อารยธรรมอียิปต์ ประวัติศาสตร์สำคัญแห่งโลกตะวันตก ออกสอบบ่อย

ถ้าพูดถึง “อารยธรรมอียิปต์” หลายคนคงนึกถึงพีระมิด ฟาโรห์ และมัมมี่ แต่รู้ไหมว่าอียิปต์ยังเป็นแหล่งกำเนิดทั้งคณิตศาสตร์ การแพทย์ ดาราศาสตร์ และอักษรเฮียโรกลิฟิก จนถูกขนานนามว่า “ของขวัญแห่งไนล์” ทั้งยังเป็นอารยธรรมที่ยาวนานมากๆ วันนี้คอลัมน์ “รู้ไว้เผื่อออกสอบ” จะพาไปย้อนดูความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมนี้กัน

อารยธรรมอียิปต์ ประวัติศาสตร์สำคัญแห่งโลกตะวันตก ออกสอบบ่อย
อารยธรรมอียิปต์ ประวัติศาสตร์สำคัญแห่งโลกตะวันตก ออกสอบบ่อย

อารยธรรมอียิปต์ คืออะไร?

อารยธรรมอียิปต์ (Egyptian Civilization) เป็นอารยธรรมเก่าแก่และสำคัญที่สุดอารยธรรมหนึ่งของโลก ตั้งอยู่ที่ทวีปแอฟริกา หลายคนอาจจะสงสัยว่าอียิปต์ตั้งที่ทวีปแอฟริกาพื้นที่บริเวณนั้นจะต้องแห้งแล้ง ใช้ชีวิตลำบาก แต่ความจริงแล้วอียิปต์เป็นบริเวณที่มีความแตกต่างจากทวีปแอฟริกาบริเวณอื่นๆ  

เนื่องจากอียิปต์มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่และมีทิศทางการไหลที่ค่อนข้างไกล และในทุก ๆ ปีแม่น้ำไนล์จะพัดเอาตะกอนดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มายังบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ทำให้ผืนดินบริเวณนี้อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก  

ชาวอียิปต์โบราณจึงเรียกได้เรียกดินแดนนี้ว่า "เคเมต" (km.t = kemet) ซึ่งหมายถึง ดินแดนที่อุดมไปด้วยดินสีดำ จนกลายเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก สมกับที่ 'เฮโรโดตัส' นักประวัติศาสตร์คนแรกของโลกเคยกล่าวไว่ว่า "อียิปต์คือของขวัญจากแม่น้ำไนล์" นั่นเป็นเพราะแม่น้ำไนล์ถือเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต คติความเชื่อ วัฒนธรรม และการก่อเกิดอารยธรรมอียิปต์สมัยโบราณ

ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์

 เกร็ดความรู้ : เนื่องจากผืนดินบริเวณแม่น้ำไนล์มีความอุดมสมบูรณ์มาก ทำให้ผู้คนนิยมตั้งถิ่นฐานตลอดแนวแม่น้ำไนล์ โดยตลอดอารยธรรมอียิปต์ จะแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน อียิปต์ตอนบน และอียิปต์ตอนล่าง แต่ถ้าเราสังเกตแผนที่จะเห็นว่า  อียิปต์ตอนบนอยู่ด้านล่าง ส่วนอียิปต์ตอนล่างอยู่ด้านบนในแผนที่ เนื่องจากแบ่งตามทิศทางการไหลของแม่น้ำไนล์ ซึ่งต้นน้ำของแม่น้ำไนล์อยู่ทางทิศใต้ (อียิปต์ตอนบน) แล้วก็ไหลขึ้นไปทางทิศเหนือ (อียิปต์ตอนล่าง) ไปออกที่มหาสมุทร

แผนที่อียิปต์
แผนที่อียิปต์

 ประวัติศาสตร์อารยธรรมอียิปต์

อารยธรรมอียิปต์เป็นอารยธรรมที่ยาวนานมากๆ โดยสามารถแบ่งแยกย่อยได้ อีก 4 ยุคสมัย คือ สมัยอาณาจักรเก่า, สมัยอาณาจักรกลาง, สมัยอาณาจักรใหม่ และสมัยเสื่อมอำนาจ

สมัยอาณาจักรเก่า หรือช่วงก่อตั้งราชวงศ์ (The Old Kingdom) 2,700 - 2,200 ก่อนคริสต์ศักราช

เมื่อ 5,000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ชาวอียิปต์นิยมตั้งถิ่นฐานตลอดแนวทั้งสองฝั่งของลุ่มแม่น้ำไนล์ ในระยะแรกมีการรวมกลุ่มกันเป็นนครรัฐเล็ก ๆ จนเมื่อพลเมืองเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงมีการรวมตัวกันเป็น 2 อาณาจักรใหญ่ ได้แก่ อียิปตย์บน (Upper Egypt) และ อียิปต์ล่าง (Lower Egypt)  

  • ต่อมา 'ฟาโรห์เมเนส (Menese)' ได้รวบรวมทั้งสองอาณาจักรให้เป็นปึกแผ่น และสถาปนาตนขึ้นเป็นฟาโรห์พระองค์แรกของอียิปต์ พร้อมทั้งก่อตั้งเมืองหลวงแห่งแรก คือ 'นครเมมฟิส (Memphis)' ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์ ทำให้เริ่มเข้าสู่อารยธรรมอียิปต์อย่างเป็นทางการ
  • ในยุคสมัยนี้ฟาโรห์มีอำนาจสูงสุด มีฐานะเป็นเทวราชา ทรงมีพระราชอำนาจในการตรากฎหมายและพิพากษาคดีความ และเป็นผู้นำทางศาสนา

หลายๆ สิ่งที่เป็นภาพจำว่าเมื่อเห็นสิ่งเหล่านั้นจะนึกถึงอียิปต์ โดยส่วนใหญ่แล้วภาพจำทั้งหมดนั้นก็เกิดในยุคอาณาจักรเก่า (The Old Kingdom) โดยจะพวกผูกพันกับความเชื่อของชาวอียิปต์  

  • มีความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย และการนับถือเทพเจ้าหลายองค์แพร่หลายอย่างมากในสังคมชาวอียิปต์
  • คิดค้นวิธีการเก็บรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย หรือที่เรียกกันว่าการทำ “มัมมี่” ซึ่งเชื่อว่าวิญญาณจะสามารถกลับเข้าสู่ร่างเดิมได้ โดยจะทำมัมมี่ของฟาโรห์และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์
  • สร้าง “พีระมิด”  ไว้เพื่อเป็นสุสานเก็บมัมมี่ของฟาโรห์องค์ต่างๆ ตามคติความเชื่อที่ว่าจะเป็นสถานที่พักพิงสุดท้ายของฟาโรห์ในโลกหน้า สมัยนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สมัยพีระมิด (Age of the Pyramids)” ซึ่งถือว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ
  • ข้างหน้าพีระมิดมี “สฟิงซ์” เป็นรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดของอียิปต์ มีความสูงจากฐานถึงด้านบนสุดของศีรษะกว่า 20 เมตร และยาว 73 เมตรจากอุ้งเท้าหน้าจนถึงหาง มีหัวเป็นมนุษย์ และตัวเป็นสิงโต เฝ้าอยู่บริเวณพีระมิด
  • มีการพัฒนาระบบตัวเขียน เรียกว่า “อักษรไฮโรกลิฟิก” หรือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ มีลักษณะเป็นอักษรจารึกในแผ่นศิลา หรือฝาผนังหินขนาดใหญ่
  • ต่อมาพัฒนาเป็นตัวเขียนที่ง่ายขึ้น เรียกว่า “อักษรเฮียราติก” โดยเขียนลงบน “กระดาษปาปิรุส” เป็นกระดาษชนิดแรกของโลก ทำมาจากต้นกก ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์ต่างๆ สมัยอียิปต์โบราณ
  • รู้จักการทำปฏิทินโดยยึดหลักสุริยคติ กล่าวคือ 1 ปีมี 12 เดือน (เดือนละ 30 วัน) และมีวันพิเศษอีก 5 วัน

สมัยอาณาจักรกลาง (The Middle Kingdom) 2,050 - 1,652 ก่อนคริสต์ราช

เป็นยุคสมัยที่มีความรุ่งเรืองในหลายด้าน นับว่าเป็นยุคทองของอียิปต์

  • ในสมัยนี้ไม่นิยมสร้างพีระมิดขนาดใหญ่อีกต่อไป แต่เน้นไปที่การสร้างวิหาร เช่น มหาวิหารคาร์นัค (Karnak) และวิหารอาบูซิมเบล เพื่อบูชาเทพเจ้ามากขึ้น นั่นคือ เทพอะมอน และเทพโอซิริส แห่งแม่น้ำไนล์
  • มีความเจริญด้านวิทยาการและภูมิปัญญา มีการพัฒนาระบบชลประทานและขุดลอกคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำไนล์เข้ากับทะเลแดง ทำให้มีเขตเพาะปลูกเพิ่มขึ้น
  • ยุคนี้ฟาโรห์จึงหันมาทำนุบำรุงสุขแก่ประชาชน มีการนำงบประมาณมาดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น
  • โดยส่วนใหญ่แล้วยุคนี้จะเน้นประกอบอาชีพเกษตรกร และทาส
  • ชนชั้นล่างมักถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง โดยจะถือว่าพระวจนะฟาโรห์ คือ กฎหมาย
  • ยุคนี้ได้ถือกำเนิดฟาโรห์หญิงองค์แรกนั่นคือ “พระนางฮัตเชปซุต” นับเป็นครั้งแรกที่ผู้หญิงสามารถเข้ามามีบทบาทในการบริหารกิจการบ้านเมือง โดยพระราชกรณียกิจสำคัญของพระนางฮัตเชปซุต คือขยายการติดต่อค้าขายไปถึงเมืองปุนต์ (Punt) ในโซมาเลีย
  • ยุคนี้ประชาชนทั่วไปมีสิทธิทำมัมมี่ของสมาชิกในครอบครัวได้ ทำให้สามารถแสวงหาชีวิตอมตะได้เหมือนกันฟาโรห์และขุนนาง
  • ช่วงปลายสมัยอาณาจักรกลางเกิดความวุ่นวายในประเทศ จนมีต่างชาติเข้ารุกรานและปกครองอีปยิปต์ เพราะมีการเปลี่ยนแปลงความเชื่อจากการบูชาเทพเจ้าหลายองค์ให้เหลือองค์เดียว ได้แก่ สุริยเทพอะตัน (Aton) ซึ่งมีแค่ฟาโรห์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ ส่วนประชาชนทั่วไปให้บูชาฟาโรห์แทน จึงเป็นเหตุให้ชนชาติขาดความแข็งแรง

สมัยอาณาจักรใหม่ (The New Kingdom) 1,567 - 1,085 ก่อนคริสต์ศักราช

  • ชาวอียิปต์สามารถขับไล่ชาวต่างชาติ และกลับมาปกครองดินแดนได้อีกครั้ง
  • มัยนี้อียิปต์สามารถขยายอำนาจการปกครองไปยังดินแดนต่าง ๆ เช่น ซีเรีย ปาเลสไตน์ และฟินิเซีย
  • ในขณะเดียวกันนักบวชเริ่มก้าวขึ้นมามีอำนาจมากขึ้น เช่น ลัทธิบูชาเทพโอซิริส ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง
  • โดยนักบวชอ้างว่า ตนเป็นผู้ล่วงรู้ความลับที่จะทำให้หัวใจของทุกคนเบาลงได้ รวมถึงผู้ที่กระทำบาปหนักด้วย ทำให้พวกเขาผูกขาดพิธีกรรมต่างๆ และมีการเรียกร้องค่าใช้จ่ายสูง
  • มีการแต่งหนังสือ “คัมภีร์มรณะ” เพื่อใช้เป็นคู่มือหลังความตายก่อนเดินทางไปสู่ปรโลก
  • ฟาโรห์อัคเคนาตันทรงปฏิรูปศาสนา จึงได้สร้างความแตกแยกในหมู่ชาวอียิปต์ โดยพยายามทำลายอำนาจกลุ่มนักบวช ที่นับถือเทพเจ้าหลายองค์มาเป็นเวลานาน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำความเสื่อมมาสู่อียิปต์
  • ช่วงหลังๆ อำนาจการปกครองจากส่วนกลางค่อยลดลง เหล่าขุนนางที่ปกครองเมืองที่ห่างไกลเริ่มแข็งข้อต่ออำนาจมากขึ้นจนถึงประมาณ 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช อียิปต์ก็พ่ายแพ้ต่อชาวอัสซีเรียน และเมื่ออาณาจักรเปอร์เซียได้เข้ายึดครองเมโสโปเตเมีย อียิปต์ก็ตกเป็นส่วนหนึ่งของเปอร์เซีย

สมัยเสื่อมอำนาจ (The Decline) 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช  

  • ดินแดนอารยธรรมทั้งเมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และอียิปต์ ก็ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช แห่งมาซิโดเนีย

สรุปจุดเด่นอารยธรรมอียิปต์

การเมืองการปกครอง

  • ฟาโรห์ (Pharaoh) คือ ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าและกษัตริย์ ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ปกครองอาณาจักรและผู้นำทางศาสนา ถือว่าเป็นตัวแทนของเทพฮอรัส (Horus) บนโลก ซึ่งทำให้ฟาโรห์มีอำนาจสูงสุดและได้รับการนับถืออย่างสูงในหมู่ชาวอียิปต์
  • ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ (Vizier) คือ ผู้ปกครองที่มีอำนาจรองลงมาจากฟาโรห์ เป็นผู้ที่ฟาโรห์ไว้วางใจ มีความใกล้ชิดกับราชวงศ์ และแต่งตั้งให้สามารถปฏิบัติหน้าที่แทนฟาโรห์ในการบริหารบ้านเมืองได้
  • ขุนนาง (Noble) คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหน่วยงานสำคัญต่าง ๆ เช่น การเก็บภาษี, การชลประทาน และการควบคุมทรัพยากรการเกษตร
  • ขุนนางมณฑล (Nomarch) คือ ข้าหลวงประจำมณฑล หรือเมืองที่ห่างไกลจากศูนย์กลาง

ความเชื่อและศาสนา  

  • นับถือเทพเจ้าหลายองค์ (พหุเทวนิยม) และบูชาสัตว์อีกหลายชนิด เช่น สุนัข แมว หมาใน เหยี่ยว วัว แกะ เพราะเชื่อว่าเทพเจ้าสถิตอยู่ในสัตว์ต่าง ๆ และสถิตอยู่ตามธรรมชาติ  โดยตัวอย่างเทพเจ้าอียิปต์โบราณที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลก และการปกครองโลกหลังความตาย มีดังนี้
    • เทพอามอน (Amon/Amun/Amen) จอมราชันแห่งปวงเทพ : เป็นเทพสูงสุดของทวยเทพทั้งปวง เป็รเทพแห่งสุริยะและสายลม และเป็นมหาเทพที่มีวิหารใหญ่โตที่สุด นั่นคือ มหาวิหารคาร์นักและวิหารอาบูซิมเบล ซึ่งได้รับการเคารพในอาณาจักรโบราณ จนไปถึงดินแดนเอธิโอเปีย นิวเบีย ลิเบีย และปาเลสไตน์
    • เทพเจ้ารา (Ra/Re) เทพแห่งความเป็นอมตะ : มีศีรษะเป็นเหยี่ยว มีสัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะถือเป็นสุริยะเทพหรือเทพแห่งดวงอาทิตย์ และเป็นเหมือนตัวแทนแห่งการฟื้นคืนชีพ เสมือนพระอาทิตย์ที่ขึ้นใหม่ทุกเช้า
    • เทพเจ้าโอซิริส (Osiris) เทพแห่งแม่น้ำไนล์ : รูปร่างเป็นนก ถือแส้และคฑาหัวขอ เป็นผู้พิพากษาดวงวิญญาณมนุษย์หลังความตายว่าใครจะได้ไปสวรรค์ โดยวิธีการพิพากษาคือจะนำหัวใจของผู้จายที่อยู่ในร่างมัมมี่มาชั่งบนตาชั่งเทียบกับขนนก หากหัวใจเบากกว่าขนนก ถือว่าคนนั้นเป็นคนดีสมควรได้ขึ้นสวรรค์ หรือฟื้นคืนชีพเกิดใหม่ในดินแดนที่ชีวิตเป็นนิรันดร์
    • เทพีไอซิส (Isis) เทพีแห่งเวทมนตร์ : รูปร่างเป็นผู้หญิง สวมหมวกเป็นรูปบัลลังก์ (มีทั้งรูปเก้าอี้บัลลังก์บนศีรษะ บ้างก็เป็นวงกลมคือดวงอาทิตย์อยู่กลางเขาวัว) เป็นเทพีผู้ปกป้องกษัตริย์อียิปต์ อละพระโอรส “ฮอรัส” เปรียบเสมือนเทพีแห่งมารดาผู้มีพลังในการเยียวยา
    • เทพเจ้าอนูบิส (Anubis) เทพแห่งความตาย เจ้าแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ : ศีรษะเป็นหมาในสีดำ ร่างกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย เป็นเทพองค์แรกที่จะได้พบหลังความตาย คอยต้อนรับผู้ตาย และปกป้องร่างกายไม่ให้เน่าเปื่อย ก่อนที่จะส่งร่างนั้นให้เทพไอซิส ซึ่งจะพาร่างผู้ตายนั่งเรือข้ามแม่น้ำไปสู่ดินแดนมรณะ เพื่อพบกับเทพเจ้าโอซิริส ก่อนจะพิพากษาว่าวิญญาณนั้นจะได้ขึ้นสวรรค์หรือไม่
    • เทพเจ้าฮอรัส (Horus) เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า : ศีรษะเป็นเหยี่ยว ร่างกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย ดวงตาซ้ายคือดวงสุริยะ ดวงตาขวาคือดวงจันทร์ เทพเจ้าฮอรัสเป็นตัวแทนของฟาโรห์ มีความเชื่อว่าเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรอียิป์จากอธรรมในยุคเทพเจ้าปกครอง
    • เทพีฮาเธอร์ (Hathor) เทพีแห่งความรัก ความเป็นแม่ ศิลปะและดนตรี : รูปร่างเป็นผู้หญิง บนศีรษะมีเขาวัวและดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลาง (คล้ายเทพีไอซิส) เป็นเทพแห่งการเจริญพันธุ์ และการให้กำเนิด รวมทั้งสุขภสพ ความงาม โดยมีนักบวชที่บูชาเทพฮาเธอร์มีทั้งนักบวชชายและหญฺง มีงานเทศกาลต่างๆ ที่เฉลิมฉลองเพื่อบูชาเทพฮาเธอร์ อีกทั้งยังเป็นเทพผู้คุ้มครองฟาโรห์
  • ความเชื่อเกี่ยวกับโลกหลังความตาย ทำให้มีการสร้างพีระมิดเพื่อใช้เป็นสุสานเก็บศพ การรักษาศพด้วยการทำมัมมี่ และการเขียนคัมภีร์ของคนตาย เพื่อใส่ไว้ในที่ฝังศพอีกด้วย

สถาปัตยกรรมและประติมากรรม

  • พีระมิด ใช้เป็นสุสานเก็บศพ โดยพีระมิดที่สำคัญ ได้แก่ พีระมิดขั้นบันได (Step pyramid), พีระมิดแห่งคูฟู หรืออีกชื่อหนึ่ง มหาพีระมิดแห่งกีซ่า (The Great Pyramid of Giza)
  • วิหารบูชาเทพเจ้า ที่โด่งดัง คือ วิหารอาบูซิมเบล (Abu simbel) วิหารคาร์นัค (Karnak) และวิหารลักซอร์ (Luxor)
  • สฟิงซ์ รูปแกะสลักแบบลอยตัวที่เชื่อว่าเป็นสัตว์ในตำนาน ลักษณะมีหัวเป็นมนุษย์ มีร่างกายเป็นสิงโต รูปปั้นสฟิงซ์ที่โด่งดัง คือ มหาสฟิงซ์แห่งกีซ่า (Great Sphinx of Giza)

ภาษาและวรรณกรรม

ชาวอียิปต์โบราณเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรตั้งแต่ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช โดยแบ่งตัวอักษรได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • อักษรไฮเออโรกลีฟ (Hieroglyphs) คือ อักษรสัญลักษณ์ภาพต่าง ๆ ที่ใช้แทนเสียงพยัญชนะ คำ และแนวคิด ใช้สัญลักษณ์ภาพแทนสัตว์ สิ่งของ หรือบุคคล เพื่อสื่อความหมาย มักถูกใช้ในงานศิลปะ ศาสนา และพิธีกรรม เช่น บันทึกประวัติศาสตร์ คำอธิษฐาน หรือคาถาต่าง ๆ เช่น คัมภีร์มรณะ (Book of the Dead) ซึ่งมีบทสวดและคาถาสำหรับการนำทางวิญญาณไปสู่ชีวิตหลังความตาย
  • อักษรไฮเออแรติก (Hieratic) คือ ตัวอักษรที่ถูกพัฒนามาจากอักษรไฮเออโรกลีฟ ใช้สำหรับการเขียนบนกระดาษปาปิรุส (Papyrus) หรือการจดบันทึกที่ไม่เป็นทางการ
  • อักษรดีมอติก (Demotic) คือ อักษรที่ถูกพัฒนาให้เขียนได้เร็วขึ้นอีกขั้น ใช้กันแพร่หลายในช่วงปลายอียิปต์โบราณ โดยใช้สำหรับการเขียนเอกสารทางธุรกิจ กฎหมาย และเรื่องทั่วไป

การแพทย์และวิทยาศาสตร์

  • คิดค้นวิธีการเก็บรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย หรือที่เรียกกันว่าการทำมัมมี่
  • รู้จักการทำปฏิทินโดยยึดหลักสุริยคติ 1 ปีมี 12 เดือน (เดือนละ 30 วัน) ที่เหลือ 5 วันกำหนดให้เป็นวันสำคัญช่วงปลายปี รวมไปถึงการกำหนดฤดูที่กำหนดให้ 1 ปีมี 3 ฤดู ฤดูละ 4 เดือน เริ่มจากฤดูน้ำท่วม, ฤดูเพาะปลูกหรือไถหว่าน และฤดูเก็บเกี่ยว (The Period of Harvesting)

คณิตศาสตร์

  • สามารถคำนวณพื้นที่ของรูปทรงเรขาคณิตได้หลายประเภท เช่น พื้นที่สามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยมคางหมู และวงกลม
อารยธรรมอียิปต์ ออกสอบบ่อย
อารยธรรมอียิปต์ ออกสอบบ่อย

มาทดสอบความรู้กัน

หลังจากทำความรู้จักกับอารยธรรมอียิปต์กันไปแล้ว มาทดสอบความรู้กันดีกว่าค่ะ วันนี้พี่แป้งมีแบบฝึกหัดมาให้น้องๆ ลองทำกันถึง 2 ข้อ ด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำได้เลย!

 

ข้อใดเป็นความสำเร็จของผลงานด้านศิลปกรรมของอียิปต์โบราณ (ตัวอย่างแนวข้อสอบสังคมศึกษา)

1. วิหารเทพเจ้า สวนลอยฟ้า ภาพแกะสลักนูนต่ำ

2. สฟิงซ์ คัมภีร์มรณะ กระดาษปาปิรุส

3. อักษรฟินิเชียน พีระมิด ซิกกูแรต  

4. อักษรเฮียโรกลิฟฟิค รูปปั้นสุริเทพ ภาพวาดโอซิริส

_______________________________________________

พีระมิดในอารยธรรมอียิปต์สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด (ตัวอย่างแนวข้อสอบสังคมศึกษา)

1. ใช้เป็นศาสนสถาน, ใช้เป็นสถานที่เก็บพระศพฟาโรห์

2. แสดงถึงความเชื่อในเรื่องการฟื้นคืนชีพ, แสดงถึงอำนาจและความมั่นคงของอาณาจักร

3. ใช้เป็นสถานที่เก็บพระศพฟาโรห์, แสดงถึงความเชื่อในเรื่องการฟื้นคืนชีพ

4. แสดงถึงอำนาจและความมั่นคงของอาณาจักร, ใช้เป็นศาสนสถาน

 

 

น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าแต่ละข้อตอบอะไรบ้าง มาคอมเมนต์คำตอบด้านล่างได้เลย!

 

สำหรับคอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ วิชาสังคมบทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ถ้าน้อง ๆ มีประเด็นที่น่าสนใจ หรือความรู้จากวิชาอะไร ที่อยากให้นำมาเล่า หรือแจกทริคการจำ ก็สามารถคอมเมนต์เอาไว้ด้านล่างได้เลย!

 

 

ข้อมูลจากhttps://ngthai.com/history/50673/who-bulit-sphinx/   https://www.youtube.com/watch?v=LtjkrOR5ffE   https://www.sarakadeelite.com/faces/egyptian-gods/   

 

พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น