ImNice

[JLS12] Give it to me! ส่งรักคืนใจยัยตัวแสบ

ความฝันของฉันต้องแตกดับ...เมื่อคนที่เฝ้าฝันหามาตลอด 8 ปี พอเจอตัวจริงกลับตรงข้ามกับสิ่งที่คิดแบบสุดๆ แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ยยยย!! ไอ้นี่มันตัวปลอม นี่มันเสิ่นเจิ้นชัดๆ =[]=!

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 5/7 :: เธอคนนั้น

ตอนถัดไป

5

เธอคนนั้น...

 

            กริ๊งงงงงง!!!

            ระหว่างที่ฉันนอนหลับพริ้มอย่างแสนสบายบนเตียงแสนสุขในห้องนอนใหม่ที่ฉันได้รับอภินันทนาการจากคุณลุงพงศ์พ่อของพี่ชูก้าร์ให้ย้ายขึ้นมาห้องชั้นบนแทนที่จะมุดอยู่ในห้องใต้บันไดนั่น ตอนนั้นเองนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงก็แผดเสียงร้องขึ้นมาจนฉันตกใจรีบควานหาเพื่อปิดมัน

            ทว่า

            ซ่า!!

ฉันกลับคว้าได้ถังใบเล็กซึ่งมีน้ำบรรจุอยู่จนล้น มันมาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย! และเมื่อมือปัดไปโดนมันก็หกราดลงมาบนหัวทำให้ฉันเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งหน้ามุ่ยอย่างอารมณ์เสียแบบตอนนี้ไง!!

            “โอ๊ยยย นี่มันอะไรกันเนี่ย >O<!

            “ตื่นได้สักทีนะยัยดำ -_-

            “พี่!!

            ฉันร้องเสียงหลงเหมือนเห็นผี...อันที่จริงไอ้พี่บ้านี่ก็น่ากลัวกว่าเยอะ =_= เอาเป็นว่าพอลืมตาลุกขึ้นมาด้วยสภาพเปียกโชก ฉันก็พบมนุษย์หน้าตาดีนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงเท้าคางมองมาด้วยสายตาแปลกประหลาด ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงปนโมโหของฉัน

            หนอย...นี่ว่างมากใช่ไหมถึงมาแกล้งฉันได้แต่เช้า -_-^

            “ฝีมือพี่งั้นเหรอ ทำบ้าอะไร!

            “ปลุกเธอไง”

            “แล้วต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ป่ะ! ปลุกดีๆ ไม่เป็นรึไง นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ!!

            โอ๊ย แม่อยากจะกรี๊ดพร้อมกระโดดสกายคิกใส่หน้าหล่อๆ นั่นให้หายแค้น มันใช่เรื่องไหมที่ต้องมาเปียกไปเพราะความต้องการกวนโอ๊ยบ้าๆ ของเขาเนี่ย!

            “แป๊บหนึ่ง...” เขายกมือเป็นเชิงบอกฉันที่กำลังโวยวายตั้งท่าจะกินหัวเขาให้หุบปาก ก่อนจะกดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์อยู่ชั่วครู่แล้วหันหน้าจอมาทางนี้

            [ลูกพ่อออออ!!]

            ตายโหง!

            ใบหน้าเหี่ยวสมวัย เอ๊ย! ใบหน้าอบอุ่นแสนใจดีที่คุ้นเคยของพ่อโชว์หราเต็มหน้าจอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย ฉันผงะอย่างไม่ทันตั้งตัวก่อนจะพยายามตั้งหลักแล้วส่งยิ้มแห้งแล้งไปให้พ่อโดยไม่วายแอบถลึงตาใส่คนหลังโทรศัพท์ด้วย

            เขาทำบ้าอะไรของเขาเนี่ย! เฟซไทม์หาพ่อฉันเพื่อ!?

            “สะ...สวัสดีค่ะพ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ ^^;;

            [ -_- นี่ยังไม่ตื่นอีกเหรอลูก... ]

            จากสีหน้าเบิกบานยิ้มแย้มจนผิวหน้าเหี่ยวย่นกลายเป็นเรียบตึงในเสี้ยววินาทีหลังจากเห็นสภาพหัวฟูเพิ่งตื่นนอนของฉัน พ่อถามสวนกลับมาพร้อมมองด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิมเมื่อสังเกตเห็นความเปียกซกบนตัวฉัน [แล้วทำไมตัวเปียกแบบนั้น]

            “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีแมวมันทำน้ำหกใส่” พูดจบฉันก็หันไปถลึงตาให้คนหลังกล้องที่กำลังเหยียดยิ้มใส่อย่างยียวน

            [แล้วทำไมตื่นสายแบบนี้ล่ะลูก นี่มันเที่ยงแล้วนะ หนูไปอยู่บ้านเขาแล้วจะมาตื่นสายขนาดนี้ได้ยังไง มุกลืมแล้วเหรอว่าพ่อส่งมุกไปทำไม มุกต้องดูแลพี่เขา... บลาๆๆ แบะๆๆ]

            อ้าว =_= กลายเป็นตื่นมาก็โดนเทศน์ยาวรับเช้าวันใหม่ซะงั้น พ่อสวดยับอยู่ร่วมสิบกว่านาที ส่วนฉันก็ได้แต่นั่งเงียบฟังจนหน้าแห้ง นานจนพี่ชูก้าร์ที่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือตอนแรกเปลี่ยนมาโยนให้ฉันถือแทนด้วยความเมื่อยอะคิดดู

            [เข้าใจไหม]

            “เข้าใจค่ะ” ฉันรับคำอย่างห่อเหี่ยวก่อนจะกลับมายิ้มร่าอีกครั้งเมื่อนึกอะไรดีๆ ออกหลังจากปรายตาไปยังไอ้คนที่นั่งไขว่ห้างตรงหน้าแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเหนือกว่า “แต่พ่อรู้สาเหตุไหมคะ ว่าทำไมมุกถึงได้ตื่นสายแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

            หึๆ คิดจะเล่นงานฉันเหรอ นอกจากฟ้องพ่อของเขาแล้ว ฉันจะฟ้องพ่อตัวเองด้วยเฟ้ย! โทษฐานที่ไอ้บ้านั่นหลอกฉันไปเสี่ยงตายเมื่อคืน เสร็จฉันแน่!!

            [รู้...]

            “เห็นไหม ก็มุกจะบอกว่า... ฮะ เดี๋ยวก่อน =[]= พ่อบอกว่าไงนะคะ” ฉันย้อนถามเสียงแหลม

            [พ่อบอกว่ารู้]

            “ระ...รู้ว่าไงคะ?

            [พี่เขาโทรมาหาพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อขอโทษที่พาหนูออกไปเถลไถลเมื่อคืน]

            ฉันตวัดสายตามองคนต้นเรื่องทันที ก็แปลกใจอยู่ว่าหมอนั่นยิ้มอะไรนักหนาที่แท้ก็วางแผนทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้วนี่เอง ที่เหลือก็แค่รอฉันตื่นมาเซอร์ไพรส์กับเรื่องบ้าบอคอแตกนี่!! ให้ตายดับ...เขาแก้แค้นฉันที่โทรไปฟ้องพ่อเขาครั้งก่อนแน่นอน คราวนี้ไอ้บ้านี่ก็เลยโทรฟ้องพ่อฉันนี่ไง โธ่เว้ย!!

            “ถ้างั้นพ่อก็น่าจะเข้าข้างมุกแล้วก็ด่าเขาสิคะ”

            [พี่เขาขอโทษพ่อแล้วไง แต่ลูกต่างหากที่ต้องโดนดุ มีอย่างที่ไหนนอนดึกตื่นสายบ้านคนอื่นแบบนี้ นี่ต้องให้พ่อว่าเราอีกรอบไหม]

            “เอ้าพ่อ! ก็ดูหมอนั่นสิคะ กว่าจะพาหนูกลับถึงบ้านก็ล่อไปตีสองแล้ว แล้วทำไมหนูต้องโดนด่าอยู่คนเดียวอะ ไม่ยุติธรรมเลย!!

            [มันไม่เกี่ยวเลยนะมุก พี่เขาก็กลับมาพร้อมกัน ขนาดเป็นเจ้าของบ้านเขายังตื่นตั้งแต่เช้าโทรมาคุยมาขอโทษพ่อเสร็จสรรพ แล้วหนูเป็นคนอาศัย เป็นแขก ทำไมทำตัวแบบนี้ พ่อเคยสอนมุกว่ายังไง...อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกหลานท่านเล่นนะลูก]

            โอ้โห ฉันล่ะอยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่าช่วงหลายวันก่อนฉันทำหนักยิ่งกว่าปั้นวัวปั้นควายอีกค่า คือทำงานเยี่ยงวัวเยี่ยงควายให้หมอนี่ด้วยซ้ำ!!

            “เข้าใจแล้วค่ะพ่อ หนูผิดเองทั้งหมดหนูขอโทษ”

ฉันรีบตัดบทเพราะรู้ว่าหากเถียงไปพ่อจะร่ายยาวไม่จบในวันนี้แน่ ยอมๆ ไปเถอะเดี๋ยวพ่อก็เงียบเอง อีกอย่างฉันอยากไปเข้าห้องน้ำจะแย่ น้ำที่มันราดหัวเมื่อกี้มันเริ่มซึมลึกเปียกไปถึงกางเกงในแล้วเนี่ย =_= โอ๊ย

            [ดี แล้วหนูก็อย่ามัวเอาแต่เที่ยวเล่นจนลืมดูแลพี่เขาล่ะ ช่วยอะไรได้ก็ทำให้หมด พี่เขาป่วยอยู่นะลูก]

            ป่วยทางจิตน่ะสิพ่อ =_=

            “ค่า มีอะไรให้อิชั้นรับใช้ก็บอกนะคะคุณชายยยย!

            ฉันพูดประชดเสียงสูงแล้วหันกล้องที่มีหน้าพ่ออยู่ในนั้นไปทางเขา อยากรู้ว่าเขาจะเล่นละครบทไหนใส่พ่อฉันต่อไง เขาจ้องหน้าจออยู่สักพักก็เริ่มขมวดคิ้ว ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววยับยู่ยี่ ก่อนที่มือใหญ่จะยกมือกุมช่องท้องตัวเองไว้และพูดเสียงเบาว่า

            “ปวดท้องจัง...

            ความตอแหลมันลงตับเหรอพี่ =_=

ฉันอยากถามแต่ไม่ได้พูดออกไป เพราะกลัวพ่อจะรีบบินกลับมาแพ่นกบาลแยกซะก่อน โทษฐานที่ไปพูดกับคุณหนูสุดที่รักของพ่อแบบนั้น

            [เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณหนู ให้ผมโทรตามหมอไหม หรือว่ายังไง O_O!!]

            น้ำเสียงพ่อดูตื่นตระหนกมากผิดกับฉันที่ได้แต่กลอกตามองบนเบะปากแรงลับหลังกล้อง ที่แท้ก็เล่นบทสำออยนี่เอง เพิ่งเคยได้เห็นมารยาผู้ชายที่เขาว่าร้ายกาจกว่าผู้หญิงของจริงก็วันนี้แหละ

            "ไม่เป็นไรหรอกครับ พอดีเดี๋ยวผมต้องไปพิมพ์รายงานสรุปโปรเจกต์จบนิดหน่อยน่ะครับ”

            [รายงานอะไรคุณชาย ให้ยัยมุกพิมพ์แทนได้ไหม!!] พ่อรีบอาสาอย่างกระตือรือร้น

            เดี๋ยวนะพ่อ =___= ทำไมโยนขี้มาให้หนูแบบนี้ล่ะ

            “อันที่จริง...” เขาเอียงคอมองบนทำหน้าเหมือนกำลังคิด แล้วก็หันมามองฉันด้วยสีหน้าแบบยังไงอะ ดูสุภาพนุ่มละมุนขัดกับนิสัยจริงของเขามาก! “มันก็ได้แหละครับ แต่ว่าจะเป็นการรบกวนน้องมุกมากไปหรือเปล่า...

            ท้ายประโยคเขาพูดด้วยน้ำเสียงเบาลง ตีหน้าแสร้งรู้สึกผิดสายตาเต็มไปด้วยความเกรงใจทั้งที่ไม่ใช่!! เห็นแล้ว อยากจะไปเหมาสตรอเบอร์รี่ทั้งไร่มาปาใส่หน้า!! ซึ่งแน่นอน...ไม่ต้องเห็นสีหน้าตาแก่ในโทรศัพท์ฉันก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า...

            [มุก ทำให้พี่เขาหน่อยสิลูก!]

            “พ่อคะ นั่นมันงานของเขาแล้วมุกจะไปทำถูกใจถูกต้องได้ยังไงล่ะคะ -O-“ ฉันรีบบอกปัดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่พ่อจะตอบกลับมาไอ้หน้าหล่อมันก็รีบพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน!

            “ที่จริงเนื้อหาในรายงานผมเขียนรายละเอียดใส่กระดาษไว้หมดแล้วครับ จะเหลือก็แค่พิมพ์...

            [มุก...]

            พ่อเรียกชื่อฉันเสียงเข้ม ดูจริงจังขนาดนั้นฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วล่ะ -___- ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมแปลงร่างเป็นอีเย็นภาค 2 ไปโดยปริยาย

            “ได้ค่ะพ่อ หนูจะช่วยพี่เขาเองค่ะ -_-^

            [ขอบใจนะลูก ว่าแต่รายงานนี่เยอะไหมคุณหนู]

            “ไม่ครับ แค่ 50 หน้าเวิร์ดเอง”

            แล้วถ้าเยอะของแกนี่ไม่ห้าร้อยหน้าเลยเหรออีกลูต้า!! โอ๊ยยย! อยากพ่นไฟเว้ย!

            แล้วไอ้คุณชายคุณหนูของพ่อก็คว้าโทรศัพท์กลับคืนพร้อมเดินไปคุยกับพ่อฉันต่ออีกนิดหน่อย จากนั้นก็วางสายแล้วเดินวกกลับมาหาฉันอีกรอบ

            “ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มาเจอฉันที่ห้องหนังสือ -_-

            “ค่ะ!!

            “ค่ะแล้วนั่งอยู่ทำไม ลุกสิ”

            หมอนั่นเร่งเร้าพร้อมส่งสายตารำคาญมาให้ ฉันจึงตีหน้าหงุดหงิดกลับไปพลางสะบัดผ้าห่มออกจากตัวแล้วขยับลุกลงจากเตียง ทว่าทันทีที่ฉันลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงแล้วตั้งท่าหย่อนเท้าวางบนพื้นนั้น...

            จ๋อม!

            -___-^ นี่มัน...

            ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามอดกลั้นพร้อมกับค่อยๆ ยกเท้าตัวเองขึ้นมาช้าๆ มองดูขากางเกงที่เปียกน้ำซึมลามขึ้นมาครึ่งขาด้วยความเจ็บใจ เหตุเพราะตอนที่ฉันลุกมานั่งข้างเตียงแล้วห้อยขาจะทิ้งเท้าวางบนพื้นแต่มันกลับเหยียบไม่ถึงพื้นเพราะมีใครบางคนเอาถังน้ำขนาดใหญ่มาวางอยู่ข้างเตียงตรงตำแหน่งเดียวกับที่ฉันลุก ราวกับคิดมาแล้วสิบแปดตลบว่าฉันจะต้องหย่อนขาลงตรงนี้ ทำให้ขามันจุ่มลงไปในถังน้ำที่ว่านั่นพอดิบพอดี

เสียงหัวเราะในลำคอจากคนร้ายดังขึ้น เขามองฉันอย่างสะใจแล้วหยัดกายยืนขึ้นเต็มความสูงทำทีเป็นเดินอย่างไม่สะทกสะท้านไปยังประตูห้องเตรียมจะหนี เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจหอบถี่ สองมือกำหมัดแน่น เส้นเลือดในขมับสองข้างเต้นตุบๆ เหมือนจะระเบิด...และใช่!

            ฉันกำลังจะระเบิด!!

            “เซอร์ไพรส์ J

            “ฉันจะฆ่าแก ไอ้พี่บ้า! กรี๊ดดดด!!!

 

.....................

 

            “ใจดำ!!

            “ดีกว่าคนตัวดำนะ”

            ไม่เกี่ยวโว้ย! ฉันแยกเขี้ยวใส่เขาแล้วยกมือขึ้นมากอดอกจ้องหน้าเขาอย่างไม่ยอมเช่นกัน คือหลังจากที่ฉันไล่ตีกับพี่ชูก้าร์อยู่นานทว่าก็วิ่งตามไม่ทัน(เขาวิ่งเร็วมาก ดูขายาวๆ นั่นสิ!) สุดท้ายฉันเลยได้แต่ปลงตก แยกย้ายไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาเจอเขาตามนัดที่ห้องหนังสือ

            แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนดวงซวยอย่างฉันมันเกิดอาเพส ฉันมีประจำเดือนแล้วผ้าอนามัยดันหมดเหลือแผ่นสุดท้าย เลยต้องแบกหน้ามาขอร้องไอ้คนใจดำว่าจะขอออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวก่อนแล้วจะกลับมาช่วยงานอย่างแน่นอนไม่อิดออด ทว่าก็อย่างที่เห็น ไอ้บ้านี่มันกวนประสาทฉันไม่เลิกแล้วทำตัวเป็นเด็กๆ ด้วยการยกมือปิดหูทำเป็นไม่รับรู้ ก่อนจะผลักให้ฉันนั่งลงไปบนโต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมฯ ให้เสร็จสรรพ

            “พี่! พูดไม่รู้เรื่องรึไง มุกจำเป็นต้องออกไปซื้อจริงๆ นะ”

            “ไม่ต้องมาอ้าง เธอจะแอบอู้ฉันรู้”

            “มันเป็นของสำคัญมากนะ พี่เข้าใจไหม”

            สำคัญจริงๆ นะโว้ย!! ใจคอจะให้ฉันไปขุดหากาบมะพร้าวมาใช้แทนเลยไหม!

            “ไม่เข้าใจ ของอะไรของเธอนักหนา”

            “ก็ของ...ของสำคัญของผู้หญิงไงพี่...” พูดไปก็รู้สึกกระดากอาย ทำไมฉันต้องมาขออนุญาตผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ไปซื้อผ้าอนามัยด้วยเนี่ย ไร้สาระที่สุด!...วันนั้นของเดือนน่ะ โอ๊ย T///T

ทางด้านพี่ชูก้าร์พอได้ยินสิ่งที่ฉันขอเขาก็นิ่งเงียบไป ไม่รู้ว่าอึ้งหรืออะไรแต่สีหน้าท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงทำให้ฉันเดาใจไม่ออก

...

            “เข้าใจแล้วใช่ไหม ทีนี้มุกไปได้หรือยัง”

            “อืม...

            “อืม...นี่คือไปได้แล้วใช่ป่ะ”

            “อืม...ไม่”

            แล้วจะอืมหาพระแสงของ้าวอะไรล่ะโว้ย เดี๋ยวแม่กระโดดถีบขาคู่ใส่เลยนี่ >O<!!

            “พี่! นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ย เรื่องฉุกเฉินน่ะเข้าใจไหม”

            “เธอก็...

            Rrrrr!

            “ครับ...

            อีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์พร้อมกรอกเสียงลงไปในสายทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทำให้ปากที่กำลังพูดของฉันชะงักไป หมอนั่นโบกมือเป็นเชิงไล่ ก่อนที่ตัวเองจะหมุนตัวเดินคุยโทรศัพท์ออกนอกห้องไปทิ้งให้ฉันยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความเซ็ง

            “ผมกำลังไปครับอา...

            ปัง!

            ฉันต้องไปทำบุญสะเดาะเคราะห์สักหน่อยแล้วล่ะ ดูท่าปีนี้จะชงว่ะ เวลาพูดเรื่องสำคัญทีไรต้องมีมารมาขัดคอหอยทุกที สุดท้ายก็ได้แต่ก้มหน้าปลงตก ในเมื่อออกไปไหนไม่ได้จนกว่างานจะเสร็จเลยตัดสินใจวิ่งลงไปหาพี่แววเพื่อวานให้ช่วยไปซื้อผ้าอนามัยให้ทีถ้าเธอออกไปจ่ายตลาดซึ่งพี่แววก็ตกลงไม่ได้ขัดข้องอะไร ฉันเลยกลับขึ้นมาพิมพ์รายงานให้ไอ้บ้านั่นอย่างสงบสุข....

            เหรอ?

            ด้วยความที่ห้องหนังสือมันอยู่ถัดจากห้องแห่งความลับหรือก็คือห้องพี่ชูก้าร์ ห้องเพียงห้องเดียวที่ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป มันก็เหมือนน้ำมันใกล้ไฟอะ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแบบนี้มันก็นะ...

            นั่นแหละ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าตอนนี้ฉันย่องมายืนอยู่หน้าห้องพี่ชูก้าร์เรียบร้อยแล้ว...

อันที่จริง...มือฉันจับอยู่ที่ประตูลูกบิดแล้วด้วยซ้ำ แฮ่ =.,=!

สายตาสอดส่ายสำรวจไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าปลอดคนฉันจึงออกแรงหมุนลูกบิดเพื่อเปิดเข้าไป ใจหนึ่งตอนแรกคิดว่าบางทีเขาอาจจะล็อคห้อง...

แอ๊ดดดด~

            “อ้าวเฮ้ย เปิดได้เฉยเลย”

            ถ้าเขาหวงห้องขนาดนั้นตอนแรกฉันนึกว่าเขาจะล็อคห้องล่ามโซ่เอาไว้ซะอีก แต่นี่กลับเปิดเข้ามาได้อย่างง่ายได้คืออะไร? หรือว่าความจริงแล้วมันไม่มีอะไร เขาเพียงแค่กวนประสาทฉันเล่น?

            เอาจริงๆ นะ ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบปีนี่เป็นครั้งแรกที่อยากเข้าไปสาระแนในห้องนอนของผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อได้มากขนาดนี้ =_= แต่เชื่อเหอะ! ถ้าเขาไม่ทำตัวเป็นปริศนาแถมยังเหมือนคอยปกปิดเบาะแสของพี่น้ำตาลตัวจริงแบบนั้น ฉันจะอยากเข้าห้องเขาทำซากอะไร!

            “คุณมุก! มาทำอะไรในนี้คะ”

            “อ่า...-O-;

            ฉันอึ้งรับประทานไปเลยหลังหันไปเห็นว่าหน้าห้องมีพี่แม่บ้านถือไม้ปัดขนไก่คนหนึ่งยืนอยู่ อ้อ...ที่แท้มันไม่ได้ล็อคก็เพราะพี่แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดนี่เอง ก็ว่าอยู่...ว่าแต่แล้วฉันจะแก้ตัวยังไงดีให้ดูสวยล่ะ =-=;

            “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

            “คือพอดีว่า...พี่ชูก้าร์ให้มุกมาหาของอะค่ะ -O-

            โบราณมากกกก~ นังมุก! แกหาข้อแก้ตัวได้ดีที่สุดแค่นี้ใช่ม้ายยย!!

“เอ่อ...มุกมา...” ฉันสอดส่ายสายตาไปทั่วห้อง สมองกำลังประมวลด้วยความเร็วสูงสุดเพื่อหาคำตอบ “มาเอาโน๊ตบุ๊คของพี่ชูก้าร์ไปทำรายงานให้ค่ะ พอดีไฟล์ข้อมูลอยู่ในนี้ แหะๆๆ ^^;;” ฉันชี้มือชี้ไม้ไปยังโน้ตบุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วฉีกยิ้มแสดงความบริสุทธิ์ใจ(ที่ไม่มีจริง)

“อ๋อ” พี่แม่บ้านร้องขึ้นมาคำหนึ่งด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเข้าใจแต่ใบหน้ายังคงเคลือบแคลงอยู่เล็กน้อย เธอยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเหมือนรอให้ฉันออกไป เอิ่ม...ไม่ได้การล่ะ

“ที่จริง...พี่ชูก้าร์ให้มุกมาหาเอกสารด้วยนิดหน่อยค่ะ ยังไงถ้ามุกเสร็จธุระแล้วเดี๋ยวมุกไปเรียกพี่นะคะ ตอนนี้พี่ไปพักก่อนก็ได้ค่ะ ^^

ฉันฉีกยิ้มกว้างพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่แสดงพิรุธใดๆ อีกฝ่ายมองฉันอย่างลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้ฉันก่อนจะเดินออกไปแต่โดยดี

ทางสะดวก!

จากนั้นฉันก็ไล่หาตรวจค้นทุกสิ่งทุกอย่างในห้องอย่างเร่งรีบและแนบเนียนที่สุด พยายามไม่เคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนตำแหน่งวางของแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่งั้น...ขืนเขากลับมาแล้วเจออะไรผิดแปลกไปฉันต้องโดนหมายหัวก่อนแน่ ก็คนน่ากลัวแบบหมอนั่นคงจำได้แม้กระทั่งมุมหรือองศาการวางของเป็นแน่

แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่เจออะไรสักอย่าง!

เอาจริงๆ ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องนอนแสนรักแสนหวงของเขามาฉันก็ยังไม่เจออะไรผิดแปลกไปสักอย่าง มันยิ่งน่าสงสัย...ไม่อย่างนั้นทำไมเขาต้องหวงห้องนี้นักหนาล่ะ มันต้องมีอะไรสิ อะไรสักอย่างที่เขากลัวคน(อย่างฉัน)เห็น

ทุกซอกทุกมุมของห้องที่ฉันคิดว่าอาจมีอะไรซ่อนอยู่เช่น ตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก หลังกรอบรูป ใต้หมอน ใต้เตียงฉันสำรวจหมดแต่ก็อย่างที่บอกว่าไม่พบอะไร

ตุบ!!

ฉันทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของพี่ชูก้าร์อย่างหมดแรง อาจจะเพราะฉันมีประจำเดือนด้วยจึงรู้สึกเพลียๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่ก็น่าเจ็บใจชะมัด ฉันรู้สึกได้ว่ายังไงพี่ชูก้าร์ก็ต้องรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับจดหมายหรือไม่ก็พี่น้ำตาลตัวจริงแน่ๆ เพียงแต่ฉันไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร เขากลั่นแกล้งฉัน พยายามขับไล่ไสส่งทุกทาง แต่บางทีกลับยื่นมือเข้ามาช่วยฉันยามคับขัน ไม่ก็เฝ้ามองฉันอยู่ตลอด ฉันไม่เข้าใจคนย้อนแย้งแบบเขาเลยสักนิด ไหนจะท่าทางแปลกๆ ที่สนามแข่งเมื่อคืนอีก เขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ มีอะไรในใจและกำลังคิดอะไรอยู่

            “พี่เป็นคนยังไงกันแน่”

            ฉันพึมพำอย่างเหนื่อยใจแล้วคว้าเอาหมอนหนุนบนเตียงมาตั้งใจจะเอามากอดก่ายให้หายเมื่อย แต่เพราะฉันเอื้อมหยิบมันมาด้วยแรงเหวี่ยงเลยทำให้บางสิ่งบางอย่างในปลอกหมอนนั้นปลิวตกลงบนพื้นห่างจากฉันไปหลายก้าว

            “อะไรกัน”

            ฉันลุกจากเตียงเดินไปเก็บของสิ่งนั้นขึ้นมาแล้วจึงพบว่ามันเป็นรูปถ่ายเก่าๆ ใบหนึ่ง ภายในรูปนั้นปรากฏภาพเด็กชายและเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูในวัยไม่น่าจะเกินสองขวบ ทั้งคู่ดูตัวเล็กมากๆ และยืนจับมือหันหน้าไปหัวเราะให้กันอย่างร่าเริง รอยยิ้มแสนสดใสนั้นทำให้คนมองรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

            หรือว่า...นี่คือรูปพี่ชูก้าร์กับพี่ชิโซ!?

            เขาเป็นพี่น้องกันเหรอ? หรือว่าญาติ? จะต้องเป็นอะไรบางอย่างที่สำคัญกับพี่ชูก้าร์แน่ๆ ไม่งั้นคงไม่ถึงขนาดเก็บรูปไว้ใต้หมอนแบบนี้...

            “มาทำอะไร”

เสียงเข้มๆ ที่ดังขึ้นใกล้ตัวทำให้ฉันสะดุ้งโหยงรีบหันกลับไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงตามสัญชาตญาณ รูปในมือหล่นปลิวไปอยู่แทบเท้าเขาพอดีอย่างตลกร้าย

“พะ...พี่กลับมาไวจังเนอะ ^^;; ไปธุระเสร็จแล้วเหรอคะ”

“ฉันกลับมาเอาของ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอ...

คงเป็นเพราะมัวแต่จดจ่ออยู่กับภาพถ่ายนั่น เอาแต่เพ่งสมองไปคิดเกี่ยวกับมันอยู่ทำให้ฉันไม่ทันรู้สึกตัวว่าเขามาอยู่ตรงหน้าแล้ว คนตัวสูงปรายตามองรูปที่หล่นอยู่ปลายเท้าด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนจะก้มลงไปเก็บขึ้นมา จากนั้นสายตาดุดันของเขาตวัดมาทางนี้ทันที

            “เธอจะทำอะไรกันแน่”

            ฉันถดถอยหลังโดยอัตโนมัติเพื่อหลีกหนีท่าทางคุกคามของอีกฝ่าย พี่ชูก้าร์เดินต้อนฉันมาเรื่อยๆ แววตาที่ไม่หลงเหลือแววล้อเล่นใดๆ สีหน้าเอาจริงเอาจังกว่าทุกทีทำให้ฉันอดตกใจไม่ได้ ปกติฉันไม่ใช่คนขี้ขลาด เพียงแต่ว่ารอบนี้ฉันผิดเต็มๆ ที่แอบเข้าห้องเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันไม่มีข้อแก้ตัวอื่นใด ถ้าเขาจะโกรธมันก็ไม่แปลก -__-;

            “พี่...จะ ใจเย็นๆ ก่อน”

            “เธอต้องการอะไร”

            ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับพี่น้ำตาลยังไงล่ะ บอกไปเป็นร้อยรอบพันรอบแล้วเนี่ย =_= ฉันอยากตะโกนใส่หน้าเขาแบบนี้เพียงแต่ว่าฉันมีสติมากพอที่จะรู้ว่าไม่ควรไปแหย่หรือเติมฟืนเป็นเชื้อไฟให้กับคนกำลังโกรธ เอาจริงๆ ฉันไม่เคยเห็นเขาทำสีหน้าน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลยนะตั้งแต่เจอกันมา

            ตุบ!

            ฉันถอยหลังมาจนขาชนขอบเตียงและเมื่อเขาโน้มหน้ามาใกล้เรื่อยๆ อย่างไม่ลดละทำให้ฉันเผลอเอนตัวหลบจนสุดท้ายก็ล้มลงไปนอนแผ่หราอยู่บนเตียงโดยมีคนตัวใหญ่โถมกายมาคร่อมทับไว้อีกทีหนึ่ง

            เฮ้ย! นี่มันชักจะไม่โอเคแล้วนะ -_-^

            “พี่! ถอยออกไปเลยนะ”

            “ทำไม? กลัวเหรอ...” เขาเหยียดยิ้มเท้าแขนยันตัวกับเตียงคร่อมไหล่ฉันไว้ “ทีกล้าเข้ามาในห้องฉันยังไม่กลัวเลย”

            “ยอมแล้ว มุกขอโทษ!

            ฉันรีบละล่ำละลักพูดออกไปอย่างหวาดกลัวเมื่อความร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายเป่ารดใบหน้า กลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมผู้ชายบนตัวเขาโชยเข้าจมูก สีหน้าเย็นชา ท่าทางดุดัน...ดูคุกคามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เขากำลังขู่ให้ฉันกลัว

“เธอกล้ามากนะ” อีกฝ่ายกดตรึงข้อมือฉันไว้แล้วขยับเข้ามาใกล้จนปลายจมูกโด่งเฉียดผ่านข้างแก้ม

            “มุก...มุกก็แค่อยากรู้เรื่องพี่น้ำตาล ในเมื่อพี่ไม่ยอมบอก มุกก็เลยต้องหาเองและมุกจะไม่หยุดจนกว่า...!!

            “เลิกตามหาคนในจดหมายงี่เง่านั่นสักที!!” พี่ชูก้าร์ตวาดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ก่อนที่ความขุ่นเคืองจะถูกแทนที่ด้วยสีหน้าตกใจราวกับเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกมา ในจังหวะนั้นเองจากที่ทำเป็นขลาดกลัวจนตัวสั่น...ฉันหันกลับไปประจันหน้ากับอีกฝ่ายโดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัว มองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจนพี่ชูก้าร์ผงะไปเล็กน้อย

            “พี่รู้เรื่องจดหมายมาตลอดใช่ไหม พี่รู้อยู่แล้วเพราะมุกไม่เคยพูดถึงเรื่องจดหมายให้พี่ฟังมาก่อน”

            “...

            “พี่รู้ว่าพี่น้ำตาลตัวจริงในจดหมายเป็นใครใช่ไหมคะ!!

            เป็นฉันบ้างที่ถามเขากลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ท่าทางจริงจังของฉันทำให้คราวนี้เขาผละออกไปยืนอยู่ปลายเตียงล้วงกระเป๋ามองหน้าฉันนิ่งๆ

            “ฉันจะรู้หรือไม่รู้ มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาบอกปัดด้วยคำพูดเดิมๆ ที่ฉันฟังมาหลายสิบรอบจนเบื่อแล้วเบือนหน้าหนีเหมือนไม่สนใจแต่ฉันไม่ยอม

            “มันเกี่ยวค่ะ! เพราะมุกอยากเจอเขา และมุกก็รู้ด้วยว่าพี่ต้องรู้จักกับพี่น้ำตาลตัวจริงแน่ๆ แล้วพี่ก็พยายามปิดบังเพราะเหตุผลบางอย่าง แต่พี่หลอกมุกไม่ได้หรอก ของทุกอย่างถูกส่งมาจากที่นี่! อีกอย่างพี่ก็บอกเองว่าพี่ไม่ใช่พี่น้ำตาลคนนั้นงั้นแสดงว่าก็ต้องเป็นคนที่อยู่บ้านหลังนี้ หรือสนิทกับพี่มากๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครอื่นนอกจากพี่ชิโซใช่ไหมคะ!?

ฉันหอบหายใจหลังจากร่ายยาวจบในม้วนเดียว คราวนี้ฉันไม่ได้ใส่อารมณ์เหมือนครั้งก่อน แต่ฉันพยายามพูดให้ทุกอย่างที่คิดออกไปเพื่อต้องการจับพิรุธเขา

            “ฉันไม่บอก”

            เขาเดินหนีและมันทำให้ฉันรีบสาวเท้าตามไปดักหน้าเขาอย่างไม่ยอมลดละ

            “บอกเหตุผลมุกมาสิคะ...ว่าทำไมมุกถึงรู้ไม่ได้”

            “เรื่องบางเรื่องน่ะ.....รู้แค่เท่าที่เขาอยากให้รู้ก็พอ”

            “มุกไม่เข้าใจ...

            “ออกไปซะ”

            ปัง!

            ประตูปิดลงเสียงดังหลังจากที่เขาดันหลังฉันให้ออกมาจากห้องได้ ฉันยืนนิ่งพิงบานประตูอยู่เพียงชั่วครู่หนึ่ง ในสมองวนเวียนไปด้วยคำพูดสุดท้ายของพี่ชูก้าร์เมื่อครู่

          เรื่องบางเรื่องน่ะ.....รู้แค่เท่าที่เขาอยากให้รู้ก็พอ

            รู้เท่าที่เขาอยากให้รู้งั้นเหรอ...

            เหอะ! พูดอะไรไร้สาระไปได้ ฉันเฝ้ารอที่จะได้เจอพี่น้ำตาลมาถึงแปดปี...แปดปีมันไม่ใช่เวลาสั้นๆ เลยนะ กับบางคนแค่รอคอยของบางอย่างที่อยากได้เพียงไม่กี่วันยังรู้สึกกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่ได้ แต่กับฉัน...สำหรับฉันแล้วพี่น้ำตาลในจดหมายคือบุคคลในฝันที่ฉันรอคอยมาตลอด คนๆ นั้นที่เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน และเป็นเหมือนครอบครัวของฉัน คนที่สำคัญแบบนั้นน่ะ...

            ฉันไม่มีทางล้มเลิกความตั้งใจในการตามหาเขาเพียงเพราะคำพูดของใครก็ไม่รู้หรอกนะ ไม่ว่ามันจะยากยังไงฉันก็ไม่หวั่นและสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าต้องเจอพี่น้ำตาลให้ได้!!

            พรึ่บ!

            หลังจากที่เดินห่างออกมาจากห้องพี่ชูก้าร์พอสมควร ฉันจึงค่อยๆ หยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะยกมันขึ้นมาดูให้ชัดๆ อีกที ริมฝีปากบิดยิ้มอย่างผู้ชนะ หึๆ

            รูปถ่ายใบนั้นน่ะ

            ฉันแอบหยิบมันติดมือมาได้ตอนอีกฝ่ายกำลังเผลอไง!

            “ยัยขี้ขโมย!!

            แต่ยังหัวเราะไม่ทันสุด =_= เสียงดังราวกับสายฟ้าฟาดไล่ตามหลังฉันมาพร้อมกับคนร่างสูงที่เปิดประตูห้องออกมาจ้องฉันด้วยสายตากดดัน ทำไมรู้ตัวไวกว่าที่คิดเนี่ย เอาจริงๆ มันน่ากลัวแต่ฉันก็อดขำไม่ได้ ท่าทางเหมือนหัวเสียเพราะถูกฉันลูบคมเข้าให้แบบนั้นน่ะ คงรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเลยสินะ ก๊ากกก! รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว ที่ยอมเปลืองเนื้อเปลืองตัวทำเป็นกลัวเมื่อกี้ก็เพื่อให้เขาเผลอเท่านั้นแหละ คิดเหรอว่าแค่นั้นจะหยุดฉันได้

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!

            “หยุดให้โง่สิ”

            ฉันพึมพำพลางหัวเราะไปด้วยแล้วติดสปีดใส่เท้าออกวิ่งทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าวิ่งตามมาด้วยท่าทางน่ากลัวอย่างกับซอมบี้ในหนังเรื่อง Train to Busan

            พลั่ก!!

            “โอ๊ย!

            “อูยยย~”

            เพราะมัวแต่หันไปมองคู่กรณีทำให้ฉันลืมมองทาง พอวิ่งลงบันไดมาได้ก็ตั้งใจจะพุ่งออกไปยังประตูหน้าบ้านแต่ทว่ากลับชนเข้าให้อย่างจังกับใครบางคนซะก่อน แต่เนื่องจากฉันเบรกทันมันจึงไม่ได้แรงอะไรมากอีกฝ่ายแค่เซถอยหลังไปสองสามก้าว แต่เพราะเธอร้องโอดโอยฉันถึงรีบเข้าไปดู

            “ขอโทษค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าคะ”

            “ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่เธอเป็นใครเหรอ -O-

            ฉันเงยหน้ามองคนตรงหน้า เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวสูงราวๆ 170 เซนฯ ขึ้น ผิวขาวสวยราวกับหิมะ ผมยาวดำขลับถึงกลางหลัง ริมฝีปากแดงฉ่ำรับโครงหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางขับให้ความสวยเด่นชัดขึ้นไปอีก รูปรางสมส่วนดูทะมัดทะแมง ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีขาวขับเน้นทรวดทรวงกับกางเกงยีนส์ขายาวรัดรูปอวดเรียวขาสวย ทุกอย่างของผู้หญิงคนนี้ช่างดูดีและเพอร์เฟ็คจนความดีงามนั้นประกายกระแทกตาฉันให้ตกตะลึงไปชั่วครู่

            “ยัยนั่น...คือมุก”

            เสียงนุ่มทุ้มของพี่ชูก้าร์ดังขึ้นทำให้ฉันเหลียวหลังไปมองจึงเห็นว่าเขาหยุดวิ่งไล่ฉันแล้ว คนหน้าหล่อค่อยๆ เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางวางมาดเหมือนปกติ สายตาคมกริบนั้นจ้องมองมายังเราสองคนด้วยแววตาที่ฉันอ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร เพียงแต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แววตากวนประสาทเหมือนปกติ

            “มุกงั้นเหรอ?

            ความสนใจของฉันถูกลากกลับมายังคนตรงหน้าอีกครั้ง และก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรกลับไป อ้อมกอดนุ่มนิ่มกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนกายของอีกฝ่ายก็โอบรัดฉันไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว ตามมาด้วยเสียงพึมพำเบาๆ ที่เหมือนเจ้าหล่อนตั้งใจจะพูดกับตัวเองคนเดียวเพียงแต่ฉันกลับได้ยินมันด้วย

            “ได้เจอกันสักทีนะ...น้องมุก”

 

[....โปรดติดตามตอนต่อไป...]

 

------------------------------------------------------

++TALK WITH ME++

วนเวียนมาถึงสัปดาห์ที่ห้าแล้วนะคะ

เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่รู้สึกขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและช่วยเหลือ

ขอบคุณเว็บเด็กดี แจ่มใส และคณะกรรมการทุกท่านเช่นเคยค่ะ

วีคนี้เป็นวีคที่ชุลมุนมาก ส่วนตัวตอนนี้อยู่เชียงรายค่ะ ขึ้นมารับปริญญา =.,=

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ

สัญญาจะนำคอมเม้น คำแนะนำติชมไปปรับปรุงแก้ไขยังตอนต่อๆ ไปให้ดีขึ้นนะคะ

 

*** อยากถามพี่อายเรื่องการตัดฉากค่ะ ส่วนตัวมีปัญหากับการเปลี่ยนฉาก

มันเหมือนอยู่ดีๆ ก็ตัดฟีลไปเลย อยากได้คำแนะนิดหนึ่งอ่ะค่ะพี่อาย T^T ขอบคุณนะคะ

 

ImNice.

 

ความเห็นที่ปักหมุด
  1. #4 (จากตอนที่ 5)
    2017-02-13 02:04:25
    สวัสดีค่า ตอนนี้เนื้อหาโดยรวมโอเคเลยนะ อ่านแล้วรู้สึกระทึกตาม 5555 มีปมเพิ่มมาแล้ว กรี๊ดๆ อยากอ่านตอนต่อไปเลยอ่ะ >_< เรื่องการตัดฉากของน้องพี่มองว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้น แต่สามารถปรับให้ smooth ขึ้นได้ค่ะ

    ซึ่งการตัดฉากเนี่ยเป็นอะไรที่ยากพอสมควร เพราะเราต้องกะ timing จังหวะของเรื่องเอง สามารถตัดจบแบบค้างคาได้ถ้าเราแน่ใจว่า เดี๋ยวเราจะมาคลายปมนี้ทีหลัง คือเหมือนเป็นการทิ้งปมเอาไว้ให้อยากอ่านต่อ แล้วพอขึ้นบทใหม่ ก็อาจจะมีเกริ่นถึงเหตุการณ์ในตอนที่แล้วบ้าง คือไม่ใช่เล่าย้อน แต่ให้นางเอกมีคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าสักนิด เช่น... (ตัวอย่างเหตุการณ์เฉยๆ นะคะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่หนูเขียนน้า)


    ฉันรื้อค้นอย่างรีบเร่งแข่งกับเวลาก่อนที่พี่ชูก้าร์จะกลับเข้ามาถึง ในวินาทีที่กำลังจะถอดใจนั้นเอง สายตาของฉันก็มองเห็นบางอย่างนอนนิ่งอยู่ใต้เตียงที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะเหมือนไม่มีใครเข้าไปยุ่งอะไรตรงนั้นมานานแล้ว

    หลังจากเอื้อมมือเข้าไปจนสุดแขน สิ่งที่หยิบติดมือออกมาได้ก็ทำให้ฉันตกใจจนพูดอะไรไม่ออก...

    ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าที่จริงแล้วพี่ชูก้าร์ก็คือคนคนนั้น...

    ฉันตกตะลึงกับของที่พบอยู่สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน จึงรีบโยนมันกลับเข้าไปที่เดิมก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ถึงแม้หัวใจจะยังเต้นรัวแรงด้วยความช็อกอยู่ก็ตามที

    ....

    เย็นวันนั้น

    มื้ออาหารของเราเงียบสงบกว่าที่เคย พี่ชูก้าร์ในวันนี้ดูนิ่งเสียจนผิดสังเกต ซึ่งก็ดีเพราะตัวฉันเองก็ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง คิดถึงเรื่องของที่เจอใต้เตียงพี่เขาวนไปวนมาไม่รู้จบ...

    (เหตุการณ์คุยกันบนโต๊ะอาหาร)
    (นางเอกหลุดปากเรื่องของที่อยู่ใต้เตียง)
    (ชูก้าร์และนางเอกยืนประจันหน้ามองตากันแบบไม่มีใครยอมใคร)


    เป็นต้นนะคะ

    นอกจากนี้ยังสามารถตัดจบฉากที่ยืดเยื้อไม่จำเป็นได้ แบบตรงไหนที่เราสามารถยกยอดไปบรรยายรวบในตอนต่อไปได้ เราก้สามารถยกยอดไปได้นะคะ เช่น นางเอกไปทำความสะอาดห้องไหนสักห้องละทำตุ๊กตาพัง พยายามจะซ่อม ไม่จำเป็นต้องบรรยายตอนซ่อมก้ได้ถ้ามันไม่จำเป็น แต่สามารถตัดตอน แล้วข้ามไปเล่าแบบอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ความพยายามของฉันไม่เป็นผลสำเร้จเลยแม้แต่น้อย อะไรแบบนี้ได้ค่ะ

    สู้ๆ นะคะ ^^ เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า




    #4

4 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 (จากตอนที่ 5)
    2017-02-11 00:18:17
    คุณพ่อคะะะ -..- ลูกเปียกขนาดนี้พ่อยังบ่นเรื่องที่ลูกตื่นสายอีกเหรอ555555 สงสารมุกในคราบจำเลยรักจริงๆ
    อิพี่ชูการ์นั่นก็ทำเป็นปวดท้อง ส่งมานี่มา..เดี๋ยวช่วยรักษาให้เอง //ผิด =_=
    ยัยมุกนี่ก็ก๋ากั่น กล้าเข้าถ้ำเสือ เกือบโดนขย้ำตายแล้วไหมล่ะเท้ออออ

    โอ้ยยยเทอทำชุ้นค้างทุกวีค ชอบการตัดจบสุดท้ายมาก นี่ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นซูชิ ชิโซอะไรนั่นแน่ๆ (แอบลุ้นตามมุก)
    #1
  2. #2 (จากตอนที่ 5)
    2017-02-13 00:43:13
    การตัดฉาก พี่ว่าถ้าเกิดเริ่มจากเราถามตัวเองก่อนว่าจุดประสงค์ในการเขียนฉากนั้นเพื่ออะไร ถ้าเกิดมันครอบคลุมข้อความแล้วก็จบฉากได้เลย การจบฉากน่าจะจบโดยที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฉากลงตัวหมดแล้ว ไม่ใช่ตัดไปค้างๆ คาๆ แล้วก็จะเป็นการดีถ้าเกิดเราสามารถส่งต่ออารมณ์ ปม หรือการกระทำของตัวละครไปฉากต่อไปได้ มันจะทำให้เรื่องลื่นไหลมากขึ้น และเป็นธรรมชาติด้วย

    มาตอบแทนนะ พอดีเห็นถาม 5555
    #2
  3. #3 Banilla Honie, Karin (จากตอนที่ 5)
    2017-02-13 01:00:11
    พี่ชิโซมาล้าวววววววววว
    แล้วอิพี่ชูการ์นี่คือบั่บ...เดาไม่ได้เลยข่าว่าเหตุไฉนไยนางจึงโหดร้ายกับน้องมุกเช่นนี้
    นี่เอาเดาเบาๆๆ (พี่น้ำตาลคือร่างอวตารของพี่ชิโซใช่มั้ยย//ตบปากตัวเองสิบที)
    พี่ก็เป็นอีกคนที่มีปัญหากับการตัดฉากนะ จริงๆ มีปัญหาตั้งแต่การเข้าเรื่องเลยอ่ะ มัวแต่เพ้อ 55555

    สู้กันต่อไปในวีคที่ 6 เน้อเจ้าาา
    #3
  4. #4 (จากตอนที่ 5)
    2017-02-13 02:04:25
    สวัสดีค่า ตอนนี้เนื้อหาโดยรวมโอเคเลยนะ อ่านแล้วรู้สึกระทึกตาม 5555 มีปมเพิ่มมาแล้ว กรี๊ดๆ อยากอ่านตอนต่อไปเลยอ่ะ >_< เรื่องการตัดฉากของน้องพี่มองว่ามันไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดนั้น แต่สามารถปรับให้ smooth ขึ้นได้ค่ะ

    ซึ่งการตัดฉากเนี่ยเป็นอะไรที่ยากพอสมควร เพราะเราต้องกะ timing จังหวะของเรื่องเอง สามารถตัดจบแบบค้างคาได้ถ้าเราแน่ใจว่า เดี๋ยวเราจะมาคลายปมนี้ทีหลัง คือเหมือนเป็นการทิ้งปมเอาไว้ให้อยากอ่านต่อ แล้วพอขึ้นบทใหม่ ก็อาจจะมีเกริ่นถึงเหตุการณ์ในตอนที่แล้วบ้าง คือไม่ใช่เล่าย้อน แต่ให้นางเอกมีคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าสักนิด เช่น... (ตัวอย่างเหตุการณ์เฉยๆ นะคะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องที่หนูเขียนน้า)


    ฉันรื้อค้นอย่างรีบเร่งแข่งกับเวลาก่อนที่พี่ชูก้าร์จะกลับเข้ามาถึง ในวินาทีที่กำลังจะถอดใจนั้นเอง สายตาของฉันก็มองเห็นบางอย่างนอนนิ่งอยู่ใต้เตียงที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะเหมือนไม่มีใครเข้าไปยุ่งอะไรตรงนั้นมานานแล้ว

    หลังจากเอื้อมมือเข้าไปจนสุดแขน สิ่งที่หยิบติดมือออกมาได้ก็ทำให้ฉันตกใจจนพูดอะไรไม่ออก...

    ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าที่จริงแล้วพี่ชูก้าร์ก็คือคนคนนั้น...

    ฉันตกตะลึงกับของที่พบอยู่สักพักหนึ่งก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน จึงรีบโยนมันกลับเข้าไปที่เดิมก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ถึงแม้หัวใจจะยังเต้นรัวแรงด้วยความช็อกอยู่ก็ตามที

    ....

    เย็นวันนั้น

    มื้ออาหารของเราเงียบสงบกว่าที่เคย พี่ชูก้าร์ในวันนี้ดูนิ่งเสียจนผิดสังเกต ซึ่งก็ดีเพราะตัวฉันเองก็ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง คิดถึงเรื่องของที่เจอใต้เตียงพี่เขาวนไปวนมาไม่รู้จบ...

    (เหตุการณ์คุยกันบนโต๊ะอาหาร)
    (นางเอกหลุดปากเรื่องของที่อยู่ใต้เตียง)
    (ชูก้าร์และนางเอกยืนประจันหน้ามองตากันแบบไม่มีใครยอมใคร)


    เป็นต้นนะคะ

    นอกจากนี้ยังสามารถตัดจบฉากที่ยืดเยื้อไม่จำเป็นได้ แบบตรงไหนที่เราสามารถยกยอดไปบรรยายรวบในตอนต่อไปได้ เราก้สามารถยกยอดไปได้นะคะ เช่น นางเอกไปทำความสะอาดห้องไหนสักห้องละทำตุ๊กตาพัง พยายามจะซ่อม ไม่จำเป็นต้องบรรยายตอนซ่อมก้ได้ถ้ามันไม่จำเป็น แต่สามารถตัดตอน แล้วข้ามไปเล่าแบบอีกครึ่งชั่วโมงให้หลัง ความพยายามของฉันไม่เป็นผลสำเร้จเลยแม้แต่น้อย อะไรแบบนี้ได้ค่ะ

    สู้ๆ นะคะ ^^ เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า




    #4
  • 1

แสดงความคิดเห็น