Review: สวนสนุกเครือดังระดับโลก Disneyland ที่ฮ่องกง

 
Review: หนังสือ 2in1 สอนภาษาอังกฤษ + พาเที่ยวอังกฤษและสกอตแลนด์


     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com คราวก่อน พี่พิซซ่า รีวิวสวนสนุกคู่บ้านคู่เมืองของฮ่องกงอย่าง Ocean Park ไปแล้ว คราวนี้มาลองดูสวนสนุก Disneyland ที่ฮ่องกงกันบ้างดีกว่าค่ะ ว่าจะเป็นยังไงบ้าง


Global Review คือหมวดรีวิวสินค้า-บริการของต่างประเทศ หรือสถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศ 
โดยผู้เขียนมีประสบการณ์การทดลองใช้หรือเดินทางไปด้วยตนเอง


ดิสนีย์แลนด์ก็มีแอปเหมือนกันนะ


     คราวก่อนเห็นแอปพลิเคชันของสวนสนุกโอเชียนปาร์กไปแล้ว คราวนี้มาทำความรู้จักกับแอปของดิสนีย์แลนด์กันบ้างดีกว่าค่ะ

     น้องๆ สามารถเสิร์ชว่า Disneyland Hong Kong ในแอปสโตร์ได้เลย แต่ก่อนดาวน์โหลดก็ดูดีๆ ก่อนนะคะว่ากำลังโหลดของฮ่องกงอยู่ เพราะไอค่อนของแอปดิสนีย์แลนด์จะหน้าตาเหมือนกันทุกที่เลยค่ะ แต่มีตัวย่อชื่อเมืองอยู่ในภาพ อย่างของฮ่องกงก็มีตัวย่อ HK ระบุเอาไว้


     แอปของดิสนีย์แลนด์สามารถเปิดดูได้ทุกที่ ดูตั้งแต่ที่ไทยก็ได้ค่ะ เพราะในสวนสนุกไม่มี wi-fi ฟรีแบบของโอเชียนปาร์ก ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเปิดในสวนสนุกเท่านั้นค่ะ เปิดแอปมาก็จะเจอหน้าตาแบบนี้ ถ้าเลื่อนหน้าจอขึ้นก็จะเห็นข่าวไฮไลท์ของช่วงนั้นๆ ค่ะ ก็จะเป็นพวกแนะนำอีเวนท์พิเศษในช่วงนั้น


(ซ้าย) โปรโมชั่นตั๋ว (ขวา) เวลาเปิด-ปิดในวันนั้นและรายการเครื่องเล่นกับร้านอาหารที่ปิดบริการวันนั้น

     สามารถดูราคาตั๋วเข้าสวนสนุกและมีลิ้งค์ไปยังหน้าสั่งซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าได้ด้วยค่ะ ตอนนี้มีโปรโมชั่นตั๋วอยู่ 2 แบบคือ ตั๋ว 1 วันพร้อมคูปองอาหารเที่ยงราคาปกติอยู่ที่ HK$589 (2,650 บาท) และตั๋ว 2 วันแบบไม่มีคูปองอาหารราคาปกติอยู่ที่ HK$629 (2,830 บาท) จะเลือกซื้อตั๋วแบบไหนก็อยู่ที่ระยะเวลาที่เราวางแผนจะไปเล่นค่ะ ของพี่มีเวลาเล่นที่นี่แค่ 1 วันก็เลยซื้อแบบ 1 วันพร้อมได้คูปองอาหารค่ะ คูปองนี้จะใช้ซื้อชุดอาหารเที่ยงได้ฟรีจากร้านอาหารใหญ่ๆ ภายในสวนสนุก (ไม่ใช่แค่รถเข็นขายขนมนะ) มูลค่าชุดอาหารตั้งแต่ HK$99 - HK$139 ค่ะ (ประมาณ 445 บาท - 625 บาท) ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ถ้าไม่ได้คูปองอาหารฟรีพี่ก็ไม่น่าจะได้กินอาหารชุดแบบจัดเต็มแน่ๆ คงได้ซื้อแค่ขนมเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิตไป เพราะของกินในสวนสนุกราคาแพงอยู่แล้ว พอคูปองรวมไปในค่าตั๋วก็สบายใจค่ะ ได้นั่งกินในร้านที่มีธีมเก๋ๆ ของสวนสนุก แถมอาหารชุดใหญ่มาก อิ่มสุดๆ เลยแหละ การรวมคูปองอาหารเข้าไปในค่าบัตรสวนสนุกแบบนี้ก็เป็นกุศโลบายที่ดีที่ทำให้คนยอมกินชุดอาหารแพงๆ ในนั้น ซึ่งงกๆ อย่างพี่แน่นอนว่าต้องจัดชุดที่ราคา HK$139 แน่นอน เอาให้คุ้มค่ะ

     สำหรับร้านอาหารใหญ่ทั้ง 7 แห่งที่รับคูปองอาหารนี้ก็สามารถดูได้จากในแอปเลยค่ะ แต่ละร้านก็มีธีมแตกต่างกันออกไป ขึ้นกับโซนที่ตั้ง สามารถกดดูที่ตั้งร้านอาหารต่างๆ ได้จากแผนที่ในแอปได้เลย


     ในแผนที่จะโชว์ที่ตั้งร้านอาหาร รวมถึงรถเข็นขายขนมเล็กๆ น้อยทั้งหมด ลองจิ้มดูเพื่อหาร้านอาหารตามลิสต์ที่มีให้ 7 ร้านนั้นค่ะ หรือจะกดตรงเครื่องหมายค้นหาเพื่อพิมพ์ชื่อร้านอาหารที่เราสนใจเลยก็ได้นะคะ จากนั้นก็กดเข้าไปดูประเภทของอาหารที่ร้านนั้นๆ ค่ะ อย่างร้านที่พี่กินก็คือร้าน Royal Banquet Hall เป็นร้านสไตล์ปราสาทยุโรปเพราะตั้งอยู่ในโซนเจ้าหญิงค่ะ พนักงานก็แต่งตัวแบบเมดในวัง เมนูเป็นแบบนานาชาติมีทั้งอาหารอิตาลี อาหารญี่ปุ่น อาหารอเมริกัน และอื่นๆ อีกเยอะค่ะ

 
ตัวอย่างเซ็ตอาหารที่ Royal Banquet Hall

     นี่เป็นเมนูส่วนหนึ่งของร้านนี้นะคะ วิธีสั่งก็เหมือนร้านฟาสต์ฟู้ดทั่วไปค่ะ ต่อแถวตามเมนูที่ต้องการ เช่นอยากกินอาหารญี่ปุ่นเมนู 2 ก็ต่อแถวที่มีป้ายเมนูอาหารญี่ปุ่น 1-3 พอถึงคิวก็พูดเบอร์เมนูที่อยากกินค่ะ พนักงานก็จะจัดใส่ถาดมาให้ จากนั้นเราก็ยกถาดไปคิดเงินที่แคชเชียร์ แล้วก็ยื่นคูปองอาหารที่ได้มาพร้อมตั๋วเข้าสวนสนุกให้ค่ะ (เสียดายที่พนักงานเก็บคูปองอาหารไปเลย พี่อุตส่าห์ได้บัตรลาย R2-D2 ที่ชอบด้วย)

 

     นอกจากนี้ในแอปก็ยังบอกที่ตั้งของเครื่องเล่นต่างๆ พร้อมทั้งเวลารอคิว บอกตำแหน่งห้องน้ำ บอกตำแหน่งดูโชว์ต่างๆ พร้อมเวลาแสดง


     นอกจากนี้ก็มีบอกด้วยว่าคาแรคเตอร์ไหนจะไปยืนโชว์ตัวให้ถ่ายรูปด้วยเมื่อไหร่บ้างค่ะ ส่วนมากถ้าไม่ใช่เวลาโชว์ตัวตามที่ระบุไว้ เจ้าหน้าที่จะกันไม่ให้เราถ่ายรูปร่วมกับคาแรคเตอร์นั้นๆ ค่ะ (แต่เราถ่ายภาพที่เขาเดินผ่านไปมาได้นะ)

     ในแอปยังบอกเวลาเปิด-ปิดสวนสนุกในวันนั้นๆ ด้วย แต่อย่ามัวดูแต่เวลาปิดของสวนสนุกนะคะ ต้องเข้าไปดูเวลาปิดของเครื่องเล่นแต่ละอย่างด้วยค่ะ เพราะเครื่องเล่นแต่ละอย่างมีเวลาเปิดปิดที่ไม่เท่ากัน ร้านขายของก็เหมือนกัน ต้องเช็กให้ดีนะคะเพื่อจะได้วางแผนการเล่นให้ถูกค่ะ แต่ข้อเสียคือแอปไม่สามารถจองคิวเครื่องเล่นได้


สำหรับวันที่พี่ไปเครื่องเล่น Mystic Manor เปิด 11.00 - 20.00 น.ค่ะ


การเดินทางไปสวนสนุก



     สามารถนั่งรถไฟ MTR ไปถึงสวนสนุกได้เลย มีสถานีเป็นของตัวเองค่ะ ส่วนมากคนไทยนิยมพักย่านใกล้รถไฟฟ้าตั้งแต่สถานี Prince Edward ลงมาจนถึง Tsim Sha Tsui กันใช่มั้ยคะ ก็นั่งรถไฟสายสีแดงหรือสาย Tsuen Wan Line ขึ้นไปทางปลายทาง Tsuen Wan ค่ะ แล้วก็เปลี่ยนเป็นสายสีส้มหรือสาย Tung Chung Line ที่สถานี Lai King โดยมุ่งหน้าไปทางปลายทาง Tung Chung ค่ะ นั่งไป 2 สถานี (ที่ค่อนข้างนาน) แล้วลงที่สถานี Sunny Bay เพื่อเปลี่ยนไปนั่งสายสีชมพูซึ่งเป็นสายของ Disneyland Resort โดยตรง


     รถไฟสายสีชมพูจะเป็นรถที่ออกแบบพิเศษเป็นธีมดิสนีย์โดยเฉพาะค่ะ หน้าต่างรูปหัวมิกกี้เมาส์ ห่วงจับก็เป็นรูปมิกกี้ รวมถึงมีรูปปั้นตัวละครต่างๆ ของดิสนีย์ตั้งโชว์อยู่ในขบวนรถ เบาะนั่งก็เป็นเบาะบุนุ่มๆ ด้วยนะคะ


     เมื่อไปถึงสถานี Disneyland Resort แล้ว ก็จะเจอกับตัวสถานีที่ออกแบบมาให้เข้ากับธีมสวนสนุกค่ะ สวยและมีมุมถ่ายภาพเยอะมาก ใครอยากถ่ายภาพตัวเองเยอะๆ ก็น่าจะต้องรีบมาก่อนสวนสนุกเปิดนานๆ เลยค่ะเพื่อเก็บภาพระหว่างทาง


     ออกจากสถานีแล้วก็จะเจอป้ายทางเข้าสวนสนุกค่ะ แต่ยังไม่ถึงตัวสวนสนุกของจริงนะคะ ต้องเดินอีกค่ะ เดินไกลใช้ได้เลย ถ้าใครลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาต้องฝากกระเป๋าบริเวณนี้ก่อนนะคะ จะมีบริการรับฝากที่เป็นของสวนสนุกเลยอยู่ทางขวามือหลังเดินจากป้ายทางเข้าสวนสนุกมาได้เกือบครึ่งทางค่ะ พอเดินไปเรื่อยๆ แล้วเจอน้ำพุที่มีมิกกี้เมาส์โต้คลื่นอยู่บนหลังปลาวาฬก็เลี้ยวขวา แล้วเตรียมไปต่อแถวตรวจกระเป๋าก่อนเข้าสวนสนุกได้เลย

     ตรวจกระเป๋าเสร็จก็จะเจอกับซุ้มขายตั๋วเข้าสวนสนุกค่ะ ใครยังไม่ซื้อก็ต่อคิวเลย แต่ถ้าใครซื้อออนไลน์แล้วอยากเปลี่ยนเป็นตั๋วจริงสวยๆ ก็สามารถทำได้ที่ตู้ออกตั๋วอัตโนมัติ หรือจะต่อคิวเข้าช่องปกติให้พนักงานเปลี่ยนตั๋วให้ก็ได้ค่ะ ถ้าซื้อโปรโมชั่นตั๋วเข้าสวนสนุกบวกคูปองอาหารก็จะได้ตั๋วมาคนละ 2 ใบแบบนี้ค่ะ


ลายบนบัตรจะเปลี่ยนตามเทศกาล

     จากนั้นก็ถึงเวลาเดินเข้าสวนสนุกแล้ว


ในสวนสนุกมีอะไรบ้าง


     สวนสนุกฮ่องกงดิสนีย์แลนด์แบ่งเป็น 7 โซนค่ะ ได้แก่


1. Main Street, U.S.A. เป็นโซนแรกที่เข้าไปแล้วเจอเลยค่ะ มีร้านขายของที่ระลึกแบบรวมของทุกธีมเอาไว้ แล้วก็มีสถานีรถไฟสำหรับรถไฟภายในที่จะวิ่งรอบสวนสนุกด้วยค่ะ อาคารในโซนนี้จะหน้าเหมือนอาคารบ้านเรือนในอเมริกา นอกจากนี้ก็สามารถเจอคาแรคเตอร์คลาสสิกของดิสนีย์อย่างมิกกี้กับมินนี้ หรือโดนัลด์กับเดซี่ได้ที่โซนนี้


Main Street, U.S.A.

2. Tomorrowland เดินทะลุโซนแรกแล้วเลี้ยวขวาค่ะ โซนนี้จะเป็นธีมเทคโนโลยีทันสมัยล้ำยุค มีเครื่องเล่นหลายอย่างทั้งแบบเสียวมากและไม่เสียวเลยค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็มีภาพยนตร์ดังถึง 2 เรื่องที่เป็นเนื้อเรื่องให้กับเครื่องเล่นโซนนี้ นั่นคือ Iron Man และ Star Wars ค่ะ Hyperspace Mountain ที่เป็นธีมสตาร์วอร์สก็เป็นรถไฟเหาะในร่มด้วย สนุกแบบไม่ร้อนดี


Tomorrowland

3. Fantasyland พี่ชอบเรียกว่าโซนเจ้าหญิงค่ะ โซนนี้เป็นโซนใหญ่ที่สุด มีทั้งเครื่องเล่น โชว์ และที่ถ่ายภาพเยอะมาก แถมยังมีปราสาทเจ้าหญิงนิทราด้วย เดินโซนนี้จะเจอเจ้าหญิงได้เรื่อยๆ จากหลายๆ เรื่องเลยค่ะ โซนนี้มีสถานีรถไฟด้วย รถไฟภายในสวนสนุกจะวิ่งวนระหว่างเมนสตรีตกับแฟนตาซีแลนด์ เครื่องเล่นโซนนี้จะเบาๆ


ด้านในของเครื่องเล่น it's a small world ในโซน Fantasyland

4. Adventureland โซนแม่น้ำและป่าไม้ค่ะ ธีมหลักๆ ก็เป็นเรื่อง Tarzan กับ Lion King ค่ะ ไฮไลท์ก็คือโชว์ Festival of The Lion King ค่ะ อลังการมากเลย


Jungle River Cruise ในโซน Adventureland

5. Grizzly Gulch โซนคาวบอยยุคขุดเหมืองทองในอเมริกาค่ะ มีเครื่องเล่นคือรถไฟเหาะที่มาเป็นรถรางขุดเมือง แถมมีวิ่งถอยหลังด้วยนะคะ สนุกดีค่ะ เป็นอีกเครื่องเล่นที่คนต่อคิวกันเยอะ


รายละเอียดเครื่องเล่น Big Grizzly Mountain Runsway Mine Cars ในโซน Grizzly Gulch

6. Mystic Point มีเครื่องเล่นเดียวคือ Mystic Manor ค่ะ เครื่องเล่นเบาๆ แต่ก็มีอะไรให้เซอร์ไพรซ์อยู่บ้าง ของที่ระลึกในร้านค้าโซนนี้จะมีพวกเครื่องประดับเยอะกว่าที่อื่นค่ะ และมีหลายรุ่นที่ไม่มีขายร้านอื่นด้วย ถ้าเจออะไรถูกใจให้หยิบไปจ่ายเงินได้เลย


Mystic Manor

7. Toy Story Land โซนที่เป็นธีมจากเรื่อง Toy Story ค่ะ เครื่องเล่นดังที่คนต่อคิวกันเยอะคือ Toy Soldier Parachute Drop ที่จะดึงขึ้นไปแล้วทิ้งเราลงมา แต่เบาๆ นะคะ ไม่เสียว และไม่ลงแรงเท่าที่อื่นค่ะ แล้วก็ RC Racer เป็นรถไฟเหาะครึ่งวง ตอนถอยหลังลงก็เสียวใช้ได้ค่ะ


ป้ายทางเข้าโซน Toy Story Land

     วันนี้พี่ไปถึงเร็วมาก ไม่รู้จะทำอะไรข้างนอกก็เลยรีบเข้ามาเลย แม้วันนั้นสวนสนุกจะเปิดจริงๆ 10.30 น. แต่เขาก็เปิดให้คนเข้าได้ตั้งแต่ก่อน 10 โมงแล้วนะคะ เพียงแต่ว่าจะเดินชมได้แค่โซน Main Street, U.S.A. หรือก็คือโซนแรกที่ที่เจอทันทีที่เข้าไปนั่นเอง ร้านค้าในโซนนี้เปิดแล้วสามารถซื้อของได้ แต่จะเข้าไปลึกกว่านั้นไม่ได้ค่ะ จะมีเส้นติดไว้ที่พื้นแล้วก็มีเจ้าหน้าที่สวนสนุกมายืนกันไว้ แล้วก็อธิบายว่าต้องรอ 10.30 เป๊ะถึงจะเข้าไปได้ค่ะ


     พอใกล้ถึงเวลาก็มีครอบครัวนึงได้ไปร่วมถือแถบริบบิ้นเปิดงานพร้อมกับเจ้าพลูโต ทันทีที่ตัดริบบิ้นเสร็จปุ๊บ ทุกคนก็เร่งสปีดเดินเร็วไปยังเครื่องเล่นที่ตัวเองต้องการทันที คนส่วนมากจะวิ่งไปทางขวามือเพื่อไปยัง Tomorrowland กันค่ะ เพราะมีเครื่องเล่นใหม่ธีม Iron Man (เจ้าหน้าที่จะคอยเตือนว่าระวังล้ม ไม่ควรวิ่ง ทุกคนเลยเดินเร็วๆ แทน 55555) พี่ก็มุ่งหน้าไปยังเครื่องเล่นนี้เป็นอันดับแรกเช่นกันค่ะ ได้เล่นเป็นกลุ่มที่ 2 เลย


ทุกคนเดินเร็วไปยังเครื่องเล่น Iron Man

     สำหรับเส้นทางการเล่นของพี่ก็ตามนี้ค่ะ เก็บครบทุกเครื่องเล่นที่ตั้งใจ แถมช่วงค่ำก็วนมาเบิ้ลซ้ำที่ Tomorrowland รัวๆ จนทั้งเครื่องเล่นมีแค่กลุ่มพี่กลุ่มเดียว


พอจบ Toy Story Land ก็กลับไปอยู่ Tomorrowland จนถึงเวลาปิด

     พอได้เวลาปิดก็ออกมารอชมการแสดงแสงสีเสียงและโชว์พลุไฟเพื่อปิดวันค่ะ วันที่พี่ไปคนไม่ค่อยเยอะ เลยแทบไม่ต้องรอคิวอะไรเลย แล้วก็มีที่ดูพลุเหลือเฟือแม้จะออกมาทีหลัง แต่ถ้าใครอยากดูตั้งแต่พาเหรดตอนค่ำให้มารอดูที่ Main Street, U.S.A. ตั้งแต่ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนเวลาปิดสวนสนุกในวันนั้นๆ ค่ะ


คำแนะนำที่อยากฝาก


1. เช็กเวลาเปิด-ปิดทั้งของสวนสนุกและของแต่ละเครื่องเล่นให้ดี มันจะไม่พร้อมกัน

2. เช็กว่าวันที่จะไปมีเครื่องเล่นไหนหรือร้านอาหารไหนปิดบ้าง เดี๋ยวจะเก้อ

3. สั่งซื้อบัตรผ่านตัวแทนในไทยจะราคาถูกกว่าเล็กน้อย แต่อย่าลืมเช็กให้ชัวร์ก่อนซื้อ และถ้าซื้อได้เป็นบัตรจริง ต้องเช็กวันหมดอายุหลังบัตรก่อนด้วย

4. แม้ร้านค้าใหญ่ที่ Main Street, U.S.A. จะขายของแทบทุกอย่างเหมือนของร้านในแต่ละโซน แต่ก็จะมีของที่ exclusive ขายเฉพาะร้านในโซนนั้นอย่างเดียวด้วย ถ้าไม่ใช่ของใหญ่ก็แนะนำให้ซื้อตั้งแต่ในโซนนั้นเลยค่ะ

5. นอกจากนี้ร้านค้าในโซนแต่ละโซนมักมีพวกของกระจุกกระจิกที่มีโปรโมชั่นซื้อ 3 ชิ้นในราวนั้นราคารวม HK$99 ถ้าชอบก็รวมกับเพื่อนๆ ซื้อให้ครบ 3 ชิ้นเลย มันถูกกว่าจริงๆ ตอนแรกพี่จะซื้อต่างหูคู่นึงราคา HK$148 พนักงานคิดเงินก็บอกว่าให้ไปหยิบอะไรก็ได้มาอีก 2 จะคิดรวมเป็น HK$99 ย้ำว่ารวมกันทั้ง 3 ชิ้นราคา HK$99 ไม่ใช่ชิ้นละ HK$99 แต่ถ้าซื้อแค่ 1 ชิ้นก็จะคิดราคาเต็ม HK$148


เครื่องเล่น Orbitron ในโซน Tomorrowland

6. โปรโมชั่น 3 ชิ้น HK$99 มีเฉพาะร้านค้าในแต่ละโซน ไม่มีในร้านใหญ่ที่ Main Street, U.S.A. นะคะ ถ้าใครจะมาซื้อขากลับคืออด บอกเลย เจ็บมาแล้ว

7. เครื่องเล่นในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ไม่ได้เป็นเครื่องเล่นหวาดเสียวรุนแรง อย่างมากก็จะมีให้รู้สึกหวิวเบาๆ เล็กน้อย จะเหมาะกับคนที่ไม่เน้นเครื่องเล่นน่ากลัว และเหมาะกับคนที่ชอบการ์ตูนและภาพยนตร์ดิสนีย์เพราะส่วนมากต้องอาศัยความอิน ถ้าชอบเครื่องเล่นแรงๆ เป็นหลักแนะนำโอเชียนปาร์กค่ะ ส่วนพี่ชอบหมดทั้งสองที่ ไปทั้งสองที่ 55555

8. ถ้าชอบการ์ตูนและภาพยนตร์ดิสนีย์ แนะนำให้ชมโชว์ใหญ่ให้ครบทั้ง 3 โชว์ Festival of The Lion King ที่โซน Adventureland โชว์ Mickey and the Wondrous Book ที่โซน Fantasyland แล้วก็โชว์แสงสีเสียงตอนปิดสวนสนุกค่ะ จะอินมากจริงๆ (สองโชว์แรกใช้ภาษาอังกฤษผสมกับจีนกวางตุ้ง เข้าใจไม่ยาก ดูรู้เรื่องแน่นอนค่ะ)

9. ถ้าใครมีบัตร Octopus Card ที่เป็นบัตรเงินสดสารพัดประโยชน์ในฮ่องกง แนะนำให้ใส่เงินตุนไว้สำหรับใช้ที่นี่ได้เลย จะทำให้ทุกอย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ใช้กับเครื่องทำเหรียญที่ระลึกได้ด้วยนะ

10. ดิสนีแลนด์ที่นี่ก็รณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกเช่นกันค่ะ ค่าถุงพลาสติกใส่ของราคาถุงละ 50 เซนต์ แม้จะไม่ถึง 5 บาทแต่ถ้าซื้อของเล็กๆ ก็ไม่ต้องซื้อถุงก็ได้นะคะ เตรียมถุงผ้าของเราเองไปใส่ก็ได้ค่ะ


     พอกลับมาเขียนรีวิวก็รู้สึกอยากไปอีกรอบขึ้นมาเลยค่ะ ถึงแม้ช่วงนี้จะร้อน แต่ก็มีข้อดีตรงที่เป็นฤดูที่คนไม่ค่อยไปเล่นสวนสนุกในฮ่องกงกันซักเท่าไหร่ คนน้อย ไม่ต้องรอคิวนาน เล่นได้คุ้มสุดๆ ไปเลยค่ะ
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น