่อทำการโหลดกระเป๋า ข้อดีของการเช็คอินล่วงหน้าคือ ป้องกันการเช็คอินไม่ทันนั่นเองค่ะ ดังนั้น จึงแนะนำให้ผู้ที่เช็คอินมาแล้วล่วงหน้ามาถึงสนามบินอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ และอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนเดินทางสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศค่ะ
การเช็คอินที่เคาน์เตอร์จะได้รับตั๋วกระดาษ ส่วนการเช็คอินออนไลน์จะได้เป็นตั๋วอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Boarding Pass ใช้แทนตั๋วกระดาษได้ จากนั้นก็ถือตั๋วเดินไปยังส่วนผู้โดยสารขาออกเพื่อทำการตรวจกระเป๋า (และตรวจหนังสือเดินทางสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ) เป็นขั้นต่อไปได้เลยค่ะ
Step 4 ตรวจกระเป๋าและรอเวลาขึ้นเครื่องบิน
ผู้โดยสารที่ถือ E-boarding pass และไม่มีกระเป๋าต้องโหลดสามารถตรงไปยังประตูทางออกขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ แต่ก่อนจะไปนั่งรอขึ้นเครื่องได้เราจะต้องทำการตรวจกระเป๋ากันก่อน ซึ่งปกติแล้วแถวตรวจกระเป๋าจะค่อนข้างยาวและใช้เวลานาน บางที่อาจต้องรอนานกว่า 30 นาทีก็มีค่ะ
ผู้โดยสารควรจะไปถึงเกทหรือประตูทางออกขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออกไม่ต่ำกว่า 30 นาที เพราะเจ้าหน้าที่จะเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องและปิดเกทก่อนเวลาออกเดินทาง เวลาเกทปิดแตกต่างกันไปในแต่ละสายการบิน ส่วนมากจะปิดประมาณ 10-20 นาทีก่อนเวลาเดินทาง
เมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่จะเรียกให้ขึ้นเครื่องตามลำดับประเภทของตั๋วโดยสารและโซนที่นั่ง เมื่อขึ้นไปแล้วให้เดินไปนั่งตามเลขที่นั่งที่ระบุใน Boarding Pass ของเรา โดยดูที่ชั้นวางของด้านบนศรีษะจะมีเลขที่นั่งของแถวนั้น ๆ กำกับอยู่ ใครมีกระเป๋าเดินทางให้เก็บที่ชั้นวางด้านบนศรีษะ ส่วนกระเป๋าเล็กให้เก็บไว้ในช่องว่างใต้เบาะด้านหน้าที่นั่งของเราเอง เก็บของเสร็จและได้นั่งเป็นที่เรียบร้อยก็รัดเข็มขัดรอเวลาขึ้นบินได้เลยค่ะ
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ Boarding Pass
ส่วนประกอบหลักของ Boarding Pass หรือตั๋วโดยสาร คือ ชื่อผู้โดยสาร, สนามบินต้นทาง-ปลายทาง, หมายเลขเที่ยวบิน, วันที่เดินทาง, Boarding time, หมายเลขทางออกขึ้นเครื่อง และเลขที่นั่งค่ะ
ข้อสำคัญที่ควรรู้ คือ Boarding Time ไม่ใช่เวลาเครื่องออกแต่เป็นเวลาเรียกขึ้นเครื่อง ใครที่มาถึงเกทก่อนเวลาจะนั่งรอหรือจะไปเดินเล่นพลาง ๆ ก็ได้แค่ต้องกลับมาที่เกทให้ทันเวลาเรียกขึ้นเครื่องค่ะ อย่างในรูปตัวอย่าง E-boarding Pass ด้านล่างเป็นของสายการบินแอร์เอเชีย Boarding Time คือ 08.20 นั่นหมายความว่าเจ้าหน้าที่จะเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องในเวลา 08.20 ส่วนเวลาเครื่องออกก็เป็นไปตามเวลาที่ระบุไว้ตอนเราจองตั๋วนั่นเองค่ะ
ส่วนที่สำคัญอีกอย่าง คือ ประตูทางออกขึ้นเครื่อง (Gate) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช็คดูได้จากจอบอกไฟลท์บินที่จะมีบอกประตูทางออกของเที่ยวบินทั้งหมด ซึ่งจะตั้งอยู่ระยะตามทางเดินไปเกทนั่นเองค่ะ
ที่มาhttps://www.investopedia.com/ask/answers/113015/do-plane-tickets-get-cheaper-closer-date-departure.asphttps://support.airasia.com/s/article/What-are-the-rules-for-cabin-baggage-on-board?language=thhttps://www.airasia.com/aa/inflight-comforts/th/th/baggage.htmlhttps://www.thaiairways.com/th_TH/travel_information/baggage.pagehttps://support.airasia.com/s/article/How-early-do-I-need-to-come-en?language=thhttps://www.thaipbs.or.th/news/content/295316https://www.facebook.com/AOTofficial/posts/https://www.freepik.com/free-vector/flat-design-online-ticket-illustration_144643966.htmlการเดินทางด้วยเครื่องบินไม่ยากอย่างที่คิด ขอแค่เราเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจขั้นตอนต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเวลา ถึงอย่างไรเวลาเหลือก็ย่อมดีกว่าเวลาขาดนะคะ เพียงเท่านี้ก็สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินได้อย่างหมดกังวลแล้วค่ะ :D
0 ความคิดเห็น