นักเขียนออนไลน์ในตำนาน : “ปองวุฒิ” 100 เล่ม... ไม่ได้เกิดจากแรงบันดาลใจ แต่สำเร็จได้เพราะไม่ยอมเลิกเขียน

นักเขียนออนไลน์ในตำนาน
“ปองวุฒิ” 100 เล่ม... ไม่ได้เกิดจากแรงบันดาลใจ
แต่สำเร็จได้เพราะไม่ยอมเลิกเขียน

 

“ถ้าไม่มีคนอ่าน... คุณยังจะเขียนอยู่ไหม?” 

 

ปองวุฒิตอบคำถามนี้ได้ตั้งแต่วันที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เขาอัปนิยายเรื่องแรก “Dead Shadow เงามรณะ” บนเว็บเด็กดีแบบไม่คาดหวัง วันนี้ เขากลายเป็นนักเขียนที่มีนิยายมากกว่า 100 เล่ม มีผลงานที่ถูกดัดแปลงเป็นละคร และคว้ารางวัลวรรณกรรมระดับประเทศมาแล้วนับไม่ถ้วน เขาเขียนจนรู้จักตัวเอง และเขียนจนทำให้ใครอีกหลายคนได้ค้นพบความหมายบางอย่างในชีวิตผ่านเรื่องราวที่ถ่ายทอด ปองวุฒิเขียนเพราะเชื่อในพลังของเรื่องเล่า และลงมือทำทุกวันเพราะไม่มีสิ่งไหน “ใช่” ไปกว่านี้อีกแล้ว นี่คือเรื่องราวของ “ปองวุฒิ” นักเขียนที่พิสูจน์ว่า ถ้าเราเชื่อมั่นมากพอ แค่ปลายปากกาก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้  #เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ปองวุฒิก็เริ่มจากที่นี่

 

 

“ตอนนั้นยังไม่มีใครพูดถึงคำว่าอินโทรเวิร์ตแบบทุกวันนี้ แต่พี่รู้ตัวว่าชอบอยู่กับตัวเอง ชอบอ่าน และชอบเขียน” 

ย้อนไปยุค 90 ขณะที่วัยรุ่นหลายคนกำลังอินกับปาร์ตี้ เพลงฮิต และชีวิตสังคมสุดคึกคัก เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปกับการจดบันทึกประจำวันเงียบๆ อยู่มุมหนึ่งของบ้าน ปองวุฒิ รุจิระชาคร หรือ “ปอง” เติบโตมาพร้อมกับหนังสือและนิตยสารทุกประเภท ความสุขของเขาคือการเปิดหนังสือในมือหน้าแรก แล้วปล่อยให้ตัวเองจมหายเข้าไปในโลกของตัวละครแบบไม่ต้องมีใครชวน พอเข้ามหาวิทยาลัย เขาตัดสินใจส่งเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต “ฟ้าหลังฝนที่เปลี่ยน” ไปยังนิตยสารขวัญเรือนโดยไม่ได้คาดหวังอะไรนัก แต่ผลงานเรื่องนั้นกลับได้ตีพิมพ์จริง และนั่นเปรียบเหมือนเสียงแรกจากโลกภายนอกที่ตอบกลับมาว่า “เฮ้! สิ่งที่คุณเขียนน่ะ มันมีความหมายกับคนอื่นด้วยนะ” ตอนนั้นเองคือจุดเริ่มต้นของนักเขียนนามปากกา “ปองวุฒิ”

ปี 2548 อินเทอร์เน็ตในไทยยังไม่เฟื่องฟู เว็บ Dek-D เพิ่งเปิดตัวได้ไม่กี่ปี และไม่มีใครคาดคิดเลยว่า โลกออนไลน์แห่งนั้น... จะกลายเป็นจุดเริ่มของนักเขียนผู้เขียนนิยายเกิน 100 เล่มในวันนี้ ตอนนั้น “ปองวุฒิ” เพียงแค่ลองอัปนิยายแนวสืบสวนเรื่อง “Dead Shadow เงามรณะ” ลง Dek-D เป็นครั้งแรก เขาไม่ได้คิดถึงยอดวิว หรือสร้างฐานแฟนคลับ เขาแค่อยากรู้ว่า “มีใครบนโลกนี้จะอยากอ่านสิ่งที่เราคิดไหม” แล้วคำตอบก็ค่อยๆ ทยอยเข้ามา ผ่านคอมเมนต์ที่เรียบง่าย ผ่านยอดวิวที่ไม่หวือหวา แต่มากพอจะทำให้เขารู้ว่า “ยังมีคนฟังเรื่องเล่าของเขาอยู่”

สำหรับนักเขียนหลายคน ความสำเร็จอาจมาพร้อมยอดวิวหรือกระแสไวรัล แต่สำหรับปองวุฒิ การเติบโตของเขาแตกต่างออกไป เขาเติบโตจากความไว้ใจของนักอ่านและเรื่องเล่าที่ไม่เคยจบสิ้น  ชื่อเสียงของเขาค่อยๆ เริ่มต้นช้าๆ แต่ว่ามั่นคงและสม่ำเสมอ ไม่นานหลังจากนั้น สำนักพิมพ์ก็ติดต่อมาขอพิมพ์นิยายที่เขาเคยลงไว้บนโลกออนไลน์ ในสายตาของคนอื่น สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเกิดจากความโชคดี มีแต่ปองวุฒิที่รู้แน่แก่ใจว่าทั้งหมดคือผลลัพธ์ที่เกิดจากความอดทน จากการที่เขาลงมือเขียนทุกวันโดยไม่ถอดใจ จากความกล้าที่จะเล่าเรื่อง แม้ไม่แน่ใจว่าจะมีใครรออ่านมั้ย จากความเชื่อที่แสนธรรมดาว่า ถ้าเราทำสิ่งหนึ่งด้วยใจจริง มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ สักวันความตั้งใจเหล่านั้นจะถูกส่งไปถึงคนที่ใช่ได้เอง

หลังจากนิยายสองเล่มแรกได้ตีพิมพ์ ปี 2549 ปองวุฒิทำในสิ่งที่หลายคนฟังแล้วอาจจะอึ้ง เขาตัดสินใจ “ลาออกจากงานประจำ” เพื่อเป็น ‘นักเขียนอาชีพ’ ทางเดินสายใหม่ที่ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีใครรับรองผล ว่ากันตามตรง ไม่มีใครบอกเขาหรอกว่า การเขียนจะพาชีวิตเขาไปถึงไหน ไม่มีใครบอกด้วยซ้ำว่ามันจะเลี้ยงชีพได้ไหม หรือมันจะยั่งยืนหรือไม่ เขารู้แค่อย่างเดียว 

“ถ้าไม่เขียน... พี่ไม่รู้จะตื่นมาทำอะไรอีกแล้ว” 

นับจากวันนั้น ทุกเช้าของเขาเริ่มต้นด้วยเรื่องเล่าที่รอจะถูกถ่ายทอด และทุกค่ำคืนจบลงด้วยบทสนทนาของตัวละคร บางวันไอเดียก็ไหลเหมือนเปิดก๊อกน้ำ บางวันเขาเปิด Word ทิ้งไว้ แล้วนั่งมองเคอร์เซอร์กะพริบทั้งวันโดยไม่รู้จะเขียนอะไรดี แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาไม่เคยคิดจะเลิก เพราะสำหรับปองวุฒิ การเขียนไม่ใช่งาน มันคือ “อวัยวะ” ส่วนหนึ่งของชีวิตที่ตัดทิ้งไม่ได้ และไม่มีวันปลูกใหม่ได้จากที่ไหนอีก คนอื่นอาจมองว่าการทำแบบนี้คือการเสี่ยง แต่ในสายตาเขา มันคือการกลับบ้าน... บ้านที่ชื่อว่า “การเล่าเรื่อง”

นิยาย Dead Shadow อาจเป็นจุดเริ่มต้น แต่มันไม่ใช่ “เหตุผลเดียว” ที่ทำให้ปองวุฒิเดินมาไกลจนถึงวันนี้ เพราะหลังจากจรดปากกาเขียนนิยายเล่มแรก เขาก็ไม่เคยหยุดอีกเลย ไม่หยุดคิด ไม่หยุดเขียน ไม่หยุดสำรวจตัวเอง และไม่เคยปล่อยให้การเขียนกลายเป็นแค่ “หน้าที่” ที่ทำไปวันๆ ตลอดเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมา เขาเขียนนิยายมาหมดแล้ว “ทุกแนว” เท่าที่นักเขียนคนหนึ่งจะลองได้ ตั้งแต่แฟนตาซี สืบสวน นิยายรัก วรรณกรรมเยาวชน เรื่องสั้น ไปจนถึงงานทดลองที่ลึก และสะท้อนสังคมที่เข้มข้นเกินกว่าคำว่า “ตลาด” ปองวุฒิเคยสร้างโลกที่เต็มไปด้วยปริศนา เคยดึงคนอ่านให้ตามลุ้นทุกจังหวะหักมุม เคยเขียนเรื่องเรียบง่ายแต่ทำให้อบอุ่นใจ หรือแม้แต่เล่าเรื่อง “คนธรรมดา” ให้กลายเป็นบทบันทึกชีวิตที่ใครก็อิน บางเล่มกลายเป็นตำนานทันทีที่วางขาย บางเล่มค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองของคนอ่านไปตลอดชีวิต ปองวุฒิไม่เคยหมดไฟ แค่ขยับไปหาแนวใหม่ๆ เพราะไม่อยากติดอยู่ในกรอบของตัวเอง เขาเคยพูดไว้ว่า 

“ทุกวันเราวนอยู่กับการอ่านเขียน มันเป็นตัวตนไปแล้ว” 

และนี่คือคำตอบว่า... ทำไมเขายังเขียนได้ต่อเนื่องขนาดนี้ 

ในโลกที่ใครก็เขียนได้ คนที่ “ได้รางวัล” มักเป็นคนที่กล้าเขียนให้ต่าง และกล้าพาตัวเองไปไกลกว่าขอบเขตเดิมๆ ปองวุฒิไม่ใช่นักเขียนที่พูดถึงความสำเร็จของตัวเองบ่อยๆ แต่ถ้าคุณไล่ดูรายชื่อเวทีวรรณกรรมระดับประเทศแทบทุกแห่ง... ชื่อของเขาจะปรากฏอยู่เสมอ เขาเคยเข้ารอบรางวัลซีไรต์ถึง 3 ครั้ง คือ ประเทศเหนือจริง (2558), ลืมตาตื่นอีกครั้ง...ในเวลาอันสมควร (รวมเรื่องสั้น, 2560), ณ ที่ซึ่งความจริงไม่อาจดำรงอยู่ (2561) และยังคว้ารางวัลจากเวทีนายอินทร์อวอร์ด ในหลากหลายประเภท อาทิเช่น ฆาตกร, Cassette ท่วงทำนองในรอยรัก (นิยาย), การเดินทางจากแดนฝัน, สายลมหนาวแสงแดดอุ่น (วรรณกรรมเยาวชน), ลืมตาตื่นอีกครั้ง...ในเวลาอันสมควร (เรื่องสั้น)

นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลพานแว่นฟ้าหลายครั้งจากงานเขียนแนวการเมือง เช่น เมืองอมร 2312, ในวันที่ห้องแห่งความลับถูกเปิด, ภาพลวงในโลกละครสัตว์ รวมถึงรางวัลจากเวทีอื่นๆ อย่าง เซเว่นบุ๊คอวอร์ด, ARC Award, สมาคมภาษาและหนังสือ, เปลื้อง วรรณศรี, สุภาว์ เทวกุลฯ และอีกหลายเวทีที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางวรรณกรรม หนังสือของเขาหลายเล่มได้รับคัดเลือกเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาระดับมัธยมศึกษาโดย สพฐ. และผลงานบางส่วนยังตีพิมพ์ในต่างประเทศ เช่น สินเชื่อ, Diamond เพชรพยาบาท ซึ่งถูกแปลและลงนิตยสารภาษาอังกฤษ รวมถึงซื้อลิขสิทธิ์สร้างเป็นละครอย่าง เกมล่าทรชน (ดัดแปลงเป็น “เกมปรารถนา” ทางช่อง PPTV) ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่เครื่องหมายของความสำเร็จ แต่คือเสียงสะท้อนจากผู้อ่านและแวดวงวรรณกรรมว่า “สิ่งที่เขาเชื่อ… มันเขียนได้ และเขียนได้ดี” และไม่ว่าคนอื่นจะคิดว่าเขาเขียนไปเพื่ออะไร สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ เขาเขียนเพราะมันคือชีวิตของเขา

กว่า 25 ปีบนเส้นทางนักเขียน ปองวุฒิไม่เคยรอให้แรงบันดาลใจมาตรงเวลา เขาแค่ลงมือเขียน แล้วปล่อยให้แรงบันดาลใจตามมาเอง เขาไม่เคยคาดหวังให้ทุกเล่มต้องประสบความสำเร็จ แต่ใส่ “ความเคารพ” ต่อผู้อ่านลงไปในทุกบรรทัด และไม่เคยใช้คำว่า “เขียนมานาน” เป็นข้ออ้างในการหยุดพัฒนา เพราะสำหรับเขา ทุกเล่มที่เขียนคือ “บทแรก” ของการเริ่มต้นใหม่เสมอ และแม้จะเคยคว้ารางวัล เข้ารอบซีไรต์ ตีพิมพ์ผลงานในต่างประเทศ หรือมีงานที่ถูกสร้างเป็นละคร แต่ความสำเร็จที่เขานับจริงๆ กลับเป็นแค่การได้อยู่กับอาชีพนี้ “มาได้นานขนาดนี้” ส่วนความสุขในฐานะนักเขียน ก็ไม่ใช่เสียงชื่นชม ไม่ใช่ยอดขาย แต่คือช่วงเวลาที่ตัวละครพูดคุยกับเขาในหัว และเขาได้ตอบกลับด้วยปลายปากกา

“ถ้าไม่เขียน... พี่ไม่รู้จะตื่นมาทำอะไรอีกแล้ว” 

คือคำยืนยันจากปากนักเขียนอาชีพอย่างปองวุฒิ และเขาก็ฝากคำนี้ไว้กับทุกคนที่ฝันอยากเป็นนักเขียนว่า 

“อย่าไปกลัว ยุคนี้ยังไงก็มีช่องทางเผยแพร่ครับ เพราะฉะนั้น มั่นใจได้เลยว่ามีคนอ่านแน่นอน” 

คำถามที่สำคัญกว่าคือ “หากพรุ่งนี้ไม่มีคนอ่าน... คุณยังอยากเขียนอยู่ไหม” ถ้าคำตอบของคุณคือ “ใช่” บางทีคุณอาจกำลังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกับเขา นักเขียนผู้ไม่เคยหยุดเขียนแม้แต่วันเดียว ทีมงานเด็กดีขอส่งแรงใจให้พี่ปองวุฒิในทุกเช้าที่เปิด Word และลงมือเขียนนิยายอีกครั้ง ขอให้เขาได้ถ่ายทอดจินตนาการและเรื่องเล่าส่งถึงนักอ่านของเขา… ไม่ใช่แค่เพราะเขา #โตมากับเด็กดี แต่เพราะพวกเราก็โตมากับงานเขียนของเขาเหมือนกัน 

รู้หรือไม่?

  • บทเรียนเขียนนิยายข้อแรกจากปองวุฒิ “ลองเขียนเรื่องที่เรารู้ดีที่สุดก่อน ถ้าไม่สนุก ก็อาจไม่ใช่ทางของเรา” เพราะเขียนเก่งไม่พอ ต้อง “รู้ตัว” และ “กล้าปรับ” อยู่เสมอด้วย
     
  • แม้จะมีนิยายร้อยกว่าเล่ม ปองวุฒิไม่เคยคิดว่า “นักเขียนต้องรวย” สำหรับเขา Passive Income จากงานเขียนไม่ต้องมากมาย ขอแค่ “ยังไหลเข้ามา” ก็เพียงพอแล้วที่จะเขียนต่อโดยไม่ต้องวิ่งหนีจากสิ่งที่รัก
     
  • ล่าสุด! เขากำลังแอบซุ่มเขียนแนวสืบสวนแบบใหม่ที่ “ไม่เหมือนเดิม” และ “ไม่แน่ใจว่าจะเวิร์คมั้ย” แต่เขาก็ทำอยู่ดี เพราะสำหรับปองวุฒิ การเขียนคือการทดลอง และทุกเล่มใหม่คือสนามซ้อมที่เขายินดีจะลงเล่นเสมอ
     

สุดท้าย... การเป็นนักเขียนไม่ได้เริ่มจากวันที่คุณเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ แต่มันเริ่มจากวันที่คุณยอมรับกับตัวเองว่า “ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้สุด ไม่ว่าจะจบลงยังไงก็ตาม” และนั่นคือสิ่งที่ปองวุฒิยังทำอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะต้องทำ แต่เพราะเขาไม่มีทางอยู่ได้ถ้าไม่เขียนนิยาย ดังนั้นหากคุณเพิ่งเริ่มเขียน และยังไม่แน่ใจว่ามันจะพาไปถึงไหน เขาอยากบอกว่า ให้เริ่มเขียนก่อน แล้วปล่อยให้บรรทัดถัดไปพาเรื่องของคุณไปต่อเอง

คุณเองก็ทำได้! มาเริ่มต้นเส้นทางนักเขียนของคุณกับเว็บ Dek-D แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ปล่อยของอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นนิยายแนวไหน ผลงานของคุณอาจมีนักอ่านรอคอยในอนาคต!

 Dek-D พื้นที่สำหรับนักเขียนทุกคน เริ่มต้นเขียนนิยาย และศึกษาการขายได้ง่ายๆ ที่นี่เลย : bit.ly/writer-howto

#เกิดมากับเด็กดี #โตมากับเด็กดี #เป็นนักเขียนเด็กดี #ปองวุฒิก็เริ่มจากที่นี่ #เขียนไม่ออกก็แวะมา #DekDWriter

 

เริ่มเขียนนิยาย

พี่น้ำผึ้ง : )

อ่านนิยายของปองวุฒิ

Dead Shadow เงามรณะ 

สวนผักขององค์หญิงมาร

Nirvana วิกฤตเทวะ 

Hermes เฮอร์มีส นักสืบแห่งแดนเวทมนตร์ 

วิวาห์ฟ้าเชื่อมรัก 

สาปลังกา 

วิฬารสีเลือด 

อื่นๆ

 

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น