อารยธรรมจีน รากฐานความยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ออกสอบบ่อย

หากพูดถึงอารยธรรมที่รุ่งเรืองของโลกตะวันออก หลายคนคงนึกถึงแผ่นดินที่มีแม่น้ำสายใหญ่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนอย่าง “อารยธรรมจีน” ดินแดนที่มีเรื่องราวยาวนานกว่า 5,000 ปี เต็มไปด้วยภูมิปัญญา สิ่งประดิษฐ์ และระบบความคิดที่ยังมีอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน วันนี้คอลัมน์ “รู้ไว้เผื่อออกสอบ” จะพาทุกคนไปสำรวจเส้นทางแห่งอารยธรรมจีนกันว่าความยิ่งใหญ่ของแผ่นดินมังกรนี้เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร และทิ้งมรดกอะไรไว้ให้กับโลกบ้าง

อารยธรรมจีน รากฐานความยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ออกสอบบ่อย
อารยธรรมจีน รากฐานความยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ออกสอบบ่อย 

อารยธรรมจีน คืออะไร?

อารยธรรมจีน หรือเรียกว่า “อารยธรรมลุ่มแม่น้ำหวางเหอ” มีแหล่งกำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำหวางเหอ (ฮวงโหหรือแม่น้ำเหลือง) แม่น้ำเส้นนี้ถือเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของประเทศจีน รองจากแม่น้ำแยงซี โดยอารยธรรมจีนซึ่งส่งอิทธิพลไปยัง เกาหลี เวียดนาม ญี่ปุ่น ทั้งในด้านภาษา ตัวอักษร ความเชื่อ และศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น

อารยธรรมจีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์

จากหลักฐานทางโบราณคดียืนยันว่ามีคนอยู่อาศัยอยู่บนแผ่นดินจีนมานานกว่า 1,000,000 ปีแล้ว เนื่องจากค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณ คือ มนุษย์หยวนโหม่ว อายุประมาณ 1,700,000 ปีมาแล้ว และมนุษย์ปักกิ่ง ที่ถ้ำโจวโข่งเตี้ยน ใกล้กรุงปักกิ่ง (หรือเปย์จิง) อายุประมาณ 500,00 ปีมาแล้ว โดยมีหลักฐานที่ทำให้เห็นความเจริญเริ่มแรก ได้แก่

1. วัฒนธรรมหยางเชา (อายุประมาณ 7,000-5,000 ปีมาแล้ว)

  • ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีน
  • นิยมตั้งถิ่นฐานอยู่ริมแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร เป็นแหล่งอาหาร และตั้งชุมชน
  • มีการเพาะปลูก ทำเครื่องมือจับปลา เครื่องปั้นดินเผา
  • ตัวอย่างแหล่งวัฒนธรรมหยางเชา คือ ชุมชนป้านโพ ที่เมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี มีอายุประมาณ 6,000 ปีมาแล้ว จัดว่าเป็นยุคหินใหม่ของจีน
  • นอกเขตวัฒนธรรมหยางเชา มีคนอีกกลุ่มหนึ่ง เรียกว่า ชาวเหอมู่ตู้ ใกล้เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง พวกนี้เริ่มปลูก ‘ข้าว’ เป็นครั้งแรก

2. วัฒนธรรมหลงซาน (อายุประมาณ 5,000-4,000 ปีมาแล้ว)

  • เป็นวัฒนธรรมในยุคโลหะ-สำริด
  • แหล่งวัฒนธรรมที่สำคัญอยู่ใกล้เมืองเฉิงจื่อใหย่ มณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน
  • อยู่กันเป็นชุมชนใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ ในชุมชนมีถนน มีการจัดระบบการปกครอง แบ่งอาชีพตามความถนัด
  • มีการทำเครื่องปั้นดินเผารมดำ รู้จักทำเครื่องมือเครื่องใช้ด้วยสำริด พบภาชนะเป็นแบบ 3 ขา
  • นำหยกมาเป็นเครื่องมือ เช่น ขวานหยก
  • พบกระดูกสัตว์ที่ถูกรมความร้อน เพื่อทำให้เกิดรอยแตกเพื่อใช้ในการทำนาย ที่เรียกว่า “กระดูกทำนาย” พบในราชวงศ์ชาง ซึ่งเป็นราชวงศ์แรกของจีนทำกัน ทำให้เกิดความเชื่อว่าผู้คนในวัฒนธรรมหลงซานมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้คนของราชวงศ์ชาง

อารยธรรมจีนสมัยประวัติศาสตร์

1. ราชวงศ์ชาง (1,766-1,122 ปีก่อนคริสต์ศักราช) 

  • ถือเป็นราชวงศ์แรกของจีน
  • มีการประดิษฐ์ตัวอักษรแบบรูปภาพบนกระดูกสัตว์ และกระดองเต่า เรียกว่า “กระดูกมังกร หรือกระดูกทำนาย” ใช้เพื่อเสี่ยงทายหรือทำนายโชคชะตา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของตัวอักษรจีนในปัจจุบัน
  • มีการทำเครื่องใช้ต่างๆ ด้วยสำริด เช่น ภาชนะบรรจุสุรา กระถาง
  • นับถือเทพเจ้าแห่งการเพาะปลูก เรียกว่า “ชางตี้”
  • มีการทำปฏิทินบอกฤดูกาลต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญต่อการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิต

2. ราชวงศ์โจว (1,122-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

  • เป็นราชวงศ์ที่ปกครองยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เกือบ 900 ปี
  • มีความเชื่อว่าผู้ปกครองเป็นโอรสแห่งสวรรค์ โดยต้องปกครองบ้านเมืองให้สงบสุข ประชาชนไม่เดือนร้อน
  • เป็นยุคที่เริ่มต้นการปกครองแบบศักดินา หรือฟิวดัล ในประเทศจีน
  • มีการประดิษฐ์ตะเกียบเพื่อใช้หยิบอาหาร ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีน
  • ยุคราชวงศ์โจว มีความรุ่งเรืองทางปรัชญามาก ซึ่งเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้ประชาชน โดยมีดังนี้
    • ลัทธิขงจื๊อ มีผู้ให้กำเนิดคือ ขงจื๊อ เน้นสอนด้านคุณธรรม จริยธรรม ยกย่องการศึกษาความรู้ เน้นระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ เพื่อให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทั้งนี้ลัทธิขงจื๊อมีอิทธิพลต่อจีนสมัยโบราณมาก ถึงขนาดที่ว่าใช้ตำราของขงจื๊อสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ หรือ “จอหงอน” เลยทีเดียว
    • ลัทธิเต๋า มีผู้ให้กำเนิดคือ เล่าจื๊อ เน้นเรื่องการใช้ชีวิตปรับตัวตามวิถีธรรมชาติ ใช้ชีวิตสันโดษ ลัทธิเต๋ามีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์งานศิลปะของจีนทุกยุคทุกสมัยโดยเฉพาะด้านจิตรกรรม
    • ลัทธินิติธรรม หรือฟาเฉีย เกิดขึ้นในสมัยปลายราชวงศ์โจวที่มีแต่การเข่นฆ่ากัน โดยหันเฟยจื่อ มีความเชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์เป็นคนเลว ต้องควบคุมโดยการลงโทษผู้ที่ทำผิด และให้รางวัลคนทำดี จนถูกนำไปใช้เป็นกฎหมายของจีนในเวลาต่อมา

3. ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

  • เป็นยุคสั้นๆ เพียง 15 ปี แต่ถือว่าเป็นยุคที่สำคัญยุคหนึ่ง เพราะถือเป็นยุคเริ่มต้นจักรวรรดิจีน
  • จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิด้รวบรวมการปกครองแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่น รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  • มีการสร้างกำแพงเมืองจีนให้เป็นแนวเดียวกัน โดยสร้างต่อจากกำแพงเดิม เพื่อป้องกันการรุกรานจากเผ่านอกเมือง
  • มีการบังคับใช้ภาษา ระบบชั่ง ตวง วัด และเงินตราแบบเดียวกันทั้งอาณาจักร เพื่อง่ายต่อการบริหาร
  • มีการสร้างถนน ขุดคลอง เพื่อเชื่อมโยงราชธานีกับมณฑลต่างๆ
  • สัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ คือ พระราชวังขนาดใหญ่ และสถานที่มีทรัพย์สิน และรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของนักรบ และม้า เช่น กองทัพทหารรูปปั้นดินเผาของจิ๋นซีฮ่องเต้ในสุสานฉินสื่อหวง
  • มีการปราบปรามลัทธิขงจื๊อ เผาตำรา ลงโทษผู้ฝ่าฝืน เพราะเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศ และส่งเสริมลัทธิฟาเฉัย เป็นหลักในการปกครอง เน้นการใช้กฎหมายเพื่อความเด็ดขาด

4. ราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ.220)

  • เป็นยุคที่จีนมีความเจิรญรุ่งเรืองและคนจีนมีความภาคภูมิใจมาก จนเรียกตนเองว่า “ชาวฮั่น” และใช้ต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
  • มีการฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อ มาใช้เป็นหลักในการปกครองบ้านเมือง มีการสอนลัทธิขงจื๊อในวิทยาลัย และเริ่มมีการสอบจอหงวน ซึ่งดำเนินต่อมาเป็นเวลาร่วม 2,000 ปี
  • เป็นยุคที่พระพุทธศาสนา จากอินเดียเริ่มเผยแผ่สู่จีน ซึ่งส่งผลต่ออารยธรรมจีนมาก
  • มีการสำรวจ “เส้นทางสายไหม” โดยขุนนางจางเชียน เป็นเส้นทางบก ที่ใช้ติดต่อกับอินเดียและยุโรปโดยบุคคลสำคัญที่ใช้เส้นทางนี้ เช่น พระถึงซำจั๋ง, มาร์โค โปโล ทำให้จีนมีการแลกเปลี่ยนอารยธรรมและสินค้าระหว่างอินเดียกับยุโรป
  • ซือหม่า เชียน ได้ปรับปรุงปฏิทินจันทรคติให้ถูกต้องยิ่งขึ้น และเขียนหนังสือสื่อจี้ บันทึกประวัติศาสตร์ซึ่งมีความยาว 130 บท ครอบคลุมเรื่องต่างๆ โดยยึดมั่นหลักฐานอย่างเที่ยงตรง
  • มีการประดิษฐ์กระดาษสำหรับใช้จดบันทึก
  • มีการประดิษฐ์ “โหวเฟิง” เครื่องมือวัดแผ่นดินไหว ที่วัดได้ทั้งความรุนแรง ทิศทาง และต้นกำเนิดของแผ่นดินไหว
  • เมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น มีการเกิดการแตกแยกภายใน เช่น สมัยสามก๊ก ที่เรารู้จักกันในวรรณกรรมเรื่องสามก๊กนั่นเอง
  • ซึ่งในช่วงเวลาที่เกิดความขัดแย้งภายในนี้พระพุทธศานามีความเจริญรุ่งเรืองมาก ซึ่งพบได้จากหลักฐานการแกะสลักพระพุทธรูปขนาดใหญ่ และภาพจิตรกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาตามผนังถ้ำ

5. ราชวงศ์สุย (ค.ศ. 581 - 618)

  • รวบรวมจักรวรรดิได้อีกครั้ง โดยสมเด็จพระจักรพรรดิสุยเหวินตี้ หลังความแตกแยกในยุคสามก๊ก
  • มีการรขุดคลองต้ายุ่นเหอ เชื่อมแม่น้ำฮวงโหกับแม่น้ำแยงซี เพื่อประโยชน์ในด้านการคมนาคม

6. ราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618 - 907)

  • อารยธรรมจีนกลับมารุ่งเรืองสูงสุดอีกครั้ง ถือว่าเป็นยุคทองของอารยธรรมจีน
  • มีนครฉางอาน (เมืองซีอานในปัจจุบัน) เป็นศูนย์กลางของซีกโลกตะวันออกในสมัยนั้น มีพ่อค้าและชาวต่างชาติเดินทางมาค้าขายมากมาย
  • มีการเผยแผ่ศาสนามากมาย รวมทั้งมีพระจีน คือ พระถังซำจั๋ง เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่อินเดีย เมื่อกลับมาจีนก็ได้จำวัดที่วัดห่านป่าใหญ่ กรุงฉางอาน และแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาจีนจำนวนมาก
  • เป็นยุคทองของกวีนิพนธ์จีน กวีคนสำคัญ เช่น หวางเหว่ย, หลี่ไป๋, ตู้ฝู้
  • มีสตรีขึ้นปกครองแผ่นดินเป็นครั้งแรก คือ พระนางบูเช็กเทียน

7. ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ.960 - 1279)

  • เป็นยุคทองในความก้าวหน้าทางวิทยาการ
  • มีการประดิษฐ์เข็มทิศ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทาง
  • มีการประดิษฐ์ดินปืน เพื่อใช้ในการทำดอกไม้ไฟ พลุ ประทัด
  • รู้จักการใช้ลูกคิด ในการคำนวณ
  • มีการประดิษฐ์และพัฒนาแท่นพิมพ์หนังสือ 
  • รักษาโรคด้วยการฝังเข็ม
  • เกิดประเพณีการรัดเท้าสตรี ให้ดูมีขนาดเล็กกว่าาความเป็นจริง เป็นสัญลักษณ์ของความงาม ฐานะทางสังคม และความบริสุทธิ์
  • ด้วยความที่เป็นยุคที่มีการพิมพ์ ทำให้ยุคนี้มีการใช้ธนบัตรเกิดขึ้น

8. ราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1279 - 1368)

  • เป็นเผ่ามองโกลที่เข้ามาปกครองจีน มีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่ปักกิ่ง (ภาคเหนือ)
  • ฮ่องเต้องค์แรกคือ กุบไล่ข่าน หรือหงวนสีโจ๊วฮ่องเต้
  • เป็นยุคที่ศาสนาคริสต์เจริญรุ่งเรือง
  • มีนักเดินทาง มาร์โค โปโล เดินทางเข้ามาและได้นำเรื่องราวของจีนไปเผยแพร่ยังโลกตะวันตก
  • มีการติดต่อทางการทูตกับประเทศไทย 

9. ราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 - 1644)

  • เป็นราชวงศ์สุดท้ายของชาวฮั่นที่ได้ปกครองประเทศจีน
  • ยุคนี้โดดเด่นด้านวิทยาการเดินเรือ และการค้าขายกับต่างประเทศมาก
  • มหาขันทีเจิ้งเหอ (ซำเปากง) เป็นบุคคลโด่งดังที่นำกองทัพเรือจีนออกเดินทางไปทั่วโลก และได้เผยแพร่ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจีน 
  • สร้างพระราชวังหลวงปักกิ่ง (พระราชวังต้องห้าม)
  • มีการเขียนวรรณกรรม นิยมเขียนนวนิยายที่ใช้ภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน นวนิยายที่สำคัญ ได้แก่ สามก๊ก, ไซอิ๋ว
  • ชาติตะวันตกเริ่มเข้ามารุกรานตั้งแต่ช่วงกลางของราชวงศ์

10. ราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644 - 1912)

  • เป็นราชวงศ์ต่างชาติราชวงศ์ที่สองของจีน ปกครองโดยชาวแมนจู 
  • เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน ก่อนเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ เป็นยุคที่จีนเสื่อมถอยความเจริญในทุกด้าน
  • ตอนปลายราชวงศ์ถูกชาติตะวันตกรุกรานอย่างหนัก เกิดสงครามฝิ่น 2 ครั้ง (คู่กรณีคืออังกฤษกับจีน) อังกฤษชนะจีน ทำให้เกิดสนธิสัญญานานกิง จีนให้อังกฤษเช่าเกาะฮ่องกง
  • ดร.ซุน ยัดเซ็น ก่อการปฏิวัติซินไฮ่ ในปี ค.ศ.1911 เพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างระบอบศักดินา
  • สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋ (ปูยี) ได้สละราชบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1912 ถือว่าทรงเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง และของจีน ถือเป็นจุดสิ้นสุดระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มีมายาวนานหลายพันปี
อารยธรรมจีน สมัยราชวงศ์ ออกสอบบ่อย
อารยธรรมจีน สมัยราชวงศ์ ออกสอบบ่อย

ยุคสาธารณรัฐ (ค.ศ.1911-1949)

  • หลังจากดร.ซุน ยัดเซ็น ก่อการปฏิวัติซินไฮ่ โค่นล้มการปกครองของราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ การปกครองจึงถูกเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ สู่ระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย
  • ปี ค.ศ.1911 ดร.ซุน ยัดเซ็น ได้พัฒนาปรัชญาการเมือง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “หลัก 3 ประการแห่งประชาชน” หรือ “ลัทธิไตรราษฎร์” ประกอบด้วย
    • 1.ชาตินิยม เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวของชาติจีน
    • 2.ประชาธิปไตย เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง
    • 3.ความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
  • เจียง ไค เช็ค ได้เป็นผู้นำคนต่อมา จีนได้เกิดสงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาล (พรรคก๊กมินตั๋ง)  กับจีนคอมมิวนิสต์ โดยมี เหมา เจ๋อ ตุง เป็นผู้นำ สุดท้ายพรรคคอมมิวต์ได้รับชัยชนะ ถือเป็นการสิ้นสุดยุตสาธารณรัฐและเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์

ยุคคอมมิวนิสต์ (ค.ศ. 1949 - ปัจจุบัน)

  • เหมา เจ๋อ ตุง นำจีนเข้าสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ โดยใช้นโยบายแบบรวมและก้าวกระโดด โดยมีสหภาพโซเวียต โดยในตอนนั้นมีโจเซฟ สตาลิน เป็นผู้นำ
  • ในปี ค.ศ. 1966 - 1976 เหมา เจ๋อ ตุง กวาดล้างผู้ที่มีความคิดฝักใฝ่มางทุนนิยม และระบบศักดินาแบบเก่าในจีน หรือ “ลัทธิแก้” โดยมีกองกำลังกลุ่มยุวชนแดง Red Guard เป็นกำลังสำคัญที่มีบทบาทมาก
  • เติ้ง เสี่ยว ผิง ผู้นำจีนคนต่อมา เริ่มใช้นโยบายเปิดประเทศ และนโยบาย 4 ทันสมัย (เกษตรกรรม, การทหาร, อุตสาหกรรม, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ทำให้จีนเริ่มก้าวหน้ามาเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกมากขึ้น
  • ผู้นำคนปัจจุบัน คือ สี้ จิน ผิง โดยเป็นผู้นำรุ่นที่ 5 ของจีนตั้งแต่เริ่มยุคสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

สรุปจุดเด่นอารยธรรมจีน

สถาปัตยกรรมและประติมากรรม

  • กำแพงเมืองจีน หรืออีกสมญาหนึ่งว่า “กำแพงหมื่นลี้” ตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศ เริ่มต้นสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน จากนั้นก็มีการสร้างเพิ่มเติมต่อเนื่องกันมาหลายยุคสมัย รวมระยะเวลาทั้งสิ้นเกือบ 2,500 ปี เป็นการสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการบุกรุกจากชนเผ่าเร่ร่อนที่คอยมารุกราน โดยตัวกำแพงไม่ได้ยาวตลอดแนว แต่เป็นการเชื่อมต่อแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ทั้งยังมีป้อมคั่นเป็นช่วงๆ รวมแล้วกว่าหมื่นป้อม
  • กองทัพทหารดินเผา เป็นรูปปั้นทหารขนาดเท่าคนจริงนับพันตัว พร้อมกับม้าศึก และ รถม้าดินเผา รูปปั้นแต่ละตัวมีลักษณะ และท่าทางที่แตกต่างกันอย่างละเอียดอ่อน อยู่ที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้

วิทยาการสำคัญ

  • กระดาษ เมื่อประมาณ ค.ศ. 105 ไช่หลุน ขุนนางจีน ได้นำเปลือกไม้ เศษปอหรือป่าน ผ้าเก่า และแห มาบดผสมกันจนป่น จากนั้นก็นำมาตากแห้งจนกลายเป็นกระดาษ
  • เข็มทิศ ถือว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์สำคัญ โดยเข็มทิศนี้ได้ถ่ายถอดวิทยาการไปให้ชาวอาหรับ และยุโรปต่อมา
  • ดินปืน สมัยราชวงศ์ฉินมีการทำเป็นชาติแรก องค์ประกอบได้แก่ ดินประสิว, กำมะถัน และผงถ่าน
  • แท่นพิมพ์  มีปี้เซิงเป็นผู้คิดค้น ใช้วิธีแกะสลักตัวอักษรแต่ละตัว ลงบนดินเหนียวทีละก้อน จากนั้นได้ก้อนดินเหนียวเหล่านั้นแล้วนำไปเผาไฟเพื่อให้แข็งตัว ขั้นตอนการพิมพ์นั้น เพียงแค่การเรียงตัวอักษรตามที่ต้องการ โดยต้องวางอักษรกลับด้านเท่านั้น จากนั้นก็ละเลงหมึกจีนลงไปแล้วเอากระดาษมาวางทาบ
  • การต่อเรือ  มีการต่อเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งมีความรุ่งเรืองมากนสมัยราชวงศ์หมิง

วรรณกรรม

  • สามก๊ก นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างรัฐต่างๆ ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น
  • ไซอิ๋ว เรื่องราวการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระถังซัมจั๋งกับเหล่าศิษย์ ได้แก่ ซุนหงอคง, ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง
  • ซ้องกั๋ง วรรณกรรมเกี่ยวกับการต่อสู้ของกลุ่มวีรบุรุษ 108 คนที่ลี้ภัยไปรวมตัวกันที่เขาเหลียงซานเพื่อต่อต้านความไม่เป็นธรรมของขุนนาง
  • ความฝันในหอแดง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและวิถีชีวิตของชนชั้นสูงในสังคมศักดินา โดยสอดแทรกการสะท้อนความเสื่อมโทรมของระบบสังคมศักดินา
  • คัมภีร์หลุนอวี่ (บทสนทนาขงจื๊อ) คัมภีร์หลักของปรัชญาขงจื๊อ ที่บันทึกบทสนทนาและคำสอนของขงจื๊อ โดยเหล่าศิษย์ได้รวบรวมไว้หลังเขาเสียชีวิตเนื้อหาเน้นเรื่องจริยธรรม การเคารพขนบธรรมเนียม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

มาทดสอบความรู้กัน!

หลังจากทำความรู้จักกับอารยธรรมจีนกันไปแล้ว มาทดสอบความรู้กันดีกว่าค่ะ วันนี้พี่แป้งมีแบบฝึกหัดมาให้น้องๆ ลองทำกันถึง 2 ข้อ ด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วลงมือทำได้เลย!
 

ข้อใดเป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึงจุดเริ่มต้นสมัยประวัติศาสตร์ของอารยธรรมจีน (แนวข้อสอบสังคมศึกษา)
1. เครื่องปั้นดินเผา
2. หม้อสามขา
3. อักษรคูนิฟอร์ม
4. จารึกอักษรบนกระดองเต่า
________________________________________________
ภายหลังการโค่นล้มราชวงศ์ชิง จีนได้เปลี่ยนการปกครองเข้าสู่ระบอบใด (แนวข้อสอบสังคมศึกษา)
1. ระบอบสังคมนิยม
2. ระบอบคอมมิวนิสต์
3. ระบอบประชาธิปไตย
4. ระบอบเผด็จการทหาร

 

น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าแต่ละข้อตอบอะไรบ้าง มาคอมเมนต์คำตอบด้านล่างได้เลย!
 

สำหรับคอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ วิชาสังคมบทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ถ้าน้อง ๆ มีประเด็นที่น่าสนใจ หรือความรู้จากวิชาอะไร ที่อยากให้นำมาเล่า หรือแจกทริคการจำ ก็สามารถคอมเมนต์เอาไว้ด้านล่างได้เลย!


ข้อมูลจาก 
https://pubhtml5.com/tkvm/rboo/https://www.mushroomtravel.com/page/history-great-wall-of-china/ https://www.salika.co/2020/02/16/4-top-chinese-inventions-paper-printing-compass-gunpowder/ https://www.arsomsiam.com/10imperialclans/  
 
พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น