ImNice

[JLS12] Give it to me! ส่งรักคืนใจยัยตัวแสบ

ความฝันของฉันต้องแตกดับ...เมื่อคนที่เฝ้าฝันหามาตลอด 8 ปี พอเจอตัวจริงกลับตรงข้ามกับสิ่งที่คิดแบบสุดๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ยยยย!! ไอ้นี่มันตัวปลอม นี่มันเสิ่นเจิ้นชัดๆ =[]=!

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 7/7 :: คุ้นเคย

7

คุ้นเคย

 

            “คุณมุกจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ”

            “จัดเลยค่า”

            ฉันฉีกยิ้มรีบพยักหน้าตอบรับคำถามของพี่แววพลางลูบท้องโชว์ด้วย ทำเอารู้สึกได้ถึงสายตาบางคู่ที่เพ่งมองมาจากอีกฟากหนึ่งของโต๊ะอาหาร

            “ตื่นมาก็กินเลยนะยัยดำ ชาติก่อนเกิดเป็นหมูหรือไง”

            “ฮื่อ ก็คนมันหิวนี่นา ถือซะว่าสงสารหมูน้อยตาดำๆ ขอข้าวให้เค้ากินหน่อยน้า *O*” ฉันวางแก้วนมร้อนที่พี่แววนำมาให้ทานรองท้องลงบนโต๊ะ แล้วประสานมือสองข้างไว้ด้วยกันพลางกระพริบตาปริบๆ ทำหน้าอ้อนวอนจนพี่ชูก้าร์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะผงะไป

            “ธะ...เธอเป็นอะไร ผีเข้าใช่ไหม!” เขาชี้หน้าถามนิ้วสั่น ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างเหมือนไม่เชื่อหูตัวเองที่ฉันพูดจาดีๆ กับเขาได้

            “คิก...เปล่าจ้า”

            ฉันส่ายหน้าแล้วลอบยิ้มขำกับตัวเองเงียบๆ ไม่ได้ตอบอะไร เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ข้าวกะเพราะไข่ดาวดูน่าทานจากพี่แววมาเสิร์ฟวางลงตรงหน้าพอดี

            “ทานเลยนะค้า”

            จากนั้นฉันก็ลงมือจ้วงข้าวแบบไม่สนใจใครอีก พี่ชูก้าร์ที่มองฉันอย่างครุ่นคิดอยู่สักพักสุดท้ายก็ล้มเลิกแล้วละความสนใจไปลงมือทานอาหารต่อ

            “ขอซอสหน่อยครับ”

            ด้วยความที่โต๊ะในห้องรับประทานอาหารมันเป็นโต๊ะไม้สุดหรูตัวยาวเหมือนที่เห็นในละครนั่นแหละ คือมันยาวมากแบบนั่งได้ยี่สิบคน แล้วพวกซอสเครื่องเคียงที่พี่ชูก้าร์ร้องหานั่นมันอยู่ตรงหน้าฉันไง มันมาพร้อมอาหารเมื่อครู่ดังนั้นพี่ชูก้าร์ถึงต้องใช้ให้แม่บ้านมาหยิบ

            “ไม่ต้องค่ะ....

            เพราะเห็นว่าเหล่าแม่บ้านกำลังวุ่นวายกับการเตรียมเสิร์ฟของหวานกันอยู่ทำให้ฉันผุดลุกขึ้นโดยไม่รอใครเรียกคว้าขวดซอสติดมือมาด้วยแล้วเดินจากท้ายสุดของโต๊ะเดินไปหาเขาที่นั่งมองฉันอย่างอึ้งๆ อีกครั้งที่หัวโต๊ะ

            “อะพี่ ชอบทานไข่ดาวกับซอสถั่วเหลืองเหรอคะ มุกน่ะชอบซอสมะเขือเทศมากกว่า ^^

            “ธะ...เธอเป็นอะไรของเธอกันแน่เนี่ย!

            “เปล่าซะหน่อย”

            พี่ชูก้าร์มองฉันสลับกับขวดซอสด้วยท่าทางไม่ไว้วางใจ

            “แน่ใจเหรอ”

            “แน่ใจจ้า”

            “วันนี้เธอหัวเถิกกว่าเดิมนะ” เขาทำหน้ากวนเท้าเหมือนทุกครั้งพลางเอ่ยประโยคปั่นประสาทเหมือนต้องการทดสอบฉันให้แน่ใจ

            “จริงเหรอ งั้นมุกไปตัดหน้าม้าเพิ่มดีกว่า ^^

            ฉันบอกแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวางซอสให้เขาแล้วหมุนตัวเดินกลับไปจัดการอาหารส่วนของตัวเองต่อ ทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งอ้าปากด้วยความงุนงงต่อไป

            “มุก!

            สองเท้าฉันพลันชะงักทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากของเขาอาจเป็นเพราะตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านหลังนี้มาพี่ชูก้าร์ไม่เคยเอ่ยเรียกชื่อจริงของฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว คนตัวสูงเดินตามมายืนดักตรงหน้าแล้วก้มหน้ามองฉันที่เป็นฝ่ายจ้องเขาด้วยแววตาตื่นตะลึงบ้าง

            “ไม่สบายหรือเปล่า” เขาขมวดคิ้วโน้มหน้าลงมาชิดกันมากกว่าเดิมแล้วใช้มือแตะหน้าผากฉันเบาๆ สีหน้ายุ่งเหยิงแววตาเต็มไปด้วยคำถาม

            “ปะ...เปล่า มุกสบายดี” ฉันย่นคอหนีใบหน้าคมคายที่เข้ามาใกล้ รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปกับสายตาจริงจังที่จ้องมาจนต้องหลบสายตามองไปทางอื่น ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจ้องหน้าเขากลับได้โดยไม่หวั่นไหว เผลอๆ อาจเอานิ้วจิ้มเบ้าตาอีพี่ไปด้วยหากรำคาญมากๆ แต่ตอนนี้ฉันทำได้เพียงถอยหนี มือหนึ่งยกขึ้นมาดันไหล่เขาออกไปเบาๆ "พี่นั่นแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกชื่อมุกซะหน่อย เกิดผีเข้าอะไรกัน”

            “เธอนั่นแหละผีเข้า ยัยดำ” เขาผละออกไปสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วยืดตัวขึ้นเต็มความสูง สายตาคมกริบยังคงมองมาด้วยสีหน้าฉงนใจไม่หาย “ปกติถ้าฉันกวนไปเธอต้องด่ากลับ”

            “...

            “แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอถึงกับต้องลุกขึ้นเดินหยิบซอสมาให้ถึงที่”

            “ก็ในเมื่อมีคนทำดีกับเรา มุกก็แค่อยากทำดีกลับบ้าง”

            “...?

            “ไม่มีอะไร”

            เป็นฉันเองที่รีบปฏิเสธไป ตอนลอบมองสีหน้าของเขาเมื่อครู่ฉันแอบเห็นว่านัยน์ตาคู่สวยของเขาสั่นไหวเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ท่าทางที่ทำเหมือนอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่พูดทำฉันยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่

            ใจจริงก็อยากถามออกไปตรงๆ โวยวายออกไปเหมือนทุกครั้ง เพียงแต่หลังจากที่ทบทวนดูแล้ว ฉันคิดว่าครั้งนี้ควรรอเวลาอีกสักนิด อยากนิ่งเงียบเพื่อรอดูอะไรอีกสักหน่อย ตัดสินใจแล้วว่าถ้าเขาไม่พูดมันออกมาก่อนฉันก็จะไม่เป็นฝ่ายถามไปเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจควบคุมได้คือความรู้สึกฉันที่มีต่อเขามันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากความขุ่นเคืองกลายเป็นความรู้สึกดีๆ เข้ามาแทนที่หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้ฉันได้รับรู้อะไรหลายๆ อย่าง

 

#เมื่อวาน 22.00 .

          งั้นเดี๋ยวแววเขียนโน้ตเตรียมไว้ให้เหมือนเดิมนะคะ

          ขอบคุณครับ

            ฉันแอบอยู่ตรงบานประตูทางเข้าห้องครัวพลางชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างในถึงได้เห็นไหล่กว้างแสนคุ้นตาของใครบางคนที่หันหน้าไปทางเตาในห้องครัว แต่หันหลังให้ฉันจึงไม่สังเกตว่าฉันแอบอยู่ตรงนี้ หัวใจฉันเต้นระรัวมือชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อ รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกำลังจะได้ค้นพบอะไรบางอย่าง

          คะ...คุ--‘

          พี่แววที่ก้มหน้าก้มตาเขียนบางอย่างอยู่บนเคาน์เตอร์ห้องครัวที่หันหน้ามาทางประตูมองเห็นฉันหลังจากเงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี ฉันรีบยกมือขึ้นจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เธอเงียบเสียงก่อนจะกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้ออกมาอย่างเร่งรีบ

          คุณมุกมาได้ยังไง ปกติคุณมุกไม่ออกจากห้องเวลานี้นี่คะ!’

          พี่แววเปิดประเด็นทันทีที่ฉันลากเธอเข้ามาในห้องนอนเก่าฉันหรือก็คือห้องใต้บันไดนั่นเอง เธอมีสีหน้ากระวนกระวายดูตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะน้ำเสียงลนลานที่ใช้ถามฉันนั่นอีก

          ‘คนที่อยู่ในห้องครัวนั่นคือพี่ชูก้าร์ใช่ไหมคะ?’

          เอ่อ...คือ

          พี่แววคะ มุกไม่ได้โง่ เสียงนั่นที่คุยกันอยู่ทุกวันทำไมมุกจะจำไม่ได้ หรือถ้าพี่แววยังจะบอกว่าไม่ใช่อยู่งั้นมุกก็ขอถามสิ่งที่ข้องใจมาตั้งแต่เย็นเลยแล้วกันค่ะฉันเงียบไปเพื่อล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ตัวเองใส่อยู่ซึ่งยังคงเป็นชุดเดิมเมื่อตอนเย็นเนื่องจากฉันยังไม่ได้เปลี่ยน อะไรที่เก็บไว้มันเลยยังอยู่

          นี่ค่ะ...มันคืออะไรเหรอคะ

          มะ...หมายความว่ายังไงเหรอคะ

          ฉันยิ้มอ่อนเมื่ออีกฝ่ายพยายามแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องทั้งที่มือกำกระดาษนั่นจนแอบสั่นโดยไม่รู้ตัว ฉันดึงมันกลับมาแล้วคลี่ไอ้สิ่งที่ถูกขยำเป็นก้อนจนยับยู่ยี่ให้เรียบก่อนจะยื่นกลับไปให้คนตรงหน้าดู

          มันคือใบเสร็จที่หล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงพี่ชูก้าร์ที่สวนสาธารณะเมื่อตอนเย็นค่ะ มุกเห็นมันกับตาถึงได้เก็บมา จริงๆ มุกตั้งใจจะถามเรื่องนี้ตั้งแต่เย็นแล้วแต่เพราะมึนตึงใส่กันเรื่องน้องอยู่ถึงได้ลืมไป

          ‘...’

          ‘สรุปแล้วคนที่ดูแลมุกอยู่เงียบๆ มาตลอด...ไม่ใช่พี่แววอย่างที่มุกเข้าใจใช่ไหมคะ!’

          ฉันมองพี่แววอย่างคาดคั้น ก่อนจะเก็บกระดาษในมือยัดลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ใช่! มันคือใบเสร็จที่พี่ชูก้าร์ทำหล่นไว้ตอนที่เขาทำท่าเหมือนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดแผลให้น้องยูตะเมื่อช่วงเย็น ฉันเห็นและเก็บมา พอดูถึงรู้ว่ามันคือใบเสร็จร้านสะดวกซื้อที่ว่าด้วยรายการของยาวเป็นสิบโดยทุกรายการล้วนคือผ้าอนามัยแต่ละยี่ห้อที่แตกต่างกันไป!!

          เขาเป็นคนไปซื้อมันมาให้ฉันด้วยตัวเอง ฉันถึงได้เข้าใจว่าทำไมคนซื้อถึงได้เลือกมาเป็นสิบชิ้นอย่างกับกวาดมาทุกยี่ห้อที่มีขายบนชั้น ตอนคิดได้ครั้งแรกฉันแทบทำหน้าไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ

          เขาต้องใส่ใจฉันขนาดไหนถึงยอมรีบออกไปซื้อของแบบนั้นมาให้ฉันด้วยตัวเองโดยไม่รอใคร ไม่น่าล่ะ...วันนั้นเขาถึงได้รีบกลับมาทั้งที่เพิ่งออกไปได้ไม่นาน(จากนั้นก็มาเจอฉันในห้องตัวเองกับรูปถ่ายนั่นไง -_- )

          ‘อย่าโกหกมุกค่ะพี่แวว

          ฉันยังคงใช้เสียงเข้มพยายามเค้นเอาความจริงจากอีกฝ่าย ถึงแม้ไหล่บางนั่นจะสั่นไหวและแววตาสอดส่ายอย่างลนลานจนทำให้ฉันนึกสงสารที่มาไล่ต้อนเอากับคนไม่มีทางเลือกอย่างพี่แวว แต่ฉันก็ถอยไม่ได้หรอก เพราะฉันต้องการรู้ความจริง!

          พี่ลำบากใจนะคะคุณมุก

          พี่ชูก้าร์เขาให้พี่แววช่วยปิดใช่ไหมคะ พี่รู้ทุกอย่างมาตลอดเลยสินะคะ

          ‘...’ อีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าหงอยๆ อย่างจำใจ

          ถ้างั้นพี่แววรู้เรื่องของขวัญกับจดหมายของมุกไหมคะ?’

          คุณมุกพูดถึงอะไรคะ?’ คราวนี้พี่แววทำหน้าประหลาดใจขึ้นมาจริงๆ ฉันถึงค่อยวางใจว่าเธอคงไม่รู้เกี่ยวกับพี่น้ำตาลในจดหมาย จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วข้ามประเด็นนี้ไป

          ถ้างั้นมุกถามใหม่ ในเมื่อพี่แววไม่อยากบอกหรืออาจมีสัญญาอะไรกับพี่ชูก้าร์ไว้ มุกก็ขอแค่ให้พี่แววพยักหน้าแล้วกันค่ะถ้าสิ่งที่มุกพูดมันคือความจริง

          ‘...’

          นับตั้งแต่วันแรกที่มุกก้าวเข้าบ้านมา...คนที่ทำแผลให้มุกในวันแรกที่มุกเจ็บจนหลับไป คนที่เตรียมอาหารไว้ให้มุกทุกครั้งเวลาที่มุกทะเลาะกับพี่เขาจนไม่ทานข้าว คนที่คอยหาของที่มุกต้องการมาให้ทุกอย่าง คนที่มุกคิดว่าเป็นพี่แววแต่ทว่าไม่ใช่ คนๆ นั้นคือพี่ชูก้าร์ใช่ไหมคะ?’

          ฉันถามออกไปรวดเดียวแล้วจ้องอีกฝ่ายอย่างรอคอยคำตอบด้วยใจระทึก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนี้ ลมหายใจฉันแทบติดขัดด้วยซ้ำไประหว่างที่จ้องพี่แววที่ทำหน้าลังเลเหมือนตัดสินใจว่าจะบอกหรือไม่อยู่

          ว่าไงคะ?’

          ‘...’

          ‘...’

          ทุกอย่างรอบข้างเงียบไปชั่วอึดใจ...

          ในที่สุดพี่แววก็พยักหน้า

          ริมฝีปากบางของตัวเองผุดขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อใจหนึ่งแอบคิดถึงสิ่งที่ฉันปฏิเสธไปตั้งแต่แรก สิ่งที่ฉันตัดสินใจไปเพียงเพราะเห็นสิ่งที่เขาจงใจแสดงออกมาให้เห็นและคิดไปว่าเขาเป็นคนแบบนั้น

          ฉันกำลังคิดกลับไปถึงสิ่งที่มองข้ามมาตลอด...

          ถ้าหาก...

          หาก...สมมตินะว่าพี่ชูก้าร์คือพี่น้ำตาลในจดหมายจริงๆ

          ...ฉันว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย

 

#ปัจจุบัน

            “มีอะไรหรือเปล่า?

            เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเหมือนเคยทว่าแววตาภายใต้ใบหน้าฉาบเคลือบด้วยความเย็นชาที่ฉันไม่เคยสังเกตเห็นว่ามันอ่อนโยนพียงใด ทำเอาความรู้สึกในใจฉันแกว่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

            “เปล่าค่ะ มุกสบายดีจริงๆ นะ” ว่าแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีไปให้อีกฝ่าย เขาชะงักไปเพียงชั่วครู่ก่อนจะถอยห่างออกไปด้วยสีหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

            เปาะ!

            “โอ๊ย เจ็บนะพี่!” ฉันยกมือขึ้นมากุมหน้าผากหลังโดนคนผิวขาวดีดนิ้วใส่ดังเปาะโดยไม่ทันตั้งตัว ฮือ! ดีดแรงแบบไม่มีออมมือด้วยนะ ต้องแดงแน่ๆ เลย เจ็บชะมัด!!

            “ทำหน้าตาน่าหมั่นไส้”

            พูดจบเขาก็ตั้งท่าจะกลับไปนั่งที่เดิมแต่ในจังหวะที่เขาหมุนตัวหันไปฉันมองเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากนั่น และแน่ใจด้วยว่าตาไม่ฝาด...รอยยิ้มบางเบาที่เหมือนเป็นแค่การกระตุกยิ้มสำหรับพึงพอใจในอะไรบางอย่าง...

            ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างนั่นแล้วเผยอมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบ้าง

            รู้สึกเหมือนตัวเองได้เข้าใกล้ความจริงทั้งที่ไม่ได้ปริปากถามอะไรคนตรงหน้าด้วยซ้ำ

            เหอะ...พี่นั่นแหละน่าหมั่นไส้ชะมัด ^_^

 

...........................

 

@มหาวิทยาลัย XYZ

 

            หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก พี่ชูก้าร์ปลีกตัวไปทำธุระที่ตั้งใจจะไปตั้งแต่เมื่อวาน ส่วนฉันก็ขอตัวออกมาข้างนอกเพื่อเจอกับเพื่อนที่นัดเอาไว้อย่างสีเทียน...คนที่โทรหาฉันเมื่อวานไง ด้วยความไม่รู้เส้นทางในกรุงเทพฯ ฉันเลยให้ยัยเพื่อนตัวดีมารับที่ปากซอยบ้านพี่ชูก้าร์

            ตอนแรกก็นึกว่าเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานตั้งแต่เรียนจบมัธยมปลายฯ(ปีเดียว -_-) จะพาฉันไปนั่งคุยชิลๆ ในร้านกาแฟหรือร้านขนมหวานซะอีก ที่ไหนได้นางพาฉันมามหาลัยตัวเองจ้า ด้วยเหตุผลที่ว่างานไม่เสร็จเลยต้องลากฉันมาคุยไปทำงานไป เออดีจังเลย ให้ช่วยทำด้วยไหมล่ะจ้ะ

            “มีการบ้านปิดเทอมด้วยเหรอ โหดจัง”

            “เออสิ มีแค่คลาสฉันคลาสเดียวด้วยนะที่ได้ แบบว่าโดนทำโทษข้อหาคุยกันเสียงดังตอนแกสอนอะ”

            ฉันเดินไปเรื่อยๆ ตามทาง สองแขนหอบกองหนังสือที่ยัยสีเทียนไปยืมมาจากห้องสมุดช่วยนางแบกไปหาโต๊ะร่มๆ นั่งทำงาน ความเพื่อนที่ไม่เจอกันนานหนึ่งปีเต็มไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการต้องมาช่วยนางทำงาน =_= ถ้ารู้ว่าตัวเองยุ่งขนาดนี้แล้วแกจะนัดฉันมาวันนี้ทำแป๊ะอะไรเนี่ย!

            “ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ว่าแต่คลาสแกมีแต่คนพูดมากเหรอ”

            “ไม่หรอก จริงๆ มีอยู่คนเดียวพูดมาก โคตรสะเหร่อ! แต่ก็ว่ามากไม่ได้เพราะหมอนั่นอยู่ปีสี่แล้วอ่ะแต่ดันลงเรียนวิชานี้สามรอบแล้วคิดดู คือยังไงก็ไม่ผ่าน ฉันเลยคิดว่าอาจเป็นเพราะอาจารย์หมั่นไส้อีหนวดกวนๆ ของเขาก็ได้ -_-

            “หนวดเหรอ?

            “ใช่ คนบ้าอะไรไม่รู้ ชอบทำผมเรียบติดหนังหัวแล้วไว้หนวดอย่างกับนายจันหนวดเขี้ยวเที่ยวเดินร่อนไปมาทั่วมอ คิดว่าหล่อมากมั้ง มองหน้าทีไรฉันเกือบจะยกมือไหว้ทุกทีเพราะนึกว่าพ่อ ตลกเป็นบ้า แล้วนี่ก็ไม่อยากจะยุ่งกับมันหรอกถ้าไม่บังเอิญจับฉลากได้ทำรายงานกลุ่มเดียวกันเนี่ย ผีจริงๆ”

            =_= คือช่วงนี้เขานิยมไว้หนวดทรงนี้กันเหรอ ทำไมใครๆ ก็ฮิตกันล่ะ นี่ฉันนึกไปถึงตาเด--

            “สีเทียน! ทางนี้ๆ”

            “พี่เดวิด -_-

            อ้าว เฮ้ยยยย! อย่าบอกนะว่าคนที่ยัยสีเทียนพูดถึงคืออีตาเดวิดคนนั้น...แต่ก็ไม่น่าจะใช่หรอก มันจะบังเอิญอะไรปานนั้น... ฉันได้แต่เถียงกับตัวเองอยู่ในใจเนื่องจากเป็นคนสายตาสั้นแต่ไม่มากเพียงแค่มองเห็นหน้าคนจากระยะไกลไม่ชัด แล้ววันนี้ก็ไม่ได้ใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์มาทำให้ฉันไม่สามารถเห็นรายละเอียดบนใบหน้าของผู้ชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่กำลังโบกมือหย็อยๆ ให้สีเทียนอยู่นั่นว่าเป็นยังไง

            จนกระทั่งเราเดินเข้าไปใกล้...

            ทำไมหล่อจังล่ะ =[]=!

            “ว้าย โกนหนวดทิ้งแล้วเหรอพี่”

            “อื้อ อยากเปลี่ยนลุคดูบ้าง...

            ผู้ชายตัวสูงใหญ่ผิวคร้ามแดดที่ดูคุ้นตาหันมาโต้ตอบกับยัยสีเทียนโดยไม่ได้สังเกตว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ด้วย นัยน์ตาดุดัน จมูกโด่ง ใบหน้าเนียนใสสีแทนเกลี้ยงเกลาที่ตอนนี้ไม่มีหนวดหลิมๆ มาปกคลุมไหนจะทรงผมใหม่ที่ถูกเซตให้ตั้งขึ้นตามทรงวัยรุ่นทั่วไปไม่เรียบแปล้เหมือนเคยทำฉันได้แต่ตื่นตะลึง

            อะไรดลใจให้นายจันหนวดเขี้ยวเปลี่ยนตัวเองเป็นณเดชน์ได้เนี่ย วอททท!!

            “อ้าว -O- เดี๋ยวนะ นี่มันเด็กไอ้ชูก้าร์ใช่หรือเปล่า...?

            พูดซะอย่างกับฉันเป็นเสี่ยอย่างนั้นแหละ แหม่ =_=

            “ค่ะ...อย่าบอกนะว่าพี่คือ...

            “บิงโก!” ร้องขึ้นมาเสียงดังไม่พอยังขยิบตาทำท่ายิงปืนใส่ฉันด้วยนะ กินยาม้ามาเหรอ =_=

            “พี่เรียนที่นี่หรอ?

            ดูจากหน้าสมัยไว้หนวดนี่นึกว่าทำงานได้สิบกว่าปีแล้วอะ แต่ตอนนี้หล่อขึ้นแล้วให้อภัย

            “แกรู้จักพี่ชูก้าร์ด้วยเหรอ?” พี่เดวิดที่เหมือนกำลังจะตอบแต่สีเทียนถามสวนขึ้นมาซะก่อนเขาเลยกลับไปสนใจโทรศัพท์ในมือแทน

            “ใช่ อย่าบอกนะว่าแกก็รู้จัก =O=

            “ใช่สิ เขาเป็นปู่รหัสฉันเองแก เรียนบริหารปีสี่”

            กรี๊ดดด! นี่โลกมันจะกลมเกินไปแล้วนะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ นี่กลายเป็นว่าทุกคนรู้จักกันไปหมด งงในงง TOT

            “งี้แกรู้จักพี่ชิโซไหม”

            “รู้จัก...แต่ไม่สนิท พี่ชิโซเรียนถาปัตย์อ่ะ ถ้าถามถึงพี่ชิโซต้องให้พี่คนโน้นเลย” สีเทียนบุ้ยหน้าไปทางพี่เดวิดที่ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงพูดถึง ตาเดวิดก็รู้จักพี่ชิโซเหรอเนี่ย =_= นี่มันอะไรกัน

            “ทำไมล่ะ” ฉันมองหน้าสีเทียนอย่างไม่เข้าใจ คืออยากรู้เรื่องพี่ชิโซทำไมต้องถามท่านเดวิด คือยังไง? เขาสนิทกันเหรอ? ทั้งที่พี่เดวิดทำท่าเหมือนไม่ถูกกับพี่ชูก้าร์เนี่ยนะ!?

            “ก็พี่ท่านนั้นเขาแอบชอบพี่ชิโซมาหลายปีแล้วน่ะสิ ตามจีบจนโดนเขาไล่ถีบ ไล่ด่าก็ไม่ไป”

            “>_< ฮื่อ” พี่เดวิดทำหน้าเขินอายช่างแตกต่างจากคนที่เจอที่สนามแข่งลิบลับ ไหนตอนนั้นยังประกาศจะดักฉุดฉันอยู่เลย ที่บังคับให้พี่ชูก้าร์ลงแข่งกับเขาเพื่อช่วยฉันไว้ไง ทำไมทีกับพี่ชิโซถึงดูยอมดูทนมือทนเท้าได้ขนาดนั้นล่ะ -_-

            “ว่าแต่นี่อย่าบอกนะว่าพี่เปลี่ยนลุคใหม่ต้อนรับพี่ชิโซที่กลับมาจากอังกฤษ”

            “ชะ...ใช่ =///=

            “เป็นเพราะโน้ตที่พี่ชิโซเขียนมาด่าในคลาสก่อนไปอังกฤษหรือเปล่า”

            “ก็ใช่อีกนั่นแหละ -O-;;” ยัยสีเทียนยังคงถามต่อจนสีหน้าพี่เดวิดจากยิ้มหน้าบานตอนแรกเริ่มเจื่อนลงเล็กน้อยทว่าดวงตาเวลาพูดถึงพี่ชิโซยังไงก็เป็นประกายวาววับเหมือนเดิม ขณะที่ยัยสีเทียนขำก๊ากขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยฉันได้แต่หันไปมองอย่างตกใจ

            “ขำอะไรของแก”

            “ไหนพี่ เอาให้มุกมันดูหน่อยไป โศกนาฏกรรมความรักของพี่น่ะ ฮ่าๆๆ” ยัยสีเทียนขำจนตัวงอส่วนพี่เดวิดก็ได้แต่ปาดน้ำลายที่กระเด็นใส่หน้า “เร็วดิ วันก่อนยังเอามาอวดหนูอยู่เลย แกดูนะ...เขียนโน้ตไปจีบเขาระหว่างคลาสเรียนอะ แต่สิ่งที่ได้มาคือเนี่ย!

            “ฮะ =O=!?

            ฉันรับโน้ตใบเล็กๆ ที่ยัยสีเทียนรับมาจากพี่เดวิดที่ยื่นให้อีกทีอย่างระมัดระวังราวกับโน้ตพี่ชิโซเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา

            หากแต่พอโน้ตใบนั้นมาอยู่ในมือฉัน หลังจากที่กวาดสายตาเพียงแค่แวบแรก ร่างกายฉันมันก็ชาวาบไปถึงหนังศีรษะ มือไม้เย็นซีดขึ้นมากะทันหัน แววตาสั่นระริก เนื้อตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่จนสีเทียนต้องจับไหล่ถามฉันไว้

            “เฮ้ย เป็นอะไร สงสารพี่เดวิดขนาดนั้นเลยเหรอ O_O?

            “...

            เปล่า...ข้อความอันน้อยนิดในโน้ตนั่นฉันยังไม่ได้อ่านมันเลยด้วยซ้ำ แทบไม่สนใจเลยสักนิด...เพราะสิ่งที่ฉันสนใจเหนืออื่นใด...สิ่งที่ทำให้หัวใจฉันเต้นรัวจนแทบหลุดออกมา

            มันคือลายมือแสนสวยที่คุ้นเคย

            ลายมือที่ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่มีวันลืมและไม่มีทางจำผิด

            ลายมือที่ฉันอ่านมาตลอดแปดปี...

            ลายมือของพี่น้ำตาล!!!

 

+++++++++++

 

 

...........................................

-TALK-

                        วีคสุดท้ายแล้วนะคะ อยากจะบอกว่าสำหรับโครงการนี้การได้มีโอกาสเข้าร่วม เป็นอะไรที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอดเลยค่ะ สิ่งที่ได้จากการแข่งขันมันไม่ใช่เพียงการแข่งขัน แต่ได้มิตรภาพใหม่ๆ ได้รู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ใหม่(ทั้ง20คนแรกและ19คนหลังเลย)ที่มีอุดมการณ์และความฝันคล้ายกัน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ด้วยกัน และนอกเหนือจากนั้นยังได้ประสบการณ์และเทคนิคดีๆ มากมาย

                        รวมไปถึงได้เจอเพื่อนที่ให้กำลังใจกันและกัน ช่วยเหลือกันตลอดระยะเวลาการแข่งขัน(รักนะสี่สาวชาวติ่ง -.,-)

                        นอกจากนั้นยังมีความรู้เกี่ยวกับการเขียนใหม่ๆ ทุกสัปดาห์ได้รับคำแนะนำข้อติชมมาโดยตลอด ตรงนี้ต้องขอบคุณกรรมการทุกท่านเป็นอย่างมากค่ะ โดยเฉพาะกรรมการภาคสนามสองท่านทั้งพี่ชุบที่เป็นเกียรติแวบเข้ามาตอบให้อย่างน่ารัก 5555 และพี่อายที่คอมเมนต์มาแบบทั้งถนอมน้ำใจน้องและสาดซัดเต็มที่เป็นบ้างครั้ง ขอบคุณมากเลยค่ะ(จริงๆ น้องชอบที่พี่สาดเต็มๆ นะคะ รู้สึกจะได้วิ่งไปแก้ทุกอย่างให้ทัน 5555)

                        ขอบคุณนักอ่านที่ทั้งแสดงตัวและไม่ได้แสดงตัว อยากขอบคุณจากใจเลยค่ะที่สละเวลาอ่านและโหวตให้มาโดยตลอด

                        ขอบคุณครอบครัวและเพื่อนๆ พี่ๆ ที่คอยให้กำลังใจมาโดยตลอด ได้รู้ว่ายามที่ต้องการความช่วยเหลือมิตรแท้จะมาหาเราเสมอ

                        จบโครงการนี้ไปสัญญาว่าจะนำความรู้ที่ได้ไปเขียนและพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ค่ะ จะประคองความฝันและจินตนาการไปจนกว่าจะถึงฝั่งดังตั้งใจในสักวันหนึ่ง เราเชื่อว่าทุกย่างก้าวที่เดินไป  ทุกประสบการณ์ที่พ้นผ่าน ไม่มีสิ่งใดไร้ประโยชน์ ทุกอย่างหลอมรวมให้เราแข็งแกร่งและเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

                        สุดท้ายนี้ขอบคุณเว็บเด็กดีและแจ่มใสเป็นอย่างสูงค่ะ (_/\_)

 

                ไว้พบกันใหม่สักวันหนึ่งในอนาคตอันแสนไกลค่ะ 55555555555

                <3

                                                                                                               ImNice.

 

4 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 08:07:32
    เทอออออ อยากอ่านพี่ชูก้าร์ต่อ แงง
    พี่ก้าร์งงไปเลยล่ะสิที่ยัยมุกมาทำดีด้วย ก็ตัวเองเล่นแอบดูแลเค้ามาตลอดแล้วทำมาฟอร์มจัด ไอ้คนซึนที่หน้าหล่อ
    น่ารัก -///- ขำตรงเดวิดชอบพี่ชิโซ ทำตัวได้มุ้งมิ้งมาก ไอ้คนจากหมู่บ้านบางระจันที่สนามแข่งรถมันหายไปไหนนน55555
    หลังจากโครงการนี้ เราจะสู้กันต่อไปป~~ ด้วยเลิ้บ จากแม่จมิง-.,-

    #1
  2. #2 JOlly' M (จากตอนที่ 7)
    2017-02-25 23:24:18
    เฮลโหลลล พี่น.ของน้อง >__<

    พอกอชิพตานะ //เอ้า เพลงมาาา (Spring day รันมาพอดี 555555)

    การเรียงลำดับเรื่องตอนนี้โฟลวเลยนะ ชอบอ่ะ ฮาตั้งแต่อีพี่ชูก้าร์ตกใจ ยัยมุกเป็นอะไร ผีเข้าเหรอ แต่มันก็แสดงได้ว่าพี่ก้าของเราเป็นห่วงมุกนะคะ อร๊างงง >O< เขินแทนเลย ละมุนไปอีก อ้อ ไม่สิ ก็เป็นห่วงมาตลอดนี่นา ตอนที่พี่แววเล่าไง น่ารักอ่าาา ขอจูบทีได้มั้ยพี่ก้า // เดี๋ยวว 5555555

    ว่าแต่ทำไมอีพี่ก้าไปธุระบ่อยจัง กำลังวางแผนก่อการรักให้มุกรึเปล่า อิๆ อยากรู้ ไปไหนนนน

    ปอลิง ชอบฉากจบมาก คือแบบ อ่านแล้วร้อง เฮ้ย!! // ของตก บ้า! ล้อเล่น 55555 คือตกใจหนักมาก ชอบนะ ค่อยๆ บิลด์มาเรื่อยๆ ละ โบ้มม!! 

    ฮา พ่อบางระจันของน้องโกนหนวดแล้ว หล่อเฟี้ยวฟ้าวเชียว -.,- ชอบตรงที่สะแหลนไปจีบพี่ชิโซ โดนตอกมาหน้าหงายเลย ชอบตรงที่เอามาเชื่อมให้นางเอกได้รู้ว่าลายมือชิโซคือลายมือของพี่น้ำตาล พีคไปอี๊กกกกก!

    อยากบอกว่ารู้สึกดีมากที่ได้รู้จักพี่นะ พี่ Nice สมชื่อจริงๆ แล้วเราไปผีด้วยกันใหม่นะ รักก <3
    #2
  3. #3 (จากตอนที่ 7)
    2017-02-28 01:07:24
    อาทิตย์สุดท้ายยยยย มาถึงแล้วววว
    พี่ตั้งใจจะคอมเม้นให้ครบทุกคนอาทิตย์สุดท้ายนี้ เริ่มเลยแล้วกันนะ

    พลอตของเราน่าสนใจ แต่บรรยายของเราตัดสลับไปมาตลอดจนเวียนหัว แล้วก็ทำให้การเล่าเรื่องมันสนุกน้อยลงด้วยเพราะคำบรรยายและไดอะลอคไม่ไปกับพลอตเรื่อง ตัวละครที่โผล่มาคาแรคเตอร์ยังซ้ำกันจนแยกไม่ออก หรืออีกนัยก็คือการสร้างตัวละครมาเยอะเกินไปจนบางทีคนอ่านตามไม่ทัน (พวกเพื่อนๆ ชูการ์น่ะล่ะ) พี่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงแรกชูการ์ถึงได้ร้ายขนาดนั้น ชีวิตนี้จะได้รู้ม้ายยย ถ้าเจอกันวานมาบอกที 5555555 เรื่องชิโซและจดหมายนี่พอเดาได้ แต่ถือว่าเป็นการวางพลอตที่ดี เหมือนที่บอก พี่ว่ารวมๆ แล้วคอนเซป พลอตของเราอ่ะดี แต่การเล่าเรื่องไม่ค่อยส่งเสริมกับพลอต พี่ว่าช่วงแรกๆ การบรรยายนางเอกเล่นใหญ่ไปมาก จนเหมือนมีคนตะโกนอ่านให้ฟังตลอดเวลา 555555 ช่วงหลังดีขึ้นมากเลยอ่ะ อย่างตอนล่าสุดนี่พัฒนาเยอะมากจากตอนแรกๆ ถ้าเกิดจะฝากอะไรพี่ก็ฝากให้อ่านเยอะๆ แล้วกัน การอ่านมันจะช่วยให้เราลำดับเรื่องได้ดีขึ้น แล้วก็าษาจะคงที่มากกว่านี้ พี่ว่าฉากบ่างอย่างของเรามันแรนด้อมมากไป หมายถึงพี่เข้าใจความหมายและจุดประสงค์ของฉากนั้นแต่มันมีวิธีเล่าแบบอื่นที่จะเข้ากับาพรวมของเรื่องมากกว่านี้ จุดนี้มันอาศัยการวางพลอตระยะยาวแบบละเอียดอ่ะนะ ต้องลองไปศึกษาๆๆ

    ยังไงก็ตาม ถ้าไปงานประกาศรางวัลก็เจอกันน้า
    #3
  4. #4 pimuksorn (จากตอนที่ 7)
    2017-02-28 12:54:14
    ฮืออออ อ่านทอล์คแล้วซึ้งมากก
    รักเธอเช่นกันนะทีมสาวติ่งของเรา
    ถึงแม้จะไม่ค่อยได้มาเมนต์แต่ติดตามตลอดนะะ
    แล้วเราไว้ไปเที่ยวกันอีก ชอบมากเลย
    แล้วเจอกันวันงานประกาศนะไนซ์

    ปล. พี่ดู innocent man ล่ะ (ช้ามาก) แต่ยังไม่จบ ไว้เดี๋ยวไปเม้าท์ด้วย
    #4
  • 1

แสดงความคิดเห็น