นักศึกษาต้องรู้! สิทธิสวัสดิการพิเศษทั้งในและนอกมหา'ลัย
สวัสดีค่ะน้อง ๆ Dek-D ทุกคน รู้ไหมคะว่าการที่ได้เข้าไปเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว เรื่องที่น้อง ๆ ควรรู้เลยนั่นก็คือ สิทธิประโยชน์สวัสดิการต่าง ๆ ที่น้องนักศึกษาได้รับเพื่อช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น
เป็นนักศึกษาทั้งทีในช่วงนึงของชีวิตก็ควรรู้สิทธิสวัสดิการนักศึกษาเอาไว้ เพื่อที่จะได้นำสิทธิต่าง ๆ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และไม่ควรพลาดก่อนที่จะเรียนจบเพราะถ้าพลาดแล้วต้องมาเสียดายทีหลังแน่ ๆ วันนี้พี่นิ้งพามารู้จักสิทธิสวัสดิการนักศึกษาว่ามีอะไรบ้างกันค่ะ
หมายเหตุ : สิทธิสวัสดิการต่าง ๆ ของแต่ละมหาวิทยาลัยอาจจะแตกต่างกัน

สิทธิสวัสดิการของนักศึกษาคืออะไร?
สิทธิสวัสดิการนักศึกษา คือ บริการและสิทธิประโยชน์ที่มหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักศึกษา โดยครอบคลุมหลากหลายด้าน เช่น ด้านการเงิน สุขภาพ ที่อยู่อาศัย อาหาร และการแนะแนวอาชีพ ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยให้การใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
ความสำคัญสิทธิสวัสดิการของนักศึกษา
สิทธิสวัสดิการของนักศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและประสบการณ์ทางการศึกษาโดยตรง ทั้งในด้านความเป็นอยู่ สุขภาพกายและใจ รวมไปถึงโอกาสในการพัฒนาตนเองเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต การมีระบบสวัสดิการที่ดีและครอบคลุมจะช่วยให้นักศึกษาสามารถใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ลดอุปสรรคที่อาจส่งผลต่อการเรียนรู้ และช่วยให้พวกเขาสามารถบรรลุเป้าหมายทางการศึกษาได้อย่างเต็มศักยภาพ
รู้ยัง? สิทธิสวัสดิการพิเศษของนักศึกษามีอะไรบ้าง
1.สิทธิสวัสดิการด้านการศึกษา
สวัสดิการด้านการศึกษา มีความสำคัญมากไม่น้อยกว่าสวัสดิการในด้านอื่น ๆ ด้วยการศึกษานั้นเป็นแก่นกลางของนโยบายทางสังคม โดยการศึกษานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะในแง่ของการศึกษาขึ้นพื้นฐาน (ก่อนอุดมศึกษา) เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาและการฝึกอาชีพในลักษณะอื่น ๆ ก็เป็นสวัสดิการที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ เพราะการศึกษาและการฝึกอาชีพนั้น เป็นกลไกที่จะนำไปสู่การพัฒนาและเพิ่มมูลค่าชีวิตมนุษย์ให้เพิ่มขึ้นได้
- ทุนเรียนดี เป็นทุนการศึกษาที่ให้แก่นักเรียน นักศึกษา ที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย สนับสนุนความสามารถทางสติปัญญาเป็นทุนให้เปล่า ไม่มีเงื่อนไขผูกมัด มีทั้งแบบให้ต่อเนื่องจนจบหลักสูตรการศึกษาและไม่ต่อเนื่องให้ในระยะสั้น
- ทุนสนับสนุนกิจกรรม สำหรับนักศึกษาที่มีความสามารถพิเศษด้านกีฬา ศิลปวัฒนธรรม หรือผลงานโดดเด่นในกิจกรรมของมหาวิทยาลัย
- กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กองทุนของรัฐบาลไทยที่ให้เงินกู้แก่นักเรียนและนักศึกษาเพื่อใช้เป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และค่าครองชีพ โดยมีเงื่อนไขให้ผ่อนชำระคืนภายหลังเมื่อจบการศึกษาและมีรายได้
- สิทธิในการใช้ห้องสมุดและทรัพยากรการเรียนรู้ การยืม คืนหนังสือและสื่อการเรียนรู้ นักศึกษาสามารถยืมหนังสือ วารสาร และสื่อดิจิทัลได้ตามจำนวนและระยะเวลาที่กำหนด สามารถต่ออายุการยืมหนังสือผ่านระบบออนไลน์ได้ หากไม่มีผู้จอง การเข้าถึงฐานข้อมูลและแหล่งความรู้ดิจิทัล นักศึกษาสามารถใช้ฐานข้อมูลวิชาการ บทความวิจัย และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ห้องสมุดจัดหาให้ มีบริการอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์สำหรับสืบค้นข้อมูล พื้นที่อ่านหนังสือและห้องศึกษากลุ่ม มีพื้นที่เงียบสงบสำหรับอ่านหนังสือและทำงาน มีห้องสำหรับทำงานกลุ่มที่สามารถจองล่วงหน้าได้ บริการให้คำปรึกษาด้านการค้นคว้า บรรณารักษ์พร้อมช่วยเหลือในการค้นหาหนังสือ งานวิจัย และข้อมูลที่ต้องการ มีเวิร์กช็อปการใช้ฐานข้อมูลและเครื่องมือการศึกษา
2. สิทธิสวัสดิการด้านสุขภาพและทางการแพทย์
สิทธิที่นักศึกษามีในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และการรักษาพยาบาล ซึ่งอาจมาจากสวัสดิการของมหาวิทยาลัย รัฐบาล หรือประกันสุขภาพ
- การรักษาพยาบาลเบื้องต้น ส่วนมากในทุก ๆ มหาลัยจะมีบริการด้านสุขภาพและทางการแพทย์ให้นักศึกษาที่ศูนย์การแพทย์หรือสถานพยาบาลของมหาวิทยาลัย ให้คำปรึกษาและจ่ายยาเบื้องต้นฟรีหรือในราคาถูก และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นในกรณีฉุกเฉิน
- สิทธิการเข้าถึงโรงพยาบาลของรัฐ นักศึกษามักได้รับสิทธิการรักษาฟรีหรือในราคาพิเศษที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) หรือสิทธิประกันสังคมหากเป็นผู้ประกันตน
- ประกันสุขภาพนักศึกษา บางมหาวิทยาลัยมีประกันสุขภาพให้ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล อาจรวมถึงค่ารักษาอุบัติเหตุหรือโรคร้ายแรง
- การตรวจสุขภาพประจำปี บริการตรวจสุขภาพฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายต่ำการตรวจสุขภาพก่อนเข้าเรียนในบางสถาบัน
- บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต บริการแนะแนวและให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาฟรี การให้คำปรึกษาสำหรับปัญหาความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
- โครงการรณรงค์สุขภาพและฉีดวัคซีน หลาย ๆ มหาลัยมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เช่น โรคติดต่อ และโภชนาการ บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรค เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไวรัสตับอักเสบ และ HPV
- บริการการด้านทันตกรรม ในทุกมหาลัยจะมีนักศึกษาคณะทันตแพทยศาสตร์อยู่แลัว และก็ยังมีบริการทำฟันให้กับนักศึกษาในราคาถูก ในการใช้บริการบางเคสนักศึกษาคณะทันตแพทยศาสตร์อาจจะเป็นคนทำให้เพื่อที่จะได้ฝึกทำงานจริงในอนาคต
ตัวอย่าง : สวัสดิการด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยมหิดล
1. รับบริการรักษาพยาบาลทางด้านร่างกายและจิตใจ รพ.สังกัด ม.มหิดล ได้ทุกแห่ง
2. รับบริการรักษาทางทันตกรรมพื้นฐาน (อุดฟัน, ถอนฟัน, ขูดหินปูน และผ่าฟันคุด) รพ.สังกัด ม.มหิดล ได้ทุกแห่ง
3. วงเงินค่ารักษาคนละ 30,000 บาทต่อปีการศึกษา
4. กรณีอยู่ในรายการที่สวัสดิการนักศึกษาครอบคลุม ไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน
**นักศึกษาต้องนำบัตรนักศึกษาและบัตรประชาชนไปแสดงตนทุกครั้งที่รับบริการ**
3. สิทธิด้านสวัสดิการทางสังคมและเศรษฐกิจ
สิทธิที่รัฐจัดให้แก่ประชาชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยสิทธิเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การรับประกันว่าทุกคนจะได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในด้านต่าง ๆ
- สิทธิในการเข้าพักหอพักนักศึกษา นักศึกษามีสิทธิสมัครเข้าพักใน หอพักของมหาวิทยาลัย ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าหอพักเอกชน หอพักของรัฐหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งอาจให้ ที่พักฟรี หรือคิดค่าเช่าราคาถูกสำหรับนักศึกษาที่ยากจนหรือมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไข
- สิทธิในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของหอพัก นักศึกษาที่พักในหอของมหาวิทยาลัยมักจะได้รับสิทธิใช้ ไฟฟ้า น้ำประปา และอินเทอร์เน็ตในราคาประหยัด สิทธิในการเข้าถึง พื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้องอ่านหนังสือ โรงยิม สนามกีฬา หรือโรงอาหารในราคาถูก
- งานพาร์ทไทม์และฝึกงาน หลายมหาลัยมีการสนับสนุนงานพาร์ตไทม์และโครงการฝึกงานเพื่อให้นักศึกษามีรายได้และประสบการณ์การทำงาน
4. สิทธิสวัสดิการด้านการเดินทาง
นักศึกษาในประเทศไทยสามารถรับสิทธิประโยชน์ด้านการเดินทางจากบริการขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ได้โดยส่วนมากจะเป็นการลดราคาค่าโดยสารค่ะ
รถไฟฟ้า BTS:
- บัตรแรบบิทสำหรับนักเรียน/นักศึกษา นักเรียนและนักศึกษาที่มีอายุไม่เกิน 23 ปีบริบูรณ์ สามารถสมัครบัตรแรบบิทประเภทนักเรียน/นักศึกษา เพื่อรับสิทธิประโยชน์เฉพาะ เช่น ส่วนลดค่าโดยสาร
- แพ็กเกจเที่ยวเดินทาง Xtreme Savings บัตรแรบบิทมีแพ็กเกจเที่ยวเดินทาง เช่น 35, 25, 15 เที่ยว (อายุการใช้งาน 30 วัน) และ 10 เที่ยว (อายุการใช้งาน 60 วัน) เพื่อประหยัดค่าโดยสาร
- แลกพอยท์รับเที่ยวเดินทางฟรี สมาชิก Rabbit Rewards สามารถแลก 200 พอยท์ เพื่อรับฟรี 1 เที่ยวเดินทางรถไฟฟ้า BTS สำหรับผู้ถือบัตรแรบบิทประเภทนักเรียน/นักศึกษา
รถไฟฟ้า MRT:
- บัตรนักเรียน/นักศึกษา (Student Card): นักเรียนและนักศึกษาที่มีอายุไม่เกิน 23 ปี สามารถสมัครบัตรนี้เพื่อรับส่วนลด 10% จากอัตราค่าโดยสารปกติทุกเที่ยวการเดินทาง โดยต้องแสดงบัตรนักเรียน/นักศึกษา ควบคู่กับบัตรประชาชนเมื่อได้รับการตรวจสอบ
เพื่อใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ นักศึกษาควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของแต่ละบริการ และเตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรนักศึกษา หรือหนังสือรับรองการเป็นนักศึกษา เพื่อยืนยันสิทธิ์ในการรับข้อเสนอพิเศษดังกล่าว
5. สิทธิส่วนลดในการซื้อของสำหรับนักศึกษา
น้อง ๆ นักศึกษารู้ไหมคะว่าการที่กำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาลัย มีบัตรนักศึกษา จะมีสิทธิ์ส่วนลดพิเศษต่าง ๆ ตามร้านค้ามากมายเลย ขอยกตัวอย่างร้านค้ามาตามนี้
Apple Store
- ส่วนลด: ลดราคาอุปกรณ์ Apple เช่น MacBook, iPad
- รายละเอียด: นักศึกษาสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ในราคาลดพิเศษ
Spotify
- ส่วนลด: Spotify Premium for Students
- รายละเอียด: นักศึกษาสามารถสมัคร Spotify Premium ในราคาครึ่งหนึ่งจากราคาปกติ
UNiDAYS
- ส่วนลด: ส่วนลดจากแบรนด์ต่างๆ เช่น Nike, ASOS, Apple
- รายละเอียด: นักศึกษาสามารถใช้ส่วนลดในหลายร้านค้าชั้นนำผ่านการสมัครสมาชิกกับ UNiDAYS
Sephora
- ส่วนลด: 10% สำหรับนักศึกษา
- รายละเอียด: นักศึกษาสามารถใช้ส่วนลดเมื่อซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจาก Sephora
Cinema
- ส่วนลด: ราคาตั๋วหนังราคาถูกสำหรับนักศึกษา
- รายละเอียด: โรงภาพยนตร์หลายแห่ง เช่น Major Cineplex และ SF Cinema มักมีโปรโมชันสำหรับนักศึกษาทุกช่วงเวลา

6. สิทธิเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ
น้อง ๆ นักศึกษาจะมีสิทธิในการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เช่น Work and Travel, Work and Holiday, หรือโครงการแลกเปลี่ยนต่างประเทศ แต่จะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับอายุ ซึ่งแต่ละโครงการจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเทศและประเภทโครงการที่ต้องการจะไป
1. Work and Travel
โครงการ Work and Travel USA เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยไปทำงานและท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกาในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเรียนรู้การทำงานในสังคมอเมริกัน ผู้เข้าร่วมจะได้สัมผัสวิถีชีวิตต่างชาติและพัฒนาทักษะในการปรับตัวและแก้ปัญหา ซึ่งหลังจากโครงการต้องกลับมาศึกษาต่อ
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ Work and Travel USA
- เป็นนักศึกษาแบบเต็มเวลา (full-time) ที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโททุกชั้นปี ในสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย
- มีอายุระหว่าง 18-26 ปี
- สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี
- มีความรับผิดชอบ อดทน พร้อมที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมาย
- มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีปัญหาที่อาจส่งผลต่อการทำงาน
- มีความตั้งใจและเข้าใจวัตถุประสงค์ของโครงการ Work and Travel USA เป็นอย่างดี สามารถปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ได้
- ประเภทวีซ่า J-1
ระยะเวลา: นิสิตและนักศึกษาสามารถสามารถเข้าร่วมโครงการ Work and Travel USA ให้ตรงกับช่วงปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยตนเองใน Season Spring หรือ Summer ซึ่งสามารถทำงานได้สูงสุด 4 เดือน
นักศึกษาต้องมีสถานะทางการศึกษาที่ดี ไม่ใช่ผู้ที่จบการศึกษาแล้ว และต้องไม่มีปัญหาทางกฎหมาย
2. Work and Holiday
Work and Holiday คือ โครงการแลกเปลี่ยนที่สนับสนุนให้เยาวชนได้ออกไปเรียนคอร์สระยะสั้น ทำงานชั่วคราว และท่องเที่ยวในออสเตรเลียเพื่อเปิดโลกทัศน์ หาประสบการณ์ชีวิต ฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษ รวมถึงเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง โดยจะเป็นการให้วีซ่าถูกกฎหมายเป็นระยะเวลา 1 ปี
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ Work and Holiday
- สัญชาติไทย
- อายุ 18-30 ปี
- ต้องเดินทางคนเดียว (ไม่สามารถพาผู้ติดตามไปด้วย)
- มีสุขภาพแข็งแรง
- ต้องมีหลักฐานทางการเงินเป็นบัญชีออมทรัพย์ของผู้สมัคร มูลค่าอย่างน้อย 5,000 AUD มีหลักฐานแสดงทักษะภาษาอังกฤษ (คนส่วนใหญ่นิยมใช้ IELTS หรือ TOEFL)
- IELTS ประเภทใดก็ได้ คะแนนไม่ต่ำกว่า 4.5 ในทุกทักษะ มีอายุไม่เกิน 1 ปี
- TOEFL iBT มีอายุไม่เกิน 1 ปี คะแนนover all ไม่ต่ำกว่า 32
- PTE Academic คะแนน over all ไม่ต่ำกว่า 30
- Cambridge English: CAE คะแนน over all ไม่ต่ำกว่า 147
ระยะเวลา: สามารถเรียนคอร์สระยะสนั้นได้สูงสุด 4 เดือน (17 สัปดาห์)
สามารถทำงานประเภทใดก็ได้ แต่สามารถทำงานกับนายจ้างที่หนึ่งได้ไม่เกิน 6 เดือน
3. Work and Study
โครงการที่เปิดให้คนที่เข้าร่วมโครงการสามารถทำงานพร้อมกับเรียนไปด้วยได้อย่างถูกกฎหมายโดยส่วนใหญ่โครงการนี้จะช่วยให้นักเรียนสามารถหารายได้เสริมระหว่างเรียน เพื่อนำมาช่วยในค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าที่พัก ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังช่วยให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะทางภาษา ทักษะการทำงาน และสร้างประสบการณ์ที่มีประโยชน์ในอนาคต
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ Work and Study
- อายุขั้นต่ำ 18 ปีขึ้นไป
- มีวุฒิการศึกษาตามที่โครงการกำหนด (เช่น มัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า)
- มีผลสอบภาษาอังกฤษ เช่น IELTS หรือ TOEFL ตามเกณฑ์ที่กำหนด
- มีสถานะนักเรียนหรือนักศึกษาในสถาบันการศึกษาที่ได้รับการรับรอง
- มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติอาชญากรรม
- มีหลักฐานทางการเงินเพียงพอในการเดินทางและใช้ชีวิตในช่วงแรกของโครงการ
- ประเภทวีซ่า Student Visa (Subclass 500)
ประเทศยอดนิยมสำหรับโครงการ Work And Study
- แคนาดา: สามารถทำงานได้ 20 ชั่วโมง/สัปดาห์ ระหว่างเปิดภาคเรียน และทำงานได้เต็มเวลาในช่วงปิดเทอม มีหลักสูตรที่เปิดสอนหลากหลายทั้งภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสแถมได้รับโอกาสในการขอใบอนุญาตทำงานหลังเรียนจบ (Post-Graduation Work Permit)
- ออสเตรเลีย: สามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมง/สองสัปดาห์ ระหว่างเปิดภาคเรียน และทำงานได้เต็มเวลาในช่วงปิดเทอม มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำค่อนข้างสูงและมีหลักสูตรเรียนภาษาที่หลากหลาย
- สหรัฐอเมริกา: สามารถทำงานได้เฉพาะในวิทยาเขตของสถาบันการศึกษาในช่วงปีแรกหากเข้าร่วมโครงการ OPT (Optional Practical Training) สามารถทำงานได้สูงสุด 12 เดือน หลังเรียนจบ
ระยะเวลา: 6 เดือน – 1 ปี หรือ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของคอร์สเรียน (สูงสุดของระยะเวลาวีซ่าคือ 5 ปี)
4. Internship
โครงการฝึกงานอย่างถูกต้องตามกฏหมาย (J-1 Internship) เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาและ บุคคลทั่วไป ได้ฝึกงานตามสาขาที่เรียนจบมาหรือมีประสบการณ์ตามสายงานนั้น 5 ปีขึ้นไป เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 12 – 18 เดือน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าสู่โลกของการทำงาน และเพิ่มประสบการณ์การทำงานให้กับนักศึกษา รวมทั้งเปิดโอกาสการเรียนรู้วัฒนธรรมและวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานจากนานาประเทศ
คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ Internship
- อายุไม่เกิน 34 ปี
- กำลังศึกษาระดับปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือสำเร็จการศึกษาแล้วไม่เกิน 1 ปี ในสาขาวิชาที่ต้องการไปฝึกงาน (นับถึงวันที่ดำเนินการเอกสารการเดินทาง)
- มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับพอสื่อสารได้
- มีมนุษย์สัมพันธ์ดี ทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน และสามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้
- มีทัศนคติเชิงบวก และมีความเข้าใจที่ถูกต้องในวัตถุประสงค์ของการเข้าร่วมโครงการ
- มีความพร้อมในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ และรับมือกับความเปลี่ยนแปลงรอบตัวอันเกิดเนื่องมาจากความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้
- มีทัศนคติที่ดีต่อการเข้าร่วมโครงการ และความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย
ระยะเวลา: สามารถเข้าร่วมโครงการระยะเวลา 12 เดือน
5. ทุนเรียนต่อต่างประเทศ
การเดินทางไปศึกษาต่อในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งอาจเป็นการเรียนในระดับมัธยมศึกษา อุดมศึกษา หรือหลักสูตรระยะสั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากบ้านเกิด
เรียนต่อนอก ทุนต่างประเทศ ตามข่าวสารได้ที่นี่สิทธิสวัสดิการที่มหาวิทยาลัยมีให้น้อง ๆ นักศึกษามีอีกเยอะมาก อันนี้ถือว่าเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่พี่นิ้งนำมาแชร์ให้รับรู้ ยังไงก็ตามน้อง ๆ อย่าลืมใช้สิทธิสวัสดิการก่อนที่จะเรียนจบหรืออายุเกินกำหนดกันนะคะ และใครยังมีสิทธิสวัสดิการดี ๆ อะไรให้นักศึกษาอีกก็มาคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะคะ
ที่มา: https://krt.thaieduforall.org/content/page/choicetoon.htmlhttps://www.ubu.ac.th/web/welfare/content/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2/https://pridi.or.th/th/content/2021/05/708https://mustudent.mahidol.ac.th/mufaq/q0065/https://www.bts.co.th/tickets/ticket-rabbit.htmlhttps://metro.bemplc.co.th/Ticket-Token?ty=3https://www.sephora.co.th/pages/store-promotionshttps://www.hotcourses.in.th/study-in-australia/applying-to-university/update-information-of-australia-work-and-holiday-visa/https://www.bangkoksuccess.com/education/work-and-study-prep-guide/https://www.engenius.co.th/internship-trainee/
0 ความคิดเห็น