เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน : กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง?

เกือบ 20 ปีในวงการการศึกษา กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา ใครว่าเด็กไทยต้องสอบแค่กลางภาค หรือปลายภาคเท่านั้น? ยังมีการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่เรียกได้ว่าเป็นสนามสอบสำคัญระดับชาติ นอกจากนี้ ยังมีการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นต่าง ๆ เช่น ม.1 และ ม.4 รวมถึงการสอบวัดระดับความรู้ด้านต่าง ๆ สอบแข่งขันวิชาการอีกมากมายที่เด็กไทยต้องเจอ 

วันนี้คอลัมน์ ‘เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน’ รวบรวมมาให้แล้วว่ากว่าจะเรียนจบเด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง? เพื่อให้น้องๆ รวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองจะได้เตรียมตัวและวางแผนการศึกษากันได้อย่างเหมาะสม

เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน : กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง?
เรื่องนี้โรงเรียนไม่ได้สอน : กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง?

กลุ่มที่ 1 สอบเข้าศึกษาต่อระดับชั้น ม.1 และ ม.4

ระบบการสอบเข้า ม.1 และ ม.4 ของโรงเรียนต่าง ๆ ในประเทศไทยมีรูปแบบข้อสอบ และเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกันไปตามประเภทของโรงเรียน เนื่องจากปัจจุบันมีโรงเรียนหลากหลายรูปแบบ เช่น 

  • โรงเรียนรัฐบาล ภายใต้ สพฐ.
  • โรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร
  • โรงเรียนสาธิตต่าง ๆ เช่น สาธิต มศว. / สาธิต มธ. / สาธิต มก. ฯลฯ
  • โรงเรียนเอกชน
  • โรงเรียนทางเลือก เช่น รุ่งอรุณ / เพลินพัฒนา / อมาตยกุล
  • โรงเรียนวิทยาศาสตร์ เช่น จุฬาภรณราชวิทยาลัย / มหิดลวิทยานุสรณ์ / กำเนิดวิทย์

ดังนั้น รูปแบบการสอบเข้าจึงมีความแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะครอบคลุมในรายวิชาหลักอย่าง วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา 

วิชาที่ต้องสอบ 

ม.1

ม.4

- บางโรงเรียนสอบครบทั้ง 5 วิชา 
(คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา)

- บางโรงเรียนอาจจัดสอบเพียงบางวิชาเท่านั้น 


 

- บางโรงเรียนสอบครบทั้ง 5 วิชา 
(คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา)

- บางโรงเรียนจัดสอบเพียงบางวิชา 
เช่น รร.เตรียมอุดมศึกษา สายศิลป์-คำนวณ ไม่ต้องสอบวิชาวิทยาศาสตร์ หรือสายศิลป์-ภาษา สอบแค่ 3 วิชา ได้แก่ สังคม ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ


 

เกณฑ์คะแนนที่ใช้คัดเลือก

เกณฑ์การคัดเลือกในการสอบเข้าจะอิงตามรูปแบบการคัดเลือกเป็นหลัก และจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละโรงเรียนด้วย เช่น คัดเลือกจากคะแนนสอบเพียงอย่างเดียว หรือมีการคัดเลือกโดยพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX), เกรดเฉลี่ยรายวิชา (GPA), กิจกรรมพิเศษ หรือความสามารถพิเศษ รวมถึงการสอบสัมภาษณ์เพิ่มเติม

     อย่างไรก็ตาม ในระดับชั้น ม.4 บางโรงเรียนอาจมีให้สอบวิชาอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น กลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์ จุฬาภรณราชวิทยาลัย, มหิดลวิทยานุสรณ์, กำเนิดวิทย์ การสอบเข้าข้อสอบจะเน้นไปที่วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมถึงอาจมีเนื้อหาวิชาฟิสิกส์ เคมี หรือชีววิทยา ซึ่งจะเป็นความรู้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายรวมอยู่ด้วย

กลุ่มที่ 2 สอบเข้ามหาวิทยาลัย

กลุ่มนี้จัดเป็นการสอบระดับประเทศ โดยใช้ระบบ TCAS  ซึ่งสามารถสมัครได้ทุกวุฒิ ทั้ง ม.6 / สายอาชีพ (ปวช.) / และเทียบวุฒิ GED และจะใช้ข้อสอบกลางในการสอบ คะแนนที่ได้จากการสอบสนามนี้จะถูกใช้เป็นคะแนนหลักในการยื่นเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งข้อสอบกลางที่ต้องสอบเพื่อสมัครในระบบ TCAS แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หลัก ได้แก่ TGAT TPAT และ A-Level ซึ่งน้องๆ ไม่จำเป็นต้องสมัครทุกวิชา เลือกสอบตามที่ทางคณะ หรือสาขากำหนดได้เลย 

นอกจากนี้ ยังมี O-NET ซึ่งปัจจุบันไม่ได้มีการบังคับสอบแล้ว เนื่องจากไม่ได้เป็นคะแนนหลักในการยื่นสมัครสอบ TCAS โดยแต่ละวิชามีรายละเอียด ดังนี้

1. TGAT  

TGAT  คือ ข้อสอบวัดความถนัดทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 พาร์ต

  • TGAT1 การสื่อสารภาษาอังกฤษ (60 ข้อ)
  • TGAT2 การคิดอย่างมีเหตุผล (80 ข้อ)
  • TGAT3 สมรรถนะการทำงาน (60 ข้อ)

Note : TGAT ทั้ง 3 พาร์ต ถือเป็น 1 วิชา น้องๆ ไม่สามารถเลือกสอบแบบแยกพาร์ตได้ ทั้งนี้อาจมีบางมหาวิทยาลัยนำคะแนนแค่บางพาร์ตไปใช้ เวลาสอบน้องๆ จะสอบแค่พาร์ตที่ใช้คะแนนก็ได้ แต่พี่แป้งแนะนำว่าทำให้ครบทั้ง 3 พาร์ตไปเลยจะปลอดภัยที่สุดค่ะ

2. TPAT  

TPAT  คือ ข้อสอบความถนัดวิชาชีพ แบ่งออกเป็น 5 วิชาให้เลือกสอบ

  • TPAT1  กสพท หรือ ความถนัดทางแพทย์
  • TPAT2  ความถนัดทางศิลปกรรมศาสตร์ (150 ข้อ)
  • TPAT3  ความถนัดทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ (70 ข้อ)
  • TPAT4  ความถนัดทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ (80 ข้อ)
  • TPAT5  ความถนัดทางครุศาสตร์-ศึกษาศาสตร์ (100 ข้อ)

3. A-Level

A-Level คือ ข้อสอบวัดความรู้วิชาการ แบ่งออกเป็น 16 วิชาให้เลือกสอบ

  • A-Level 61 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1 (พื้นฐาน + เพิ่มเติม) (30 ข้อ)
  • A-Level 62 คณิตศาสตร์ประยุกต์ 2 (พื้นฐาน) (30 ข้อ)
  • A-Level 63 วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (30 ข้อ)
  • A-Level 64 ฟิสิกส์ (30 ข้อ)
  • A-Level 65 เคมี (35 ข้อ)
  • A-Level 66 ชีววิทยา (40 ข้อ)
  • A-Level 70 สังคมศึกษา (50 ข้อ)
  • A-Level 81 ภาษาไทย (50 ข้อ)
  • A-Level 82  ภาษาอังกฤษ (80 ข้อ)
  • A-Level 83 ภาษาฝรั่งเศส (50 ข้อ)
  • A-Level 84  ภาษาเยอรมัน (50 ข้อ)
  • A-Level 85 ภาษาญี่ปุ่น (50 ข้อ)
  • A-Level 86 ภาษาเกาหลี (50 ข้อ)
  • A-Level 87 ภาษาจีน (50 ข้อ)
  • A-Level 88 ภาษาบาลี (50 ข้อ)
  • A-Level 89 ภาษาสเปน (50 ข้อ)
อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากhttps://www.mytcas.com/blueprint/ 

โดยการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปัจจุบันจะใช้ระบบ TCAS แบ่งออกเป็น 4 รอบ ดังนี้ 

  • รอบที่ 1 Portfolio เน้นคัดเลือกจากคุณสมบัติผู้สมัคร และพิจารณาจากแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio), เกรดเฉลี่ย (GPAX) หรือคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับสาขานั้นๆ
  • รอบที่ 2 Quota เน้นรับสมัครนักเรียนที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เช่น นักเรียนในเขตพื้นที่, นักเรียนในโควตาโรงเรียน ฯลฯ โดยแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนดเกณฑ์คัดเลือกเอง
  • รอบที่ 3 Admission เปิดรับสมัครพร้อมกันผ่านเว็บไซต์ myTCAS เกณฑ์ในรอบนี้มหาวิทยาลัยจะกำหนดเอง โดยจะเลือกใช้คะแนนจากข้อสอบกลาง TGAT/TPAT และ A-Level ตามสัดส่วนค่าน้ำหนักที่ต้องการ
  • รอบที่ 4 Direct Admission  เป็นรอบที่มหาวิทยาลัยเปิดรับเองหลังจากประกาศผลในรอบ 3 Admission เน้นรับกลุ่มนักเรียนที่ยังไม่ผ่านการคัดเลือกรอบต่างๆ หรือนักเรียนที่สละสิทธิ์เพื่อมารอรอบถัดไป

เกณฑ์ที่ใช้คัดเลือก

อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจาก TCAS68 
  • รอบที่ 1 Portfolio : แฟ้มสะสมผลงาน, GPAX (5 เทอม) คะแนน TGAT/TPAT หรือคะแนนอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคณะกำหนด เช่น CU-TEP, SAT, BMAT เป็นต้น
  • รอบที่ 2 Quota : GPAX (5 หรือ 6 เทอม), คะแนนสอบ A-Level, TGAT/TPAT หรือคะแนนอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคณะกำหนด เช่น NETSAT
  • รอบที่ 3 Admission 
    • คณะทั่วไป : GPAX (6 เทอม), คะแนนสอบ A-Level, TGAT/TPAT หรืออื่น ๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคณะกำหนด
    • คณะ กสพท : TPAT1 30% และ A-Level 70% (ฟิสิกส์ + เคมี + ชีวะ 28% , คณิต 1 14% , ภาษาอังกฤษ 14% , ภาษาไทย 7% , สังคม 7%)
  • รอบที่ 4 Direct Admission : GPAX (6 เทอม), คะแนนสอบ A-Level / TGAT/TPAT หรืออื่นๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละคณะกำหนด

หมายเหตุ : ในแต่ละปีวิชาที่ใช้สอบ และสัดส่วนคะแนนอาจมีการปรับเปลี่ยน ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การคัดเลือกของแต่ละมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ บางรอบอาจมีการสอบวิชาเฉพาะของทางมหาวิทยาลัยด้วย  แนะนำว่าให้น้อง ๆ รอติดตามข่าวสาร ทั้งจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัย, เว็บไซต์ mytcas.com หรือดาวน์โหลด App “เด็กดี TCAS” ติดเครื่องไว้ ทันทีที่มีข่าวเปิดรับสมัครจะมีแจ้งเตือนบอกทันที โหลดฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ

4. O-NET 

O-NET คือ การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน  เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรู้และความคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประเมินตามมาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 

วิชาที่ต้องสอบ 

ป.6ม.3 ม.6
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษ
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
- สังคมศึกษา

ทำไมการสอบ O-NET มีความสำคัญต่อนักเรียน?

  1. สอบได้ครั้งเดียวแต่คะแนนจะติดตัวตลอดชีวิต
  2. บางโรงเรียนใช้คะแนน O-NET ในการสมัครเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หรือ 4
  3. ทดสอบความรู้ของนักเรียน และประเมินคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน
  4. ประเมินคุณภาพโรงเรียนระดับชาติ

เดิมทีการสอบ O-NET ต้องสอบทุกคน แต่ปัจจุบันมีการอนุโลมให้ว่าจะสอบหรือไม่สอบก็ได้ สำหรับเด็ก ม.6 การสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้มีการใช้คะแนนส่วนนี้แล้ว อย่างไรก็ตาม บางอาจโรงเรียนก็อาจขอความร่วมมือให้นักเรียนสอบ เพื่อเป็นการทดสอบความรู้ของนักเรียน และประเมินคุณภาพการจัดการเรียนรู้ของโรงเรียน

 

รวมถึงบางโรงเรียนอาจใช้คะแนน O-NET ในการสมัครเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 หรือ 4 ด้วย ดังนั้น น้องๆ และผู้ปกครอง ควรอ่านรายละเอียดเกณฑ์การรับสมัครกันอย่างรอบคอบด้วยนะคะ

กลุ่มที่ 3 สอบเฉพาะทาง

สำหรับการสอบในกลุ่มนี้เป็นการสอบเฉพาะบุคคลเท่านั้น โดยจะเป็นข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีการใช้คะแนนสอบด้านอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ภาษาอังกฤษ แพทย์ วิศวกรรม ฯลฯ ส่วนใหญ่แล้วคะแนนเหล่านี้มักจะถูกนำมาเป็นเกณฑ์การคัดเลือกในรอบ 1 Portfolio 

TBAT - Thai Biomedical Admissions Test 

เป็นข้อสอบความถนัดทางวิทยาศาสตร์ รูปแบบภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าศึกษาหลักสูตรนานาชาติ ที่ทาง CU-ATC (Chulalongkorn University Academic Testing Center) พัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้ทดแทนข้อสอบ BMAT เหมาะสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์/คณะทันตแพทยศาสตร์/คณะเภสัชศาสตร์/คณะสัตวแพทยศาสตร์ และคณะสหเวชศาสตร์

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TBAT 

  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์/ทันตแพทย์ศาสตร์ ต้องยื่นคะแนน TBAT ควบคู่ไปกับคะแนนสอบ CU-AAT ด้วย
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2567) ต้องยื่นคะแนน TBAT ควบคู่ไปกับคะแนนสอบ CU-AAT หรือ MCAT ด้วย

______________________________

UCAT - University Clinical Aptitude Test

เป็นข้อสอบวัดระดับความถนัดทางคลินิกสำหรับการศึกษาต่อในคณะวิชาสายการแพทย์ และทันตกรรม ที่นิยมใช้งานกันในประเทศอังกฤษและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ทั่วโลก เหมาะสำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TBAT 

  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ CICM (วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์) ได้แก่
  • คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
  • คณะแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ/หลักสูตรใหม่ 2567)
  • คณะทันตแพทยศาสตร์ (หลักสูตรทวิภาษา)

______________________________

MCAT - The Medical College Admission Test 

เป็นข้อสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในคณะทางการแพทย์ที่จัดสอบโดยสมาคมวิทยาลัยการแพทย์อเมริกัน (AAMC – Association of American Medical Colleges) เพื่อวัดความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนแพทย์ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา โดยปกติแล้วการเข้าศึกษาต่อคณะแพทย์ในสหรัฐอเมริกาจะต้องเป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว (และต้องผ่านการเรียนวิชา Pre-Med Coursework เช่น เคมี ชีวะ ฟิสิกส์ มาก่อน) ดังนั้น ข้อสอบ MCAT จึงออกแบบมาวัดความรู้และทักษะที่อยู่ในระดับมหาวิทยาลัยและมีความยากกว่าเนื้อหาระดับม.ปลาย 

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน MCAT 

  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะแพทยศาสตร์ (โครงการ MDX)
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2567)
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) หรือ CU-MEDi รับเฉพาะผู้จบปริญญาตรี

______________________________

AKAT - Aptitude Knowledge Admission Test

เป็นข้อสอบวัดความถนัดทางการเรียนที่ทางสำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (มศว) เป็นผู้พัฒนาขึ้นมาใช้งานทดแทนข้อสอบ BMAT  เริ่มสอบครั้งแรกในปี 2567 

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน AKAT 

  • มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ เช่น
  • คณะแพทยศาสตร์ โครงการร่วมกับมหาวิทยาลัยนอตติงแฮม (SWU-NOTT)
  • คณะทันตแพทยศาสตร์ หลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต (ภาษาไทย ปกติ)

______________________________

NETSAT - North Eastern Thailand Scholastic Aptitude Test Center 

เป็นศูนย์ทดสอบความฉลาดในการเรียนรู้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อประเมินความพร้อมของผู้เรียนก่อนเข้าสู่การเรียนในระดับอุดมศึกษา สำหรับนักเรียนในระดับ ม.ปลาย (ม.5 -6) รวมถึงระดับ ปวช. ชั้นปีที่ 2-3 ซึ่งเรียนกับโรงเรียนในสังกัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (แต่ไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนบ้านอยู่ในภาคอีสาน) เพื่อใช้คะแนนในการยื่นสอบรอบ 2 โควตาเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน NETSAT  

  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยื่นคะแนนในระบบ TCAS รอบ 2 โควตา

______________________________

CU-AAT 

ย่อมาจาก Chulalongkorn University Academic Aptitude Test เป็นข้อสอบวัดความสามารถทางคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนที่ต้องการเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ หรือภาคอินเตอร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน CU-AAT

  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เช่น
    • The Bachelor of Business Administration or BBA International Program หลักสูตรบริหารธุรกิจ
    • Aerospace Engineering (AERO) หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์สาขาวิศวกรรมอากาศยาน
    • Applied Chemistry (BSAC) หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเคมีประยุกต์
    • Architectural Design (INDA) หลักสูตรการออกแบบสถาปัตยกรรม
    • Communication Management (COMMARTS) หลักสูตรการจัดการการสื่อสาร

______________________________

CU-ATS

ย่อมาจาก Chulalongkorn University Aptitude Test for Science เป็นข้อสอบวัดความถนัดในด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับผู้มีความประสงค์จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน CU-ATS 

  • หลักสูตรนานาชาติของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ (BSAC)
  • หลักสูตรนานาชาติของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ (ISE และ ChPE)

______________________________

CU-TAD 

ย่อมาจาก Chulalongkorn University Test of Aptitude in Design เป็นข้อสอบวัดความถนัดด้านการออกแบบ สำหรับผู้ที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี หลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรม (INDA) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากเปรียบเทียบกับข้อสอบออกแบบหลักสูตรไทยเทียบได้กับ TPAT4

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน CU-TAD

  • หลักสูตรนานาชาติ สาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรม จุฬาฯ (INDA) ______________________________

SAT 

ย่อมาจาก Scholastic Aptitude Test เป็นการทดสอบการใช้เหตุผล เป็นข้อสอบมาตรฐานสำหรับการรับบุคคลเข้าศึกษาในสถานบันอุดมศึกษา หลักสูตรนานาชาติ ทั้งนี้ข้อสอบได้รับการพัฒนาโดย College Board ซึ่งเป็นองค์การองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร SAT เป็นข้อสอบระดับ High School หรือ International Student ต้องสอบสำหรับใช้ยื่นเข้ามหาลัย โดยข้อสอบจะอบ่งเป็น 2 พาร์ตหลัก ได้แก่ Evidence-Based Reading & Writing และ Mathematics 

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน SAT 

  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ เช่น
    • หลักสูตรบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี (BBA CU)
    • คณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือ ISE (International School of Engineering)
    • วิศวกรรมเคมี หรือ ChPE (Chemical and Process Engineering)
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ เช่น
    • คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (BJM)
    • คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาการสื่อสารภาษาอังกฤษเชิงธุรกิจ (BEC)
    • คณะเศรษฐศาสตร์ สาขา Monetary and Financial Economics (เศรษฐศาสตร์การเงินและสกุลเงิน)

______________________________

SAT SUBJECT TESTS 

หรือ SAT II เป็นการสอบวิชาเฉพาะทางที่จำเป็น สำหรับการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่ง SAT Subject Tests  ได้มีการเปิดสอบด้วยกันหลายวิชา ดังนี้

Mathematics 

(ยากกว่า  SAT I)

- Mathematics Level 1

- Mathematics Level 2

Science

- Chemistry

- Physics

- Biology E/M

History & Social Studies

- U.S. History

- World History

English

- Literature

 

Reading ONLY

- French

- German

- Modern Hebrew

- Spanish

- Italian

- Latin

Reading & Listening

- French with Listening

- German with Listening

- Spanish with Listening

- Chinese with Listening

- Korean with Listening

-Japanese with Listening

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน SAT SUBJECT TESTS

  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมเคมีและกระบวนการ (หลักสูตรนานาชาติ)

กลุ่มที่ 4 สอบวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ

สำหรับการสอบในกลุ่มนี้เป็นการสอบเฉพาะบุคคล เช่นเดียวกับกลุ่มที่ 2  โดยจะเป็นข้อสอบเฉพาะทางสำหรับผู้ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีการใช้คะแนนสอบด้านภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่แล้วคะแนนเหล่านี้มักจะถูกนำมาเป็นเกณฑ์การคัดเลือกในรอบ 1 Portfolio

IELTS

ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ 4 ทักษะ ได้แก่ การฟัง พูด อ่าน และเขียน สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาต่อ หรือทำงานในต่างประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดย IELTS สามารถใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยทั้งภาคไทย และภาคอินเตอร์ในระดับปริญญาตรี หรือระดับปริญญาโทในประเทศไทยได้อีกด้วย

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน IELTS 

  • สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตร : วิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์และการเป็นผู้ประกอบการ (หลักสูตรนานาชาติ) (หลักสูตรร่วม สจล. และ ม.กรุงเทพ)
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์การประกอบการ (นานาชาติ)

______________________________

TOEFL

ย่อมาจาก Test of English as a Foreign Language เป็นแบบทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษ ครอบคลุมทั้ง 4 ทักษะคือการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยยึดตามภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน (American English) เพื่อวัดระดับทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติหรือภาษาหลักในการสื่อสาร 

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TOEFL 

  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาเคมีบูรณาการ (หลักสูตรนานาชาติ)
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม สาขาวิชานวัตกรรมการบริการ (หลักสูตรนานาชาติ)

______________________________

TOEIC

โดยปกติแล้วการสอบ TOEIC จะนิยมใช้เพื่อนำคะแนนที่ได้ไปยื่นสมัครงาน ไม่ว่าจะเป็น องค์กรในประเทศ หรือต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในบางมหาวิทยาลัยก็มีการเปิดให้ใช้คะแนน TOEIC เพื่อสมัครเรียนได้ด้วย ซึ่งข้อสอบจะแบ่งออกเป็น 2 ทักษะที่นิยมกัน ได้แก่ Reading (การอ่าน) และ Writing (การเขียน) 

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TOEIC

  • มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะสหเวชศาสตร์ สาขาเทคนิคการแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ)
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง คณะศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ

______________________________

CU-TEP

ข้อสอบทดสอบความรู้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษา ซึ่งใช้ยื่นทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา จัดสอบโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย CU-TEP ข้อสอบจะประกอบไปด้วยการวัดทักษะ 3 ด้าน ได้แก่ การฟัง การอ่าน และการเขียน

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน CU-TEP

  • สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาลัยอุตสาหกรรมการบินนานาชาติ หลักสูตรวิศวกรรมการบินและนักบินพาณิชย์
  • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมเคมีและกระบวนการ (หลักสูตรนานาชาติ)

______________________________

TU – GET 

ข้อสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษของผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทั้งภาคไทยและอินเตอร์ จัดสอบโดยสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  ข้อสอบมีทั้งหมด 3 พาร์ท คือ Grammar , Vocabulary และ Reading Comprehension

ตัวอย่างคณะที่ใช้คะแนน TU-GET

  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาลัยนวัตกรรม สาขาวิชานวัตกรรมการบริการ (หลักสูตรนานาชาติ)
  • มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะเภสัชศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ

กลุ่มที่ 5 สอบเทียบ

สอบเทียบ คือ การสอบในหลักสูตรการเรียนอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับระบบการศึกษาหลัก เช่น สอบเทียบ ม.6 ด้วยหลักสูตรอื่น ๆ แล้วได้วุฒิเทียบเท่า ม.6 เป็นต้น โดยการสอบเทียบนั้นส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเป็นส่วนใหญ่ หลายคนจึงเรียกว่าเป็นการสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง ซึ่งในประเทศไทยจะมีหลักสูตรสำหรับการสอบเทียบให้เลือกทั้งภาคไทยปกติ และนานาชาติ ได้แก่

การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)

เป็นการศึกษาที่เปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่ไม่สะดวกเรียนในระบบ สามารถเรียนให้ครบตามหลักสูตรที่กำหนด ซึ่งหลักสูตรและระยะเวลาการเรียนการสอนจะคล้ายกับระบบโรงเรียนปกติทั่วไป มีตั้งแต่หลักสูตรระดับชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย โดยมีเวลาการเรียนที่ยืดหยุ่น รูปแบบการเรียนที่หลากหลาย ทั้งการเรียนในห้องเรียน การเรียนรู้ด้วยตัวเองหรือการเรียน กศน. ออนไลน์ผ่านระบบของสำนักงาน กศน. ที่ชื่อว่า EDU Online ทั้งนี้ผู้เรียนจำเป็นต้องเก็บหน่วยกิตและสอบให้ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด ถึงจะได้รับวุฒิเทียบเท่า ม.6 ซึ่งสามารถใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยได้ โดยโครงสร้างหลักสูตร กศน. จะเน้นให้ครอบคลุมในหลาย ๆ ทักษะ เช่น ทักษะทางด้านวิชาการ ทักษะการดำเนินชีวิต ทักษะทางด้านการประกอบอาชีพ เป็นต้น 

General Educational Development (GED) 

การสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในระบบอเมริกัน หรือ US High School Equivalency Diploma จัดการสอบโดย GED Testing Service, USA โดยผู้สอบจะต้องมีอายุอย่างน้อย 16 ปีขึ้นไป และต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง หลังจากสอบผ่านแล้วจะได้รับประกาศนียบัตรหรือวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่า ม.6 ซึ่งสามารนำไปใช้สมัครเรียนในมหาวิทยาลัยได้หลากหลาย ทั้งมหาวิทยาลัยภาครัฐและเอกชน ยื่นได้ทั้งในและต่างประเทศ GED จะต้องสอบทั้งหมด 4 รายวิชา ได้แก่ Mathematical Reasoning, Reasoning Through Language Arts, Social Studies และ Science

IGCSE / A-Level 

การสอบเทียบวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในระบบอังกฤษ หากเทียบ IGCSE กับระบบการศึกษาของประเทศไทย จะเทียบเท่าได้ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ดังนั้น เพื่อให้เพียงพอสำหรับการเทียบเท่าในระดับ ม.ปลาย น้อง ๆ จะต้องสอบ A Level ให้ผ่านด้วย 

โดยน้อง ๆ ที่เลือกเรียนหลักสูตร IGCSE จะต้องเรียนและสอบให้ผ่านอย่างน้อย 5 รายวิชา และสำหรับ A Level ต้องสอบให้ผ่านอย่างน้อย 3 รายวิชา การสอบเทียบด้วยระบบนี้สามารถเลือกวิชาการเรียนและสอบได้ตามความสนใจของน้องๆ ได้ เช่น สนใจด้านธุรกิจ ก็สามารถเลือกวิชา Business ได้ 

ทั้งนี้จะมีเพียงแค่ 2 วิชาเท่านั้นที่การสอบเทียบ IGCSE ขอบังคับให้ทุกคนสอบ นั่นคือ Math และ ESL (English as a second language) เพราะถือว่าเป็นวิชาหลักที่สำคัญ นอกนั้นเราสามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจ โดย IGCSE นั้นมีรายวิชาให้เราเลือกเรียนมากกว่า 70 รายวิชา แบ่งเป็นกลุ่มวิชา Creative and professional, English language and literature, Humanities and social sciences, Languages, Mathematics และSciences

กลุ่มที่ 6 สอบแข่งขันทางวิชาการ

1. โอลิมปิกวิชาการ (สอวน.)

  • เป็นโครงการสอบเเข่งวิทยาศาสตร์ใน 7 สาขาวิชา ได้เเก่ ฟิสิกส์, เคมี, ชีววิทยา, คณิตศาสตร์, ภูมิศาสตร์, ดาราศาสตร์ เเละคอมพิวเตอร์ เพื่อหาตัวเเทนประเทศไปเเข่งขันในระดับนานาชาติ
  • ต้องผ่านการสอบเเละการเข้าค่ายจาก สอวน. 2 ค่าย เเละ สสวท. 2 ค่าย ซึ่งทั้ง 4 ค่ายนี้น้องๆ จะได้ความรู้ทั้งวิชาการเเละการลงมือปฎิบัติจริง
  • เป็นการสอบที่เหมาะกับน้องๆ ม.ต้น เเละ ม.ปลาย สายวิทย์ โดยวิชา  ภูมิศาสตร์, ดาราศาสตร์ เเละคอมพิวเตอร์ น้องๆ สายศิลป์ก็สามารถสอบได้

สอบเเข่งขัน โอลิมปิกวิชาการ (สอวน.) เเล้วได้อะไร?

  • ได้โควตาเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงได้รับทุนเรียนต่อต่างประเทศอีกด้วยค่ะ

2. International Junior Science OlympiadIJSO (IJSO)

  • การแข่งวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศสำหรับเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี รายวิชาที่เปิดสอบมี 4 วิชา ได้เเก่ คณิตศาสตร์, ฟิสิกส์, เคมีเเละชีววิทยา
  • มีจัดการแข่งขันขึ้นทุกปีในแต่ละประเทศ โดยแต่ละประเทศจะต้องส่งนักเรียนเป็นทีม 6 คนและมีผู้นำทีม (อาจารย์ผู้ควบคุมทีม) 3 คน
  • ลักษณะคล้ายการสอบสอวน. เเต่จัดสอบสำหรับเด็ก ป.6 – ม.3
  • เมื่อผ่านการสอบคัดเลือกรอบเเรกจะได้เข้าค่ายอบรมภาคปฎิบัติ เปิดประสบการณ์ความรู้ที่ไม่ได้อยู่เเค่การเรียนหรือทำข้อสอบ เเต่เป็นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
  • ต้องมีผลการเรียนคะเเนนเฉลี่ยวิชาพื้นฐานในกลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่ต่ำกว่า 3.5 หรือมีผลการเรียนดีและมีผลงานทางวิทยาศาสตร์ดีเด่น (ต้องมีใบรับรองจากสถาบันศึกษา)

สอบเเข่งขัน IJSO เเล้วได้อะไร?

  • โอกาสได้เข้าค่ายอบรมภาคปฏิบัติสำหรับผู้สอบผ่านการสอบคัดเลือกรอบเเรก
  • มีโอกาสได้เป็นตัวเเทนไปเเข่งโอลิมปิกวิชาการ
  • ได้ประสบการณ์เเละได้เรียนกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นๆโดยตรง

3. MOS Olympic Thailand Competition (MOS)

  • การเเข่งขันโปรแกรม Microsoft โดยบริษัท เออาร์ไอที จำกัด เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกตัวเเทนเยาวชนไทย เพื่อส่งเข้าร่วมแข่งขันบนเวทีระดับโลก MOS Olympic World Championship ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • เเข่งขันการใช้โปรเเกรม Microsoft พื้นฐาน คือ Microsoft Word, Microsoft Excel เเละ Microsoft PowerPoint
  • เหมาะกับน้องๆ ม.ปลาย, ปวช. ปวส.  จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ไม่จำกัดสาขา หรือชั้นปี โดยมีอายุระหว่าง 16 – 21 ปี

สอบเเข่งขัน MOS เเล้วได้อะไร?

  • ได้เข้าค่ายอบรมการใช้งานโปรแกรมชุด Microsoft Office โดยวิทยากรผู้มีความชำนาญจาก บริษัท ARIT เป็นเวลา 3 วัน
  • ทุนการศึกษาจากการเป็นผู้ชนะการเเข่งขันประดับประเทศ
  • ได้เข้าร่วมการเเข่งขันระดับนานาชาติ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งค่าเดินทางเเละค่าที่พัก

4. โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.)

  • เป็นโครงการของรัฐบาลไทยโดยความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยให้ทุนการศึกษาเเละจัดค่ายวิทยาศาสตร์
  • ทุนนี้เหมาะกับคนรักคณิตศาสตร์เเละวิทยาศาสตร์ เพราะเป็นการให้ทุนการศึกษาตั้งเเต่มัธยมปลาย จนถึงปริญญาเอก เเละยังเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้การทดลอง, การทำงานวิจัย ผ่านค่ายย่อยต่างๆ ภายในโครงการ
  • เหมาะกับน้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้น ม.3 เเละ ม.6

สอบเเข่งขัน พสวท. เเล้วได้อะไร?

  • ทุนการศึกษาตั้งเเต่มัธยมปลาย ถึง ปริญญาเอก
  • โควต้าเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศที่ร่วมโครงการ 10 มหาวิทยาลัย
  • โอกาสฝึกทำงานวิจัยโดยมีอาจารย์พี่เลี้ยงในระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยคอยให้การดูแลแนะนำอยู่เสมอ
  • การหาตำแหน่งงานให้แก่บัณฑิตใหม่ โดย สสวท
  • โอกาสไปทำวิจัยหรือเป็นนักเรียนเเลกเปลี่ยนในต่างประเทศ

5. เพชรยอดมงกุฎ

  • โครงการเฟ้นหานักเรียนที่มีความสามารถใน 13 สาขาวิชาทั้ง คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ เป็นต้น ดำเนินการภายใต้มูลนิธิร่มฉัตร
  • การสอบมีสาขาวิชาให้เลือกสอบหลากหลาย ข้อสอบที่มีทั้งสอบวัดความรู้พื้นฐานเเละความถนัดในสาขาวิชาต่างๆ เช่น การพูดสุนทรพจน์ภาษาจีน
  • เหมาะกับน้องๆ ม.1 – ม.6 เเละในบางสาขาวิชา เช่น ภาษาญี่ปุ่น เปิดรับสมัครถึงระดับมหาวิทยาลัย

สอบเเข่งขัน เพชรยอดมงกุฎ เเล้วได้อะไร?

  • โอกาสในการได้ไปเเข่งค่ายวิชาการต่างๆ
  • ทุนการศึกษาเเละโล่เกียรติบัตร

6. การเเข่งขันคณิตศาสตร์ โดย สมาคมคณิตศาสตร์

  • สมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์จัดสอบเเข่งขันคณิตศาสตร์เป็นประจำทุกปีเพื่อเฟ้นหานักเรียนที่มีความสามารถด้านคณิตศาสตร์จากทั่วประเทศ
  • จัดสอบเเข่งขันทั้งเเบบประเภททีมเเละบุคคล โดยการเเข่งขันเเบ่งเป็น 3 ระดับ ประถมศึกษา, มัธยมศึกษาตอนต้น เเละมัธยมศึกษาตอนปลาย

สอบการเเข่งขันคณิตศาสตร์ โดย สมาคมคณิตศาสตร์ เเล้วได้อะไร?

  • ทุนการศึกษาเเละโล่รางวัล
  • โอกาสในการเเข่งขันค่ายวิชาการต่างๆ
กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง?
กว่าจะเรียนจบได้ใบปริญญา เด็กไทยต้องสอบอะไรบ้าง?

สำหรับน้องๆ ม.6-5-4 ที่อยากลองสอบ A-Level / TGAT/ TPAT เตรียมความพร้อม ก่อนลงสนามจริง สามารถทดลองสอบกับโครงการ Dek-D's Pre-Admission ได้ ข้อสอบออกใหม่ เก็งตาม Blueprint ล่าสุด สอบเสร็จได้เล่มข้อสอบ มีเฉลยละเอียดให้ ที่สำคัญได้ผลวิเคราะห์จุดอ่อนแบบละเอียดรายบท-รายข้อ พร้อมจัดอันดับให้ด้วย สมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้! สามารถปรึกษาพี่ๆ เพิ่มเติมได้ที่ Line @DekDPreAD ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ Facebook Dek-D's Pre-Admission TCAS สนามสอบเสมือนจริง 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสนามสอบรูปแบบต่างๆ ที่พี่แป้งรวบรวมมาให้ ต้องบอกก่อนว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมดจากที่กล่าวมานะคะ เลือกเฉพาะที่วิชาที่จำเป็นต้องใช้คะแนนเท่านั้น  เนื่องจากการสอบในบางรายการเองก็มีค่าใช้จ่ายตามมาด้วย  อย่างไรก็ตาม ก่อนจะสมัครสอบไม่ว่าจะสอบเข้า ม. 1  ม.4 หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัย  สิ่งสำคัญคือควรอ่านรายละเอียดของการรับสมัครให้ดี เนื่องจากเกณฑ์ของแต่ละแห่งแตกต่างกัน จะได้ไม่ตกหล่นข้อมูลสำคัญ หรือมีข้อผิดพลาดในการสมัครกันนะคะ

 

ข้อมูลจากhttps://aims.co.th/what-is-ucat/https://www.ucat.ac.uk/about-ucat/ucat-2025/https://atc.chula.ac.th/Main/https://www.chulatutor.com/blog/%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A/ https://www.chulatutor.com/blog/%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%99/  
พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น