สวัสดีค่ะน้องๆ dek-d.com พี่เหมี่ยวเจ้าเก่ารายงานตัวกับน้องๆ ที่คอลัมน์ "เตือนภัยเด็กดี" ค่ะ ... หลายครั้งเหลือเกินนะคะที่เราพบเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับภัยร้ายใกล้ตัวที่มักเกิดกับ "ผู้หญิง" ไม่ว่าจะเป็นการทำเพื่อชิงทรัพย์ หรือล่อลวง ก็ตาม

     อาจจะเป็นเพราะ "ผู้หญิง" นั้นเป็นเพศที่อ่อนแอ อ่อนไหว ขี้สงสาร และบางครั้งเมื่อถูกสถานการณ์รอบข้างกดดัน หรือหว่านล้อมมากๆ เข้า ก็จะง่ายต่อการถูกล่อลวงจากพวกผู้ไม่ประสงค์ดีที่เข้ามาในรูปแบบต่างๆ

     วันนี้เพื่อนเป็นการให้น้องๆ dek-d.com โดยเฉพาะสาวๆ รู้เท่าทันต่อภัยร้ายที่อาจจะเข้ามาถึงตัวเราได้ พี่เหมี่ยวก็มีวิธีป้องกันตัวและเซฟตัวเองให้ปลอยภัยต่ออันตรายจากพวกผู้ไม่ประสงค์ดีและเหล่ามิจฉาชีพ มาฝากกันค่ะ

     มาดูกันนะคะว่าเมื่อเราตกอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงต่ออันตรายแล้ว เราจะมีวิธีเอาตัวรอดยังไง ...

     1. เกร็ดความรู้จากการป้องกันตัวแบบ "จีจ้า"

     พี่เหมี่ยวไม่ได้เขียนเอาฮานะคะน้องๆ แต่ตามหลักของวิชาเทควันโด้เค้าบอกไว้ว่า ข้อศอกเป็นจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของร่างกาย หากเราถูกทำร้าย หรือกำลังจะถูกทำร้าย และถ้าเราอยู่ในระยะที่ใกล้พอ ก็ให้สวมวิญญาณจีจ้า (ตังค์มา ตังค์แม่มา หาหมอ ... เฮ้ย!!! ไม่ใช่ละ)ใช้ข้อศอกให้เป็นประโยชน์ โดยการสับศอกลง ณ จุดสำคัญของคู่ต่อสู้ได้เลยค่ะ

     2. เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ

     มีข้อแนะนำแปลกๆ จากหนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวเมืองนิวออร์ลีนส์เขียนไว้ว่า หากผู้หญิงถูกโจรจี้และขอกระเป๋าถือหรือกระเป๋าสตางค์ อย่ายื่นกระเป๋าให้โจร แต่ให้เขวี้ยงกระเป๋าไปไกลๆ เพราะเป็นไปได้ว่าเจ้าโจรนั่นอาจสนใจเงินหรือข้าวของในกระเป๋ามากกว่าตัวเรา เจ้าโจรมันจะวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่เราโยนออกไป ทีนี้เราก็จงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม (เงินทองเป็นของนอกกาย หาเอาใหม่แล้วกันนะคะ -*-)

     3. “สติ” และประสาทต้องตื่นตัวอยู่เสมอ

     ต้องหมั่นสำรวจรอบตัวมองข้างในรถทั้งที่นั่งข้างคนขับ พื้นรถรวมถึง เบาะหลังด้วย เพราะคนร้ายอาจแอบอยู่หลังเบาะคนขับก็เป็นได้ ซึ่งในกรณีนี้หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว

     4. ล็อคประตูรถทุกครั้ง

    ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าบ่อยครั้งเมื่อผู้หญิงส่วนใหญ่มักมองข้ามในเรื่องของการล็อคประตูรถยนต์ (ไม่ว่าเราจะเป็นคนขับหรือคนนั่งก็ตาม) เหตุการณ์ร้ายแรงส่วนหนึ่งที่หลายคนประสบก็คือคนร้ายมักเปิดประตูรถและปล้นทรัพย์สิน หรือไม่ก็เอาปืนจี้แล้วบังคับไปไหนต่อไหน ดังนั้นจึงไม่ควรนั่งแช่ในรถ หรือเปิดประตูรถค้างไว้

     5.ขับไปให้ไกล อย่าเพิ่งจอด

     และถ้าหากขับรถอยู่แล้วมีคนบีบแตร โบกรถ หรือชี้มาที่รถเพื่อต้องการให้เราจอดดู เราควรขับรถเลยไปให้ไกลจนกว่าจะเจอจุดที่มีคนพลุกพล่าน และปลอดภัยกว่าที่เดิม เพราะหลายครั้งที่มิจฉาชีพมักใช้แผนนี้ล่อลวงคนโดยเฉพาะสาวๆ โดนกันบ่อยเลยทีเดียว

     6. ควรใช้ลิฟต์แทนการขึ้นลงทางบันได

     อย่ามาอยากลดความอ้วนในยามวิกาลนะคะ เพราะบันไดเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุดถ้าอยู่คนเดียว รวมทั้งเป็นจุดที่เกิดอาชญากรรมได้ดีที่สุดเพราะคนร้ายอาจอาศัยช่วงที่ไม่มีคนหลบอยู่ตามมุมบันไดต่างๆก็เป็นได้ ... ดังนั้นขึ้นลิฟต์น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าค่ะ

     7. หากผู้ร้ายมีปืน และยังไม่ได้ถูกจี้ .. วิ่งหนีโลด!

     ที่แนะนำแบบนี้เพราะ โอกาสที่มันจะยิงโดนคุณมีเพียง 4 ใน 100 ครั้งเท่านั้น (ตามหลักของการยิงเป้าเคลื่อนที่นะคะ) และถึงจะยิงโดน ก็เป็นไปได้มากว่าจะไม่ถูกอวัยวะสำคัญ เพราะฉะนั้น ควรวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตลูกเดียว!

     8.อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง

     สาวๆ มักใจอ่อน ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจ(อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นนั่นล่ะค่ะ) ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่การทำร้ายร่างกาย ข่มขืน หรือฆาตกรรมได้ โดยกรณีนี้มีตัวอย่างมาแล้วหลายราย อาทิฆาตกรต่อเนื่องรายหนึ่งในอเมริกาชื่อ เท็ด เบินดี้ม เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีการศึกษา มักใช้กลวิธีเรียกร้องความสงสารจากเหยื่อเพศหญิงซึ่งไม่ได้เกิดความสงสัยสักนิด เขาหลอกลวงเหยื่อให้ตายใจด้วยการเดิน โดยอาศัยไม้เท้า หรือแสร้งทำขากะเผลก จากนั้นจะขอ "ความช่วยเหลือ" จากเหยื่อให้ช่วยพยุงขึ้นรถ แล้วก็ใช้จังหวะนั้นลักพาตัวไป ... เห็นไหมคะว่า น่ากลัวจริงๆ

     9. "ไฟไหม้" แทนคำว่า "ช่วยด้วย"

     ก็น้องๆ ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าหากเราถูกคนร้ายจี้ชิงทรัพย์อยู่ แล้วเราร้องว่า "ช่วยด้วย" คนอาจจะได้ยินก็จริง แต่เจ้าคนร้ายอาจจะเนียนว่า "อย่ามายุ่งนี่เรื่องในครอบครัว" แบบนี้ใครจะกล้ายุ่งล่ะคะ ... แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากการร้องว่า "ช่วยด้วย" เป็น "ไฟไหม้" ล่ะก็ คำว่าไฟไหม้จะทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นตกใจตื่นและออกมาดูสถานการณ์ได้เร็วกว่าค่ะ

     ... ข้อแนะนำที่พี่เหมี่ยวนำมาฝากนี้ อาจจะปรับใช้ได้กับสถานการณ์จริงในบางครั้งนะคะ ถึงแม้จะไม่ถึงกับ 100% แต่พี่เหมี่ยวเชื่อนะคะว่าคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้น้องๆ รู้เท่าทันและปลอดภัยจากอันตรายที่มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

และหากน้องๆ เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันบ้างนะคะ ^^