maya_vampire

[JLS02] Library love ห้องสมุดสื่อรักละลายใจ

“ สถานที่ที่เรียกว่าห้องสมุดที่ที่ไม่คิดว่าจะมีความรักของสองคนจะเกิดขึ้นได้...แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว” “ลูกหมี” จะได้เจอกับหนุ่มรุ่นน้องอารมณ์ดี “คลาสสิค” พบวิธีการจีบแสนละลายใจไปพร้อมๆกันได้แล้วค่ะ

0%
VOTE
ตอนก่อนหน้า

ตอนที่ 6/7 :: …ดาวดวงนั้นกับเวลาที่เริ่มเดิน...

ตอนถัดไป

ตอนที่ 6

ดาวดวงนั้นกับเวลาที่เริ่มเดิน...


            พักเที่ยง

            @โรงอาหารมหาวิทยาลัย


            ฉันกับตาลเพิ่งเรียนคาบเช้าเสร็จ วันนี้มีคลาสแค่ตอนเช้าเท่านั้น แถมอาจารย์ก็สั่งการบ้านมาเพิ่มอีกแล้ว T0T โฮกกก..ขนาดงานเก่าฉันยังทำไม่เสร็จเลยยังจะมาสั่งเพิ่มอีก    ช่วงบ่ายนี้เขาปล่อยกลับบ้านเพื่อให้นักศึกษาที่สนใจมางานเฟรชชี่ไปแต่งตัวได้อย่างเต็มที่  และฉันก็กำลังคิดหนัก =0= ก็เพราะฉันดันต้องมางานนี้ด้วยน่ะสิ ฉันไม่น่าไปตบปากรับคำกับคลาสสิคไว้เลย ยัยลูกหมีเอ๊ย เห็นของกินมาล่อหน่อยไม่ได้ -3- แต่ก็ช่างเถอะ เอาเรื่องงานเฟรชชี่ไว้ก่อน ตอนนี้ฉันหิวมากกก...ท้องร้องดังโครกครากแล้วเนี่ย ตาลเดินไปสั่งข้าวมันไก่ ส่วนฉันก็เดินเลยไปอีกร้าน


            ฉันมองป้ายร้านก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า...โอ๊ะ แปลกใจล่ะสิว่าทำไมฉันถึงมากินอันนี้  วันนี้เกิดอารมณ์อยากกินเส้นขึ้นมา >__< มีเส้นอะไรบ้างน๊า... ฉันคิดอยู่สักพักก็สั่งป้าเจ้าของร้าน เป็นจังหวะเดียวกันที่กลุ่มผู้ชายใส่เสื้อช็อปวิศวะเดินเข้ามา พร้อมกับเสียงเข้มที่เอ่ยสั่งขึ้นพร้อมฉัน


            “เอาเส้นเล็ก น้ำตกค่ะ / เอาเส้นเล็ก น้ำตกครับ” ฉันหันขวับไปหาต้นเสียงก่อนจะตาโต เมื่อคนตรงหน้าของฉันคือ คลาสสิค !! อะไรเนี่ยยย ทำไมต้องมาสั่งอย่างเดียวกับฉัน ลอกกันนี่ เขาทำตาโตนิด ๆ



            “พี่ลูกหมี ^^ เราสั่งอย่างเดียวกันเลยอ่ะ แสดงว่าใจตรงกันแน่เลย” เขายิ้มกว้างพร้อมกับทักฉัน แล้วหันไปบ๊ายบายเพื่อนที่เดินมาด้วยกันเมื่อกี้


            “งั้นไว้เจอกันตอนเย็นเว้ยไอ้คลาส เดี๋ยวพวกฉันกลับก่อนละ ฝากโทรบอกไอ้ฟายด้วยว่าเจอกันหน้างาน” คลาสสิคพยักหน้ารับรู้เพื่อนของเขาที่เดินไปจากตรงนี้ ตอนนี้เลยเหลือแค่เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉัน มีร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้านแต่ทำไมต้องเดินมาร้านนี้กันล่ะยะ =^=


            “แปลกจังเลยนะครับ ที่วันนี้พี่กินก๋วยเตี๋ยว ปกติเห็นกินแต่ข้าวมันไก่” เขาถามขึ้น ฉันยักไหล่พร้อมกับหยิบชามก๋วยเตี๋ยวที่ทำเสร็จแล้ว


            “ก็แค่อยากกิน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอก” ฉันว่าแล้วจ่ายเงินให้กับป้าเจ้าของร้าน ส่วนคลาสสิคเองก็จ่ายเช่นเดียวกัน แต่สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเงินของเขา ! 0__0 กระเป๋าเงินลายหมีน้อยสีน้ำตาล ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้กระเป๋าลายน่ารักขนาดนี้! >0< ฉันมองสำรวจดูก็สังเกตเห็นว่า นาฬิกาข้อมือที่เขาใส่อยู่ก็เป็นรูปหมีน้อยสีน้ำตาล เมื่อได้ไล่สายตาสำรวจเขาฉันก็มองเพลินไปหน่อยจนเจ้าตัวเองก็รู้สึกแล้วหันขวับมามองฉัน ขณะที่เขากำลังเด็ดผักใส่ชาม


            “อย่าจ้องผมแบบนั้นสิครับพี่ ผมก็เขินเป็นนะ ^^” เขากระตุกยิ้มละลายใจมา ฉันเลยชะงักแล้วหันไปตักน้ำพริกเผา


            “เปล่า...ฉันไม่ได้จ้องซะหน่อย แค่สงสัยว่า...นายเจาะหูด้วยเหรอ” ฉันมองหน้าเขาแล้วเห็นตรงหูของเขามีต่างหูรูปหมีน้อยสีน้ำตาลอีกแล้ว! โห นี่เขาชอบหมีน้อยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ฉันกำลังแอบสงสัยว่า...กางเกงในเขาลายหมีน้อยด้วยไหม ? >///< อ๊ายยย!! ไม่ใช่ ๆ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นหร๊อกกก...



            เขาดูชะงักนิด ๆ เมื่อฉันถามถึงต่างหูข้างเดียวของเขา เขาหูแดงขึ้นมาด้วยล่ะ


            “ก็เจาะนานแล้วล่ะครับ แต่ปกติไม่ได้ใส่ต่างหู ผมกลัวมันจะตันก็เลยหาต่างหูมาใส่ไว้ก่อนน่ะ” เขาตอบตะกุกตะกักนิดหน่อย ฉันเห็นเขาเด็ดผักใส่จนจะล้นชามอยู่ละ ฉันเลยอนุเคราะห์ใจดีจะตักพริกเผาให้



            “เอาพริกเผามะ ? เดี๋ยวฉันตักให้” เขาทำท่าสะดุ้งเหมือนจะยกมือห้าม ฉันที่กำลังตั้งใจจะตักไปให้เขาก็หยุดมือไว้ เอ๋ ? อย่าบอกนะว่าหมอนี่ไม่กินเผ็ด ?


            “ถ้าไม่เอาก็ไม่เป็นไรนะ” ฉันว่าอย่างไม่จริงจังพร้อมกับวางช้อนลง เขาเลยร้องขึ้น



            “เออ...ใส่เลยครับ ผมกินได้ พี่ลูกหมีตักใส่ให้ผมหน่อยครับ” ฉันนึกขำในใจ ดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ชอบกินเผ็ดแต่ก็ยังจะเอาไปใส่ชามตัวเองเพราะฉันบอกจะเป็นคนตักให้เนี่ยนะ ฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรืออะไรหรอกนะ แต่การกระทำที่เขาแสดงออกมันก็ดูไม่ยากนักหรอก



            ฉันไม่ได้ตักให้เขาแต่กลับถือชามของตัวเองกลับไปที่โต๊ะ ตาลที่นั่งรออยู่ก็ทำตาโต เธอส่งสายตาไปข้างหลังฉัน มีอะไรเดินตามหลังฉันมางั้นเหรอ !! =[]= ฉันหันไปก็เจอคลาสสิคที่เดินถือชามตามมาด้วย โอ๊ยยย เขาทำหน้าเหมือนเด็กน้อยโดนผู้ปกครองทิ้งหน้าร้านข้าวไม่มีผิด


            “พี่ ผมขอนั่งด้วยคนนะ ผมไม่มีเพื่อนนั่งกินข้าวเลยอ่ะ กินคนเดียวมันเหงา ขอบคุณครับ ^^” เขาขอและไม่รอให้ได้คำตอบก็นั่งลง ฉันนั่งฝั่งตรงข้ามข้างตาลมองชามก๋วยเตี๋ยวของคลาสสิคที่ใส่พริกเผาลงไปด้วย ดูท่าทางเขาจะหิวเลยกินทันที หมอนี่มีความใจกล้ามากที่เสี่ยงตักพริกเผาใส่ลงไปทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบ บ้ารึเปล่าเนี่ย ถ้าไม่ชอบก็น่าจะปฏิเสธไปเลยก็ได้นี่นาไม่เห็นจะต้องฝืนใจ...ฉันชะงักกับความคิดของตัวเองเมื่อกี้ นั่นสิ...ถ้าไม่ชอบก็น่าจะปฏิเสธไปเลย



            10 นาทีผ่านไป


            คลาสสิคสูดน้ำมูกฝืด ๆ อยู่ตรงหน้าฉัน หน้าเขาแดงไปหมด รับรู้ได้เลยว่าเขากำลังเผ็ดมากถึงมากที่สุด


            “นายหยุดกินดีกว่าไหมคลาสสิค ปากนายแดงหมดแล้วเนี่ย” เขาพยักหน้ารับเหมือนฟังคำสั่งฉัน เขายกขวดน้ำขึ้นดื่มจนหมดขวดแต่ดูท่าทางเขาจะยังเผ็ดค้างอยู่ ฉันมองเขาที่พ่นลมออกจากปากเพื่อระบายความร้อน โอ๊ย ฉันควรจะขำหรือสงสารดี


            “รู้ว่าตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ แล้วยังจะตักมาใส่อีก ไม่เห็นจะต้องฝืนใจเลยนิ” ฉันว่า


            “ผมไม่เป็นครับ ไม่เผ็ดเท่าไหร่หรอก นาน ๆ กินทีก็รู้สึกสดชื่นดีเหมือนกัน...อีกอย่างพี่ลูกหมีแนะนำพริกเผามา ผมเลยอยากลอง” ฉันทำหน้าเอือม ฉันไม่ได้แนะนำย่ะ! แค่ใจดีจะตักให้เฉย ๆ เขากินหมดก็เช็ดปากของตัวเองแล้วพูดขึ้น


            “งั้นผมคงต้องไปแล้วล่ะครับ ผมจะรอเจอพี่ที่งานนะครับพี่ลูกหมี” เขาขยิบตาให้ฉันอย่างขี้เล่น ก่อนจะมองนาฬิกาของตัวเองแล้วขอกลับไปที่กองประกวด หลังจากนั้นฉันกับตาลก็แยกกันกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวมางานเฟรชชี่ จริง ๆ ตาลจะไม่มาแต่ฉันอ้อนจนเธอยอมมาเป็นเพื่อนฉันจนได้ ><



            เวลา 19:00 น.


            ตั้งแต่ฉันกลับมาถึงบ้านตอนเที่ยง ฉันก็โดนแม่จับแต่งตัวใส่ชุดราตรีตัวเก่งของแม่ที่ภูมิใจนำเสนอ ฉันใส่ชุดราตรีทั้ง ๆ ที่กินเพิ่งอิ่ม เฮือก ! เก็บพุงด่วน! แม่ของฉันดูตื่นเต้นมากเมื่อรู้ว่าลูกสาวผู้ไม่เคยออกงานจะไปงานเฟรชชี่ =0= แม่เลยจัดให้ฉันซะเต็มที่ ทั้งหน้า ทรงผม ชุด แถมการแต่งตัวของฉันยังกินเวลานานจนเลยเวลาเปิดงานด้วย!!



            “โอ๊ะ!! ฝีมือการแต่งหน้าของแม่ยังใช้ได้อยู่เลยนี่นา...ลูกหมีไหนยืนขึ้นหน่อย มองกระจกตรงหน้าลูกสิ” ฉันลืมตาขึ้นเพราะว่าแม่สั่งให้หลับตอนทามาสคาร่า


            ฉันมองกระจกอึ้ง ๆ 0____0 คนตรงหน้าฉันคือใครเนี่ย !! OMG นี่ฉันเหรอ... ฉันอ้าปากเหวอ แม่เลยหัวเราะเบา ๆ แล้วเอามือแตะปากฉันขึ้น ใบหน้าของฉันถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางค์บาง ๆ แต่ก็ทำให้หน้าดูมีสีสันมากขึ้น แก้มที่อมชมพูระเรื่อ บวกกับริมฝีปากที่หวานฉ่ำ ผมยาวกลางหลังของฉันถูกดัดให้ม้วนเล็กน้อย ชุดราตรีสีขาวฟูฟ่องราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย >0< ทำไมฉันรู้สึกขัดเขินขึ้นมา


            “ทีนี้ ลูกก็พร้อมจะไปเจอเจ้าชายในงานแล้ว” แม่ยิ้ม

            “ลองเปิดใจรับอะไรใหม่ ๆ เข้ามา แล้วลูกจะรู้จักสิ่งที่แสนพิเศษที่วนเวียนอยู่รอบตัวของลูก โชคดีนะจ๊ะ เจ้าหญิงของแม่” แม่พูดทิ้งท้ายเหมือนเป็นปริศนาให้ฉันหาคำตอบเอง ก่อนจะให้พ่อขับรถไปส่งฉันที่มหาวิทยาลัย



          @งานเฟรชชี่ไนท์


            ฉันมาสายกว่าเวลาที่เปิดงาน งานเริ่มไปถึงไหนแล้วเนี่ย ฉันลากกระโปรงยาวฟูฟ่องพร้อมกับรองเท้าส้นสูงคู่เล็กที่ฉันไม่ถนัดเลยสักนิดทำให้ฉันเดินค่อนข้างลำบาก อ๊าก ถ้าฉันไปสะดุดล้มกลางงานจะเป็นอะไรที่หน้าอายขั้นสุดยอด =0= เพราะงั้นฉันต้องตั้งสติดี ๆ คนสวยจะล้มไม่ได้! >0< เมื่อเดินเข้ามาในงานทุกสายตาก็หันมองฉันอย่างอึ้ง ๆ ประมาณว่าเป็นไปได้เหรอ =___= ขอโอกาสให้ฉันได้สวยบ้าง โฮะ ๆ นี่ฉันต้องโบกมือแบบนางงามด้วยมะ แต่ยังไม่ทันจะทำอะไรเสียงของตาลก็ดังเบรกฉันก่อน



            “ยัยลูกหมี!! เธอสวยมาก แต่เธอก็มาสายมาก มานี่เลย” ฉันมองตาลที่อยู่ในชุดสูทพร้อมกับลากฉันไปตามเธอ



            “โห ทำไมเธอหล่อแบบนี้ล่ะ ตาลลล 0[]0” ฉันตาโต ตาลส่ายหน้า


            “ฉันรู้ว่าฉันหล่อไม่ต้องมาชมตอนนี้ เธอรู้ไหมว่าการประกวดมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว และก็กำลังอยู่ในสถานการณ์กดดันด้วย ทำไมเธอไม่มาเชียร์เด็กในสังกัดเธอเร็ว ๆ ล่ะเนี่ย” ตาลว่า คำว่าเด็กในสังกัด ฉันก็รู้เลยว่าต้องหมายถึงอีตาคลาสสิคแน่ ๆ ฉันขมวดคิ้ว กดดันอะไร ? นี่ฉันพลาดอะไรไปเหรอ แต่งตัวนานไปหน่อยเหรอเนี่ยยย =,,,= โฮก ไหนเครปเค้กของฉันอ่า..



            “ต่อไปจะเป็นรอบสุดท้ายของการประกวดแล้วนะครับบบ!! สาว ๆ เชียร์หนุ่มคนไหนมากกว่ากันเอ่ยยย?” เสียงพิธีกรประกาศขึ้น ฉันเงยหน้ามองบนเวทีก็สบตากับคลาสสิคที่อยู่ในชุดของเจ้าชายอสูร ชุดเรียบง่ายสีน้ำเงินขอบปกเสื้อสีเหลือง เอ๊ะ ? ทำไมหมอนี่ได้ใส่ชุดนี้กัน แต่ความหล่อของเขาก็ไม่ได้น้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียวถึงจะใส่ชุดธรรมดา ๆ ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นว่านที่อยู่ในชุดเจ้าชายเต็มยศ ทำให้ฉันแปลกใจมาก คลาสสิคยิ้มให้ฉันนิด ๆ



            “นี่มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะตาล ทำไมคลาสสิคถึงได้ใส่ชุดนี้ คอนเซ็ปเขาจัดมาเป็นเจ้าชายหมดไม่ใช่เหรอ” ฉันกระซิบถามทันที ปกติชุดที่กองประกวดจัดไว้น่าจะหรูหราเหมือนของเดือนคนอื่นที่ประกวดสิ



            “เห็นมีข่าวจากวงในว่า ชุดเจ้าชายของคลาสสิคดันหายก่อนเขาจะขึ้นประกวด และก็เหลือแค่ชุดนี้ที่ไม่มีใครเอา เขาเลยตัดสินใจใส่ชุดนี้ขึ้นประกวดน่ะสิ...ดูเหมือนคนที่ชื่อว่านจะพยายามที่จะเอาชนะคลาสสิคให้ได้” ตาลว่าออกมา ห๊ะ? มีการขโมยชุดกันเนี่ยนะ จงใจแกล้งกันชัด ๆ! ไม่ทันที่ฉันจะถามอะไรต่อ แสงไฟสปอร์ตไลท์ก็ส่องมาที่ฉัน 0[]0!!



            “กรรมการแอบกระซิบมาว่า เห็นเจ้าหญิงวิ่งเข้ามาในงานเฟรชชี่ของเราคืนนี้ด้วยครับ ^^ เจ้าหญิงแสนสวยจะเป็นคนช่วยเลือกเจ้าชายของเธอคืนนี้ด้วยนะครับ ขอเชิญด้วยครับผม!” พิธีกรพูดรัวจนฉันยังงง ที่จู่ ๆ ก็ถูกเชิญไปกลางฟอลเต้นรำ โอ๊ย ฉันมางานสายไม่รู้เรื่องอะไรแถมยังโดนลากมาเอี่ยวกับการเลือกเจ้าชายอีก ฉันมาหาของกินโว้ย อะไรกันเนี่ย !!


            เมื่อเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้ฉันเลยจำใจต้องยกกระโปรงสะบัดพลิ้วไปกลางฟอลอย่างเอ๋อ ๆ ก่อนคลาสสิคกับว่านจะเดินลงมาตรงที่ฉันยืนอยู่ ฉันแอบเห็นว่านส่งสัญญาณให้กรรมการด้วย =,,,= หืม น่าสงสัย ฉันวิเคราะห์ภาพตรงหน้าอย่างมองออก



            “และค่ำคืนนี้ เราจะให้สิทธิ์เจ้าหญิงเลือกเจ้าชายเพียงหนึ่งคนมาเคียงข้างนะครับ” เสียงพิธีกรพูด ว่านกระตุกยิ้มเหมือนผู้ชนะ ส่วนคลาสสิคเองก็เอาแต่ยิ้มบาง ๆ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าไม่สมกับเป็นเขาเลยนะ ปกติเขาจะพูดมากกว่านี้นี่นา มีอะไรเกิดขึ้นก่อนฉันจะมางานนี้รึเปล่านะ...



            “พี่ลูกหมีคงไม่ต้องคิดอะไรมากเลยใช่ไหมล่ะครับ...เพราะยังไงพี่ก็ต้องเลือกคนที่เป็นเจ้าชายผู้เพียบพร้อมอยู่แล้ว นายไม่มีวันชนะฉันหรอก คลาสสิค” ว่านบอกอย่างจงใจจะหักหน้าของคลาสสิค ทุกคนที่อยู่ในงานก็มองมาที่ฟอลเป็นจุดเดียว คลาสสิคมองนิ่งไม่ได้สนใจแต่เขากลับหันมาพูดกับฉันแทน



            “วันนี้พี่สวยกว่าที่ผมคิดไว้มากเลยนะครับ ถึงจะมาสายหน่อยแต่ผมก็ดีใจที่พี่มานะ” เขาบอกและทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากงาน ว่านยื่นมือออกมาขอมือของฉัน จริงอย่างที่เขาว่า...เจ้าชายก็ต้องคู่กับเจ้าหญิง... ฉันยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไป ทำให้คนทั้งงานอึ้งพร้อมกับร้องกรี๊ดเหมือนเชียร์


            หมับ


            ฉันคว้ามือของคลาสสิคไว้ เขาตาโตนิด ๆ ฉันมองหน้าว่านที่ดูเหมือนโกรธและเสียหน้ามากที่ฉันเลือกคลาสสิค


            “แต่ฉันไม่ใช่เจ้าหญิง...ฉันคงไม่ได้เกิดมาคู่กับเจ้าชายแบบนาย แต่ฉันคงจะคงเหมาะกับเจ้าชายอสูรแบบเขามากกว่า” ฉันหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างกัน เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มตอบ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุขและสร้างความมั่นใจให้คลาสสิคอีกครั้ง



            “มันมีอะไรดีนักหนา!! ทำไมทุกคนต้องคอยห่วงใยไอ้ขี้โรคอ่อนแอ คนนี้ด้วย !! ฉันหล่อกว่ามันตั้งหลายเท่า ต้องเป็นฉันสิที่ทุกคนมอง ! ฉันต้องชนะแกทุกอย่าง!” ว่านพูดโพล่งขึ้นมาพร้อมกับดึงมือฉันอีกข้างไป โอ๊ย เจ็บชะมัด



            พรึบ!! คลาสสิคกระชากมือของฉันกลับทันที ฉันรู้สึกว่ามือของเขาที่กุมมือฉันอยู่กำลังสั่นเทา ...ฉันรู้ว่าเขาอ่อนไหวมากกับคำว่า ขี้โรคอ่อนแอ เพราะมันคงทำให้เขานึกถึงสมัยวัยเด็กขึ้นมา ฉันทำท่าจะตอบกลับว่าน กล้าเอาปมด้อยของคนอื่นมาล้อต้องจัดการ แต่คลาสสิคก็ดึงมือฉันไว้ก่อน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ตอบกลับ



            “ฉันเองก็ไม่ได้อยากได้ตำแหน่งเดือนอยู่แล้ว ถ้านายอยากได้มันนักก็เชิญ อ้อ...แล้วเรื่องขี้โรคอ่อนแอ เก็บไปคิดมุขใหม่เถอะ เพราะมันไม่มีผลอะไรกับฉันแล้ว จะแปลกอะไรถ้าคนเราจะเคยอ่อนแอมาก่อน ถ้าเราไม่อ่อนแอก็ไม่มีวันรู้จักคำว่าเข้มแข็งหรอก...” เขาพูดจบก็จูงมือฉันออกไปจากงานทันที คำพูดของคลาสสิคเรียกเสียงฮือฮาจากทุกคนที่อยู่ในงานมาก



            ฉันถูกคลาสสิคลากออกมาจากงาน โอ๊ย หมอนี่ชอบพาฉันเดินเร็ว ๆ อีกแล้ว นี่ฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้มาเพื่ออะไร อยู่ในงานยังไม่ถึง 10 นาที!! แอบเวอร์นิดหน่อย >--< แถมเครปเค้กฟรีก็ยังไม่ได้กิน T^T ง่ะ ๆ


            “คลาสสิคหยุดก่อน...คือฉันเจ็บเท้า! อ๊ะ...” ฉันร้องบอกก่อนจะรองเท้าพลิก อ๊าก ฉันที่ไม่ชินกับส้นสูงก็พลาดท่าจนได้ ร่างฉันเซและทำท่าจะล้ม ฉันต้องหน้ากระแทะพื้นแน่เลย >^< งื้ออออ!!



            “พี่ลูกหมีระวังครับ!!


            หมับ มือหนาของเขาคว้าเอวของฉันไว้ได้ทัน ฉันเงยหน้ามองเขาที่อยู่ใกล้ฉันมาก 0///0 !! หัวใจของฉันเต้นแปลก ๆ ก่อนเขาจะปล่อยฉันออกจากอ้อมแขน



            “ขอโทษครับ ผมเดินเร็วจนลืมพี่อีกแล้ว พี่เจ็บขาเหรอ? ไหนขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ” เขาสังเกตเห็นว่าฉันทำสีหน้าเจ็บเหรอ ? เขาทำหน้าเหมือนว่าฉันเจ็บมากยังงั้นแหละ =,,,=  เขานั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าพร้อมกับเอื้อมมือมาถอดรองเท้าส้นสูงของฉันทางด้านขวาออก เมื่อเขาถอดฉันก็รู้สึกแสบ T-T


            “โอ๊ย ทำไมมันแสบ ๆ อ่ะ =0=” ฉันว่าพลางไม่กล้ามองเท้าตัวเอง คลาสสิคทำตาโตเมื่อเขาจับดูข้อเท้าของฉันอย่างเบามือ



            “มันเลือดออกนี่พี่!! ไม่ต้องมองเลยนะ มันกัดแล้วทำไมไม่เอาพลาสเตอร์มาติดไว้เนี่ย แถวนี้ไม่มีพลาสเตอร์ซะด้วยสิ ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ชินกับส้นสูงพี่ก็ต้องเซฟตัวเองหน่อยสิครับ งั้นเอาผ้าเช็ดหน้าของผมพันไว้ก่อนก็แล้วกัน” เขาบ่นมาเป็นชุด ฉันมองก่อนจะร้องห้ามว่าไม่ต้องลำบากเอาผ้าเช็ดหน้าของเขามาพันเท้าฉันหรอก =[]= นายลงทุนเกินไปแล้ว แต่ฉันก็ต้องจ้องผ้าเช็ดหน้าของเขานิ่ง ๆ ...ก็มันเป็นลายหมีตัวน้อยสีน้ำตาลอีกแล้ว ฉันเลยเผลอยิ้มออกมาให้กับความน่ารักของเขา



            “พี่ยิ้มอะไรครับ ? ดีใจที่รองเท้ากัดเหรอ หึหึ” คลาสสิคพันแผลให้เสร็จก็เงยหน้าขึ้นพูดจากวนพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจประจำตัวเขา



            “นายเนี่ยชอบใช้ของลายนี้ตลอดเลยเนอะ ทั้งกระเป๋า นาฬิกา แล้วไหนจะผ้าเช็ดหน้าอีก...นายชอบลูกหมีมากเลยเหรอ” ฉันพูดไล่ไปเรื่อย ๆ ก่อนจะชะงักกับประโยคที่ตัวเองเพิ่งพูดไป ก็ฉันดันพูดว่า...ชอบลูกหมีมากเลยเหรอ....มันก็เหมือนกับกำลังถามเขาว่าชอบฉันมากน่ะสิ!! เอ๊ะ หรือฉันจะคิดมากไปเอง =3=


            “ชอบมากสิครับ ลูกหมีเนี่ย” เขากระตุกยิ้มแล้วลุกขึ้น รองเท้ากัดนี่มันเจ็บชะมัดเลย ฉันใส่ยังไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ T_T ใครใส่ได้นาน ๆ นับถือเลยอ่ะ ฉันกำลังจะใส่รองเท้าส้นสูงคืนก็ถูกเขาร้องห้าม



            “อ๊ะเดี๋ยว ถ้าพี่ใส่อีกก็เจ็บเท้าน่ะสิ...เอางี้ ถอดรองเท้าออกมาครับ แล้วพี่เอารองเท้าผมไปใส่” คลาสสิคถอดรองเท้าของเขามาให้ฉัน ส่วนเขาก็ใส่แค่ถุงเท้าสีดำ 0[]0 ไม่อยากจะเชื่อ! ว่าฉันจะได้มีโมเมนต์ราวกับในหนังยังไงยังงั้น >////<



            ฉันถอดส้นสูงออกทั้งสองข้างแล้วสวมรองเท้าของเขาที่ใหญ่กว่าฉันมาก แต่ก็พอใส่เดินได้ เขากระตุกยิ้มพร้อมกับหยิบรองเท้าส้นสูงของฉันไป ห๊ะ!! อย่าบอกนะว่าเขาจะเอาไปใส่! >0< แฮะ ๆ ไม่ใช่หรอก เขาเอาไปถือไว้ต่างหาก โอ๊ย ความสุภาพบุรุษของเขาพุ่งมากกก...



            “ขอบคุณนะสำหรับรองเท้าแล้วก็ผ้าเช็ดหน้าด้วย” ฉันเอ่ยขึ้น ระหว่างที่กำลังเดินอยู่บนฟุตบาทที่ข้าง ๆ เป็นทะเลสาบ เขากระตุกยิ้มขี้เล่นและผ่อนคลายกว่าตอนที่อยู่ในงานประกวด



            “ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณพี่ ที่เลือกเจ้าชายอสูรอย่างผม...ผมดีใจนะครับ ที่พี่คว้ามือของผมไว้ ^^” เขาหยุดเดินแล้วเอาแขนไปท้าวกับราวกั้นระหว่างขอบทะเลสาบ ใบหน้าหล่อที่มีแสงจันทร์ตกกระทบได้มุมพอดี เขาดูหล่อมากในชุดนี้ ฉันว่ามันดูคูล ๆ ดีนะ >__< จะไปจ้องเขาทำไมเล่ายัยบ้า! ระหว่างที่ฉันกำลังแอบจ้องหน้าเขา คลาสสิคก็หันหน้ามาหาฉัน


            “พี่เห็นดาวดวงนั้นไหมครับ ?” เขาชี้มือไปที่ดาวสุกใสบนท้องฟ้า



            “เห็น..ทำไมเหรอ แต่จะว่าไปคืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้าเลยเนอะ ดูสิ” ฉันชี้บ้างก่อนจะมองอึ้ง ๆ เมื่อเขาพูดประโยคต่อมาที่เหมือนกับในหนังสือเทพนิยายเล่มโปรดของฉันเป๊ะ



            “ผมจะเก็บดาวดวงนั้นมาให้พี่นะ” เขาไม่พูดเปล่าแต่ยื่นมือไปหาดวงดาวแล้วกำมือ เขาเลื่อนมาตรงหน้าของฉัน “พี่ลองเป่าคาถาก่อนเร็ว” คำพูดอย่างกับเด็กน้อยของเขาทำให้ฉันส่ายหน้าเอือมแต่ก็ยอมเล่นตามเขา ฉันเป่าลมไปที่กำปั้นของเขาและฉันก็ต้องตาโต เมื่อเขาแบมือออกก็เผยให้เห็น



            ...กิ๊ฟติดผมรูปดาวระยิบระยับ...0[]0 เอ๋!!? เขาไปเอากิ๊ฟมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย! เขากระตุกยิ้ม


            “ผมให้พี่นะครับ” ฉันรับมาแล้วยิ้มให้กับกิ๊ฟอันเล็กในมือ



            “ขอบคุณสำหรับดาวที่เก็บมาให้นะ ฉันชอบมันมากเลยล่ะ” นี่เขาไปซื้อมาเองรึเปล่านะ >0< มันค่อนข้างน่ารักมาก ระหว่างที่ฉันกำลังพิจารณากิ๊ฟในมือ เสียงเข้มก็พูดประโยคบางเบาตามสายลมออกมา



            “ผมพร้อมที่จะรอพี่ได้เสมอนะครับ...เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าเวลารอของผมเหลืออีกนานแค่ไหน...” ประโยคหลังเบาเกินกว่าที่ฉันจะได้ยินจนฉันต้องหันขวับไปหาเขา และเป็นจังหวะเดียวกันที่คลาสสิคดันเขยิบเข้ามาใกล้ฉัน



            “นายพูดว่าอะไรนะข้างหลังฉันไม่ได้ยิน...อ๊ะ...” ความสูงของฉันที่มันเตี้ยกว่าเขาเป็นเหตุให้ ริมฝีปากหนาของประทับลงตรงหน้าผากของฉันทันที 0____0!! ราวกับหัวใจจะหยุดเต้นชั่วขณะ ว๊ากกก!! เขาจูบหน้าผากฉันพอดีเป๊ะ! ฉันกับเขาผละออกอย่างตกใจ ดูคลาสสิคเองก็หูแดงไปหมดเหมือนกัน =///= อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้


               และทุกอย่างก็อยู่ในอาการเงียบ  
จะพูดอะไรดีเพื่อทำลายความเงียบเนี่ย -0- ในสมองฉันมีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละตอนนี้!


            “เออ...ฉัน...ฉันหิวแล้ว! ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะ นายลากฉันออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กินเครปเค้กเลยด้วย” ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบพร้อมทวงของกิน คลาสสิคเลยยิ้มออกมา



            “งั้นเราไปหาอะไรกินแถวร้านข้างทางก็ได้ครับ ผมเลี้ยงเอง ผมมีร้านเครปเค้กอร่อย ๆ อยู่ เดี๋ยวพาไป ตกลงไหมครับ?” เขาเสนอ >0< พอได้ยินคำว่าเลี้ยงมีเหรอจะปฏิเสธ ฉันรู้สึกสดใสขึ้นมาทันที


            “โอเค! งั้นก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ ! ...แต่ จะใส่ชุดนี้ไปเนี่ยนะ??” ฉันชะงักแล้วดูชุดตัวเองกับชุดเขา อย่างกับหลุดมาจากเทพนิยาย


            “ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่แก้ผ้าเข้าไปเขาก็ให้เข้าแล้วล่ะ” คลาสสิคพูดอย่างขี้เล่นตามสไตล์เขา โว๊ะ พูดมาได้แก้ผ้า =0= ฉันเลยแอบจินตนาการตามด้วยเลย! >3< อ้าว ไม่ใช่!


            ฉันรวบกระโปรงยาวของตัวเองและเดินนำหน้าคลาสสิคไป ก็ต้องชะงักหันกลับมามองเขาที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้น


            “พี่ลูกหมี” ฉันเลิกคิ้วเชิงคำถาม เขามองก่อนจะพูดออกมา “ผมเป็นโรคหัวใจ”


            “ห๊ะ!!? 0_0” ฉันตาโตเหมือนใจเบาหวิวเมื่อได้ยิน แล้วก็ต้องยกกำปั้นใส่เขาเมื่อเขาพูดต่อ



            “หัวใจขาดพี่ไม่ได้...” คลาสสิคยิ้มบาง ๆ โอ๊ยยย! ตางั่ง ฉันตกใจหมด



            “ตาบ้า! มุขอะไรเนี่ย คนเขาตกใจหมด เดินมาเร็ว ๆ เลย! หิวแล้วเนี่ย!” ฉันโวยวายขึ้น เริ่มจะโมโหหิวแล้วนะย่ะ!! =[]= เขาเลยรีบวิ่งตามด้วยใบหน้าสดใส


            “ครับ ๆ หยอกนิดหยอกหน่อยก็ไม่ได้ ^^” เขายิ้มทะเล้น


            “นายต้องเลี้ยงในสิ่งที่ฉันอยากกินทุกอย่างเลยเข้าใจมะ” ฉันว่าแล้วไล่รายชื่ออาหารที่ฉันอยากกินทั้งหมด >< ไหน ๆ เขาก็จะเลี้ยงแล้วก็ต้องกินให้คุ้มหน่อยสิ โฮะ ๆ เขาที่เดินตามก็พยักหน้าอย่างตามใจทุกอย่าง....



.............................................................................................................................................................................................

ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ^^ มาถึงตอนที่ 6 เเล้วววว ขอบคุณมาก ๆ ค่าที่คอยเอาใจมาตลอด ขอขอบคุณพี่ลูกชุบที่คอยให้คำแนะนำในทุก ๆ เรื่องค่ะ ^0^

1 ความคิดเห็น

  • 1
  1. #1 (จากตอนที่ 6)
    2017-02-20 02:44:30
    อ่ะๆ อยู่ดีๆ ก็มีโรคหัวใจ
    ยังไง ยังงายยยย

    คำติเดิมๆ เหมือนอาทิตย์ที่ผ่านๆ มาละ อันนี้พี่จะไม่พูดถึงแล้วนะ อันนี้ที่จะเพิ่มเติมคือเรื่องไม่ค่อยคืบหน้าเลย เหมือนจะคืบแต่ไม่คืบอ่ะ วนอยู่ที่จีบลูกหมีอย่างเดียว

    จริงๆ พี่ชอบรายละเอียดในเรื่องของเรานะ เรื่องกินเผ็ด เรื่องของใช้ลูกหมีอะไรแบบนี้ มันน่ารักดี เหมือนจริงๆ เราสามารถคิดฉากและรายละเอียดดีๆ ได้แต่ยังเอามาเล่าให้น่ารักได้ไม่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับการบรรยาย ลำดับเรื่องและบทสนทนาถึงจะทำให้เรื่องออกมาลื่นไหลได้ สามจุดนี้เราต้องไปทำการบ้านอีกทีอ่ะ พี่คิดว่ามันไม่ใช่หมายความว่าเราคิดงานออกมาไม่ดี แต่วิธีการสื่อสารออกมามันยังไม่สุด

    เน้นอ่านเยอะๆ อันนี้สำคัญมาก ถ้าเราอ่านเยอะ เราจะมีคลังศัพท์ และรู้วิธีการบรรยายเยอะขึ้นอ่ะ เทคนิคพี่แนะนำไปแล้ว บางทีเราลองอ่านไดอะลอคที่เราเขียนออกมาเสียงดังๆ ถ้าอันไหนแปร่งก็ลองดัดแปลงดู


    #1
  • 1

แสดงความคิดเห็น