ความฝันของฉันต้องแตกดับ...เมื่อคนที่เฝ้าฝันหามาตลอด 8 ปี พอเจอตัวจริงกลับตรงข้ามกับสิ่งที่คิดแบบสุดๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ยยยย!! ไอ้นี่มันตัวปลอม นี่มันเสิ่นเจิ้นชัดๆ =[]=!
4
Don’t know why?
“แล้วยัยชิโซจะกลับมาเมื่อไหร่วะชูก้าร์”
“สัปดาห์หน้า”
ฉันฟังบทสนทนาเกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่ค้างคาใจมาหลายวันอย่าง ‘ชิโซ’ ด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจมากเสียจนพี่แอสโทรที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาสะกิดไหล่ฉันพร้อมถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
“รู้จักชิโซด้วยเหรอ?”
“เปล่าค่ะ” ฉันปฏิเสธแล้วนิ่งไปก่อนจะหันไปบอกอีกฝ่ายตรงๆ “แต่อยากรู้จัก”
“หืม? ทำไมล่ะ” พี่แอสโทรเลิกคิ้วถาม
“คือมุก…”
“มีอะไรก็ถามฉันสิ ทำไมต้องไปกระซิบกระซาบกันอยู่สองคนด้วย -_-“
เสียงเรียบนิ่งติดจะดุดันของพี่น้ำตาลดังขึ้นทำให้เราสองคนหันไปมอง ฉันจิ๊ปากอย่างขัดใจที่เขาเป็นมารขัดคอฉันตลอด ก่อนจะคิดอะไรออกแล้วโต้ตอบกลับไป
“ถ้ามุกถาม แล้วพี่จะตอบเหรอ”
“แน่นอนว่าไม่”
“ถ้างั้นมุกจะถามพี่แอสโทรต่อนะ”
“ไม่ให้”
“พี่ไม่กวนมุกสักสามนาทีได้ปะ”
“ไม่ได้” เขายกมือขึ้นกอดอกมองฉันนิ่ง ปากก็เอาแต่ปฏิเสธด้วยท่าทางกวนประสาทไม่หยุดหย่อน
“เฮ้ยพี่…นี่มุกจริงจัง” ฉันถอนหายใจยาวๆ ได้แต่บอกตัวเองให้อดกลั้นต่อท่าทางยั่วโมโหนั่น แล้วจ้องเขาด้วยแววตาเข้มขึ้นเพื่อบอกเป็นนัยยะว่าฉันเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้ว
“…”
“สิ่งที่มุกอยากรู้...” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “มันมีความหมายกับมุกมากเลยนะ”
และพยายามบอกเขาจากความรู้สึกจริงๆ เพื่อหวังให้เขาเห็นใจฉันบ้าง ถ้าเขาไม่ใช่พี่น้ำตาล ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขัดขวางฉัน
“แล้วไง?"
ทว่าเขากลับเลิกคิ้วถามอย่างไม่ยินดียินร้ายต่อสีหน้าที่เริ่มเคร่งเครียดของฉัน มองข้ามความอดทนของฉัน มันน่าหงุดหงิดนะกับการที่ฉันพยายามจะจริงจังและขอร้องเขาดีๆ อยู่ฝ่ายเดียว แต่เขากลับทำเหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรและยังคงยียวนฉันไม่เลิกจนสุดท้ายแล้วฉันอารมณ์ฉันมันก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างเริ่มอดไม่อยู่
ฉันไม่เข้าใจว่าเขาเป็นบ้าอะไรนักหนา!
มีเหตุผลอะไรถึงได้พยายามปิดบังฉันในหลายๆ เรื่องที่ฉันสงสัย!!
"มุกได้ยินชื่อพี่ชิโซมาหลายรอบแล้ว ก็แค่อยากรู้ว่าเป็นใคร ยังไง มาจากไหนก็แค่นั้น!’”
ฉันพ่นออกไปรวดเดียวอย่างอัดอั้นจนทำให้ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนจับจ้องมาทางเราด้วยสีหน้างุนงงที่อยู่ๆ เราทั้งคู่ก็เหมือนจะปะทะคารมกันขึ้นมาเสียดื้อๆ แม้ฉันจะเริ่มใส่อารมณ์หากแต่พี่น้ำตาลก็ยังคงมีท่าทางปกติ นัยน์ตาประกายวาววับของเขาจ้องมองมาทางฉันแล้วกระตุกที่ยิ้มมุมปาก
“อยากรู้เยอะจังนะ”
“แล้วแค่นี้บอกไม่ได้เหรอคะ?”
ฉันขมวดคิ้วเอียงคอถามเขาเสียงแข็งด้วยอารมณ์คุกรุ่น อันที่จริงฉันหัวเสียกับท่าทีที่เหมือนพยายามกันฉันออกจากข้อมูลต่างๆ มาหลายวันแล้ว ยิ่งกับเรื่องพี่ชิโซ…ฉันรู้สึกว่าคนรอบตัวเขา หรือไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถรู้เรื่องนี้ได้หมด เรื่องพี่ชิโซดูไม่ใช่ความลับอะไร
แต่ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้?
ทำไมฉันถึงเป็นคนเดียวที่เขาทำเหมือนไม่อยากให้รับรู้!
“ไม่ได้”
ยิ่งเขาตอบฉันมาด้วยท่าทางเรียบเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับท่าทีทุกข์ร้อนของฉัน มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิดของฉันให้โหมกระหน่ำมากขึ้น
“เพราะ!!?” น้ำเสียงฉันดังขึ้นอีกระดับ
"เพราะอะไร มันก็เรื่องของฉัน"
ฉันสังเกตเห็นว่าแววตาที่เคยสงบนิ่งคู่นั้นวูบไหวเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์บางอย่างอยู่ในใจ เขาอาจจะโกรธเพราะตอนนี้ฉันขึ้นเสียงใส่เขาแถมชักสีหน้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
"..."
"ก็แค่ฉันพอใจที่จะไม่ให้เธอรู้ ก็แค่นั้น” เขากดเสียงต่ำ
มันเป็นเพราะคำตอบที่ไม่มีเหตุผล และสายตาที่มองราวกับเห็นความทรมานใจของฉันเป็นเรื่องตลก ทำให้เส้นความอดทนของฉันที่มีมาตลอดหลายวันหมดลง เขาไม่ได้เห็นใจในคำอ้อนวอนของฉัน เขาเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำขอของฉันเพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุกสำหรับเขา...อย่างนั้นเหรอ?
“ทำไมคะ? พี่มีปัญหาอะไรกับมุกนักหนาทำไมถึงพยายามปิดบังทุกอย่าง!!! หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว—“ ทุกอย่างบีบคั้นให้ฉันลืมตัวลุกขึ้นยืนและตะคอกถามอีกฝ่ายด้วยความโมโห
“เฮ้ย ใจเย็นก่อน ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์กันขนาดนี้เลย”
“นั่นสิ มีอะไร ค่อยๆ พูดก็ได้”
เป็นพี่แอสโทรกับเพื่อนอีกคนที่ลุกขึ้นมาห้ามเราเอาไว้ เขาพยายามดึงฉันให้นั่งลงไปที่เดิมเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่พอฉันเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่สะทกสะท้านของคู่กรณีทีไร อารมณ์ฉันมันก็ขึ้นตลอดจึงตัดสินใจลุกออกไปด้านนอก
“มุกขอตัวไปล้างหน้าก่อนดีกว่าค่ะ”
ว่าแล้วฉันก็ก้าวยาวๆ ผ่านหน้าพี่น้ำตาลแล้วออกจากเต็นท์ไปเข้าห้องน้ำ และเมื่อน้ำเย็นๆ ปะทะเข้าบนใบหน้า ก็เหมือนความโมโหร้อนของฉันมันเย็นลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ ฉันมองตัวเองในกระจกแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“เย็นไว้มุก เรื่องแค่นี้เอง”
ฉันบอกตัวเองแล้วสะบัดหัวเรียกสติ ปกติฉันไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนแบบนี้ แต่อย่างที่บอกว่าเขากวนอารมณ์ฉันให้ขุ่นมัวกับเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว มันเหมือนพอฉันวิ่งเข้าใกล้เบาะแสทีไรก็โดนหมอนั่นถีบออกมาทุกที แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้ามันสืบง่ายๆ ก็ไม่ใช่ความลับสิ
แม้ฉันจะไม่เข้าใจว่าเขาจะปิดบังฉันไปเพื่ออะไรก็เถอะ -_-
“ป่านนี้คงหัวเสียอยู่แหงๆ”
ฉันพึมพำแล้วนึกถึงหน้าอีกฝ่ายว่าตอนนี้เขาคงหงุดหงิดฉันอยู่ไม่น้อย ก็เมื่อกี้ฉันขึ้นเสียงใส่เขาแบบนั้น เป็นใครไม่โมโหก็บ้าแล้ว ฉันแอบเห็นว่าภายในแววตาเขาก็มีอารมณ์เดือดๆ บ้างอยู่เหมือนกันตอนโดนฉันชักสีหน้าใส่ ยังไงเขาก็อายุมากกว่าฉันหลายปี ถึงจะเกลียดยังไง ไปทำกิริยาไม่น่ารักใส่เขาแบบนั้นเขาคงโกรธ
“ต้องไปขอโทษไหมเนี่ย เฮ้อ~ =_=”
พลั่ก!!
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ”
ฉันผงกหัวขอโทษใครสักคนที่เผลอเดินชนขณะก้มหน้าก้มตาเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างเหม่อลอย เพราะในหัวกำลังคิดแต่เรื่องพี่น้ำตาล เมื่อกล่าวคำขอโทษเสร็จ ฉันก็รีบจ้ำอ้าวจะเดินไปต่อเพราะเห็นจากหางตาว่าอีกฝ่ายไม่ได้เจ็บอะไร และฉันก็ไม่ได้ชนแรงเท่าไหร่นัก แต่พอขาก้าวขยับ แขนยาวๆ ของอีกคนก็เอื้อมมาดึงฉันไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“คะ?” ฉันหมุนตัวกลับไปมองหน้าคนที่ดึงแขนไว้เป็นเชิงถามว่ามีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องแอบชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นหน้าเจ้าของมือหนานั่นเต็มสองตา…นะ นี่มัน…
นายจันหนวดเขี้ยวชัดๆ -O-!!
เขาตัวสูงใหญ่ร่างหนาดูกำยำสมส่วน ผิวค่อนข้างคล้ำเหมือนคนกรำแดดไปสู้ศึก เอ๊ย! เล่นกีฬา คิ้วเข้มดกดำกับทรงผมเรียบแปล้ปัดข้าง ทว่าเอกลักษณ์โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใดคือหนวดสีดำโค้งขึ้น ราวกับถูกตกแต่งตัดเล็มมาอย่างดีโดยช่างฝีมือประณีต
เอาดาบสักเล่มไหมล่ะพี่…กับโจงกระเบนสีทึบอีกหน่อยนี่ใช่เลย พม่ารามัญกำลังจะตีแหกด่านบ้านบางระจันเข้าสู่กรุงอโยธยามาได้แล้ว เอ็งจงเร่งกรีทาทัพบุกทะลวง!! ฆ่ามัน ฆ่าม้านนนนน!!!
ซาวน์มาค่ะ!
บางระจัน บางระจัน บางระจัน!! มิอาจยืน อยู่ถึงวันเพ็ญเดือน สิบสองงงง~
อ้าว มิใช่ดอกหรือ -_-
“หน้าตาน่ารักดีนี่เรา ชื่ออะไรเหรอ”
ตัดภาพกลับมายังยุคปัจจุบัน อีพี่หน้าหนวดที่อาจจะมีน้าแอ๊ด คาราบาวหรือน้าหงา คาราวานเป็นไอดอลกำลังเอียงคอมองฉันด้วยสายตาแพรวพราวราวกับเจอของเล่นถูกใจ เขาแอบเลียริมฝีปากตอนสายตามองต่ำลงไปที่เรียวขาฉันด้วย อี๋! แอบมองขาอ่อนฉันเรอะ!
เดี๋ยวแม่ตบหนวดเบี้ยวเลยโว้ย!
“กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ”
ทำไมวันนี้ฉันต้องเจอแต่ผู้ชายมีหนวดดักฉุดด้วย =_= ฉันพอจะรู้ตัวนะว่าตนเองแต่งตัวเป็นจุดสนใจของที่นี่มาก แต่ก็ไม่เข้าใจว่าไอ้ชุดกระโปรงบานฟูฟ่องของฉันนี่มันถูกใจชาวหนวดทั้งหลายรึยังไงมิทราบ เครียดว้อยยย!!
“ปล่อยก็ได้ J” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่มือเขายังยึดแขนฉันไว้อยู่เหมือนเดิม อะไรของมันวะ โดนข้าศึกบุกจนสมองกลับไปหมดแล้วรึไง “พี่จะปล่อย…ก็ต้องต่อเมื่อน้องบอกชื่อพี่”
นี่ก็อีกคน…หน้าแก่รุ่นพ่อแล้วยังจะมาแอ๊บเป็นรุ่นพี่
“หนูไม่มีความจำเป็นต้องบอก…ปล่อยค่ะลุง!!”
“ฉันอายุยี่สิบสอง =_=”
อ้าวเหรอ…แต่หน้านี่นำไปอีกยี่สิบปีบวกบวกบวกแล้วนะ -_-
“หนูไม่อยากรู้ ปล่อยสักทีเถอะค่ะ ไม่งั้นหนูไม่เกรงใจแล้ว— “
“อย่า…”
และก่อนที่ฉันจะได้พุ่งเข้าใส่ไอ้หน้าหนวด ฝ่ามืออุ่นกับน้ำเสียงคุ้นเคยของใครสักคนก็เอื้อมมาดึงแขนฉันไว้ก่อน…ใครคนนั้นหันมองฉันด้วยสายตาห้ามปราม ราวกับจะบอกว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่คนที่ฉันจะต่อกรด้วยได้
“พี่…มาตั้งแต่เมื่อไหร่” ฉันครางในลำคอแล้วมองอย่างไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ คนตัวสูงดึงฉันไปไว้ด้านหลังตัวเอง ก่อนจะเป็นฝ่ายออกหน้าปะทะกับไอ้หนวดแทน
อันที่จริง…เขาน่าจะกำลังโกรธฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ
แล้วทำไมถึงมาหาฉันที่นี่ได้ล่ะ?
“อ้าว ไอ้ชูก้าร์…เด็กแกเองเหรอ”
ดูเหมือนเขาจะรู้จักกันแฮะ(ถ้านับจากอายุหน้าแล้วไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้เลยนะ -_-)…อีกฝ่ายยิ้มสนุกขณะพยายามชะโงกหน้ามาส่องดูฉันที่ยืนอยู่ด้านหลังพี่น้ำตาลด้วยท่าทางเหมือนอยากปั่นประสาทคู่สนทนา ฉันได้แต่ถลึงตาใส่อีหน้าหนวดนั่นที่ส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยมาให้ อีกทั้งยังต้องข่มใจไม่ให้เผลอถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้ามันด้วย =_=
“เออของฉัน…รู้แล้วก็ไสหัวไป -_-”
แม้มันจะเป็นคำพูดห่ามๆ …
จากคนเถื่อนคนหนึ่ง…ที่ฉันเคยมองว่าเขากวนประสาทและคอยพยายามจะกลั่นแกล้งฉันตลอดเวลา แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ เวลานี้ คำพูดประโยคนั้นมันกลับ…
ฟังดูอบอุ่นและทำให้หน้าฉันร้อนวูบวาบได้…
ทั้งที่เราเพิ่งทะเลาะกัน ทั้งที่ฉันทำท่าทางไม่ดีใส่แบบนั้น เขาสามารถเลือกที่จะเมินหรือเดินหนีไปก็ได้แต่เขาก็ยังมายืนอยู่ตรงนี้ ฉันถึงกับจ้องมองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกหลากหลาย อาจเพราะว่าไม่เคยคิดว่าเขาจะออกหน้าปกป้องฉันอย่างจริงจังขนาดนี้ก็ได้
“ไม่”
“…”
“น้องน่ารัก…ฉันอยากได้ -O-”
ไอ้หนวดเดาะลิ้นเอียงคอพูดกับพี่น้ำตาลด้วยสีหน้ากวนเบื้องล่าง แล้วอีประโยคที่พูดมานี่ก็พูดได้หน้าตาเฉยเลยนะยะ บุคคลในบทสนทนาของแกยังยืนอยู่ตรงนี้นะฮัลโหล~ สนใจเดี๊ยนด้วยค่ะ นี่คนนะไม่ใช่กะหล่ำดอกในตลาดสด อยู่ๆ มาบอกว่าถูกใจก็จะเลือกซื้อไปอย่างงี้ไม่ได้นะโว้ย!!
“แล้วบอกฉันเพื่อ?”
“เพื่อให้แกรู้ และมาเดิมพันกับฉัน”
มันเอาจริงว่ะ -_- ฉันนี่ถึงกับปรี๊ดจนทำท่าจะพุ่งตัวออกไปด่าแทน แต่พี่น้ำตาลจับมือฉันไว้แน่นเพื่อหยุดฉันให้ยืนอยู่ที่เดิม ก่อนจะตอบโต้อีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดูไม่หวั่นไหวเลยสักนิด
“ทำไมฉันต้องทำตามที่แกพูดด้วย ถ้าอยากจิ้มใครก็ไปเลือกเอาข้างหน้า อย่าสะเออะมาวุ่นวายแถวนี้”
“ถ้าแกไม่แข่งด้วย ฉันก็จะไปดักฉุดน้องเขาตอนแกเผลอ แต่ถ้าแข่ง…ฉันก็ลูกผู้ชายพอจะยอมรับผลการตัดสิน”
ฉันเห็นใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งของพี่น้ำตาลเริ่มฉายแววหงุดหงิดกับความยุ่งยากตรงหน้า นัยน์ตาคมกล้าจ้องไปยังอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน
“แกก็รู้ว่าฉันพูดจริงทำจริง”
“…”
“ว่าไงล่ะ ^-^”
ฉันแอบชะโงกหน้าไปดูปฏิกิริยาของพี่น้ำตาลก็เห็นว่าเขานิ่งเงียบไปเหมือนกำลังใช้ความคิดพิจารณา แต่ว่านะ จากสีหน้าเขาก็ดูไม่มีท่าทางหวั่นไหวต่อคำขู่ของไอ้หน้าหนวดเลยสักนิด เพราะฉะนั้นฉันว่าเขาไม่มีทางยอมให้ฉันไปเป็นของเดิม…
“ตกลง”
อ้าวเฮ้ย =[]=!!! เดี๋ยวววว…
“ฉันจะลงแข่ง โดยมียัยนี่เป็นเดิมพัน ถ้าใครชนะต้องเลิกยุ่ง เลิกตอแยทันทีโดยไม่มีข้อแม้ ตกลงไหม”
“ดีล!!”
ไม่ดีลเว้ยยยยยยย!!
……………
“พี่…มุกไม่โอเค”
“แล้วยังไง”
“เอ้าพี่! ก็มันหมายความว่ามุกไม่อยากเป็นของเดิมพันไง พี่อาจจะมั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่ถ้าเกิดพลาดล่ะ มุกไม่ต้องไปกับเขาเหรอ”
“ถ้าไม่แข่งมันก็ตามเธอไปทุกที่ คอยส่งคนมาดู ทำทุกอย่างจนกว่าจะได้เธอไป”
คนตัวสูงว่าเสียงเรียบขณะตรวจเช็คความเรียบร้อยของรถตัวเองที่จะใช้แข่ง ดูท่าแล้วตาหนวดนั่นจะมีอิทธิพลในสนามแข่งนี้พอสมควร เพราะเขาสามารถเปลี่ยนรอบของพี่น้ำตาลจากแต่เดิมที่ต้องแข่งรอบตอนตีหนึ่งกับรถคันอื่นๆ อีกหกคันกลายเป็นเลื่อนมาแข่งตอนนี้กับรถเพียงคันเดียวก็คือรถของไอ้หนวดนั่นแหละ!!
“ว่าไง พร้อมรึยัง”
“กลับไปเตรียมตัวแกเองเหอะ…เดวิด”
เดี๋ยวๆ -_- เมื่อกี้พี่น้ำตาลเรียกใครว่าเดวิดนะ อย่าบอกนะว่าตาหนวดนี่ ถ้าใช่! ฉันแนะนำให้เขาไปเปลี่ยนชื่อด่วนๆ เลย มันไม่ได้เข้ากับเบ้าหน้าเอ็งเลยโว้ยยยย!!
“ก็แค่มาเยี่ยมชมของรางวัลเฉยๆ กลัวจะหนีหายไปซะก่อน” มันเลียปากแล้วส่งสายตามาที่ฉันอย่างหื่นกระหาย แล้วนั่น! มันพยายามเอื้อมมือมาจะแตะต้องตัวฉันแต่ทว่า…
เพียะ!!
อีกฝ่ายโดนพี่น้ำตาลสาดรังสีอำมหิตใส่แล้วปัดมือออกไปเสียงดังลั่น แทนที่จะสะทกสะท้าน มันกลับเงยหน้ามองคนผิวขาวข้างๆ ฉันแล้วแค่นยิ้มให้
“หึ หวงมากเลยสินะ”
หวง…?
พูดอะไรแกยะ นังหนวด…ขนลุกซู่เลย -__-
พี่น้ำตาลไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินหนีไปเปิดฝากระโปรงรถเช็คอย่างอื่นต่อ ส่วนตาเดวิดหนวดเฟิ้มตาเยิ้มอะไรนั่นก็มองตามพี่น้ำตาลแล้วยิ้มๆ อยู่สักพักก่อนจะเดินกลับไปที่รถตัวเองเหมือนกัน ทิ้งให้ฉันยืนอยู่ตรงกลางมองแต่ละคนจากไปตามทางของตัวเอง
“อีกสิบนาที!”
มีใครสักคนตะโกนบอกทั้งพี่น้ำตาลและเดวิดให้เตรียมตัว คนผิวขาวจัดที่ยืนอยู่หน้ากระโปรงรถหันไปตามเสียงประกาศ แต่ทว่าสายตาคู่นั้นกลับเหมือนมองไปทางอื่น
จังหวะนั้นเองฉันเห็นความสั่นไหวในดวงตาสีเข้ม พี่น้ำตาลดูเลื่อนลอย สายตาเขาทอดมองไปไกลราวกับตกอยู่ในภวังค์ ก่อนจะคืนสติได้เมื่อเพื่อนเขาอีกคนที่ตัวสูงๆ ผมสีมิ้นท์ชื่อจีโน่เดินมาสะกิดบอกให้เขาขึ้นรถเพื่อไปเตรียมตัว แต่ในตอนที่เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถฉันเห็นว่าเขามีท่าทีลังเล แถมนิ้วที่จับตรงที่เปิดก็สั่นแปลกๆ
สายตามองท่าทางแปลกไปของเขาอย่างไม่เข้าใจนัก และดูเหมือนว่าฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เห็นอาการเหล่านั้น ในตอนนั้นฉันตัดสินใจได้ภายในสามวินาทีแล้วก็…
ปัง!!
“เฮ้ย! เธอขึ้นมาทำบ้าอะไร! ลงไป!!”
เขาไล่ฉันทันทีที่ถือวิสาสะกระโดดขึ้นรถมาด้วยอย่างเร่งรีบ ในจังหวะที่ยัยสาวกระโปรงเหี่ยนด้านหน้ากำลังจะโบกธงให้สัญญาณ พี่น้ำตาลหันมามองฉันด้วยสายตากรุ่นโกรธประมาณว่าฉันแสลนหน้ามาทำอะไร เออนั่นสิ! ฉันก็อยากถามตัวเองเหมือนกันว่าอะไรดลใจให้หล่อนเสนอหน้าเข้ามานั่งข้างเขาเป็นตุ๊กตาหน้ารถโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องขอ
“บอกให้ลงไปไง!!”
เขาดูหัวเสียและตื่นตระหนก เหงื่อกาฬแตกพลั่กราวกับคนเป็นไข้ทั้งที่แอร์ในรถก็เป่าแรงจนหน้าแทบสั่น อันที่จริง…มันเป็นเพราะท่าทางแปลกๆ ของเขานั่นแหละ ด้วยความเป็นคนสวยและใจดีด้วยฉันถึงขึ้นรถมากับเขาอย่างอดห่วงไม่ได้
“ไม่ทันแล้วล่ะพี่…”
ปี๊ดดดดดดดด!!
บรืนนน!
สิ้นเสียงนกหวีด รถทั้งสองคันก็พุ่งทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนฉันที่ไม่ทันตั้งตัวโดนแรงกระชากจากตัวรถเหวี่ยงไปทางด้านหลังหัวฝังติดกับเบาะ ดวงตากลมโตของตัวเองเบิกโพลงใจ เต้นตึกตักราวกับสาวน้อยเจอรักครั้งแรก แต่นี่ไม่ใช่!!
นี่มันอาการของคนกลัวตายต่างหากล่ะ =[]=!!
โอ๊ย! นี่มัน Fast & Furios ภาค 9 ใช่เปล่าคะ? ถ้าใช่….ฉันจะบอกว่ายังไงมันก็ไปไม่ถึงภาค 10 หรอก เพราะดูจากทรงแล้วเราอาจจะแหกโค้งข้างหน้านี่ซะก่อน ฮือ! ถ้าฉันรู้ว่าเขาจะขับกันแบบเย้ยฟ้าท้านรกเหมือนจะกลับไปเยือนบ้านเก่าขนาดนี้ฉันจะไม่ขึ้นมาบนรถบ้าๆ นี่เด็ดขาด แง!!
“พี่ขับช้าลงหน่อย T^T ไม่ได้หระ--“
น้ำเสียงฉันขาดหายไปในลำคอหลังจากที่เห็นท่าทางแปลกไปของพี่น้ำตาลอีกครั้ง นัยน์ตาที่เคยมีแต่ความสงบนิ่งของเขาดูสั่นไหวและพยายามเพ่งมองถนนด้านหน้าเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิให้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อป้องกันการฟุ้งซ่าน ไหนจะลมหายใจที่ดูติดขัดของเขาอีก บางจังหวะเขาเหมือนกำลังหอบหายใจด้วยซ้ำไป คนร่างสูงกำพวงมาลัยรถไว้แน่นจนมือที่ซีดอยู่แล้วซีดขึ้นไปอีกจากการขาดเลือด
เขาเป็นอะไรกันแน่?
“พี่…ไหวไหม”
ฉันกระซิบถามเขาเสียงเบาเพราะกลัวว่าหากโพล่งเสียงดังขึ้นมาจนเขาที่กำลังทำสมาธิอยู่ตกใจ เขาอาจจะหักพวงมาลัยพุ่งลงข้างทางก็เป็นได้ TOT ฉันไม่อยากถูกย่างสดอยู่ในนี้หรอกนะ
“…”
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…
รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาหลังจากนั้นอีกขณะที่รถก็ยังแล่นไปตามขีดจำกัดของมัน การแข่งขันซิ่งท้านรกยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่มีใครยอมใคร โดยที่ฉันทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งตัวเกร็ง
โอเค ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้!!
…ฉันก็จะอธิษฐานเอาเด้อ T^T
……………..
“ทำตามสัญญาที่แกพูดไว้ด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
พี่น้ำตาลพูดจบก็จับมือกับไอ้เดวิดหน้าหนวดนั่นตามมารยาท ก่อนจะหันกลับมาลากฉันไปขึ้นรถ ซึ่งก่อนไปฉันเห็นว่าไอ้เดวิดส่งจูบให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสีหน้าอ้อนบาทา ฉันเลยตอบแทนมันด้วยการตีหน้าเหม็นเบื่อ กลอกตามองบน เบะปากแรง ทำจมูกบานใส่จนไอ้หนวดอ้าปากค้าง ส่วนพี่น้ำตาลหันมามองฉันอย่างงุนงง
ถูกต้องแล้วค่ะ ฉันรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์!
เราเข้าถึงเส้นชัยได้อย่างปลอดภัยอีกทั้งยังแซงตาหนวดในโค้งสุดท้ายมาได้เฉียดฉิวแต่ก็ถือว่าชนะ ฉันไม่ต้องไปเป็นกะหล่ำดอกให้ใครเลือกหยิบใส่ตะกร้าและได้กลับบ้านทันทีสมใจอยาก เพราะพอแข่งเสร็จพี่น้ำตาลก็ลากฉันกลับบ้านอย่างที่เห็น
“หายกลัวรึยัง”
ฉันมากกว่าไหมต้องถามคำนั้นน่ะ =_=
“พี่…”
“ว่า?”
“มุกคิดว่า…”
“อะไรของเธอ”
“มุกจะอ้วกอะ TOT โฮกกก”
ฉันรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเมื่อรู้สึกว่ามวนท้องของฉันมันกำลังบีบตัวเหมือนลำไส้กับกระเพาะจะขย้อนทุกอย่างออกมา ที่จริงฉันพะอืดพะอมตั้งแต่ตอนที่แข่งแล้วล่ะ ทว่าด้วยความตื่นเต้นปนกลัวตายทำให้ฉันลืมไปชั่วขณะ ตอนนี้พอทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติร่างกายฉันมันก็โจมตีอีกครั้ง
เอี๊ยดดด!!
ไม่ถึงครึ่งนาทีพี่น้ำตาลก็หักรถเข้าจอดใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ซึ่งทันทีที่รถหยุดฉันก็เปิดประตูพุ่งออกไปอาเจียนใส่โคนต้นไม้ใหญ่นั่นทันที
“แค่กๆ =O=!”
ฉันโก่งคอพยายามอาเจียนเอาอาการคลื่นไส้ออกไปแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรออกมา มือหนึ่งค้ำยันไว้กับต้นไม้ด้วยความมึน รู้สึกเหมือนตัวเองหน้ามืดหน่อยๆ และขมในปาก
ฟิ้ววว~
จังหวะที่พี่น้ำตาลส่งขวดน้ำมาให้ล้างปาก เป็นจังหวะเดียวกับที่เกิดสายลมเย็นๆ พัดผ่านจนทำให้กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ที่ฉันยืนอยู่สั่นไหว ดอกสีสวยจากต้นมากมายร่วงหล่นผ่านหน้าฉันและพี่น้ำตาลไป แล้วทุกอย่างก็กลายเป็นภาพสโลว์โมชั่นไปหมดราวกับในหนังรักโรแมนติก
ฉันยื่นมือออกไปรับดอกไม้สีเหลืองนั่นมาไว้ในมือแล้วหยิบมาดูใกล้ๆ จึงเห็นว่ามันเป็นดอกของต้นราชพฤกษ์ที่ฉันแสนคุ้นเคย เหตุเพราะวันเกิดอายุครบ 15 ปีฉันได้รับของขวัญจากพี่น้ำตาลเป็นดอกของต้นราชพฤกษ์นี่ แม้มันจะเป็นแค่ดอกไม้แห้งที่ถูกนำไปเคลือบไว้ทำเป็นที่คั่นหนังสือ ถึงมันจะดูไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร แต่นับจากนั้นมาฉันก็ติดตาตรึงใจกับต้นไม้ต้นนี้มาก มันกลายเป็นต้นไม้ที่ฉันชอบไปโดยปริยาย
“สวยจังนะ”
“อืม สวย”
ตอนแรกฉันแค่พึมพำอยู่กับตัวเองคนเดียว โดยไม่ได้คิดว่าคนข้างกายจะสนใจอะไร ฉันนึกว่าเขาจะด่าฉันด้วยความรำคาญด้วยซ้ำ แต่ไม่ใช่…อีกฝ่ายพึมพำบางอย่างออกมาเช่นกัน ในมือเขาก็มีดอกจากต้นราชพฤกษ์วางอยู่
นัยน์ตาสีเข้มหม่นแสงลงยามมองดอกไม้ในมือตนเอง
แววตาของเหม่อลอยอีกครั้ง
ราวกับคนตรงหน้าถูกดูดเข้าไปในห้วงความคิด
เพราะอะไรเขาถึงมีท่าทางแบบนั้น…ทั้งเรื่องดอกไม้นี่แล้วก็อาการแปลกประหลาดในสนามแข่ง
พี่น้ำตาลผู้แสนกวนประสาท และไม่เคยสะทกสะท้านต่อเรื่องใดๆ ทำไมถึงมีท่าทีแบบนี้ไปได้ เขามีอะไรในใจกันแน่ หรือว่ามีความหลังบางอย่าง… ฉันที่มองเขาอยู่ได้แต่นิ่งคิด
ว่าทำไม…?
[…โปรดติดตามตอนต่อไป…]
-----------------------------------------------------
++TALK++
ฮ้า!! มาถึงครึ่งทางการแข่งขันแล้ว T^T ไวเหมือนโกหก
มาถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ทุกกำลังใจ และทุกคะแนนโหวต
ขอบคุณกรรมการทุกคน และพี่อายที่น่ารักสำหรับคอมเมนท์และเทคนิคดีๆ ค่ะ (_/\_)
มันอาจมีผิดพลาดหรือติดขัดยังไง ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ จะพยายามพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ นะคะ
ยังไงก็ขอฝากเดวิด เอ๊ย! พี่น้ำตาลกับน้องมุกไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ เอ็นดูนางด้วยค่ะ กราบบบบบ
ซาวด์เพลงบางระจันขึ้นนี่แทบจะลุกขึ้นไปขี่ควายวิ่งเลย //ผิด
ฮาอิจันหนวดเขี้ยว เดี๋ยวนี้เลิกจับดาบแล้วหันมาแข่งรถแล้วหรอคะ อุตะะ
ยัยมุก เธอใจกล้ามากเลยนะที่กระโดดขึ้นรถไปกับพี่น้ำตาลตอนแข่ง และด้วยพลังอธิฐานทำให้ชนะไปอีกกก นึกว่าจะต้องไปขี่ควายกับนายจันหนวดเขี้ยวซะล้าววว
รออ่านตอนต่อไปนะเทอววว ชุ้นอยากรู้ว่าทำไมพี่น้ำตาลถึงมีท่าทางแปลกๆ ตอนแข่ง แอบเป็นอะไรรึป่าว แงงง ยิ่งขาวๆซีดๆอยู่ T^T
เกลียดฉากที่เจอเดวิดที่สุดดดดด ลั่นมากกกกก บางระจันอะไร หน้านี่เข้ากับชื่อมาก 555555
แล้วพี่ชู้ก้าร์เป็นอะไรไปคะ ให้น้องกอดปลอบให้มุ้ยยย
รออ่านตอนต่อไปนะค้าบบบ จู้ววๆ
ชูก้าร์สิเนอะๆ -.,-