รู้หรือไม่!? Jurassic Park ภาพยนตร์ไดโนเสาร์สุดปังความจริงแล้วมีต้นฉบับมาจากนิยาย!

รู้หรือไม่!? Jurassic Park ภาพยนตร์ไดโนเสาร์สุดปังความจริงแล้วมีต้นฉบับมาจากนิยาย!

 

เชื่อว่าคนที่เกิดในช่วงยุค 90 ถึงช่วงต้นๆ ปี 20 จะต้องเคยดูหรือเคยได้ยินชื่อของหนังไดโนเสาร์อย่าง Jurassic Park ผลงานกำกับของคุณ สตีเวน สปีลเบิร์ก( Steven Spielberg) กันมาบ้างใช่ไหมคะ พี่ฮูกก็เป็นอีกคนที่โตมากับแฟรนไชส์นี้เหมือนกัน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นแฟนตัวยงเลยก็ได้ค่ะ ตุ๊กตาเอย โมเดลเอย หนังสือเกี่ยวกับไดโนเสาร์เอย โอโห้ เต็มบ้าน!!

แต่!!! เพื่อนๆ รู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้ว Jurassic Park มีต้นฉบับมาจากนิยายที่ใช้ชื่อเดียวกัน โดยเป็นผลงานของคุณ ไมเคิล ไครช์ตัน(Michael Crichton) ที่เคยได้รับรางวัล Audie award for science fiction ในปี ค.ศ. 2016

บอกได้เลยค่ะว่าในนิยายต้นฉบับมีเนื้อหาที่โหดกว่าในภาพยนตร์ม๊ากก แถมตัวละครบางตัวก็มีความสัมพันธ์ คาร์แรคเตอร์ แทบจะไม่เหมือนกับภาพจำของพวกเราเลย เอ๋…แล้วมันต่างยังไงน่ะหรอคะ ไปค่ะ เดี๋ยววันนี้พี่ฮูกจะยก 15 ข้อแตกต่างของ Jurassic Park ฉบับนิยายกับฉบับภาพยนตร์ มาให้เพื่อนๆ อ่านเองค่ะ

แต่ก่อนจะเข้าเรื่อง พี่ขอทวนเนื้อเรื่องของหนังฉบับย่อๆ กันก่อนดีกว่า เผื่อจะมีคนลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว ฮ่าาา ก็หนังมันเก่าแล้วอ่าเนอะ

เรื่องย่อ Jurassic Park ฉบับภาพยนตร์

จอห์น แฮมมอนด์ ได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์มือดีหลายคนมาเพื่อปลุกชีพไดโนเสาร์ โดยนำเลือดไดโนเสาร์มาจากยุงที่ติดอยู่ในอำพันมาสกัดเป็น DNA และในที่สุดก็สามารถทำมันสำเร็จ แต่ด้วยอุบัติเหตุที่ทำให้พี่พนักงานคนหนึ่งถูกแรปเตอร์ขย้ำตอนขนย้ายน้องเข้ากรง มันก็ทำให้ลุงจอห์น ต้องไปจ้างผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มา ปะกอบไปด้วย ดร.อลัน แกรนด์ และ ดร.เอลลี่ แซทเลอร์ คู่รักนักบรรพชีวินวิทยา / ดร.เอียน มัลคอร์ม นักคณิตศาสตร์ / ทนายความ โดนัลด์ เกนนาโร่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้พวกเขารับรองความปลอดภัยของปาร์คว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนได้ไปทัวร์ในกระเพาะของน้องๆ ก่อนที่มันจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ อีกทั้งเขายังพาหลานๆ ทั้งสองอย่าง ทิม และ เล็กซ์ มาเที่ยวในปาร์คด้วย

แต่เพราะพนักงานคนหนึ่งชื่อ เดนนิส ได้แอบค้าขายกับบริษัทคู่แข่งของลุงจอห์น ได้ตัดไฟทั้งปาร์คเพื่อแอบเข้าไปขโมยตัวอ่อนของไดโนเสาร์ มันก็ทำให้รั้วไฟฟ้าไม่สามารถใช้งานได้อีก เท่านั้นแหละ ความบรรลัยมาเยือนทันที เพราะรั้วไฟฟ้าเป็นตัวป้องกันเดียวที่ไม่ให้น้องๆ หลุดออกมาวิ่งเล่นไปทั่วเกาะ พอไฟดับปุ๊บ น้องๆ ก็หนีออกจากบ้านปั๊บ! ส่วนพี่เดนนิสตัวต้นเรื่องก็ไม่ต้องห่วง เพราะพี่แกก็ไม่รอด ถูกน้องตัวนึงส่งกลับบ้านเก่าคารถ

ส่วนอลันกับพรรคพวกต้องหนีตายจากไดโนเสาร์ที่จะไล่งับพวกเขาแบบไม่รู้จักอิ่ม โดยเฉพาะฝูงแรปเตอร์ที่ไล่มันตั้งแต่กลางเรื่องยันท้ายเรื่อง แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็สามารถหนีขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาได้ ถึงสภาพอาจจะยับเยินไปหน่อยก็เถอะ…ส่วนปาร์คของลุงจอห์นก็ถูกปิดอย่างเป็นทางการ ปล่อยน้องๆ ใช้ชีวิตกันแบบนั้นต่อไปบนเกาะ

อย่างน้อยในตอนจบฉบับภาพยนตร์ก็ยังจบดีเนอะ แต่ถ้าในฉบับนิยายหล่ะ?..จะจบดีแบบนี้ไหมหรือจะแตกต่างไปจากภาพยนตร์ที่พวกเราเคยดูกันมากแค่ไหน… ไปค่ะ เราไปหาคำตอบกัน

15 ข้อแตกต่างของ Jurassic Park ฉบับนิยายและภาพยนตร์

1.ไดโนเสาร์แอบหนีขึ้นไปบนแผ่นดินใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว!?

แค่ในฉากเปิดเรื่องของนิยายก็เดือดแล้วค่ะ เพราะมีไดโนเสาร์ตัวจิ๋วอย่าง โปรคอมซอนาตัส หรือเจ้าคอมปี้แอบขึ้นเรือจนสามารถมาอยู่บนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จ และเจ้าฝูงคอมปี้ก็ได้ไปทำร้ายเด็กคนนึงทำให้เรื่องมันแดงขึ้นมา นั้นเลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ปาร์คของจอห์น แฮมมอนด์ ถูกตรวจสอบความปลอดภัยทันที

แต่ว่า!! ฉบับภาพยนตร์ ฉากสาวน้อยโดนคอมปี้รุมทำร้ายจะไปโผล่ในฉากเปิดเรื่องของหนังภาคที่ 2 อย่าง The Lost World  แทน!

2.จอห์น แฮมมอนด์ ไม่ใช่คุณลุงมหาเศรษฐีใจดี แต่เป็นตาแก่เห็นแก่ตัว!?

เรื่องค่อนข้างใจสลายสักเล็กน้อยสำหรับคนที่ชอบลุงจอห์นเลย เพราะฉบับนิยายเนี่ย ลุงแกค่อนข้างเห็นแก่ตัวเลยค่ะ ลุงเขาไม่ได้จะเปิดสวนเพื่อทำตามความฝัน สร้างความสุขให้แก่เด็ก แต่เปิดเพราะเรื่องเงินล้วนๆ แถมลุงยังหยาบคายด้วย ตลอดทั้งเรื่องจะเห็นลุงแกเอาแต่ด่า เอาแต่โทษพนักงาน ทั้งที่ระบบความปลอดภัยของลุงเองนั้นแหละที่ไม่ได้มาตรฐาน

ส่วนเรื่องหลานๆ แกก็เหมือนจะไม่ค่อยรัก ไม่ค่อยแคร์หลานเท่าไหร่ว่าจะเป็นตายยังไง สาเหตุที่พาหลานมาปาร์คด้วยก็แค่จะให้คุณทนายเกนน่าโร่ ล้มเลิกความคิดที่จะปิดปาร์คก็เท่านั้น..เอ่อ ลุงคะ นั้นหลานลุงนะ..

แต่จุดจบของลุงในฉบับนิยายก็ค่อนข้างโหดเลยค่ะ เพราะลุงแกโดนฝูงน้องคอมปี้รุมสวบ ซึ่งฉบับภาพยนตร์ ฉากการตายของลุงจอห์นก็จะถูกแทนที่ด้วยพี่พรานนึงในหนังภาคที่ 2 แทน

3.ในนิยายน้ำลายของเจ้าจิ๋ว โปรคอมซอนาตัส มีพิษ

ต่อจากข้อที่แล้วกับฉากตายของลุงจอห์นเลยค่ะ ในนิยายจะมีการบรรยายไว้ว่าระหว่างที่ลุงถูกกินเนี่ย น้ำลายของน้องคอมปี้ทำให้ลุงเขารู้สึกผ่อนคลาย ไม่รู้สึกเจ็บทั้งที่ไอ้น้องมันสวบคอลุงแล้ว แต่น่าเศร้าที่ฉบับภาพยนตร์ คุณ สตีเวน ไม่ได้ใส่ความสามารถนี้ของน้องเข้ามาด้วย พี่พรานที่กลายเป็นบุฟเฟ่ต์ของน้องๆ เลยต้องกลับบ้านเก่าแบบทรมาณหน่อย

 

4.อลัน กับ เอลลี่ แท้จริงไม่ใช่คู่รัก แต่เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์!?

ชิปเปอร์ อลันเอลลี่ อย่างพี่ก็ตกใจเหมือนกันค่ะที่รู้ว่าในฉบับนิยายสองคนนี้ไม่ใช่คู่รักแต่เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์ อายุสองคนนี้ก็ห่างกันมากพอสมควรเลย อลันถูกบรรยายไว้ว่าเป็นชายวัย 40 ปี ขณะที่เอลลี่ เป็นนักศึกษาสาววัย 20 กว่าๆ เท่านั้น แถม!! มีฉากนึงในนิยายที่ทิมถามเกี่ยวกับภรรยาของอลัน ทำให้รู้ว่าภรรยาของเขาตายไปแล้ว ส่วนเอลลี่ก็กำลังจะแต่งงานกับหมอคนหนึ่งในซิคาโกปีหน้า

คิดว่าคุณ สตีเวน เลือกจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ตรงนี้ก็เพื่อสร้างความอิมแพคให้เนื้อเรื่องมากขึ้น ก็นะ..ถ้าเป็นคู่รักแล้วใครคนหนึ่งหายไป มันก็คงจะสร้างความกะตือรือร้นที่จะออกตามหากันมากกว่า คิดเล่นๆ ถ้าในหนังสองคนนี้เป็นลูกศิษย์กับอาจารย์กันเหมือนเดิม บางทีเอลลี่อาจจะตามหาอลันเพราะกลัวไม่มีใครออกเกรดให้ก็ได้ ฮ่าา หยอกเล่นนะคะ

5.สองพี่น้อง ทิม กับ เล็กซ์ ถูกสลับบทบาทกัน

หลายคนคงจะมีภาพจำสองคนนี้ว่าเป็นพี่สาวกับน้องชายใช่ไหมคะ แต่จริงๆ ในฉบับนิยายสองคนนี้สลับบทบาทกันนะ โดย ทิม เป็นพี่ชายอายุ 11 ขวบ ส่วนเล็กซ์เป็นน้องสาวอายุแค่ 7 ขวบเท่านั้น ซึ่งน้องเล็กซ์ดูจะเป็นเด็กสายกีฬามากกว่าเนิร์ดคอมพิวเตอร์แบบในหนัง โดยในนิยายมีฉากที่น้องเล่นขว้างลูกบอลกับคุณทนายด้วย(น่าร้ากก) 

และก็เป็นทิมนี่แหละที่เป็นคนใช้คอมพิวเตอร์เปิดระบบความปลอดภัย ส่วนบทบาทของน้องเล็กซ์ก็…กริ๊ดค่ะ น้องกริ๊ดตลอดทั้งเรื่องเลย แต่พี่เข้าใจน้องนะ แค่ตัวเงินตัวทองเข้าบ้าน พี่ยังกริ๊ดบ้านแตก แล้วน้องก็เพิ่ง 7 ขวบแต่เจอทีเร็กซ์ตัวบักควายยืนตรงหน้าก็ไม่แปลกที่จะสติแตก

ซึ่งฉบับภาพยนตร์ก็เลือกที่จะปรับบทตรงนี้ค่ะ ก็อาจจะเพราะอยากให้เจ้าเล็กซ์มีบทบาทสำคัญในเรื่องบ้างอ่านะ

 

6.จริงๆ แล้วอลันค่อนข้างเอ็นดูในตัวทิมกับเล็กซ์เลยนะ

ถึงในหนังเราจะเห็นว่าอลันดูจะไม่ค่อยชอบเด็กสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเขารำคาญเจ้าทิมในช่วงต้นเรื่องเลย แต่ในฉบับนิยาย อลันดูจะเอ็นดูทิมกับเล็กซ์มากเลยนะคะ เขาเป็นฝ่ายชวนน้องคุยด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่าทิมชอบไดโนเสาร์เหมือนกับตัวเองด้วยเลยคุยกันถูกคอ

ส่วนฉากที่พี่ชอบที่สุดคือฉากที่อลันอุ้มน้องเล็กซ์ระหว่างเดินทางกลับไปรวมพล ทิมยังพูดเลยค่ะว่าพ่อไม่ค่อยจะอุ้มน้อง ยิ่งพ่อแม่น้องแยกทางกันก็ทำให้เล็กซ์คิดถึงพ่อเข้าไปใหญ่ พออลันอุ้มน้องแบบนี้ก็เหมือนได้เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของน้องเลย โอยย ยัยหนูลู๊กก

7.ไดโนเสาร์ที่เอลลี่ไปตรวจไม่ใช่สายพันธุ์ไซเทอราทอป แต่เป็นสเตโกซอรัส

ฉากนี้ก็ปรากฏในภาพยนตร์เหมือนกันนะคะ แต่จะมีส่วนที่ต่างกันกับฉบับนิยายก็คือสายพันธุ์ของไดโนเสาร์ที่เอลลี่ไปตรวจ เพราะในนิยายจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ สเตโกซอรัส ส่วนในภาพยนตร์จะแทนที่ด้วยสายพันธุ์  ไซเทอราทอป

ส่วนน้องสเตกอก็จะไปปรากฏตัวอีกทีในหนังภาคที่ 2 เลยค่ะ คราวนี้น้องมากันเป็นฝูงเลย

สเตโกซอรัส ที่ปรากฏตัวในหนังภาค 2
สเตโกซอรัส ที่ปรากฏตัวในหนังภาค 2

 

8.ดร. เอียน มัลคอล์ม ไม่ได้รอดชีวิตไปจากปาร์ค!

มาถึงตัวละครขวัญใจของใครหลายคนรวมถึงพี่ฮูกด้วยอย่าง ดร. เอียน มัลคอล์ม พ่อหนุ่มแพรวพราวที่แอบจีบเอลลี่และคอยพูดทฤษฎีที่เข้าใจยากๆ ตลอดทั้งเรื่อง แต่รู้ไหมคะว่าฉบับนิยาย พี่เอียนไม่รอดค่ะ ไม่ได้ถูกไดโนเสาร์ขย้ำตายนะ แต่พี่เขาทนบาดแผลระหว่างรอเฮลิคอปเตอร์มารับไม่ไหวเลยได้กลับบ้านเก่าแบบน่าเสียดาย

แต่ๆๆๆ ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ เพราะบทพี่แกถูกเปลี่ยนอีกครั้งในนิยายภาคที่ 2 โดยพี่เอียนให้เหตุผลว่า “รัฐบาลเข้าใจว่าผมตายแล้ว แต่ความจริงผมแค่ตายเล็กน้อยเท่านั้น”  อืม..ก็สมกับเป็นพี่เขาดีค่ะ  ชอบพูดอะไรเข้าใจยาก

9.แท้จริงแล้ว ดร. เฮนรี่ วู 
ผู้คืนชีพให้แก่ไดโนเสาร์ทุกตัว ถูกขย้ำตายตั้งแต่ภาคแรก

หลายๆ คนคงจำพ่อหนุ่มหน้าตี๋อย่าง ดร.เฮนรี่ วู ผู้สร้างไดโนเสาร์ทั้งปาร์คกันได้ เพราะเขาโผล่มาตั้งแต่ Jurassic Park ภาคแรก ไปจนถึงภาคใหม่อย่าง Jurassic World ถือว่าพี่เขาเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ แต่ฉบับนิยายเขาไม่ได้มีชีวิตยืนยาวเหมือนฉบับภาพยนตร์นะ เพราะพี่เฮนรี่ถูกน้องแรปเตอร์ขย้ำตายไปตั้งแต่นิยายเล่มแรกแล้ว 

ส่วนสาเหตุที่ฉบับภาพยนตร์ยังให้พี่เขามีชีวิตรอดจนจบก็เพื่อจะมีทางปูไปยังภาคต่อได้เรื่อยๆ นั้นเองค่ะ 

10.แท้จริงแล้วทนาย โดนัลด์ เกนนาโร่ เป็นตัวแบกประจำทีม!

เชื่อว่าตัวละครที่ถูกยกให้เป็นตัวที่ตายอนาถที่สุดก็คงจะเป็นคุณทนายเกนนาโร่ ที่ถูกทีเร็กซ์ขย้ำคาส้วมนี่แหละ แต่รู้ไหมคะว่าฉบับนิยาย คุณทนายเป็นตัวแบกของเรื่องเลย แถมเขาก็เป็นหนุ่มวัย 30 กล้ามบึกที่ต่อยหน้าแรปเตอร์จนคว่ำ แบบ ถามจริงพี่!! นั้นแรปเตอร์นะ พี่ต่อยซะเป็นหมาเลย! คือเรียกได้ว่าถ้าไม่มีคุณทนายคนนี้อาจจะได้ตายยกตี้ไปแล้วก็ได้ แต่ถ้าในหนังเอาบทนี้ให้คุณทนาย บางทีอลันอาจจะไม่ได้เป็นพระเอกก็ได้ ฮ่าๆๆ

ส่วนบทคนใจร้ายทิ้งเด็กน้อยแล้วหนีออกจารถจนโดนทีเร็กซ์สวบจะเป็นของตัวละครที่ไม่ได้ปรากฏในหนังอย่าง เอ็ด เรจิส แทน

 

11.ไดโนเสาร์บินได้ปรากฏตัวตั้งแต่นิยายภาคแรก!?

แฟนๆ อาจจะจำหนัง Jurassic Park ภาค 3 ได้ว่าจะมีฉากโหนเครื่องร่อนเพื่อหนีน้องๆ ไดโนเสาร์มีปีก แต่ในฉบับนิยาย น้องมีปีกปรากฏตัวตั้งแต่ในนิยายภาคแรกแล้วค่ะ จะเป็นฉากที่อลันกับเด็กๆ หลงเข้าไปในโดมเลี้ยงนกแล้วถูกโจมตีโดยฝูงไดโนเสาร์มีปีกสายพันธุ์ ซีราแด็ค ทำให้ต้องวิ่งหนีตายกันออกมา แต่ก็ไม่มีฉากเล่นเครื่องร่อนแบบในหนังภาค 3 นะคะ แหม ถ้ามีคงจะมันส์น่าดู

12.Jurassic Park ถูกทำลายในตอนจบ

เป็นที่น่าเสียดายค่ะ เพราะฉบับนิยาย หลังจากลุงจอห์นตาย ทางรัฐบาลก็ได้สั่งทิ้งระเบิดลงบนเกาะอิสลาร์ นูบลาร์ ที่เป็นที่ตั้งของปาร์ค แล้วก็ บู้มม!!! น้องๆ ตายเรียบ..เสียใจด้วย อิสลาร์ นูบลาร์ ไม่ได้ไปต่อ…

แต่!! เรื่องก็ได้มาเฉลยในนิยายภาคที่ 2 ค่ะว่าจริงๆ ลุงจอห์นเขามีเกาะถึง 2 เกาะ!? เพราะเกาะที่ถูกทิ้งระเบิดไปเป็นแค่สถานที่ใช้จัดแสดง ส่วนอีกเกาะหนึ่งชื่อ อิสลาร์ ซอร์น่า ถูกใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ไดโนเสาร์ และเกาะนี้แหละที่พี่เอียนผู้ฟื้นจากความตายของเราจะต้องกลับมาวิ่งเล่นกับน้องๆ อีกครั้ง ก็..สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจ!

13.ไดโนเสาร์ในนิยายมีความฉลาดมากกว่า

ในหนังก็ว่าพวกแรปเตอร์ฉลาดแล้วนะคะ แต่ในนิยายฉลาดยิ่งกว่า น้องรู้จักการวางแผน การออกล่าเป็นหมู่ การรอซุ่ม แล้วก็ทดสอบรั้วไฟฟ้า และในตอนจบของนิยายก็มีบอกไว้นัยๆ ว่าน้องแรปเตอร์สามารถวางแผนจนหนีขึ้นมาบนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จแล้วผ่านเรือสินค้า   คือแค่ในหนังน้องเปิดประตูได้ก็ว่าน่ากลัวแล้ว นี่น้องเล่นหนีออกจากเกาะมาเลยเรอะ!

ไม่ใช่แค่แรปเตอร์ที่ฉลาดนะ เราจะได้เห็นความฉลาดของทีเร็กซ์ผ่านฉากที่น้องมองไม่เห็นอลันเพราะเขายืนอยู่นิ่งๆ น้องเลยใช้วิธีคำรามเพื่อข่มขวัญรอให้เหยื่อขยับเอง ดีนะ..ที่อลันมีสติ ไม่งั้นโดนงาบ ปิดตำนาน ดร.อลัน แกรนด์ ตั้งแต่กลางเรื่องแน่!

14. ในนิยายมีความน่ากลัว โหด ดิบ เลือดสาด
มากกว่าฉบับภาพยนตร์อีก!!

ถ้าในหนังว่าโหดแล้ว ฉบับนิยายก็ให้คูณเข้าไปอีก 10 เท่าค่ะ เพราะคุณไมเคิล นักเขียนของเรื่องนี้ใส่ฉากการตายของแต่ละตัวละครแบบจัดเต็ม ซึ่งสำหรับพี่ พี่ขอยกฉากการตายของ เดนนิส ที่ถูกไดโนเสาร์กรีดหน้าท้องก่อนกินเขาทั้งเป็นให้เป็นฉากการตายที่สยองที่สุดในเรื่องค่ะ แล้วก็ยังมีฉากที่ทิมโยนลูกแรปเตอร์ให้แรปเตอร์ตัวโตรุมฉีกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจอีก ตอนอ่านพี่นั่งอึ้ง ได้แต่กรีดร้องในใจว่า ไม่นะน๊องงง!!!

ถ้าฉบับภาพยนตร์ไม่ได้ลดความดิบ โหดนี้ลง รับรองว่าหนังจะเปลี่ยนจากเรท PG เป็นเรท R แน่นอนค่ะ!!

15.ในนิยายมีการใช้ใช้คำศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์
มากกว่าฉบับภาพยนตร์

อีกหนึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องภาษาค่ะ เพราะฉบับนิยายจะมีการใช้ศัพท์เฉพาะหรือพวกศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เกือบตลอดทั้งเรื่องเลย อ่านทีก็ต้องแวบกลับมาดูว่า เห้ย คำนี้คืออะไรอะ??? คืองงมากก ไอ้เราก็ไม่ใช่เด็กสายวิทย์ซะด้วย ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย

และก็เป็นโชคดีของพวกเราค่ะที่ฉบับภาพยนตร์ ข้อมูลหรือศัพท์อะไรพวกนี้ถูกย่อยมาเป็นคำอธิบายง่ายๆ จบในไม่กี่นาทีเพื่อให้คนดูทุกวัยสามารถเข้าถึงเนื้อเรื่องได้ง่ายขึ้นนั้นเอง


******************
 

เป็นยังไงกันบ้างคะกับความแตกต่างระหว่าง Jurassic Park ฉบับนิยายและภาพยนตร์ ตอนแรกที่พี่อ่านก็แอบตกใจนะคะแบบ โห้…ขนาดนี้เลยหรอ ถ้าเอาฉากตามนิยายเป๊ะๆ นี่รับรองว่าเด็กๆ เก็บไปฝันร้ายหรือไม่ก็กลัวไดโนเสาร์ไปตลอดชีวิตแน่นอนค่ะ ฮ่าาา ขนาดในหนัง ฉากที่เอลลี่ไปห้องควบคุมเพื่อเปิดไฟฟ้าแล้วเจอแรปเตอร์โผล่มาจ๊ะเอ๋ก็ทำเอาสะดุ้งแล้ว ไหนจะตอนเจอแขนของพี่เรย์ในห้องควบคุมนี่ก็สยองไปหลายวันแล้ว

ฉบับหนังก็ว่าโหดแล้ว ฉบับนิยายนี่ยิ่งกว่า ฉากโดนไดโนเสาร์กินนี่โหดม๊ากกก ตายไม่สวยเลยสักคน  แถม!! ฉากพีคสำหรับพี่ฮูกก็คือฉากที่ทิมโยนลูกแรปเตอร์ให้พวกตัวโตกว่ารุมทึ้งนี่แหละ คือ!! เห้ยยย!! ก็รู้แหละว่าอาจจะต้องทิ้งน้องไว้ด้านหลัง แต่ไม่ได้คิดไงว่าจะโยนน้องให้ไอ้พวกเบิ้มนั้นกินน!! แม่เจ้าโว้ยยย!!

แต่ไม่ว่าจะเป็นฉบับนิยายหรือฉบับภาพยนตร์ พี่ฮูกก็คิดว่าสนุกทั้งคู่ค่ะ ในนิยายก็ได้เห็นหลายๆ มุมของตัวละคร ส่วนฉบับภาพยนตร์ก็ทำให้เห็นความยิ่งใหญ่ของไดโนเสาร์เป็นแบบรูปเป็นร่างมากขึ้น ซึ่งพี่ขอสารภาพตรงนี้ว่าตอนเด็กพี่เคยคิดว่าทีมงานเอาไดโนเสาร์ตัวจริงมาถ่ายแล้วก็กลัวโดนแรปเตอร์บุกบ้านด้วย ฮ่าาา

แล้วเพื่อนๆ หล่ะคะ มีใครชอบหรือโตมาพร้อมกับแฟรนไชส์ Jurassic Park กันบ้างง หรือใครที่เคยอ่านฉบับนิยายมาแล้วก็สามารถมาพูดคุยหรือแชร์ความคิดเห็นกันได้นะคะ! สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ

พี่ฮูก

 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากhttps://www.michaelcrichton.com/works/jurassic-park/https://movieweb.com/jurassic-park-biggest-differences-between-movie-and-book/https://www.cbr.com/jurassic-park-movie-book-differences/https://chrism227.wordpress.com/2016/10/26/jurassic-park-novelmovie-differences-the-dinosaurs/https://www.looper.com/904288/all-the-major-differences-between-the-jurassic-park-novel-and-film/https://www.imdb.com/title/tt0119567/characters/nm0001780https://screenrant.com/jurassic-park-what-happened-to-john-hammond/https://www.longtake.it/news/da-jurassic-park-a-jurassic-world-la-meraviglia-perdutahttps://www.cbr.com/alan-grant-elli-sattler-relationship-sad-jurassic-park/https://www.empireonline.com/movies/reviews/jurassic-park-lost-world-review/https://www.thehindu.com/entertainment/movies/jeff-goldblum-hints-at-end-of-the-road-for-his-jurassic-park-character-dr-ian-malcolm/article68755501.ecehttps://www.jurassicworlduniverse.com/jurassic-park-3/https://screenrant.com/jurassic-park-alan-grant-book-character-change-good/

 

พี่ฮูก
พี่ฮูก - Columnist นกฮูกที่ชอบอ่าน ชอบแต่งนิยายตอนกลางคืน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น