ระบบหมุนเวียนเลือด ออกสอบบ่อย!
"รู้ไว้เผื่อออกสอบ" วันนี้เรามาพบกันอีกครั้งกับวิชาชีววิทยาค่ะ วันนี้พี่มีเนื้อหาและทริคการจำง่าย ๆ ในเรื่อง “ระบบหมุนเวียนเลือด” มาฝากน้อง ๆ ทุกคนกันค่ะ ระบบหมุนเวียนเลือดเป็นระบบที่สำคัญมากในร่างกาย และเป็นเรื่องที่ออกบ่อยทุกสนาม วันนี้พี่เลยนำสรุปเนื้อหา พร้อมกับขั้นตอนและทิศทางการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดมาฝากกันค่ะ พร้อมทั้งมีเกร็ดเล็ก ๆ เกี่ยวกับโรคที่จะเกิดได้ในระบบหมุนเวียนเลือด ถ้าน้อง ๆ พร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลยค่ะ!!

ระบบหมุนเวียนเลือด
ระบบหมุนเวียนเลือด ทำหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดที่มีสารต่าง ๆ ไปเลี้ยงร่างกาย
อวัยวะระบบหมุนเวียนเลือด
- หัวใจ
- หลอดเลือด
- ปอด
หัวใจ
หัวใจอยู่ในถุงเยื่อหุ้มหัวใจ แบ่งเป็น ห้องบน 2 ห้อง ห้องล่าง 2 ห้อง รวมเป็น 4 ห้อง โดยผนังของหัวใจแต่ละห้องมีกล้ามเนื้อหัวใจใช้หดตัวปั๊มเลือด
ทริคจำ!!! อาร์เทอรี ไหลออกจากหัวใจ เวน ไหลเข้าหัวใจ
ทิศทางการไหลเวียนเลือด
- เอเทรียมขวา : จะรับเลือดจากเวนาคาวา เมื่อบีบตัว เลือดไหลผ่านลิ้นไตรคัสปิด เข้าเวนทริเคิลขวา
- เวนทริเคิลขวา : รับเลือดมา บีบตัวเลือดไหลผ่านลิ้นพัลโมนารีเซมิลูนาร์ เข้าพัลโมนารีอาร์เทอรี
- พัลโมนารีอาร์เทอร์รี : ลำเลียงไปยังบริเวณปอดทั้ง 2 ข้างเพื่อแลกเปลี่ยนแก๊ส
- พัลโมนารีเวน : นำเลือดที่มาจากปอดทั้ง 2 ข้างเข้าเอเทรียมซ้าย
- เอเทรียมซ้าย : รับเลือดมาจากขั้นตอน 4 บีบตัวเลือดไหลเข้าเวนทริเคิลซ้าย ผ่านลิ้นไบคัสปิด
- เวนทริเคิลซ้าย : รับเลือดจากเอเทรียมซ้าย เมื่อบีบตัวเลือดไหลผ่านลิ้นเอออร์ติกเซมิลูนาร์ เข้าเอออร์ตา
- เอออร์ตา : แตกแขนงเป็นหลอดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ทั่วทั้งร่างกาย
- ซุพีเรียเวนาคาวา : นำเลือดจาก หัว ลำตัวส่วนบน แขน เข้าเอเทรียมขวา
- อินฟีเรียเวนาคาวา : นำเลือดจากลำตัวส่วนล่าง ขา เข้าไปยังเอเทรียมขวา
ทริคจำ!!! หัวใจขวารับเลือด ออกซิเจนต่ำ ห้องบนซ้ายลงห้องล่างซ้าย ออกซิเจนสูง
หลอดเลือด
หลอดเลือด มีลักษณะเป็นท่อยาวเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียน และลำเลียงสารอาหารไปยังบริเวณต่าง ๆ ได้ทั่วร่างกาย โดยหลอดเลือดมี 3 ชนิด ดังนี้
หลอดเลือดอาร์เทอรี (arterial blood vessel) : นำเลือดออกจากหัวใจไปยังบริเวณปอด และส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย โดยจะแบ่งตามขนาดหลอดเลือดจากใหญ่ไปเล็ก ดังนี้ เอออร์ตา อาร์เทอรี และอาร์เทอริโอล
หลอดเลือดฝอย (blood capillary) : มีขนาดเล็กที่สุด แตกแขนงจากอาร์เทอริโอล มีการแลกเปลี่ยนสารต่าง ๆ ระหว่างหลอดเลือดฝอยกับเนื้อเยื่อ
หลอดเลือดเวน (venous blood vessel) : นำเลือดจากปอด และส่วนต่าง ๆ ในร่างกายกลับเข้าสู่หัวใจ โดยแบ่งตามขนาดของหลอดเลือดจากเล็กไปใหญ่ ดังนี้ เวนูล เวน และเวนาคาวา
ทริคจำ!!! หลอดเลือดอาร์เทอรีมีความเร็วอันดับ 1 และมีผนังหนามาก เพราะต้องรองรับแรงดันเลือด
น้อง ๆ Dek-D รู้หรือไม่? ถ้าหลอดเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงหัวใจของเราผิดปกติจะเป็นอย่างไร? อาการที่พบได้บ่อยก็คือ การตีบและตันของโคโรนารีอาร์เทอรี ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจของเราขาดเลือด และไม่สามารถทำงานได้ปกตินั่นเองค่ะ

เลือด
เลือด มีหน้าที่ลำเลียงสารอาหาร แก๊สออกซิเจนไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นำของเสียและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย โดยเลือดยังช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย เช่น กรด-เบส ฮอร์โมน เป็นต้น ร่างกายของเรามีเลือดประมาณร้อยละ 7-8 ของน้ำหนักตัว
ส่วนประกอบของเลือด
พลาสมา : พลาสมาเป็นของเหลวใส มีสีเหลืองอ่อน พบประมาณร้อยละ 55 ของปริมาณเลือดทั้งหมด พลาสมาประกอบด้วย น้ำ และโปรตีนต่าง ๆ เช่น
อัลบูมิน : ทำหน้าที่รักษาแรงดันออสโมติกของเลือดให้คงที่
โกลบูลิน : ทำหน้าที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นแอนติบอดี เรียกว่า อิมมูโนโกลบูลิน
เซลล์เม็ดเลือดแดง
เซลล์เม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 100-120 วัน จะถูกทำลายที่ตับ และม้าม โดยมีลักษณะรูปร่างกลมแบน ตรงกลางบุ๋มเล็กน้อย ไม่มีนิวเคลียส และไมโทคอนเดรีย มีหน้าที่ลำเลียงแก๊ส
ทำไมเซลล์เม็ดเลือดแดงถึงมีสีแดง? เพราะว่าภายในเซลล์มีฮีโมโกลบิน เป็นโปรตีนที่มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ เม็ดเลือดแดงที่สร้างขึ้นใหม่จะมีนิวเคลียส แต่เมื่อโตเต็มที่จะดันนิวเคลียสหลุด
ถ้าร่างกายเสียเลือด? ร่างกายจะนำเลือดที่สะสมที่ม้ามมาทดแทนทันที (ในกรณีเสียเลือดไม่มาก เช่น บริจาคเลือด)
เซลล์เม็ดเลือดขาว
เซลล์เม็ดเลือดขาวมีขนาดใหญ่กว่าเซลล์เม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ป้องกัน ทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้ามาในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. แกรนูโลไซต์ : มีแกรนูล 2. อะแกรนูโลไซต์ : ไม่มีแกรนูล
แกรนูโลไซต์ สร้างจากไขกระดูกสันหลัง มี 3 ชนิด ดังนี้
- อีโอซิโนฟิล และ เบโซฟิล : หลั่งเอนไซม์หรือสารเคมี เพื่อทำลายเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม
- นิวโทรฟิล : ทำลายสิ่งแปลกปลอม และเชื้อโรคโดยวิธีฟาโกไซโทซิส
ฟาโกไซโทซิส คือ การใช้เยื่อหุ้มเซลล์โอบล้อมเชื้อโรคให้เข้าไปอยู่ภายในเซลล์ และเมื่อเชื้อโรคเข้าไปอยู่ภายในเซลล์แล้วจะทำการย่อยทำลายเชื้อโรคด้วยไลโซโซม
อะแกรนูโลไซต์ เป็นเซลล์ที่คล้ายรูปไต มีนิวเคลียสขนาดใหญ่ มี 2 ชนิด ดังนี้
- โมโนไซต์ : ทำลายเชื้อโรคด้วยฟาโกไซโทซิส จับเชื้อโรคได้มากกว่านิวโทรฟิล
- ลิมโฟไซต์ : ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกัน และกำจัดเซลล์ติดเชื้อและเซลล์มะเร็ง
ตรวจเซลล์เม็ดเลือดขาวช่วยชี้โรคได้? นั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าหากร่างกายเรา ได้รับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายจะพบว่าปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวจะเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยต่อสู้และทำลายเชื้อโรค แต่ๆๆ ในบางโรค เช่น โรคเอดส์ จะทำให้ปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง เนื่องจากเชื้อ HIV เป็นเชื้อที่ทำลาย CD4 cells หรือระบบภูมิคุ้มกันที่ป้องกันร่างกายจากการติดเชื้อ
โรคที่พบ? มะเร็งเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือ ลิวคีเมีย เกิดจากการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวของไขกระดูกที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากอาจทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งเซลล์ผิดปกติ และแพร่เซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
เกล็ดเลือด
เกล็ดเลือดหรือเรียกอีกอย่างว่าเพลตเลตไม่นับเป็นเซลล์เพราะเกิดจากชิ้นส่วนของไซโทพลาซึมของเซลล์ในไขกระดูกที่หลุดออกเข้าสู่หลอดเลือด เพลตเลตมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด มีกระบวนการดังนี้
ผนังหลอดเลือดฉีกขาด > เพลตเลตเคลื่อนมาอุดรอยฉีกขาด > ไฟบริน เพลตเลต RBC รวมกัน > เลือดแข็งตัว ป้องกันเลือดไหลออกจากแผล
โรคฮีโมฟิเลีย เมื่อเกิดแผลเลือดจะแข็งตัวช้า หรือไม่แข็งตัว เป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรม ซึ่งถูกควบคุมจากยีนบนโครโมโซม X ไม่สามารถสร้างสารที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
หมู่เลือด
หมู่เลือดระบบ ABO
หมู่เลือด ABO จำแนกตามชนิดของไกลโคโปรตีน หรือแอนติเจน ที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง โดยมี 2 ชนิด คือ แอนติเจน A แอนติเจน B และแอนติบอดีที่อยู่ในพลาสมามี 2 ชนิด แอนติบอดี A และแอนติบอดี B
หมู่เลือด | ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง | พลาสมา |
| A | แอนติเจน A | แอนติบอดี B |
| B | แอนติเจน B | แอนติบอดี A |
| O | มีทั้งแอนติเจน A และ B | ไม่มีทั้งแอนติบอดี A และ B |
| AB | ไม่มีทั้งแอนติเจน A และ B | มีทั้งแอนติบอดี A และ B |
รู้หรือไม่? การให้และการรับเลือด แอนติเจนบนผิวเซลล์เม็ดเลือดแดงของผู้ให้เลือดต้องไม่ตรงกับแอนติบอดีในพลาสมาของผู้รับ เพราะจะทำให้ RBC เกาะเป็นก้อนและตกตะกอน ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายถึงชีวิต!!!
หมู่เลือดระบบ Rh
ในระบบหมู่เลือด Rh คนไทยส่วนใหญ่จะมีเลือดหมู่ Rh+ (มีแอนติเจน Rh ที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง) และส่วนน้อยเพียงร้อยละ 0.3 ที่จะมีเลือดหมู่ Rh- (ไม่มีแอนติเจน Rh ที่ผิวเซลล์เม็ดเลือดแดง)
ความแตกต่างของหมู่เลือดระบบ ABO และ Rh
คนที่มีเลือดหมู่ Rh+ จะไม่มีการสร้างแอนติบอดี แต่คนที่มีเลือด Rh- เมื่อได้รับเลือดหมู่ Rh+ แอนติเจน Rh จะกระตุ้นให้สร้างแอนติบอดีต่อแอนติเจน Rh ดังนั้นการให้และรับเลือดต้องคำนึงถึงแอนติเจน Rh เนื่องจากการให้เลือดในครั้งถัดไปอาจจะก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต
นอกจากระบบหมุนเวียนเลือดจะเป็นการลำเลียงสารอาหาร แก๊ส และสารอื่น ๆ ไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ระบบหมุนเวียนเลือดยังมีหน้าที่รักษาดุลยภาพของร่างกาย เช่น น้ำ อุณหภูมิ ความเป็นกรด-เบส เป็นต้น
กลไกการรักษาดุลยภาพของอุณหภูมิภายในร่างกายเป็นการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือด ร่วมกับผิวหนัง กล้ามเนื้อโครงร่าง โดยสมองส่วนไฮโพทาลามัสจะเป็นส่วนที่ควบคุมอุณหภูมิให้คงที่
น้อง ๆ สงสัยไหมคะว่าทำไมเวลาเป็นไข้ถึงตัวร้อน? เพราะว่าเมื่อร่างกายเราได้รับเชื้อโรค ไฮโพทาลามัสจะกำหนดอุณหภูมิในร่างกายให้สูงกว่าปกติ ร่างกายของเราจึงรู้สึกหนาว เพราะอุณหภูมิจริง ๆ ของร่างกายเรา ณ เวลานั้น ๆ ต่ำกว่าอุณหภูมิที่กำหนดขึ้นมาใหม่ และการที่ร่างกายเรามีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิดได้นั่นเองค่ะ
มาทดสอบความรู้กัน!
ข้อใดคือเส้นเลือดที่นำเลือดจากหัวใจไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซ
1. พัลโมนารีเวน
2. พัลโมนารีอาร์เทอรี
3. เอออร์ตา
4. เวนาคาวา
5. โคโรนารีอาร์เทอรี
__________________________________
ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของเซลล์เม็ดเลือดแดง (RBC)
1. ลำเลียงออกซิเจน
2. ลำเลียงคาร์บอนไดออกไซด์บางส่วน
3. ป้องกันและทำลายเชื้อโรค
4. มีฮีโมโกลบินจับออกซิเจน
5. ช่วยรักษาสมดุลก๊าซในร่างกาย
__________________________________
ข้อใดอธิบายความแตกต่างของหมู่เลือด ABO ได้ถูกต้องที่สุด
1. จำแนกตามชนิดของแอนติบอดีที่อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดง
2. จำแนกตามชนิดของแอนติเจนที่อยู่ในพลาสมา
3. จำแนกตามชนิดของแอนติเจนที่อยู่บนผิวเม็ดเลือดแดง
4. จำแนกตามชนิดของฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง
5. จำแนกตามปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกาย
น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าแต่ละข้อตอบอะไรบ้าง มาคอมเมนต์คำตอบด้านล่างได้เลย!
สำหรับน้องๆ ที่อยากอัปเลเวลเพิ่มความมั่นใจในการสอบชีวะ ขอแนะนำ คอร์สพิชิต TCAS – สรุปเนื้อหาชีวะ กับ “อ.อุ้ย - ผศ.ดร.ศุภณัฐ ไพโรหกุล” ผู้แต่งหนังสือปลาหมึก คอร์สสรุปเนื้อหาชีวะ ม.ปลาย ตามหลักสูตร สสวท. ใหม่ล่าสุด! เนื้อหาครอบคลุมทุกการสอบของ TCAS อธิบายละเอียด กระชับ ตรงจุด มีสรุปเนื้อหาเป็นคอนเซ็ปต์สั้นๆ เข้าใจง่าย จบใน 10 นาที พร้อมรับหนังสือประกอบการเรียน สรุปเนื้อหาจบใน 1 หน้า ที่ อ.อุ้ย จัดทำขึ้นใหม่โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมี คอร์สพิชิต TCAS – ตะลุยโจทย์ชีวะ คอร์สนี้นอกจากน้องๆ จะได้ตะลุยโจทย์ชีวะ แนวข้อสอบออกใหม่ 665 ข้อแล้ว ยังมีเฉลยละเอียดแบบจัดเต็ม เพื่อให้น้องๆ ได้ทบทวน เรียนรู้เทคนิคการทำโจทย์ต่างๆ และฝึกทำข้อสอบลับฝีมือก่อนลงสนามจริงด้วย
น้องๆ ที่สนใจอยากติวออนไลน์กับ Dek-D School สามารถปรึกษาพี่ๆ เพิ่มเติมได้ที่
Line @SchoolDekD
Facebook: Dek-D School
เป็นอย่างไรกันบ้างคะน้อง ๆ ชาว Dek-D? กับเรื่องของระบบหมุนเวียนเลือดในวิชาชีววิทยาที่พี่ได้นำมาฝากในครั้งนี้ สำหรับครั้งหน้าจะเป็นวิชาอะไร ฝากน้อง ๆ ทุกคนรอติดตามด้วยนะคะ รับรองน้อง ๆ จะไม่พลาดทริคการจำดี ๆ อย่างแน่นอนค่ะ แล้วถ้าหากใครสนใจวิชาไหน เรื่องไหน สามารถคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะคะ :D
ข้อมูลจากhttps://www.scimath.org/other-biology/item/10279-2019-04-29-01-29-59http://www.thaiheart.org/.htmlhttps://surinonline.srru.ac.th/pluginfile.php/59222/mod_resource/content/0/.pdfhttps://www.scimath.org/escivocab-biology/item/13766-phagocytosishttps://www.tsh.or.th/Knowledge/Details/34https://ddc.moph.go.th/disease_detail.php?d=59https://www.scimath.org/lesson-biology/item/8802-2018-09-21-02-18-35https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=846
0 ความคิดเห็น