มัดรวม 12 เครื่องมือ AI ตัวช่วยสุดปังในการทำงานยุคใหม่ ใช้ง่าย ได้งานทันใจ!

งานเร่ง งานด่วน งานเยอะแบบนี้ เชื่อว่าหลายคนหันมาใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยทุ่นเวลากันมากขึ้น วันนี้ One Next Class #ชีวิตติดเรียนรู้ จึงมัดรวม 12 เครื่องมือ AI ที่คิดว่ามีประโยชน์มาฝากทุกคนให้ลองไปใช้กัน โดยแบ่งออกเป็น 4 หมวดหมู่หลักๆ ตอบโจทย์การใช้งานทุกสาย! // บอกเลยว่าแต่ละตัวใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนแน่นอน~

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ AI

  • ข้อมูลจาก AI อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ควรหาข้อมูลและตรวจเช็กอย่างละเอียด
  • ไม่ควรใช้ AI แทนความคิดวิจารณญาณทั้งหมด โดยเฉพาะเรื่องที่มีความสำคัญ
  • ไม่ควรใช้ผลลัพธ์จาก AI ทั้งหมด แนะนำให้หยิบใช้ไอเดียไปต่อยอด และควรหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย
  • ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ที่อาจเกิดขึ้นได้
  • เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรป้อนข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลสำคัญลงระบบ AI

หมวด: รีเสิร์ชข้อมูล

ปกติแล้วการหาข้อมูลเชิงลึกหรือการสรุปเนื้อหาจากแหล่งต่างๆ อาจใช้เวลาในการรวบรวมค่อนข้างนาน เครื่องมือ AI เหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขั้นตอนเหล่านี้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการรวบรวม วิเคราะห์อย่างรวดเร็ว

1. DeepSeek

เริ่มต้นที่เครื่องมือแรก เป็นเครื่องมือที่เน้นด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ซึ่งสามารถวิเคราะห์ เรียบเรียง และสร้างเนื้อหาได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญคือสามารถสรุปข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะมากกับใครที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในเวลาที่จำกัด เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดเวลาแล้ว ยังเพิ่มคุณภาพเนื้อหาอีกด้วย

พิกัดเว็บไซต์

2. Gemini

อีกหนึ่งเครื่องมือที่จะช่วยให้การหาข้อมูลง่ายและรวดเร็วขึ้น ด้วยความสามารถในการอ่าน วิเคราะห์ และรวบรวมเนื้อหาจากแหล่งต่างๆ มาในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องเตรียมเนื้อหา หรืออยากศึกษาหัวข้อใหม่ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาค้นหาหลายเว็บ

พิกัดเว็บไซต์

3. Perplexity

เครื่องมือที่จะช่วยให้การหาคำตอบแม่นยำและตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น โดยจะดึงข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงมาสนับสนุนคำตอบ เหมาะสำหรับการหาข้อมูลและต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง การศึกษาประเด็นเฉพาะ หรือทำความเข้าใจเนื้อหาที่มีความซับซ้อน 

พิกัดเว็บไซต์

หมวด: จัดระเบียบข้อมูล

หลังจากที่เราได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการจัดระเบียบและเรียบเรียงข้อมูลเหล่านั้นให้เป็นระบบและเข้าใจง่าย เพื่อให้สามรถนำไปใช่ต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมวดหมู่นี้จึงเป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแปลงข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

4. Xmind AI

เครื่องมือช่วยจัดระเบียบความคิดและข้อมูลต่างๆ ให้อยู่ในรูปแบบแผนผัง Mind mapping อย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังช่วยสรุปเนื้อหาและเชื่อมโยงแนวคิดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการวางแผนงาน สรุปบทเรียน หรือเตรียมพรีเซนต์เนื้อหาให้เข้าใจง่ายและครอบคลุม

พิกัดเว็บไซต์

5. Mapify

ไม่ต้องกลัวข้อมูลเยอะๆ อีกต่อไป เพราะเครื่องมือนี้จะช่วยแปลงข้อมูลหรือแนวคิดที่กระจัดกระจายจำนวนมากให้อยู่ในรูปแบบที่ดูง่ายและเป็นหมวดหมู่ ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของข้อมูลต่างๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เหมาะกับการเตรียมโปรเจกต์ หรือการเรียบเรียงเนื้อหาที่ซับซ้อนให้เข้าใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

พิกัดเว็บไซต์

6. Felo

เครื่องมือนี้จะช่วยคัดกรอง ประมวลผล และแสดงข้อมูลให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ลดความซับซ้อนของเนื้อหา และทำให้การตัดสินใจง่ายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานที่ต้องจัดการข้อมูลจำนวนมาก เช่น การวางแผนกลยุทธ์หรือการสรุปผลการประชุม เป็นต้น

พิกัดเว็บไซต์

หมวด: ตัวช่วยงานเขียน

เมื่อข้อมูลถูกจัดระเบียบเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดไปก็คือการนำข้อมูลเหล่านั้นมาถ่ายทอดออกมาเป็นงานเขียนที่ชัดเจนและน่าสนใจ หมวดเครื่องมือ AI ตัวช่วยงานเขียนจึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์เนื้อหา ที่ทั้งรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

7. Claude

ต่อกันที่เครื่องมือ AI ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยงานเขียนโดยเฉพาะกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนบทความ การตอบอีเมล หรือร่างเอกสารต่างๆ ซึ่งงานเขียนที่ออกมาก็จะมีความเป็นธรรมชาติและตรงจุด เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการเนื้อหาที่สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนและดูเป็นมืออาชีพ

พิกัดเว็บไซต์

8. Qwen

เครื่องมือนี้จะช่วยสร้างเนื้อหาให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และสไตล์งานที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงข้อความ การตอบคำถาม หรือร่างแนวคิดใหม่ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ทำงานด้านคอนเทนต์ งานเอกสาร หรือต้องการไอเดียใหม่ๆ ที่น่าสนใจสำหรับนำไปต่อยอดด้วย

พิกัดเว็บไซต์

9. NotebookLM

สามารถจัดการและดึงข้อมูลจากเอกสารที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป เพื่อช่วยร่างหรือขยายเนื้อหาได้ตรงประเด็นมากขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องเขียนงานจากแหล่งข้อมูลหลายส่วน โดยเฉพาะวัยเรียนหรือคนที่ต้องทำวิจัย ที่ต้องการผู้ช่วยสรุปหรืออ้างอิงเนื้อหาอย่างแม่นยำ

พิกัดเว็บไซต์

หมวด: สายครีเอเตอร์

เมื่องานเขียนสมบูรณ์ การนำเนื้อหานั้นมาต่อยอดก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่า #ครีเอเตอร์ ที่ต้องสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้โดดเด่นและน่าสนใจ เครื่องมือ AI ในหมวดนี้จึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผลิตผลงานหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนอกจากจะช่วยในเรื่องของไอเดียแล้ว ยังเป็นการลดเวลาการผลิตอีกด้วย

10. Adverra Voice AI

เครื่องมือสุดเจ๋งที่สามารถเปลี่ยนข้อความเป็นเสียงพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ รองรับหลายภาษาและหลากหลายโทนเสียง เหมาะกับสายครีเอเตอร์สุดๆ ไม่ว่าจะทำวิดีโอ พอดแคสต์ หรือคอนเทนต์ที่ต้องการใช้เสียง เพิ่มความน่าสนใจ สะดวกมากกก

พิกัดเว็บไซต์

11. OpenAI.fm

สร้างสรรค์เสียงและบทพูดระดับมืออาชีพ ด้วยเครื่องมือที่สามารถออกแบบสคริปต์ และโทนเสียงที่เข้ากับเนื้อหา เหมาะสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ที่ต้องการเพิ่มความปังให้คอนเทนต์ โดยไม่ต้องวุ่นวายเช่าสตูดิโอเพื่ออัดเสียงจริง

พิกัดเว็บไซต์

12. Heygen AI Video Generator

ปิดท้ายด้วยเครื่องมือที่ช่วยสร้างวิดีโอจากข้อความ โดยใช้ตัวละครเสมือนจริงในการพูดแทน เหมาะมากสำหรับครีเอเตอร์ที่ต้องการผลิตคอนเทนต์อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องถ่ายทำหรือตัดต่อเองสักขั้นตอน นอกจากจะสะดวกและประหยัดเวลาแล้ว ยังสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้อย่างเต็มที่ด้วย

พิกัดเว็บไซต์

________________________________

ติดตามแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ ก่อนใครที่ One Next Class #ชีวิตติดเรียนรู้ 

- ติดต่อ/ลงข่าวประชาสัมพันธ์ contact@dek-d.com 

- X: @tornokandcourse 

- IG:  @tornokandcourse 

- TikTok:  @tornokandcourse

พี่แพรว
พี่แพรว - Columnist ติ่งเกาหลีที่ชอบดูการ์ตูน อ่านนิยาย และหาของอร่อยกิน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น