ภารกิจของฉันคือตามหาคนที่ขโมยเอกสารลับ เขา...บุคคลปริศนาเป็นคนที่ขโมยเอกสารลับไปและเขาก็เป็นผู้กุมความลับของฉันด้วย นั่นทำให้ฉันยอมทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง เพราะเราทำสัญญาด้วยกัน...ความลับแลกความลับ
CHAPTER 3
“ฉันว่ามันอยู่ที่จิตสำนึกคนนะ”
ช่างเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดใสจริงๆ
ฉันยืนเท้าเอวมองล็อคเกอร์ของตัวเองอย่างหงุดหงิด จดหมายสีแดงที่ถูกห้อยด้วยด้ายสีแดงลอยไปมาอยู่ด้านในล็อคเกอร์ แม้มันจะดูเหมือนจดหมายรัก แต่สำหรับฉันมันเหมือนใบสั่งซะมากกว่า
ฉันดึงจดหมายออกมาจากล็อคเกอร์ก่อนจะยัดหนังสือทั้งหมดที่อยู่ในมือเข้าไปแทน แล้วหันมาสนใจจดหมายในมือ
‘ออทั่ม
สภาไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นจากใครเลย ว่าไหม?
มีกล่องแสดงความคิดเห็นแต่ไม่เคยเปิดอ่านเลย ฉันอยากให้เขาอ่านจดหมายของฉันจัง แต่กล่องไม่มีที่ให้ใส่แล้ว เธอลองไปทุบกล่องให้แตกแล้วเอาจดหมายอีกฉบับไปวางสิ อยากรู้ว่าเขาจะอ่านไหม
ระวังตัวด้วยนะ ฉันไม่อยากให้เธอโดนทำโทษ J
ผู้หวังดี’
ฉันอ้าซองจดหมายดูอีกครั้ง ซึ่งมันทำให้ฉันได้พบกับจดหมายอีกหนึ่งฉบับจริงๆ มันเป็นแค่กระดาษสีดำขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ยาวกว่านั้นนิดหน่อย มีข้อความสั้นๆ ว่า...
‘สอบสวนชมรมว่ายน้ำ’
นี่คือจุดประสงค์ของผู้หวังดีเหรอ?
ฉันว่าฉันพอจะมีทางไปแล้วล่ะ ทุกครั้งที่ผู้หวังดีสั่งให้ฉันทำอะไร เขาจะต้องเผยจุดประสงค์ของตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้อดีคือทำให้ฉันสาวถึงตัวเขาได้ง่ายขึ้น แต่ข้อเสียคือฉันต้องทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง
ถ้าฉันอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรอีก ฉันก็ต้องทุบกล่อง...แต่ประเด็นคือฉันจะทุบกล่องนั่นได้ยังไง นี่มันเป็นวิธีของพวกก่อการร้ายชัดๆ =_=!
ลางสังหรณ์บอกว่าฉันไม่ควรทุบ
แต่มันต้องมีวิธีเปิดกล่องได้โดยไม่ต้องทุบสิ หลังจากนั้นก็เอาใบแสดงความคิดเห็นออกให้หมด แล้วค่อยเอาจดหมายไปใส่ไว้ ต้องมีสภาสักคนเดินมาสะดุดตาบ้างแหละ จดหมายสีแดงเชียวนะ!
ว่าแล้วฉันก็เดินลงมาจนถึงหน้าตึกและได้พบกับกล่องเจ้าปัญหาที่ตั้งอยู่ฝั่งขวามือ ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงกับพื้นเพื่อหาที่เปิดกล่อง
หลังจากที่มองด้วยตาเปล่าแล้ว...มันคงยากมากที่จะเปิด กล่องนี่ทำมาจากแก้วและถูกล็อคด้วยกุญแจรหัสสีทองอย่างแน่นหนา หรือบางทีฉันควรลองไปคุยกับเพชรให้เขาเปิดให้ดีล่ะ
“หาอะไรอยู่เหรอ” เสียงทุ้มต่ำของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ฉันจึงหันไปมองว่าเป็นใคร แต่พอหันไป หน้าผากฉันก็ชนกับเข่าของเขาเต็มๆ
“โอ๊ยย!!” ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้น ก่อนจะร้องออกมาเสียงดัง จนคนตรงหน้าทรุดตัวลงมานั่งข้างๆ ฉัน
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ขอโทษนะ” ไต้ฝุ่นพูดพร้อมกับจิ้มหน้าผากฉันเบาๆ
“แล้วจะมายืนใกล้อะไรขนาดนี้!” ฉันตอบกลับไป
“ก็ไม่คิดว่าเธอจะยื่นหน้ามาชนกับเข่าฉันนี่”
“-_-” ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาจึงถามต่อ
“ตกลงว่าหาอะไรเหรอ”
“เปล่า...แล้วนายมีอะไรอ่ะ” ฉันถามกลับ
“ฉันแค่เดินผ่านมาแล้วเห็นเธอนั่งอยู่ เลยคิดว่าเธอคงไม่ได้กินข้าวเช้ามา”
“จะชวนฉันไปกินข้าวเหรอ”
“ไปมั้ยล่ะ” เขาถามด้วยสีหน้านิ่งๆ
เอาจริงๆ ฉันก็หิวเหมือนกันนะ เพราะเมื่อวานนี้อ่านหนังสือจนไม่ได้ไปหาอะไรกิน เมื่อเช้าก่อนมาโรงเรียนก็ได้กินแค่นมกล่องเดียวเอง แต่ฉันก็ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ไหนจะไอ้กล่องนี่อีก!
“…”
“ไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะ”
“ไปก็ได้” สุดท้ายฉันก็ตอบตกลง
“มา ลุกขึ้น!” ไต้ฝุ่นพูดพร้อมกับลุกขึ้นเป็นคนแรก เขาก้มลงมาดึงแขนฉันให้ลุกขึ้นตาม
“ทำไมนายมาโรงเรียนเช้าจัง” ฉันหันไปถามระหว่างที่เรากำลังเดินไปโรงอาหารพร้อมกัน
“ฉันว่ามันเป็นเวลาปกตินะ ไม่ได้เช้าอะไรขนาดนั้น” เขาตอบกลับมานิ่งๆ ก่อนจะพูดต่อ “อ้อ! ลืมไป...เวลาปกติของเธอคือแปดโมงเช้า”
อะไรกัน! ฉันไม่ได้มาโรงเรียนสายขนาดนั้นซะหน่อย แล้วที่ฉันมาสายก็เพราะว่าบ้านฉันไกล ไม่มีคนคอยปลุกด้วย เพราะฉันอยู่บ้านคนเดียว!
“เว่อร์ -_- วันนี้ฉันยังมาเร็วกว่านายเลย เห็นมั้ย” ฉันตอบ
“ถ้ามาเร็วแบบนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่โดนทำโทษหรอก”
“ช่างเถอะหน่า” ฉันพูดตัดบทเพราะเรามาถึงโรงอาหารกันแล้ว
เราเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกัน ซึ่งตอนนี้โรงอาหารเต็มไปด้วยนักเรียนที่มากินข้าวเช้า ไต้ฝุ่นถอนหายใจราวกับไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่ฉันชินกับเรื่องนี้ไปแล้ว
“ไม่มีที่นั่งเลย” ไต้ฝุ่นพูดพร้อมกับสอดส่องไปทั่วโรงอาหาร
ในระหว่างที่ไต้ฝุ่นกำลังหาที่นั่งอยู่นั้น พลันสายตาของฉันก็หันไปเจอหัวหน้าห้องที่กำลังกินข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอ ด้วยความสงสัยที่ค้างคาในใจ ฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาเธอทันที
ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่หัวโต๊ะ ทุกคนในโต๊ะหันมามองฉันด้วยความแปลกใจ พวกนี้ก็อยู่ห้องเดียวกับฉันนั่นแหละ แต่ฉันไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นในห้องเท่าไหร่
“เดินมายืนจ้องหน้าแบบนั้นมันน่ากลัวนะ” หัวหน้าห้องหันมามองหน้าฉันนิดหน่อย ก่อนจะพูดขึ้นนิ่งๆ
“เมื่อวานมีใครมาจับจดหมายก่อนที่มันจะถึงมือฉันหรือเปล่า?” ฉันเริ่มเปิดประเด็นทันที
“ฉันไง”
“ไม่ใช่สิ -_- คนอื่นล่ะ”
“อาจารย์ห้องปกครอง”
“นี่...จะกวนประสาทฉันเหรอ -_-^” ฉันแยกเขี้ยวใส่หัวหน้าห้องที่ตอบคำถามกวนประสาท แต่เธอก็ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับอาการหงุดหงิดของฉัน
“ก็แล้วไอ้ใครที่เธอว่า...หมายถึงคนพวกไหนล่ะ” เธอถามกลับด้วยสีหน้านิ่งๆ แต่คำถามของเธอก็ทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย
เออ...ใครวะ -_-
“ก็แบบ...คนที่ไม่น่าไว้ใจไง”
“ไม่มี”
“เหรอ...”
“มีอะไรหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่า แค่ถามเฉยๆ น่ะ”
หลังจากที่ไม่ได้คำตอบแบบที่ตัวเองต้องการ ฉันก็เดินแยกออกมาจากโต๊ะของหัวหน้าห้อง แล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามกับไต้ฝุ่น ก่อนจะยกมือขึ้นมาเท้าคาง ถ้าฉันยกขาขึ้นมาก่ายหน้าผากได้ก็คงทำไปแล้ว!
เฮ้อ ไม่รู้เลยว่าควรจะเครียดเรื่องไหนก่อนดี...ผู้หวังดี ทุบกล่อง ชมรมว่ายน้ำ...มีใครให้มากกว่านี้มั้ย
“เธอจะกินอะไร เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้” ไต้ฝุ่นพูดขึ้น
“อะไรก็ได้” ฉันตอบเขาไปก่อนจะฟุบลงกับโต๊ะ
“ข้าวมันไก่มั้ย”
“ไม่อยากกินไก่”
“งั้นก๋วยเตี๋ยว”
“อากาศร้อนจะตาย”
“ข้าวขาหมู...”
“โน! ฉันยังอ้วนไม่พออีกเหรอ” ฉันเงยหน้าขึ้นมาพูดกับไต้ฝุ่น ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นโอ่งมังกรราชบุรีพอแล้ว อย่ามาเพิ่มน้ำหนักกันเลย -_-
“แล้วจะกินอะไร”
“อะไรก็ได้”
“อืม -_-” ไต้ฝุ่นพูดจบก็ลุกออกไปทันที
ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะกินอะไรเลย ฉันสลัดเรื่องของผู้หวังดีออกไปจากหัวได้ไม่ถึงห้านาที สุดท้ายก็กลับมานั่งเครียดใหม่
เรื่องผู้หวังดีไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะคิดนิดๆ หน่อยๆ แล้วแก้ปุ๊บปั๊บเหมือนข้อสอบคณิตศาสตร์ เพราะถ้าฉันพลาดไปแล้ว อาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกครั้งเหมือนการสอบซ่อมนะ
โอ๊ยย!! เครียดดดด
“มาแล้ววว”
ในขณะที่ฉันกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไต้ฝุ่นก็เดินกลับมาพร้อมกับข้าวมันไก่สองจานในมือ เขาวางจานข้าวไว้ที่เขาจานนึง แล้วเลื่อนอีกจานมาให้ฉัน สุดท้ายก็วนมาจบที่ข้าวมันไก่สินะ -_-
“นี่นาย...ถามอะไรหน่อยสิ” ฉันถาม
“ว่ามาสิ” เขาตอบ
“ถ้าสมมตินะ...นายลืมทำรายงานมา และอาจารย์ให้นายส่งได้แค่วันเดียวเท่านั้น นายมีทางเลือกเดียวคือขโมยของเพื่อนไปส่ง นายจะทำมั้ย”
“มีแค่ทางเดียวเหรอ?”
“ใช่!”
“ไม่ทำอ่ะ”
“แต่อีกแค่นิดเดียวนายก็จะได้เกรดสี่แล้วนะ ถ้านายไม่ทำก็ติดศูนย์ต้องเรียนซ้ำเลยนะ ไม่ทำจริงดิ” ฉันยังคงถามต่อไป
“ฉันว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่จิตสำนึกคนนะ”
“…” อืม จุกได้อีก
“ถ้าฉันทำแล้วตัวเองได้ดี...แต่คนอื่นต้องเสีย ฉันขอไม่ทำดีกว่า รู้สึกผิดแย่เลย” ไต้ฝุ่นพูดก่อนจะนิ่งไป
“…”
“คิดว่าการได้ดีเพราะเหยียบคนอื่นมันให้ความสุขเราได้จริงๆ เหรอ”
“อะไรของนาย...ฉันก็แค่ถามเฉยๆ” พอเห็นว่าไต้ฝุ่นเริ่มจริงจังกับการตอบคำถาม ฉันก็พูดขัดขึ้นซะก่อน
“ฉันก็แค่ตอบเฉยๆ หน่า”
“…”
“แต่ก็ลองไปคิดดูดีๆ นะ ก่อนจะทำอะไร” ไต้ฝุ่นพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองฉัน
เขาคงไม่ได้คิดว่าฉันจะทำจริงๆ ใช่มั้ย?
17.30 น.
วันนี้จะเป็นวันที่ตัดสินทุกอย่างในชีวิตฉัน เพราะฉันจะเลือกแล้วว่าจะอยู่ทีมใคร!
ฉันเตรียมคำพูดมาพูดกับเพชรเป็นอย่างดี ถ้าเขาเข้าใจและให้ความร่วมมือกับฉัน ฉันก็จะอยู่ทีมเขา ถ้าผู้หวังดีโมโหแล้วแฉฉันขึ้นมา เพชรก็จะต้องช่วยฉันเรื่องนี้ด้วย แต่ถ้าเขาปฏิเสธ...ฉันจะแสดงให้ดูว่าการโดนหักหลังมันเป็นยังไง ฉันน่ากลัวกว่าที่คิดนะ ขอบอก!
ฉันวิ่งจากห้องเรียนตัวเองขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ ชั้นของสภาทั้งหมด ห้องของเพชรจะอยู่ตรงกลาง ซึ่งตอนนี้มีผู้ชายคนนึงยืนอยู่ที่หน้าห้อง ฉันเคยเห็นหน้าเขามาผ่านๆ เขาเป็นหนึ่งในทีมสภาของเพชร
“ฉันมาหาเพชร เขาอยู่ใช่มั้ย?” ฉันรีบเดินตรงเข้าไปหาเขา ก่อนจะพูดออกไปนิ่งๆ
“อยู่ แต่เข้าไม่ได้ เขากำลังประชุมอยู่” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่พร้อมจะเอาเรื่องฉันเต็มที่
เดี๋ยวๆ ฉันทำอะไรผิดเนี่ย? -_-
“ฉันมีเรื่องสำคัญมากๆ จะคุยกับเขานะ”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่อง...” ถ้าเป็นเรื่องกล่องนั่น เขาไม่ให้ฉันเข้าแน่ๆ ดังนั้นต้องตอบเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ ฉันขยับเข้าไปใกล้ๆ เขาแล้วพูดเบาๆ จนเหมือนเป็นการกระซิบ “เอกสารลับที่สภาให้ฉันตามหาไง”
“เอกสารลับ?!” เขาพูดเสียงดังพร้อมกับทำหน้างงใส่ฉัน
“เบาๆ สิ -_-”
“สภาไม่ได้กำลังทำอะไรแบบนั้นอยู่นะ”
“ทำไมจะไม่ได้ทำล่ะ ก็ฉันทำอยู่นี่ไง”
“พวกเราเป็นสภานักเรียน ไม่ใช่นักสืบนะ แล้วเรื่องเอกสารลับอะไรนั่น ก็ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน”
ท่าทางของเขามันแสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ได้โกหก เดี๋ยวนะ...นี่อย่าบอกนะว่าพวกสภาไม่รู้เรื่องเอกสารลับน่ะ
นี่เป็นเหตุผลที่เพชรไม่ยอมบอกฉันหรือเปล่าว่าเอกสารลับคืออะไร แม้กระทั่งทีมสภาของเขาเอง เขาก็ยังไม่ยอมบอกเรื่องเอกสารลับเลย แสดงว่ามันต้องเป็นเอกสารที่ลับมากจริงๆ สินะ
ถ้าสภาไม่รู้ว่ามีเอกสารลับอยู่ แต่ผู้หวังดีดันมาขโมยไป ก็เป็นไปได้อยู่สองอย่าง...เอกสารลับนั่นเป็นผลเสียต่อตัวผู้หวังดี หรือไม่ก็ผู้หวังดีเป็นคนในสภาที่เกลียดเพชรมากๆ
อืม...ตอนนี้ฉันให้น้ำหนักเท่ากันไปก่อนแล้วกัน มันดูเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง =_=
“เอาล่ะ ยังไงฉันก็จะเจอเพชร” พอเงียบไปนาน ฉันก็หันกลับมายืนกรานเหมือนเดิม
“ก็บอกไปแล้วว่าเข้าไม่ได้ไง เพชรประชุมอยู่!” เขาพูดทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินหนีเข้าไปในห้องต่อหน้าต่อตาฉัน
หมอนี่! อย่างน้อยก็ไปถามเพชรก่อนสิว่าจะให้ฉันเข้าไปเจอมั้ย L
ครืดดด~
ในขณะที่ฉันกำลังโมโหควันออกหูอยู่นั้น โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงของฉันก็ดังขึ้น พอหยิบมาดูแล้วก็พบว่าเป็นแม่ที่โทรเข้ามา ฉันพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหลค่ะแม่” ฉันกรอกเสียงลงในโทรศัพท์
[ลูกว่างคุยใช่มั้ย? แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับลูกหน่อยน่ะ] แม่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความหม่นหมอง
“แม่ไม่สบายหรือเปล่าคะ...น้ำเสียงฟังดูไม่ค่อยดีเลย”
[เปล่าจ้ะ…แม่อยากจะถามลูกว่าลูกจะมาแลกเปลี่ยนที่นี่จริงๆ ใช่มั้ย?]
“จริงสิคะแม่ ยังไงหนูก็ต้องไป”
[คือเมื่อเช้าพ่อไม่สบาย โรคหัวใจกำเริบจนต้องนอนโรงพยาบาล ตอนนี้ที่บริษัทก็มีแม่ดูแลอยู่แค่คนเดียว แล้วแม่ก็ต้องไปกลับบริษัทกับโรงพยาบาล แต่ถ้าลูกมา...อย่างน้อยก็จะมีคนดูแลพ่อ]
พ่อฉันเข้าโรงพยาบาลเหรอ...ทั้งๆ ที่ฉันมักจะบอกว่าอย่าโหมงานหนัก เพราะพ่อก็สุขภาพไม่ค่อยจะดีตั้งแต่ฉันยังเด็กๆ แล้วทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองทรุดขนาดนั้น!
ตอนนี้สมองฉันตื้อไปหมด
“ละ...แล้วพ่อเป็นอะไรมากมั้ยคะ”
[ไม่เป็นอะไร แต่คงต้องพักฟื้นอีกสักระยะ]
“แม่คะ...ให้หนูย้ายไปอยู่ที่นั่นเลยไม่ดีกว่าเหรอคะ” ฉันถามออกไป
ตอนนี้ฉันกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา ฉันเสียใจนะที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลพ่อแม่เลย ขนาดรู้ว่าพ่อป่วยก็ยังต้องรอเวลาให้ถึงวันไปแลกเปลี่ยน ฉันทำได้แค่นี้เองเหรอ
[ออทั่มฟังแม่นะ...ไม่ใช่ว่าแม่ไม่อยากให้ลูกมา แต่เมื่อลูกมาที่นี่แล้ว ลูกจะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนกับบ้านเรา ลูกจะได้ทำทุกอย่างที่ลูกไม่เคยทำ และพ่อกับแม่ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะสั่งสอนลูกว่าอะไรควรหรือไม่ควร แม่ไม่อยากเห็นลูกของแม่เดินผิดทาง เข้าใจใช่มั้ย]
“หนูโตพอแล้วนะคะแม่ หนูแยกแยะถูกผิดได้แล้วนะคะ!”
[แยกแยะได้แล้วยังไงเหรอออทั่ม ถ้าลูกอยากทำ...ลูกก็ทำอยู่ดี]
“…” คำพูดของแม่ทำให้ฉันชะงักไป แม่รู้จักฉันดีจริงๆ แม่รู้จักฉันมากกว่าที่ฉันรู้จักตัวเองอีก แม้กระทั่งฉันบอกว่าตัวเองแยกแยะถูกผิดได้แล้ว แต่ฉันก็ยังไปขโมยข้อสอบน่ะเหรอ
ก็อย่างที่แม่บอก ต่อให้รู้ถูกผิด...แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ ยังไงฉันก็ทำ
[เรื่องค่าใช้จ่ายแม่คุยกับทางโรงเรียนเรียบร้อยแล้วนะ]
“ค่ะ”
[พ่อกับแม่คาดหวังในตัวลูกมากนะ อย่าทำให้แม่ผิดหวังล่ะ]
“ค่ะ หนูต้องวางแล้ว...แค่นี้ก่อนนะคะ” พอพูดจบฉันก็กดตัดสายทันที
ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง ทำไมเรื่องแย่ๆ ต้องเข้ามาในชีวิตฉันพร้อมกันด้วย เรื่องผู้หวังดีก็ยังไม่ทันจะได้คลี่คลาย เรื่องพ่อก็เข้ามาให้เครียดเพิ่มอีก
ฉันคิดว่าฉันคงรอต่อไปไม่ได้แล้ว
ว่าแล้วฉันก็เดินลงบันไดมาที่ชั้นสองเพื่อเอาจดหมายสีแดงออกจากล็อคเกอร์ ก่อนจะวิ่งลงมาที่หน้าตึก เวลานี้แทบจะไม่มีนักเรียนอยู่ในโรงเรียนแล้ว ฉันเลยสามารถวิ่งลงมาได้อย่างรวดเร็ว
ฉันยืนมองกล่องสีใสที่เต็มไปด้วยใบกระดาษสีขาว ก่อนจะเดินตรงไปหยิบก้อนหินก้อนใหญ่ที่วางอยู่ตรงมุมตึกมาถือไว้
ฉันสามารถรอจนกว่าเพชรจะออกมาคุยกับฉันได้ แต่ฉันไม่รู้ว่าผู้หวังดีให้โอกาสฉันมากแค่ไหน ถ้าเกิดว่าเขารอไม่ได้ แล้วแฉฉันวันพรุ่งนี้ขึ้นมาล่ะ พอถึงตอนนั้นฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น...ฉันจะไม่รอแล้ว
ฉันรู้ว่ามันผิด...แต่ฉันก็แค่อยากจะเป็นลูกที่ทำให้พ่อแม่ภูมิใจบ้าง ฉันถึงได้เลือกแบบนี้...
ฉันเลือกผู้หวังดี
เพล้ง!
ฉันขว้างก้อนหินใส่กล่องอย่างแรง ก่อนจะก้าวถอยหลังออกมาให้ห่างและยกมือขึ้นมาปิดตาเพื่อกันเศษแก้วเข้าตา พอเสียงเงียบไป ฉันจึงเปิดตาและมองภาพตรงหน้า
กล่องสีใสแตกไปครึ่งกล่องและยังมีอีกครึ่งกล่องตั้งอยู่ ใบกระดาษสีขาวปลิวว่อนทั่วบริเวณหน้าตึก
ฉันค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างระมัดระวังเพื่อเข้าไปวางจดหมาย ฉันวางจดหมายสีแดงไว้บนสุด ก่อนจะหยิบก้อนหินขนาดกลางๆ ที่อยู่แถวนั้นมาวางทับไว้ด้านบน
พอเห็นว่างานของตัวเองเป็นไปตามที่คิดไว้ ฉันก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลังออกมาจากบริเวณนั้น และเตรียมจะวิ่งออกไปจากจุดนี้
“เฮือก...O_O!” ในขณะที่ฉันหันหลังกลับมาและเตรียมจะวิ่ง ฉันก็ไปชนกับใครบางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ใบชา...เพื่อนในกลุ่มของฉัน
ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ทำไมฉันถึงไม่สังเกตเห็นเธอเลย เธอยืนกอดอกมองหน้าฉัน ก่อนจะส่งยิ้มหวานแต่ดูอันตรายมาให้
“อยากแก้ตัวอะไรมั้ย? J”
______________________
TALK : สวัสดีค่ะ ทรายเองนะคะ เพิ่งได้มีโอกาสเขียนทอล์ก เพราะตอนที่แล้วงานเยอะมาก จะอัพก็แค่จัดหน้าแล้วอัพเลย ยอมรับว่าเผาจริงๆ ค่ะ T^T
ความจริงแล้วตอนที่สามนี้จะเป็นตอนแบบเบาๆ สมอง แต่ลืมไปว่าเรื่องนี้ปมหนัก จะปล่อยให้หายใจไม่ได้ (ฮิฮิ) แล้วก็กลัวว่าเรื่องจะไม่เดิน เลยต้องปรับเปลี่ยนนิดหน่อย เพิ่มความกดดันให้นางเอกไปอีก
จริงๆ แล้วนางเอกเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมด๊าธรรมดาที่บังเอิญมีแรงกดดันมากจนเผลอทำพลาดไป แต่ก็ไม่ใช่เพราะครอบครัวซะทีเดียว เหมือนนางปลูกฝังให้ตัวเองว่าจะต้องดีให้ได้แบบนโน่น จะต้องดีให้เหมือนคนนี้ จนมันกลายเป็นอาการวิตกจริต แล้วก็ไปขโมยข้อสอบอย่างที่ได้อ่าน อารมณ์ประมาณว่า...น้ำนิ่งไหลลึก
ยังไงก็ฝากติดตามและเอาใจช่วยออทั่มกันเลยนะคะ
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณคอมเม้นจากทุกคนๆ คอมเม้นจากพี่ชุบและพี่เบลล์ด้วยค่ะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ~♥
ชอบตอนจบนะ ที่นางเอกตัดสินใจพังกล่อง รู้สึกว่าเป็นไฮไลท์ของตอนดี ทีนี้ก็มาดูกันต่อว่าจะเป็นยังไง รออ่านแล้วกันนะคะ
ไดอะลอคมีบางช่วงที่พี่คิดว่าถ้าปรับให้มันน่าสนใจขึ้นจะประกอบไปกับพลอตเราได้ดีกว่านี้นะ เป็นกำลังใจให้จ้า