พระพันปีหลวงกับการพัฒนา “การศึกษาไทย” ตั้งแต่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ จนถึงศูนย์ศิลปาชีพทั่วประเทศ

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงมีพระราชกรณียกิจอันทรงคุณค่ายิ่งในด้าน “การศึกษา” อันเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคนและประเทศชาติ พระองค์ทรงเห็นว่าการศึกษาต้องเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท มีฐานะดีหรือยากจน และต้องเป็น “การเรียนรู้เพื่อชีวิต” ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมีศักดิ์ศรี
"การพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญเท่ากับชาติ ถ้าไม่พยายามพัฒนาคน ให้อยู่ในสภาพที่อยู่ดีกินดี มีการศึกษา และอาชีพ คนก็ไม่สามารถพัฒนาชาติให้เจริญได้ การพัฒนาคนจึงเท่ากับการพัฒนาประเทศ
ถ้าใครมีความสามารถที่จะเรียนรู้ได้สูงสุดแค่ไหน ก็ให้เขาเรียนไปจนถึงที่สุด แต่คำว่าการศึกษานั้น ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในโรงเรียนเสมอไป ยังมีทางเลือกอีกหลายทาง ทั้งสายอาชีพ ทั้งการอบรม โดยผู้เชี่ยวชาญต่างๆ รวมทั้งการฝึกงานในโครงการศิลปาชีพ"
(แนวพระราชดำริพระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒)
พระวิสัยทัศน์ด้านการศึกษา
พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาในฐานะเครื่องมือแห่งการพัฒนาประเทศมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระราชดำริของพระองค์มิได้จำกัดเพียงการเรียนในระบบโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” และ “การเรียนรู้จากวิถีชีวิตจริง” เพื่อให้คนไทยมีทั้งความรู้ ทักษะ และคุณธรรมควบคู่กันอีกด้วย
โดยจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาของพระองค์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นรัชกาลที่ 9 พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ และทรงพบว่าเด็กในชนบทจำนวนมากขาดโอกาสทางการศึกษา พระองค์จึงทรงพระกรุณาให้ทุนการศึกษาแก่เด็กยากจนในพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของพระราชกรณียกิจด้านการศึกษาอย่างเป็นทางการ

พระราชกรณียกิจและโครงการสำคัญด้านการศึกษา
1. ห้องสมุด “ศาลารวมใจ”
พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “ห้องสมุดศาลารวมใจ” ขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2519
โดยมีพระราชดำริให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย ไม่จำกัดเฉพาะนักเรียนหรือนักศึกษา
แต่รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการหาความรู้เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
ภายในห้องสมุดมีหนังสือหลากหลายประเภท เช่น
- หนังสือเกษตรกรรมพื้นฐาน การปลูกผัก การเลี้ยงสัตว์
- คู่มือการประกอบอาชีพและการฝึกหัตถกรรม
- หนังสือวรรณกรรมไทย นวนิยาย และสารคดี
- หนังสือภาพสำหรับผู้ที่อ่านหนังสือไม่คล่อง
พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้ห้องสมุดเหล่านี้ “เป็นศูนย์รวมใจของชุมชน” ไม่เพียงแต่ให้คนเข้ามาอ่านหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ให้ครู นักเรียน และประชาชนมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่และสกลนคร มีการใช้ห้องสมุดศาลารวมใจเป็นห้องเรียนเสริมสำหรับเด็กชนบท และในบางพื้นที่ยังจัดกิจกรรมอ่านหนังสือเสียงให้ผู้สูงอายุและผู้พิการทางสายตาอีกด้วย ห้องสมุดศาลารวมใจจึงเป็นพระราชกรณียกิจที่สะท้อนแนวคิดเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้อย่างแท้จริง

2. โครงการนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์
พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเด็กจากครอบครัวยากจน ผู้ด้อยโอกาส หรือผู้มีความสามารถทางการเรียนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เพื่อให้ได้เรียนต่อจนถึงระดับสูง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เยาวชนจำนวนมากได้รับทุนให้เข้าศึกษาในโรงเรียนคุณภาพ เช่น
- โรงเรียนจิตรลดา โรงเรียนตัวอย่างภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ เน้นทั้งวิชาการและอาชีพ
- โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เช่น โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 จังหวัดเชียงใหม่ และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 47 จังหวัดพิษณุโลก
- ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และศูนย์ศิลปาชีพภาคต่าง ๆ ที่เปิดสอนงานหัตถกรรม การเกษตร และศิลปะพื้นบ้าน
- โรงเรียนเศรษฐเสถียรในพระราชูปถัมภ์ และ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ สำหรับนักเรียนพิการทางการได้ยินหรือการมองเห็น
3. การส่งเสริมกิจกรรมลูกเสือและการพัฒนาเยาวชน
พระองค์ทรงตระหนักว่า “การศึกษาที่ดีไม่อาจแยกจากการปลูกฝังคุณธรรมและระเบียบวินัย” จึงทรงสนับสนุนการดำเนินงานขององค์การลูกเสือแห่งชาติและลูกเสือชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยทรงเห็นว่า กิจกรรมลูกเสือเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาเยาวชนให้มีความกล้าหาญ เสียสละ รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น และเคารพในกฎระเบียบ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม
ตัวอย่างเช่น
- ทรงเป็นประธานในพิธีเปิดค่ายลูกเสือชาวบ้านหลายจังหวัด เพื่อทรงให้กำลังใจและมอบโอวาทแก่เยาวชน
- ทรงสนับสนุนให้โรงเรียนราชประชานุเคราะห์และโรงเรียนจิตรลดา บรรจุกิจกรรมลูกเสือ–เนตรนารีเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร เพื่อพัฒนาเด็กให้มีจิตสาธารณะและระเบียบวินัย
- มีโครงการลูกเสือชาวบ้านเพื่อชุมชนที่พระองค์ทรงให้การสนับสนุน โดยให้เยาวชนและชาวบ้านช่วยกันพัฒนาหมู่บ้าน เช่น ปลูกต้นไม้ สร้างฝาย หรือบำเพ็ญประโยชน์ในโรงเรียน
กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นพร้อมทั้งความรู้และคุณธรรม และยังเป็นพื้นฐานของการพัฒนาพลเมืองที่ดีของชาติตามแนวพระราชดำริของพระองค์

4. การส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและการศึกษาอาชีพ
อีกหนึ่งพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นคือการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอาชีพและภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งพระองค์ทรงริเริ่มผ่านโครงการศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โครงการนี้เริ่มต้นจากพระราชดำริในช่วงปี พ.ศ. 2519 หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปยังภาคอีสาน และทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านในชนบทจำนวนมากขาดอาชีพที่มั่นคง จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ฝึกงานหัตถกรรมขึ้น เพื่อให้ราษฎรได้เรียนรู้และมีอาชีพเสริมรายได้
ตัวอย่างเช่น
- ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นแหล่งฝึกอาชีพทอผ้าไหม จักสาน และงานปักผ้า ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนและแม่บ้านเข้ามาเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
- ศูนย์ศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จังหวัดสกลนคร สอนการทอผ้าไหมแพรวาและย้อมคราม ซึ่งต่อมากลายเป็นสินค้าชุมชนระดับประเทศ
- ศูนย์ศิลปาชีพจังหวัดนราธิวาส ถ่ายทอดภูมิปัญญาการแกะสลักไม้และทำเครื่องประดับพื้นเมือง
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงส่งเสริมให้โรงเรียนในท้องถิ่นเชื่อมโยงการเรียนรู้กับศูนย์ศิลปาชีพ เช่น นักเรียนได้มาฝึกงานจริงในช่วงปิดภาคเรียน เพื่อเรียนรู้ทักษะอาชีพและการบริหารงานชุมชน ซึ่งไม่เพียงช่วยสร้างอาชีพและรายได้ แต่พระราชกรณียกิจด้านนี้ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยให้ดำรงอยู่ในรูปแบบของการเรียนรู้ร่วมสมัย เป็นตัวอย่างชัดเจนของการศึกษาควบคู่การพัฒนาอาชีพที่ทรงริเริ่มไว้ด้วย
ที่มาและภาพประกอบhttps://op.chandra.ac.th/pr/images/PDFforUpload/1week15.pdf https://www.royaloffice.thhttps://www.thaipbs.or.th/news/content/357894https://www.moe.go.thhttps://www.royaloffice.th/28/10/2025/นักเรียนในพระบรมราชานุ/กรมประชาสัมพันธ์
0 ความคิดเห็น