นิทานรักอมตะของชาวจีน (ตอนจบ)

สวัสดีค่ะ พี่ปาล์มกลับมาเล่าเรื่อง "นิทานรักอมตะของชาวจีน" ตอนที่สอง(ตอนจบ)ต่อแล้วนะคะ เมื่อสัปดาห์ก่อนพี่ปาล์มเล่าสองเรื่องแรกว่าเศร้าแล้ว สองเรื่องที่เหลือนี่เศร้ายิ่งกว่าอีกค่ะ T^T ไปอ่านกันเลย

หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า
เล่ากันว่ามีหนุ่มเลี้ยงวัวที่มีจิตใจงดงาม และขยันขันแข็งคนหนึ่ง ได้ดำเนินชีวิตอย่างลำบากขัดสนอยู่มาวันหนึ่งว ัวแก่ของเขารู้สึกเห็นใจในโชคชะตา อันอาภัพของเขาจึงช่วยให้เขาได้รู้จักนางฟ้าที่ลงมาจากสรวงสรรค์นาวหนึ่ง ซึ่งก็คือสาวทอผ้านั่นเอง สาวทอผ้าได้ตกหลุมรักหนุ่มเลี้ยงวัวผู้ซื่อสัตย์น่ารักคนนี้ ต่อมาก็ได้อยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสองคนเป็นลูกสาว และลูกชาย ครอบครัวนี้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ต่อมา เมื่อเรื่องดังกล่าวทราบถึงสรวงสรรค์ เจ้าแม่แห่งสรรค์ก็มีบัญชาให้สาวทอผ้ารีบกลับสรรค์เป็นการด่วน สาวทอผ้ารู้สึกอาวรณ์ในครอบครัวเธอยิ่งนัก แต่ก็ไม่สามารถขัดพระบัญชาได้ จึงจำใจขี่เมฆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อกลับสู่สวรรค์ หนุ่มเลี้ยงวัวก็ไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีสาวทอผ้า เขาจึงตัดสินใจพาลูกๆ ขี่วัวแก่เหาะตามสาวทอผ้าขึ้นไป เจ้าแม่แห่งสวรรค์ไม่สามารถกีดกันทั้งคู่ได้ จึงเสกให้มีทางช้างเผือกมากั้นกลางทั้งคู่ไว้ จากนั้นเป็นต้นมาหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า จะพบกันได้โดยยืนอยู่คนละฟาก ของทางช้างเผือกเท่านั้น แต่เนื่องจากความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันมากเหลือล้น ทางช้างเผือกจึงมิอาจจะกั้นได้ พอถึงวันที่เจ็ดเดือนเจ็ด (ตามปฏิทินจันทรคติของจีน) ของทุกปีจะมีนกนางแอ่นนับพันนับหมื่นบินมาที่ทางช้างเผือก และก่อตัวกันเป็นสะพานเพื่อให้ทั้งคู่ข้ามมาเจอกันปีละครั้ง ปัจจุบันวันที่เจ็ดเดือนเจ็ดได้กลายเป็นวันที่หนุ่มสาวนัดพบกัน ส่งของขวัญเพื่อแสดงความรักต่อกัน ถือได้ว่าเป็นวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักของโลกตะวันออก เล่ากันว่าในวันนี้ถ้าหากเรานั่งเงียบๆใต้ต้นองุ่นจะได้ยินเสียงครอบครัวของหนุ่มเลี้ยงวัว และสาวทอผ้ากระซิบกระซาบคุยกันอย่างมีความสุขที่บนสะพานนกนางแอ่น


ตำนานรักเหลียงซานป๋อและจู้อิงไถ (ม่านประเพณี)
สมัยก่อนมีหญิงสาวที่ฉลาดงดงามนางหนึ่งชื่อว่าจู้อิงไถ ในสมัยโบราญไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าโรงเรียนเรียน แต่เพื่อให้ได้เรียนหนังสือจู้อิงไถและสาวใช้จึงปลอมตัวเป็นชาย ขออนุญาตจากพ่อแม่แล้วออกเดินทางไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนในเมืองหังโจว ในห้องเรียนจู้อิงไถได้พบกับบัณฑิตหนุ่มชื่อว่าเหลียงซานป๋อซึ่งเป็นคนเรียนเก่งและสุภาพอ่อนโยน ต่อมาทั้งคู่จึงสาบานเป้นพี่น้องกันทำให้ทั้งคู่รักและห่วงใยกันเป็นอย่างมาก 3 ปีต่อมา ทั้งคู่ได้สำเร็จการศึกษา จู้อิงไถจึงอำลาอาจารย์และเพื่อนๆเพื่อกลับสู่บ้านเกิด ขณะนั้นลึกๆในใจจู้อิงไถได้แอบหลงรักเหลียงซานป๋อแล้วแต่เหลียงซานป๋อไม่ทราบความในใจนี้ แต่ก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวจู้อิงไถเหมือนกัน ทั้งคู่จำต้องจากกันด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ยิ่ง ก่อนจากกันจู้อิงไถแกล้งทำเป็นแม่สื่อบอกให้เหลียงซานป๋อไปสู่ขอน้องสาวตน ต่อมาเหลียงซานป๋อได้เดินทางไปบ้านจู้อิงไถ ทราบข่าวจากพ่อของนางว่าจะยกนางให้กับลูกชายเศรษฐีชื่อว่าหม่าเหวินฉาย เหลียงซานป๋อกลับไปบ้านก็เฝ้าแต่คิดถึงจู้อิงไถจนไม่สบาย ต่อมาไม่นานก็ได้เสียชีวิตลง จู้อิงไถไม่สามารถขัดคำสั่งของพ่อได้จึงถูกบังคับให้แต่งงานกับคุณชายหม่า ในวันที่ตระกูลหม่ามารับจู้อิงไถนั้น จู้อิงไถได้นั่งเกี้ยวเจ้าสาวผ่านหลุมฝังศพของเหลียงซานป๋อ จึงขอลงไปคารวะศพเป็นครั้งสุดท้าย ทันใดนั้นท้องฟ้าแปรปรวนเกิดลมพายุพัดกระหน่ำ หลุมศพของเหลียงซานป๋อได้แยกออก จู้อิงไถกระโดดลงไปในหลุมด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นพายุก็สงบลง ดอกไม้ก็ผลิบานวิญญาณของเหลียงซานป๋อ และจู้อิงไถก็ได้กลายเป็นผีเสื้อบินอยู่เคียงคู่กันท่ามกลางมวลดอกไม้ โบยบินตลอดไป เรื่องราวของเหลียงซานป๋อและจู้อิงไถได้พรรณาให้เห็นถึงความกล้าหาญ ที่จะแสวงหาความรักอันแท้จริงของหนุ่มสาวในสมัยโบราณ และได้สะท้อนให้เห็นถึงความหวังในการแสวงหาความรัก ที่อิสระและความอัปยศของการคลุมถุงชน

โห...ความรักเนี่ยเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งจริง ๆ เลยนะคะ พี่ปาล์มอ่านแล้วเศร้าจังเลย น้อง ๆ อ่านแล้วเศร้าเหมือนพี่ปาล์มบ้างไหมเนี่ย?

พี่ปาล์มขอบคุณภาพจาก

forum.popcornfor2.com

http://i9.photobucket.com

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด