Teen Coach EP.126 : 8 วิธี move on จากความผิดหวัง เริ่มเลย!

ทำอย่างไรเมื่อฉันถูกเลือกให้เป็นผู้ที่ต้อง.. ผิดหวัง?

พริมเริ่มมีความคิดที่อยากจะเรียนแพทย์ตั้งแต่ ม.2 เพราะคุณตาป่วยเป็นมะเร็งและได้ไปดูงาน open house คณะแพทยศาสตร์ ของหลายมหาวิทยาลัย เธอวางแผนไว้หลายอย่างโดยมีแม่ช่วยดูแล พริมทำตามแผนได้ตลอด สอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังได้ มีการเข้าแข่งขันและทำผลงานสำหรับรอบ portfolio สอบ IELTS และอีกหลายเจ้า เพื่อที่จะสมัครได้หลายคณะ ส่วนการสอบ TCAS 68 รอบ 3 เธอเตรียมตัวเรื่อย ๆ  

 

ตอนสมัครรอบ portfolio และมีการสอบสัมภาษณ์ พริมกลับไม่ติดด้วยเหตุหลายอย่าง เช่น คุณตาเสียชีวิต เธอต้องไปช่วยจัดงานศพและเศร้าเสียใจจากการสูญเสีย ทำให้ต้องไปสอบในสภาพจิตใจที่ไม่โอเค เธอเริ่มท้อใจ “ทำเท่าไรไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา” ส่งผลให้ช่วงโค้งสุดท้ายก่อน A-level พริมเตรียมตัวได้ไม่ดีเท่าที่ควร รู้สึกลน กลัวเป็นคนที่ “ล้มเหลว” เพราะเพื่อนในห้องเดียวกันที่ดูชิลๆ กลับติดกันไปเกือบหมด วันที่สอบ A-level วันแรก เธอนำข้อสอบกลับมาบ้านแล้วตรวจคำตอบ ไปดูเฉลยใน X (twitter) ปรากฎว่าทำผิดไปหลายข้อ หลังจากนั้นพริมรู้สึกสติแตก สมาธิไม่ดี กังวลมากว่าจะทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีก ทำให้วันต่อ ๆ มาทำข้อสอบได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น เธอต้องทนอยู่กับความทุกข์ใจนานเป็นเดือน กลัวเข้าคณะที่หวังไว้ไม่ได้ เศร้า นอนไม่หลับ ไม่กินข้าว เก็บตัว ขังตัวเองในห้อง คิดลบ โทษตัวเอง นั่งไล่ดูความผิดพลาดที่มีอยู่เต็มไปหมด “แทบจะทุกตรง” ไม่ติดต่อเพื่อนหรือญาติเพราะกลัวมีคนถามเรื่องการสอบ วันที่มีการประกาศคะแนนอย่างเป็นทางการพริมเปิดดูพร้อมกับแม่ คะแนนน้อยจริงตามที่คำนวณไว้ แม่ดูมีสีหน้าไม่ดี “แปลกจัง ทำไมหนูได้เท่านี้เอง อย่างนี้จะเข้าคณะแพทย์ได้ยังไง” เธอร้องไห้ไม่หยุด พูดโทษตัวเอง “ถ้าไม่มีหนูอยู่สักคน แม่น่าจะมีความสุขมากกว่านี้ หนูทำให้แม่ผิดหวัง” แม่ตกใจมากกับอาการที่เกิด เลยชวนพริมมาคุยกับพี่หมอแมวน้ำเพื่อช่วยให้เธอมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและเลือกคณะที่จะเข้าเรียน

จากการประเมินเบื้องต้นพี่หมอแมวน้ำวินิจฉัยว่าพริมป่วยเป็นโรคซึมเศร้า สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย อย่างหนึ่งมาจากการที่เธอต้องเจอกับเรื่องผิดหวังหลายอย่างในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งที่ผ่านมาพริมประสบความสำเร็จมาตลอด เลยไม่รู้วิธีจัดการกับความผิดหวัง สิ่งที่เธอต้องเรียนรู้ คือ…

เรียนรู้ที่จะเข้าใจความผิดหวังและการรับมือ

“ความผิดหวัง” เกิดจากความคิดและความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน เช่น สิ้นหวังไม่มีใครช่วยได้, กังวลกลัว, เศร้าซึม, ขาดที่พึ่ง, ความภาคภูมิใจในตัวเองแย่ (low self esteem), อับอาย, เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

เมื่อคนเราเจอกับความผิดหวัง บางคนมองว่า “ฉันเจอแต่ความผิดหวัง ดังนั้นไม่มีวันที่ฉันจะสมหวัง” ทั้งที่จริงความผิดหวังเรื่องหนึ่งเป็นสิ่งปกติที่ทุกคนต้องเคยเจอในชีวิต การตีความทางลบแบบนี้ทำให้บั่นทอนจิตใจ เหนื่อยล้า หมดความพยายาม ปล่อยตัวทิ้งไป บางคนรับไม่ได้ ปฏิเสธความจริง หลีกเลี่ยงการเผชิญกับปัญหา ทำให้ขาดโอกาสในการแก้ไขให้อะไร ๆ มันดีขึ้น ดังนั้นเราต้องเรียนรู้วิธีรับมือกับความผิดหวัง เพื่อที่เราจะก้าวเดินต่อไปในชีวิตได้ (move on) ไม่อย่างนั้นเราจะติดอยู่ในหลุมแห่งความดิ่งที่ปีนไม่ขึ้น สุดท้ายเราจะอยู่ในวังวนของความผิดหวังตลอดไป

วิธีรับมือกับความผิดหวัง 

1. ยอมรับอารมณ์ลบที่เกิด

“การผิดหวัง” เป็นความเจ็บปวดรูปแบบหนึ่งที่มีหลายความรู้สึกปนกัน บางคนรับไม่ได้ ไม่จัดการกับอารมณ์ที่เกิด เช่น เสียใจแต่ไม่อนุญาตให้ตัวเองร้องไห้ เพราะมองว่าเป็นการแสดงความอ่อนแอ ทั้งที่จริงน้ำตาที่ไหลออกมามีสารเคมีที่ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น 

หากเราไม่เข้าใจอารมณ์ตัวเองลองเล่าให้คนใกล้ชิดฟัง หรือเขียนระบายออกมา วิธีนี้จะทำให้สมองเราได้ใคร่ครวญทำความเข้าใจ (process) ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้รู้เหตุที่มาที่ไป และยอมรับเรื่องที่เกิดได้ 

พยายามอย่ากดดันตัวเองว่าต้องรีบหาย เพราะแต่ละคนใช้เวลาและวิธีการที่ไม่เหมือนกัน ยิ่งเร่งให้หายแล้วไม่หาย จะยิ่งผิดหวัง

2. ไม่ใช้วิธีลดความเจ็บปวดที่ทำให้ชีวิตพังกว่าเดิม

เมื่อมีความเจ็บปวดทางใจ แต่ละคนมีวิธีการจัดการต่างกัน บางคนอยากมีความสุขให้เร็วที่สุด เลยเลือกใช้วิธีลัดที่ทำให้โดพามีน (Dopamine) หลั่งแบบพุ่ง ๆ ได้ชั่วคราว  เช่น การใช้สารเสพติด, ดื่มเหล้า, ดูดพ็อด, มีเซ็กซ์, ติดเกม, เล่นพนัน, กินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งวิธีพวกนี้ทำให้สุขได้ก็จริงในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ไม่ได้แก้ปัญหา แถมยังอาจเกิดความเสียหายในชีวิตเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ

3. ใช้วิธีการจัดการอารมณ์ที่สร้างสรรค์

หาวิธีจัดการกับความคิดและอารมณ์ลบที่เกิด เช่น การออกกำลังกาย, เล่าระบายปรึกษากับคนที่เราไว้ใจ, ดูหนังฟังเพลง, ไปเที่ยวเปลี่ยนสถานที่ แต่ละคนเหมาะกับวิธีที่ต่างกัน ดังนั้นเราต้องมีลิสต์กิจกรรมที่เราจะงัดมาใช้เวลาที่เราเกิดปัญหาแล้วไม่สบายใจ หากคิดไม่ออกลองถามคนอื่นหรือหาข้อมูลเพิ่มจากแหล่งที่เชื่อถือได้

4. ปรับมุมมองที่มีต่อความผิดหวัง

คนบางส่วนเมื่อต้องเจอกับเรื่องที่ผิดหวังมักจะตีความไปว่า “ตัวฉันแย่ ไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จได้อีก”  ซึ่งเป็นความคิดแบบเหมารวมที่ตรรกะพัง เพราะเรื่องที่ผิดหวังในครั้งนี้ก็เป็นแค่เรื่องนี้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับคุณค่าความสามารถทั้งหมดของตัวเรา 

ข้อเท็จจริงที่เราต้องบอกกับตัวเอง คือ ความผิดหวังเป็นเรื่องที่ท้าทายว่าเราจะผ่านมันไปได้มั้ย, เรามีความสามารถมากพอที่จะหาทางรับมือจัดการกับมันได้, เป็นบทเรียนที่เราจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำ และถึงแม้ตอนนี้เราจะเจ็บปวดรู้สึกลบ เราอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกได้ ไม่ต้องฝืน หาทางเยียวยาใจ แล้วลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

5. ยอมรับความผิดพลาดแค่ส่วนที่เราต้องรับผิดชอบ

การที่เราจะทำเรื่องหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ มันประกอบไปด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งที่เป็นในส่วนของตัวเราที่คุมได้ (internal factors) และปัจจัยภายนอกที่คุมไม่ได้ (external factors) ความล้มเหลวก็เช่นเดียวกัน เรามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบก็จริง (responsibility pie) แต่เราต้องมาไล่เรียงดูด้วยว่ามันมีปัจจัยอย่างอื่นด้วยมั้ย บางเรื่องเรามีส่วนที่ต้องรับผิด 5% อีก 95% อยู่เหนือการควบคุม ดังนั้นถ้าเราจะโทษตัวเองว่าผิด 100% ดูจะเป็นการกล่าวโทษที่มากเกินไป ในทางกลับกันบางคนที่ล้มเหลวไม่ยอมรับผิดในส่วนของตัวเอง โทษแต่คนอื่น สิ่งนี้จะทำให้เขาไม่ได้เรียนรู้ความผิดพลาดและไม่ได้พัฒนาความบ้งที่ควรจะแก้

6. สิ่งที่เราได้เรียนรู้และวิธีการแก้ไขข้อผิดพลาด

ทบทวน ไล่เรียงดูว่าความผิดหวังที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มาจากสาเหตุใด และจะแก้ไขไม่ให้ผิดพลาดซ้ำเดิมด้วยวิธีการไหน หลังจากที่ฟื้นฟูใจสงบสติอารมณ์ได้ อาจตั้งความคาดหวังใหม่ (expectation) ที่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เขียนจดทดไว้ เพื่อวางแผนลงมือปฏิบัติ นอกจากคิดเองแล้วลองพยายามหาที่ปรึกษาที่ดีดูจะได้มีมุมมองที่หลากหลายและมีคนที่ช่วยเตือนเรา

7. อย่ากลัวที่จะผิดหวัง

หากเรากลัวความผิดหวังมากจนเกินไป เราจะไม่ได้ออกจาก comfort zone ทำให้เราขาดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จและได้ทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะมนุษย์ต้องเจอกับความผิดหวัง และเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากเรามีวิธีการจัดการรับมือที่เหมาะสม เราจะสมหวังได้ในสักวันหนึ่ง

8. เมื่อความผิดหวังทำให้ชีวิตพังต้องพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับความช่วยเหลือ

บางครั้งความผิดหวังมันรุนแรงมาก เช่น ทำให้เศร้า ท้อแท้ เป็นเกือบตลอดเวลา ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากพบเจอผู้คน, มีปัญหาการกินการนอน, ความคิดความจำแย่ สมาธิไม่ดี, คิดลบ, อยากหายไป, กังวลมากสติแตก ไม่กล้าทำอะไร จนส่งผลเสียต่อการเรียน การทำงาน มีปัญหาความสัมพันธ์กับคนอื่น แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา เพื่อหาสาเหตุ การวินิจฉัย และรับการช่วยเหลือ

การรักษาที่พี่หมอแมวน้ำให้พริมนอกจากการกินยาแล้ว ยังมีการทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรม (CBT- Cognitive Behavioral Therapy) ปรับสภาพจิตใจและมุมมองความคิดที่มีความผิดหวัง เธอเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ต้องผิดหวังในครั้งนี้ และยอมรับได้มากขึ้นว่าหลายอย่างเป็นเรื่องที่เธอคุมไม่ได้ แต่มีอีกหลายเรื่องที่เธอสามารถแก้ไขได้ เช่น การเสียชีวิตของคุณตาทำให้เธออยู่ในช่วงปฏิกิริยาที่ตามมาจากการสูญเสีย (Loss reaction) สภาพจิตใจไม่พร้อมที่ต้องเผชิญกับความกดดันในการสอบสัมภาษณ์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัจจัยที่เธอคุมไม่ได้ แม้ญาติบางคนจะบอกว่า “ต้องเข้มแข็ง” แต่พริมทำใจไม่ได้จริง ๆ เมื่อร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าทำให้ทุกอย่างรวน สิ่งที่เธอคิดว่าทำพลาดไปน่าจะเป็นเรื่องที่นำข้อสอบวันแรกมาตรวจ เพราะยิ่งทำให้ใจเสียจนสติแตก ส่งผลต่อการสอบวิชาอื่น ทั้งที่จริงในเมื่อทำสอบไปแล้วได้เท่าไร ค่อยรอฟังคะแนนตอนประกาศผลอย่างเป็นทางการจะดีกว่า ส่วนปฏิกิริยาของแม่ที่ดูไม่พอใจกับคะแนนเกิดจากความคาดหวังของแม่เอง พี่หมอแมวน้ำต้องพูดคุยให้แม่เข้าใจโรคที่พริมเป็น การช่วยเหลือ และปรับความคาดหวังของแม่ให้อยู่กับความเป็นจริง  

 

พริมพยายามหากิจกรรมอย่างอื่นทำตามคำแนะนำเพื่อลดอาการซึมเศร้า ซึ่งเธอมีความสามารถหลายอย่าง เช่น วาดรูปได้ดี คนรอบข้างก็ชม ทำให้ใจพริมฟู เริ่มกลับมามี self-esteem จากที่ติดลบค่อย ๆ บวก เมื่ออารมณ์ดีขึ้น เริ่มที่จะคิดอย่างมีเหตุผล พริมตัดสินใจเลือกคณะแพทยฯ รวมถึงทันตฯ และเภสัชฯ ที่คะแนนน่าจะถึง ถ้าได้คณะไหนจะเข้าเรียนเลยหรือไม่ค่อยตัดสินใจอีกที เธอเลือกที่จะยังไม่คุยกับเพื่อนเรื่องคะแนนที่แต่ละคนได้เพราะกลัวจะเครียด พริมเอาเล่ม portfolio ที่ทำมาให้พี่หมอแมวน้ำดู ถามความเห็น มีแผนสำรองว่าถ้าซิ่วจะใช้วิธีไหน และปรึกษาอีกหลายเรื่อง จนเธอเกิดความมั่นใจ

 

จากเรื่องของพริมเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่งของความผิดหวัง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดกับใครก็ได้ แต่ละคนมีความคาดหวังกับแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน เช่น การเรียน การทำงาน ความสัมพันธ์ การเงิน หากเราต้องผิดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าตัวเราแย่และตลอดชีวิตที่เหลือเราต้องผิดหวังตลอดไป มีเพลงหนึ่งที่หมอชอบมาก คือ ฤดูที่แตกต่าง (season change) "อดทนเวลาที่ฝนพรำ อย่างน้อยทำให้เราเห็นถึงความแตกต่าง…" เนื้อหาปลอบโยนใจดี หากเราเรียนรู้ที่จะรับมือกับความผิดหวังได้อย่างถูกวิธี แม้วันนี้จะยังเจ็บปวด แต่สักวันเราจะทำมันได้ค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ต้องเจอกับความผิดหวังนะคะ ลองนำวิธีที่พี่หมอแมวน้ำเล่าให้ฟังไปใช้ดู แล้วมาเล่า มาแชร์ในคอมเมนต์ได้เลย

ข้อมูลจากhttps://www.verywellmind.com/healthy-ways-to-cope-with-failurehttps://www.charliewaller.org/dealing-with-disappointment-and-rejectionhttps://www.betterup.com/blog/disappointment

 หมอแมวน้ำเล่าเรื่อง “จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น”

หมอแมวน้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น