ถ้าพูดถึงดินแดนแห่งอารยธรรม หลายคนอาจนึกถึงอียิปต์โบราณ กรีก โรมัน แต่รู้หรือไม่ว่า... มีอีกหนึ่งอารยธรรมที่เก่าแก่ของโลกตะวันตกในดินแดนที่เรียกว่า เมโสโปเตเมีย หรือ “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์” ต้นกำเนิดทั้งตัวอักษร กฎหมาย และความรู้สำคัญมากมาย วันนี้คอลัมน์ “รู้ไว้เผื่อออกสอบ” จะพาไปทำความรู้จักเส้นทางแห่งอารยธรรมเมโสโปเตเมียกัน ว่าแต่ละชนเผ่าได้สร้างความยิ่งใหญ่และทิ้งมรดกอะไรไว้ให้กับโลกตะวันตกบ้าง
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย เป็นอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของโลกสมัยโบราณ คำว่า เมโสโปเตเมีย แปลว่า “ดินแดนระหว่างแม่น้ำสองสาย” และมีอีกชื่อเรียกว่า “ดินแดนพระจันทร์เสี้ยวอันอุดมสมบูรณ์” เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ท่ามกลางทะเลทรายและภูเขา โดยมีที่ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริส และยูเฟรทีส ปัจจุบันอยู่ในเขตแดนประเทศอิรัก แม่น้ำทั้ง 2 สาย มีต้นน้ำที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนที่ราบสูงอาร์เมเนียน และไหลลงสู่ทะเลที่อ่าวเปอร์เซีย บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกรีส และยูเฟรทีส ตอนล่างเรียกว่า “บาบิโลเนีย” ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ดินแดนนี้มีอาณาเขตตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียทางตะวันออก ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ต้นกำเนิดแม่น้ำไทกริส และยูเฟรทีส
แม่น้ำไทกริส (Tigris) มีต้นน้ำอยู่ในเทือกเขาทางตะวันออกของประเทศตุรกี ยาวประมาณ 1,900 กิโลเมตร ไหลผ่านชายแดนประเทศซีเรีย เข้าดินแดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดิมมารวมกับแม่น้ำยูเฟรทีสใกล้เมืองบัสรา
แม่น้ำยูเฟรทีส (Euphrates) มีต้นน้ำอยู่ในเทือกเขาทางตะวันออกของประเทศตุรเกีย ยาวประมาณ 2,300 กิโลเมตร ไหลเข้าประเทศซีเรีย เข้าดินแดนอารยธรรมเมโสโปเตเมียเดิท หรือประเทศอิรักปัจจุบัน แล้วมารวมกับแม่น้ำไทกริสใกบ้เมืองบัสรา เกิดเป็นแม่น้ำใหม่ชื่อ “ชัฏฏุลอะร็อบ (Shatt al-Arab)” ยาวประมาณ 200 กิโลเมตร ก่อนไหลลงสู่อ่าวเปอร์เซีย
โดยดินแดนเมโสโปเตเมียจะมีชนเผ่าต่าง ๆ เข้ามาทำสงครามเพื่อแย่งชิงอำนาจอยู่เสมอ ซึ่งแบ่งย่อยตามยุคสมัยและชนเผ่าต่าง ๆ ดังนี้
สมัยอาณาจักรสุเมเรียน หรือซูเมอร์
ชาวสุเมเรียน
ชาวสุเมเรียน (Sumerians) เป็นชนกลุ่มแรกที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส เมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช และได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองในพื้นที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น
- การประดิษฐ์ตัวอักษร “คูนิฟอร์ม (Cuneiform)” หรือ “อักษรลิ่ม” คิดค้นโดยชาวสุเมเรียน ซึ่งถูกจารึกลงบนแผ่นดินเหนียวด้วยไม้หรือเหล็กแหลม ซึ่งนักประวัติศาสตร์ใช้เป็นเกณฑ์แบ่ง “ยุคประวัติศาสตร์”
- สร้างสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือ “วิหารซิกกูแรต” ก่อสร้างด้วยอิฐตากแห้ง มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมเช่นเดียวกับพีระมิดของอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นสถานที่บูชาเทพเจ้า เพราะชาวสุเมเรียนยกย่องและเกรงกลัวเทพเจ้า
- มหากาพย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกคือ “มหากาพย์กิลกาเมช” เป็นมหากาพย์ที่แต่งขึ้นว่าด้วยน้ำท่วมโลกและวีรบุรุษ เขียนบนแผ่นดินเผาขนาดใหญ่ 12 แผ่น ทั้งหมด 3,000 บรรทัด
- คิดค้นวิธีการคำนวณทางคณิตศาสตร์ การคิดเลขบวก ลบ คูณ เพื่อเก็บบันทึกสินค้าทางพืชพันธุ์และการค้าขาย และสร้างระบบชั่ง ตวง วัด รวมถึงพัฒนา “ระบบเลขฐาน 60” แบ่ง 1 ชั่วโมงเป็น 60 นาที / 1 นาทีเป็น 60 วินาที และมุม 360 องศา เพื่อหาพื้นที่ของวงกลม
- การทำปฏิทินโดยยึดหลักจันทรคติ 1 ปี มี 360 วัน
- ด้านสังคมของอาณาจักรสุเมเรียน มีการแบ่งชนชั้นของคนในสังคมเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ชนชั้นสูง คือ พระซึ่งเป็นผู้นำด้านศาสนาและการปกครองในช่วงต้น
- ชนชั้นกลาง คือ พ่อค้า, ช่างฝีมือ และทหาร เป็นต้น
- ชนชั้นล่าง คือ ชาวนา, เกษตรกร
- มีการจัดตั้งนครรัฐ แต่ละนครรัฐประกอบด้วยบริเวณเมือง พื้นที่เกษตรกรรม สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ โดยมีการติดต่อค้าขายระหว่างนครรัฐด้วยกัน
- สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นในยุคแรก คือ คันไถ เพื่อช่วยเกษตรกรในการทำนา และล้อรถ ที่ประกอบติดกับเพลา เพื่อใช้กับเกวียนขนส่งสินค้า หรือรถศึกสำหรับการออกรบ
- มีการประดิษฐ์จานหมุน เพื่อให้ชาวสุเมเรียนสามารถผลิตเครื่องปั้นดินเผามีคุณภาพดีได้เร็วขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องกลชนิดแรกของโลก
ชาวอัคคาเดียน
จากความมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองของเมโสโปเตเมียได้ดึงดูด ชาวอัคคาเดียน (Akkadian) เป็นพวกเร่ร่อนที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณซีเรีย ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในคาบสมุทรอารเบีย (Arabia) โดยพระเจ้าซาร์กอนที่ 1 (Sargon) เผ่าซีไมต์ (Semite) แห่งอาณาจักรอัคคาเดียน ได้เข้ามารุกรานยึดครองพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมียไป
- หลังจากนั้นพระเจ้าการ์ซอนที่ 1 ได้ก่อตั้งจักรวรรดิสุเมโรอัคคาเดียน (The Sumero-Akkadian Empire) ขึ้น ซึ่งจัดว่าเป็นจักรวรรดิแรกในเมโสโปเตเมีย และเป็นจักรวรรดิแรกของโลก โดยมีชื่อเมืองหลวงว่า “อัคคัด (Akkad)”
- ด้วยความที่พระเจ้าการ์ซอนที่ 1 เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง จึงสามารถขยายอาณาเขตการปกครองจากดินแดนเปอร์เซียถึงชายฝั่งทะเลตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
สมัยจักรวรรดิบาบิโลน (เก่า)
ชาวอมอไรต์
ชนชาติถัดมาที่เข้ายึดครองดินแดนเมโสโปเตเมีย คือ ชาวอมอไรต์ (Amorite) เป็นชนเผ่าที่อพยพจากทะเลทรายอาระเบีย เข้ามายึดครองนครรัฐของชาวสุเมเรียน และสถาปนาจักรวรรดิบาบิโลเนีย (เก่า) ขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
- มี “นครบาบิโลน” เป็นศูนย์กลางการปกครอง ซึ่งมีกษัตริย์ที่สำคัญคือ “พระเจ้าฮัมมูราบี” อาณาจักรมีลักษณะเป็นรัฐสวัสดิการที่รัฐดูแลพลเมืองอย่างใกล้ชิด โดยชาวอะมอไรต์ใช้ภาษาตระกูลเซมิติก
- สมัยนี้มีมรดกทางอารยธรรมที่สำคัญ คือ “ประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมบูราบี (Code of Hammurabi)” ถือเป็นกฎหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโลก และเป็นกฎหมายฉบับแรกที่คำนึงถึงสิทธิสตรี และสิทธิในการฟ้องหย่าสามีได้
- ประมวลกฎหมายของพระเจ้าฮัมบูราบี เป็นประมวลกฎหมายที่เข้มงวด กฎหมายนี้มีลักษณะการลงโทษแบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” จารึกด้วยอักษรคูนิฟอร์ม
- มีการสืบทอดความเจริญต่างๆ ของชาวสุเมเรียนวไว้ เช่น การบูชาเทพเจ้า แบ่งกลุ่มชนชั้นในสังคม การปกครอง การผลิตสินค้ากับดินแดนอื่นๆ
ชาวฮิตไทต์
หลังจากกษัตริย์ฮัมมูราบีสิ้นอำนาจลงก็มีชนเผ่าฮิตไทต์ เข้ามาในดินแดนเมโสโปเตเมียต่อ โดยชาวฮิตไทต์ (Hittites) เป็นพวกอินโด-ยูโรเปียน ที่อพยพมาจากทางเหนือของทะเลดำ และได้ขยายอิทธิพลเข้ามาในเขตจักรวรรดิบาบิโลนและเข้าครอบครองดินแดนซีเรีย
- จุดเด่นของชนเผ่าฮิตไทต์ คือ มีความสามารถในการรบมาก โดยฮิตไทต์เป็นชนเผ่าแรกที่นำ “เหล็ก” มาใช้ในการทำอาวุธ
- รู้จักใช้ “รถศึกเทียมม้า” ในการสู้รบทำให้กองทัพเข้มแข็ง และเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว
- จัดทำประมวลกฎหมาย เพื่อใช้ควบคุมสังคม โดยเน้นลดการใช้ความรุนแรงตอบโต้ผู้ที่กระทำความผิด เช่น ให้จ่ายค่าปรับแทนการลงโทษที่รุนแรง
สมัยจักรวรรดิอัสซีเรีย
ชาวอัสซีเรียน
ชาวอัสซีเรียน (Assyrian) เป็นชนเผ่าเซมิติกอีกกลุ่มหนึ่ง ในระยะแรกได้เริ่มต้นตั้งถิ่นฐานและสร้างอารยธรรมในบริเวณภาคเหนือของแม่น้ำไทกริส และเริ่มทำการขยายอาณาเขตจนมีอำนาจครอบคลุมทางเหนือของหุบเขาทั้งหมด
- จากการเข้ายึดครองดินแดนทั้งหมดของเมโสโปเตเมียรวมถึงอียิปต์เหนือ ทำให้ชาวอัสซีเรียนเป็นเจ้าแห่งดินแดนวงพระจันทร์เสี้ยวที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียจนถึงริมฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอียิปต์
- มีศูนย์กลางการปกครอง ณ เมืองนิเนเวห์ โดยชาวอัสซีเรียนมีความเชื่อว่า กษัตริย์เป็นสมมติเทพ หรือผู้แทนของพระเจ้า
- มีความเก่งในด้านการรบ ทำให้สามารถขยายจักรวรรดิไปอย่างกว้างขวาง และนับว่าเป็นจักรวรรดิแรกที่เจริญขึ้นในยุคเหล็ก โดยมีอนุสรณ์ที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของยุคถูกสร้างเป็น “ประติมากรรมนูนต่ำ” ภาพที่กษัตริย์อัสซูร์บานิปาลกำลังแทงหอกใส่สิงโต แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของกษัตริย์อัสซีเรีย
- นิยมสร้างวังแทนวัด เพื่อเป็นที่ประทับและศูนย์กลางการปกครอง สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูกษัตริย์ในฐานะนักรบ และนักล่า
- กษัตริย์อัสซูร์บานิปาลได้รวบรวมแผ่นดินเผาที่เขียนด้วยอักษรคูนิฟอร์ม ซึ่งเป็นมรดกจากชาวสุเมเรียน และบาบิโลนเก่าเป็นจำนวน 20,000 แผ่น รวมถึงมหากาพย์กิลลาเมซไว้ใน “ห้องสมุดนิเนเวห์” ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ
สมัยอาณาจักรคาลเดียน หรือบาบิโลนใหม่
ชาวคาลเดียน
ชาวคาลเดียน (Chaldean) เป็นชนเผ่าฮีบรูทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรทีสก็สามารถเข้ายึดกรุงนิเนเวห์ และสถาปนาบาบิโลนเป็นเมืองหลวงอีกครั้ง และจัดตั้งอาณาจักรบาบิโลนใหม่
- กษัตริย์องค์สำคัญ คือ พระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ สามารถพิชิตกรุงเยรูซาเล็ม และกวาดต้อนเชลยชาวยิวคนใหม่ มีการก่อสร้างและขยายอาณาจักรบาบิโลนจนใหญ่โต และมีกำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบ
- มีการสร้างพระราชวังหลายชั้น แต่ละชั้นปลูต้นไม้นานาพันธุ์ จนได้ชื่อว่า “สวนลอยแห่งบาบิโลน” เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างโดยพระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ที่ 2 สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อ “พระนางอมิทิส” มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำยูเฟรทีสไปทำเป็นน้ำตก และนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดทั้งปี
- มีการสร้างซิกกูแรตขนาดใหญ่ ที่รู้จักกันในชื่อว่า “หอคอยแห่งบาเบล” ซึ่งปรากฏเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลเชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีจุดมุ่งหมายให้สูงไปถึงสวรรค์ เกิดจากความสามัคคีของมนุษย์
- ด้านดาราศาสตร์ มีการแบ่งสัปดาห์ออกเป็น 7 วัน วันละ 12 คาบ คาบละ 120 นาที สามารถพยากรณ์สุริยุปราคา และเวลาการโคจรของดวงอาทิตย์ได้ถูกต้อง และให้ความสำคัญแก่วิชาโหราศาสตร์
- 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักรบาบิโลนใหม่ถูกกองทัพของพระเจ้าไซรัสมหาราชแห่งเปอร์เซียบุกเข้ายึดครองอาณาจักร และถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเปอร์เซีย นับเป็นการสิ้นสุดประวัติศาสตร์ของดินแดนเมโสโปเตเมียยุคโบราณ
สมัยฟีนิเชีย ฮีบรู และเปอร์เซีย
สำหรับชาวฟีนิเชียน ฮีบรู และเปอร์เซียนั้น ถือเป็นกลุ่มอารยธรรมในดินแดนใกล้เคียง เป็นชนชาติสำคัญและทิ้งมรดกอารยธรรมสำคัญไว้ให้แก่โลก โดยสรุปได้ดังนี้
ชาวฟีนิเชียน
ชาวฟีนิเชียน (Choenicians) เป็นชื่อที่ชาวกรีกใช้เรียกพวกแคนาไนต์ อาศัยอยู่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในซีเรีย ปัจจุบันคือเลบานอน
- มีความสามารถทางการค้า สร้างเรือเดินสมุทรและจัดตั้งอาณานิคมก่อนชาวกรีก
- สร้างอาณาจักรคาร์เทจทางตอนเหนือของแอฟริกา และอาณาจักรซิซิลี
- มีการประดิษฐ์นวัตกรรมอักษรที่ใช้แทนเสียง โดยปรับปรุงแก้ไข “อักษรเฮียราติก” และอักษรคูนิฟอร์มจนเกิดเป็นพยัญชนะ 22 ตัว ชาติต่างๆ ได้นำไปดัดแปลงจนเป็นตัวอักษรของตน โดยเฉพาะในภาษากรีกและละติน จึงถือว่าเป็นต้นตระกูลของอักษรชาติตะวันตก
- ชาวฟินิเชียนมีความสามารถในการทำเครื่องเรือน เครื่องแก้ว เครื่องโลหะ และเครื่องประดับ และรู้จักการย้อมผ้าโดยใช้สีจากเปลือกหอย
- 571 ปีก่อนคริสต์ศักราช ได้ตกเป็นพวกคาลเดียน หรือบาบิโลนใหม่ ส่วนอาณาจักรคาร์เทจได้ถูกกองทัพโรมันทำลายในสงครามพิวนิคเมื่อ 146 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ชาวฮิบรู
ชาวฮิบรู (Hebrew) หรือชาวยิวเป็นชนเผ่าเซมิติก เรื่องราวปรากฏในพันธสัญญาเก่า (ไบเบิลเก่า) เชื่อกันว่าบรรพบุรุษชาวฮิบรู คือ อับราฮัม ซึ่งอพยพมาจากเมืองอุร์
- เคยถูกกวาดต้อนไปเป็นทาสในสมัยอาณาจักรบาบิโลนใหม่ ต่อมาตกอยู่ในภายใต้การปกครองของเปอร์เซีย กรีก และถูกกองทัพโรมันปราบจนกลายเป็นชนเผ่าเร่ร่อน
- พวกเขาแสวงหาดินแดนแห่งพันธสัญญา ดินแดนปาเลสไตน์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการจัดตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นบนดินแดนปาเลสไตน์ ซึ่งกลายเป็นปัญหาการเมืองสำคัญในปัจจุบัน
- ชาวฮิบรู เป็นชาติที่มีบทบาทสำคัญในด้านศาสนา เพราะเป็นจุดกำเนิดของศาสนาที่นับถือพระเจ้าพระองค์เดียว (เอกเทวนิยม) ซึ่งเป็นที่มาของศาสนาสำคัญของโลก ได้แก่ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม
ชาวเปอร์เซีย
ชาวเปอร์เซีย (Persian) เป็นชนเผ่าอินโด-ยูโรเปียน อพยพมาจากบริเวณตอนเหนือของทะเลดำ เข้ามาตั้งถิ่นฐานแถบที่ราบสูงอิหร่าน โดยมีกษัตริย์ผู้มีชื่อเสียงคือ “พระเจ้าไซรัสมหาราช”
- ในสมัยพระเจ้าไซรัสมหาราช ได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง และได้ปลดปล่อยชาวฮีบรูเป็นอิสระจากการเป็นเชลยของบาบิโลเนีย
- จักรวรรดิเปอร์เซียล่มสลายลงจากการยึดครองของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย
มาทดสอบความรู้กัน
หลังจากทำความรู้จักกับอารยธรรมเมโสโปเตเมียกันไปแล้ว มาทดสอบความรู้กันดีกว่าค่ะ วันนี้พี่แป้งมีแบบฝึกหัดมาให้น้องๆ ลองทำกันถึง 2 ข้อ ด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำได้เลย!
เหตุผลข้อใดสนับสนุนคำกล่าวที่ว่า “สมัยประวัติศาสตร์ตะวันตกเริ่มขึ้นที่อาณาจักรซูเมอร์” (แนวข้อสอบสังคมศึกษา)
1. ชาวอัสซีเรียประดิษฐ์ตัวอักษรเฮียราติกได้เป็นชนกลุ่มแรก
2. ชาวอัสซีเรียประดิษฐ์ตัวอักษรรูปลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์มได้เป็นชนกลุ่มแรก
3. ชาวสุเมเรียนประดิษฐ์ตัวอักษรรูปลิ่มหรืออักษรคูนิฟอร์มได้เป็นชนกลุ่มแรก
4. ชาวสุเมเรียนประดิษฐ์ตัวอักษรไฮโรกลิฟิกได้เป็นชนกลุ่มแรก
___________________________________________________________
ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้อง (ข้อสอบสังคมศึกษาฯ ONET ปี 2562)
1. ชาวสุเมเรียนคิดประดิษฐ์อักษรคูนิฟอร์ม หรืออักษรลิ่ม
2. กฎหมายฮัมมูราบีของจักรวรรดิบาบิโลเนียมีรากฐานส่วนหนึ่งจากกฎหมายของพวกสุเมเรียน
3. “คัมภีร์มรณะ” นับเป็นวรรณกรรมชิ้นสำคัญของอารยธรรมไมซินี
4. ชาวฟินีเชียอาศัยอยู่ตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และมีความสามารถทางการค้าและการเดินเรือ
5. ชาวอมอไรต์เป็นผู้สถาปนาจักรวรรดิบาบิโลเนียขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าแต่ละข้อตอบอะไรบ้าง มาคอมเมนต์คำตอบด้านล่างได้เลย!
สำหรับคอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ วิชาสังคมบทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ถ้าน้อง ๆ มีประเด็นที่น่าสนใจ หรือความรู้จากวิชาอะไร ที่อยากให้นำมาเล่า หรือแจกทริคการจำ ก็สามารถคอมเมนต์เอาไว้ด้านล่างได้เลย!
ข้อมูลจากhttps://anyflip.com/ecrbp/vuxh/basic https://www.finearts.cmu.ac.th/e_doc/04mesopotamia.pdf https://ngthai.com/history/51398/tigris-euphrates/ https://anyflip.com/bkdag/ywoc/basic https://www.facebook.com/jumsocial/posts/pfbid02GXBSrFkgRKCb3uPzJ3xydHvSeiXrnpDBTaWiWpAPeBgjhEvfU4j5TJ8Vjgkejnz3l?locale=th_TH
0 ความคิดเห็น