สวัสดีค่ะชาว Dek-D ถ้าพูดถึง ม.เคมบริดจ์ เราเชื่อว่า #ทีมอังกฤษ หรือสาวกแฮร์รี่พอตเตอร์น่าจะต้องอยากเรียนต่อหรือไปสัมผัสสถาปัตยกรรมที่สวยโดดเด่นของที่นี่แน่นอน ก่อนหน้านี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘มิ้นท์’ พรปรียา จำนงบุตร บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ 1 ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จุฬาฯ เกี่ยวกับชีวิตแลกเปลี่ยนที่อเมริกาจนเจอจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ และเปิดโลกกว้างไปอีกเมื่อได้เข้ามาทำงานเป็นแอร์โฮสเตสสายการบิน Emirates หลังจากนั้นเธอก็ลงชิงมง #MissUniverseThailand2020 และเบนเข็มมาขอทุนเรียนต่อป.โทสาขาอาชญาวิทยาที่เคมบริดจ์ (Institute of Criminology, University of Cambridge)
และล่าสุดเราขอถือโอกาสนี้ Congratulations กับความสำเร็จอีกก้าวใหญ่ในชีวิต เพราะเธอสำเร็จการศึกษาจาก ม.เคมบริดจ์มาเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ!! เธอยินดีแชร์ให้เราฟังละเอียดยิบตั้งแต่ด่านขอทุน, คลาสเรียน, กิมมิกเก๋ๆ ของมหาลัย กับมาตรการรับมือกับช่วงโรคระบาดของประเทศที่ "ตรวจโควิดได้ฟรี ทั่วถึง เป็นระบบแบบสุดๆ" ตามไปเก็บข้อมูลและแรงบันดาลใจดีๆ กันเลยค่า :)
ผ่านกี่ด่านกว่าจะคว้าทุนรัฐบาลไทย?
(*เรียน 9 เดือนใช้ทุนคูณสอง)
หลังเรียนจบเราทำงานเป็นแอร์โฮสเตสที่ Emirates เป็นสาย International Airline ที่ทำให้เจอคนหลากหลายและค้นพบว่าตัวเองอยากไปเรียนอังกฤษ เลยตัดสินใจขอสอบทุน ก.พ. ประเภทบุคคลทั่วไป (ลองอ่านเกี่ยวกับทุนรัฐบาลไทยปีก่อนๆ ไว้เตรียมตัวได้นะคะ) ก่อนสอบต้องเลือกสาขาให้สอดคล้องกับวุฒิที่เรามี + เลือกสังกัดที่จะทำงาน ซึ่งพี่จบจากคณะรัฐศาสตร์ และเลือกเรียนต่อป.โทสาขาอาชญาวิทยา หลังเรียนจบต้องกลับมาทำงานใช้ทุนในสังกัดกรมราชทัณฑ์
I. ข้อเขียน
ผู้สมัครทุนทุกคนต้องสอบภาษาอังกฤษ (เราทำ TOEIC กับ IELTS มาเยอะเลยไม่มีปัญหา) ภาษาไทย (ใช้เซ้นส์) และคณิตศาสตร์ ส่วนตัวคิดว่าคณิตเป็นความรู้ม.ต้น-ม.ปลายสำหรับสายศิลป์ แต่พี่ทำได้ไม่ดีถ้าเทียบกับสองวิชาแรก **ทั้งหมดเหมือนข้อสอบ ก.พ.ภาค 1 เป็นเนื้อหา ม.ปลาย แนะนำให้ฝึกทำข้อสอบเก่าได้เลย ใน YouTube มีสอนฟรี
II. เรียงความ
- ภาษาอังกฤษ พี่เจอประเด็นปัญหามลพิษ PM2.5 จะเป็นการให้นั่งทำในห้องสอบ
- ภาษาไทย พี่เขียนทัศนคติหลังจากไปดูงานกับต้นสังกัด ตอนนั้นพี่ไปดูงานที่เรือนจำ ขามีระบบรักษาความปลอดภัย ผู้ต้องขังกับผู้คุมอยู่กันเหมือนพี่น้อง เวลาทำผิดก็มีวิธีลงโทษที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การเฆี่ยนตี แล้วยังมีให้เรียนให้มีวิชาชีพติดตัวไปสอบใบประกอบอาชีพหลังพ้นโทษด้วย แต่อย่างไรก็ตามเรือนจำยังเจอปัญหาใหญ่ คือ ปัญหาในเรื่องของความแออัดที่ควรได้รับการแก้ไขให้เร็วที่สุด
- คำถามด้านจิตวิทยา
III. สัมภาษณ์
มีทั้งเดี่ยวและกลุ่ม แล้วจะคัดจาก 5 คนเหลือแค่ 1 คน ซึ่งไม่ใช่พี่ เพราะพี่ติดสำรอง แต่พอดีคนที่ได้เค้าสละสิทธิ์ค่ะ
A) สัมภาษณ์กลุ่ม ได้หัวข้อปัญหามลพิษ PM2.5 เราคิดยังไงกับสิ่งนี้? พี่ก็เล่าว่าควรเป็นการบูรณาการทุกภาคส่วน ในเมื่อประเทศเราไม่ได้ก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการจัดการกับ PM2.5 มากนัก เราก็ควรนำความรู้ประเทศอื่นมาปรับใช้ เช่น รถขนส่งพนักงานที่มีส่วนช่วยลดมลพิษ
B) สัมภาษณ์เดี่ยว ยากเหมือนกัน คำถามจะเจาะความเป็นตัวเรามากขึ้นว่าพร้อมไปเรียนมั้ย เช่น อยากไปเรียนอะไร? จะนำมาพัฒนาได้มั้ย? ความรู้ที่เราเรียนมาก่อนหน้านี้จะต่อยอดเข้ากับสิ่งที่เรากำลังจะไปเรียนได้มั้ย, ความคิดเห็นต่อระบบราชการไทย ฯลฯ
เส้นทางสู่ ม.เคมบริดจ์
(เลือกมหาวิทยาลัยหลังได้ทุน)
พอได้ทุนแล้วขั้นต่อไปคือสมัครเข้ามหาลัยให้ได้ ตอนนั้นยากตรงต้องแบ่งเวลา เพราะต้องเตรียมตัวพร้อมทำงานแอร์ฯ เลยต้องหาเวลาอ่านหนังสือกับฟัง podcast นอกเวลางาน แม้แต่ความรู้เรื่องอาชญาวิทยาที่อยากเรียนเราก็หาฟังได้จากพอดแคสต์เหมือนกัน
ม.เคมบริดจ์กำหนดอะไรบ้าง?
- ตอน ป.ตรีต้องได้เกียรตินิยมอันดับ 1
- Statement of Purpose เรียงความนำเสนอตัวเองว่าทำไมถึงอยากเรียนที่นี่ และทำไมถึงสมควรได้รับเลือกให้เรียนที่นี่
- IELTS กำหนดให้ทุกพาร์ตต้องได้ 7 ขึ้นไป และในรอบเดียวกันต้องได้ Overall ไม่ต่ำกว่า 7.5 พี่สอบไป 3 ครั้ง ตอนแรกก็แอบท้อใจเหมือนกันนะเพราะเรียนภาคไทยมาตลอด กลัวว่าพอติดแค่เรื่องภาษาแล้วมันจะเศร้าอ่ะ
- Essay ของคณะอาชญาวิทยาจะกำหนดให้ส่ง essay 1 งานที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่เรียน ซึ่งจะค่อนข้าง specific รวมถึงต้องผ่านการตรวจจากอาจารย์มาก่อน และเป็น grade ที่ดีมีศักยภาพในการวิจัย เพราะม.ต้องการผลิตนักวิจัยที่ผลิตงานใหม่ๆ ให้วงการการศึกษา เหมือนกับเค้าให้เรียนวิเคราะห์ ไม่ใช่เรียนเพื่อจำแล้วเอาไปสอบ
- Recommendation Letter จดหมายรับรองจากผู้ที่รู้จักเรามากที่สุด และน่าเชื่อถือ รวม 2 คน 2 ฉบับ พอดีเราลาออกจากแอร์มาฝึกงานกรมราชทัณฑ์ ก็เลยให้หัวหน้าที่ทำงานในกระทรวงยุติธรรมช่วยเขียนให้ กับอาจารย์อีกท่านค่ะ
- หากเรามีเค้าโครงการวิจัย (Research Proposal) อยู่แล้ว เราสามารถส่งเค้าโครงการวิจัย ให้เขาพิจารณาร่วมด้วยได้
*ค่าสมัคร £70 (ประมาณ 2,700 บาท) ตามกำหนดของมหาวิทยาลัย ส่วนค่าเรียนตลอดหลักสูตร 9 ปกติจะอยู่ที่ £37,000 กว่า (ประมาณ 1,700,000 บาท เป็นหลักสูตร 9 เดือน)
อิงเรตค่าเงิน 1 ปอนด์สเตอร์ลิง = 46.39 บาทไทย)
________
เข้าสู่พาร์ตชีวิต ป.โท
บรรยากาศและคุณภาพระดับโลก!
University of Cambridge ก่อตั้งเมื่อปี 1209 เก่าแก่อันดับ 2 ในสหราชอาณาจักรรองจาก Oxford ตึกก็เลยจะเป็นแบบปราสาท สวยคลาสสิกมากกกกจนเป็นที่ถ่ายทำหนังดังหลายเรื่อง (แนะนำให้ลองไปดูบรรยากาศจากเรื่อง The Theory of Everything ได้เลยค่ะ)
พอมหาลัยตอบรับเข้าเรียน เราก็จะได้การตอบรับเข้าบ้านด้วย ถ้าใครเคยดู Harry Potter จะประมาณนั้นเลยค่ะ เพราะที่เคมบริดจ์จะดูแลนักศึกษาภายใต้ระบบชื่อ ‘Collegiate System' แบ่งเป็น 31 บ้าน มีการตั้งกฎกติกามารยาทที่เข้มงวดแตกต่างกัน งบจัดกิจกรรมกับบำรุงบ้านส่วนหนึ่งมาจากศิษย์เก่าของแต่ละบ้านที่จบออกไป
(อันนี้ตัวอย่างบ้าน สวยมาก!)
บ้านมีไว้ทำอะไร? (ตัวอย่างฟังก์ชัน)
- เป็นที่พัก ซึ่งดีมากกกก บางคนได้แชร์บ้านกัน บางคนอยู่ในปราสาท แล้วแต่ละบ้านจะมีสาธารณูปโภคกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างกัน
- เป็นพื้นที่ให้นักศึกษามาทำความรู้จักและกินข้าวด้วยกัน มี Formal Dinner ทุกสัปดาห์โดยที่เราสามารถชวนแขกมาได้ คอร์สดินเนอร์ของเขาก็ดีและถูก มีไวน์ให้ราคาพิเศษไม่เกิน 1,000 บาท
- กิจกรรมเยอะมาก ขนาดช่วงโควิดยังมีโยคะออนไลน์หรือทำสมาธิ (Mindfulness)
- มีสอดแทรกวิถีวัฒนธรรมชาวอังกฤษในหลายๆกิจกรรมด้วยนะ
- ทุกบ้านจะมี Tutor ดูแลนักศึกษาเหมือนเป็นผู้ปกครองเลย
เกณฑ์คัดเลือกเข้าบ้านคืออะไร?
เราสามารถสมัครเลือกเข้าบ้านที่ต้องการเองได้ แต่ถ้าไม่ได้รับเลือกเค้าก็จะสุ่มให้อยู่ดี โดยจะมีเกณฑ์หลักๆ ของทางบ้านในการคัดเลือก คือ 1) อายุที่เหมาะสมต่อบ้านนั้นๆ เช่น บางบ้านจะรับแต่เด็กอายุ 21 ปีขึ้น 2) เพศ เช่น บางบ้านจะรับแต่เพศหญิง 3) จำนวนคนที่บ้านสามารถรับเป็นสมาชิกบ้านได้ ส่วนพี่ถูกจัดไปอยู่บ้านหญิงล้วนชื่อ Lucy Cavendish College
ถึงจะแยกเป็นบ้านๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราไม่รู้จักคนที่อยู่บ้านอื่น ส่วนใหญ่เพื่อนคนไทยที่อยู่บ้านอื่นหรือเพื่อนฝรั่งที่เราเรียนหรือทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยเค้าก็จะมาชวนไปเม้าท์มอยหรือกินข้าวที่บ้านที่เค้าสังกัดกันค่ะ
นอกจากสังคมคณะกับที่บ้านแล้ว กลุ่มคนไทยด้วยกันยังมี Cambridge University Thai Society (CUTS) จัดกิจกรรมระหว่างปีตลอดด ถึงจะเรียนจบก็ยังมีเป็นสังคม Alumni อีก ส่วนตัวเมืองเคมบริดจ์เองก็เล็กและส่วนมากเป็นนักเรียน คนจะค่อนข้างช่วยเหลือกัน // ช่วงนี้ก็อาจจะต้องใส่ mask ยิ้ม say hi~ ให้กันทางตาแทน 55555
ส่องข้อมูล 31 บ้านใน ม.เคมบริดจ์เรียนออนไลน์เกิน 50%
ได้ชดเชยเป็นคลาส Oxford
พอมีโควิดเข้ามาทางทุนเลยต้องตัด part การอนุญาตให้เรียน pre-college ที่เตรียมภาษาออกไป ตรงนี้จะอาจเป็นปัญหาสำหรับคนที่เก่งแต่ไม่ถนัดภาษา เพราะไม่มีเงื่อนไขอื่นนอกจากต้องสอบผ่านเกณฑ์ภาษาของที่มหาวิทยาลัยกำหนดจึงจะเอาทุนเรียนในปีนี้ได้ ส่วนตัวพี่โชคดีทาง Cambridge ไม่มีให้เรียนภาษา ต้องผ่านเกณฑ์เท่านั้นถึงจะเรียนได้ พี่จึงไม่ต้องเลื่อนทุนไปปีหน้า แต่ทั้งนี้ การที่นักเรียนทุนต้องเรียนออนไลน์เกิน 50% เค้าก็มีมาตรการเยียวยาให้เลือก 3 ช้อยส์ คือฝึกงาน, ทำวิจัย หรือเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตร
พี่เลยเลือกคอร์สประกาศนียบัตร Executive Education Certificate at Saïd Business School, University of Oxford ถึงจะเป็นออนไลน์แต่ก็เต็มที่กันทั้งเพื่อนทั้งผู้สอนเลยค่ะสิ่งที่จะเรียนจะเป็นความรู้ระดับผู้บริหาร เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งที่องค์กรทำจะส่งผลกระทบต่อใคร วัดผลยังไง แล้วจะลดผลกระทบได้ด้วยวิธีไหน จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี/ไม่ดียังไงบ้าง ฯลฯ ความรู้เหล่านี้เชื่อมโยงถึงการทำงานของเรือนจำได้ด้วยค่ะ
เจาะชีวิตเด็ก Criminology ที่เคมบริดจ์
กฎหมาย + จิตวิทยา + สังคมศาสตร์
เทอมแรกคณะพี่มีคนที่เรียนออนไลน์กับในคลาสอย่างละครึ่งๆ เค้าให้เลือกได้ตามที่สะดวก แต่สำหรับพี่ทางทุนรัฐบาลไทยอยากให้เด็กเลี่ยงเดินทางไว้ก่อน กว่าจะอนุญาตก็เทอม 3 ที่สถานการณ์โอเคขึ้น ทำให้ในสองเทอมแรกเป็นการเรียน online ผ่าน zoom เข้าห้องสมุดแบบออนไลน์ แต่เทอมสุดท้ายก็ได้มาทำวิทยานิพนธ์และใช้บริการห้องสมุดจริง
ข้อเสียคือในการเรียนเทอมแรกจะเป็นการเรียนออนไลน์กับในคลาสอย่างละครึ่งๆ คือบางทีจะไม่ได้ยินคนในคลาสคุยกัน สนิทกับเพื่อนยากขึ้น แต่พี่รู้สึก ม.เคมบริดจ์เตรียมการสำหรับคนเรียนออนไลน์ไว้ดีในระดับหนึ่งเลยค่ะ เช่น การอัด lecture ไว้ให้ดู และถ้าใครมีข้อจำกัดเรื่องอุปกรณ์ก็ทำเรื่องขอทุนเบิกได้
หลักสูตรสาขา Institute of Criminology จะอยู่ภายใต้คณะกฎหมาย (Faculty of Law) แต่เป็นการเรียนกฎหมายที่ผสมผสานกับจิตวิทยา + สังคมศาสตร์ เพื่อศึกษาว่าทำไมคนถึงก่ออาชญากรรม แล้วจะมีแนวทางป้องกันได้ยังไงบ้าง
ในระยะเวลาเรียนทั้งหมด 9 เดือน จะถูกแบ่งออกเป็น 3 เทอม ประกอบด้วยวิชาบังคับ 2 วิชา + บังคับเลือก 3 วิชา + และวิชาเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ (Dissertation) 1 วิชา ตอนเรียนจะมีทฤษฎีบ้าง แต่ส่วนมาก discuss เพื่อไปทำวิจัยต่อ (ที่นี่เป็นม.เน้นวิจัย) ความท้าทายคือเพื่อนในคลาสส่วนใหญ่จบจาก Sociology กับ Criminology มาโดยตรง แต่พี่เคยเรียนรัฐศาสตร์สำหรับนักการทูต ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับคนที่ก่ออาชญากรรมมาก่อนโดยตรงค่อนข้างน้อยก็เลยต้องทำการบ้านค้นคว้าข้อมูลหนักเลยค่ะ
วิชาบังคับ
1. Criminological Theories
2. Criminological Research Method
วิชาบังคับเลือก
1. Sociology of Imprisonment
2. Socio-cultural Perspective on Criminal Justice: Minority Matters
3. Programme Evaluation and Crime Prevention
ในระยะเวลา 9 เดือน
ต้องโฟกัสอะไรอีกบ้าง?
จะมีทั้งวิทยานิพนธ์ (Dissertation) ความยาว 15,000-18,000 คำ กับ essay 5 วิชา โดยแต่ละวิชา ความยาวไม่เกิน 3,000 คำ ในขณะเดียวกันต้องพบ Supervisor ทุก 2 สัปดาห์เพื่อรายงานความคืบหน้าของการเรียนแต่ละวิชาและ วิทยานิพนธ์ (Dissertation) ว่าทำงานถึงไหนแล้ว เพื่อเช็กความรับผิดชอบว่าเราทำงานจริงๆ
ส่วนของวิทยานิพนธ์พี่ทำในหัวข้อเรื่อง The Lived Experiences Incarcerated Pregnant Women and Mothers of Babies In Prison Mother and Baby Units (MBUs) in England and Wales and Thailand เกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ต้องขังหญิงที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรกับเด็กติดแม่ในเรือนจำ ดูว่าประสบการณ์ดังกล่าวเกิดจากกฎหรือนโยบายในเรือนจำของที่ประเทศไทยและอังกฤษกับเวลส์ตั้งขึ้นมา ว่าส่งผลยังไงต่อประสบการณ์เหล่านี้
พอเจอช่วงโควิดเข้าไปเลยมีข้อจำกัดอีก เพราะพี่เข้าไปในเรือนจำทั้งที่อังกฤษกับเวลส์และไทยไม่ได้เลย เลยอาศัยข้อมูลจากวิจัยที่คนอื่นทำไว้มาต่อยอดในวิจัยของเรา จากนั้นต้องทำโปสเตอร์วิจัยและฝึกสกิลการนำเสนอ ส่วนตอนเรียนพี่จะเลือกลงวิชาด้านนี้เพื่อให้มีข้อมูลสนับสนุน ในคลาสจะมีต่ำสุด 10 คน วิชาแคบแต่กว้าง หมายถึงเนื้อหาจะสโคปลงมา แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ
การแข่งขันสูง
พีคสุดคือช่วงสอบ
สำหรับการเรียนปริญญาโทที่ Cambridge เกณฑ์สอบผ่านคือคะแนน 60% ขึ้นไป และถ้าอยากได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ต้องได้คะแนน 75% ขึ้นไป แต่ละปีมีคนได้ A แค่ 1-2 คนเอง และคะแนน essay ที่ระบุว่าเต็ม 100 เรายังไม่เคยเห็นใครได้เต็มมาก่อน (*ที่นี่จะไม่เปิดเผย เราจะไม่รู้เกรดเพื่อนเลย)
ทั้งนี้ทั้งนั้นช่วงใกล้สอบจะอ่านกันโหดแบบโหดมาก พี่ไม่ได้ออกจากห้องเป็นเดือน 55555 รู้สึกเลยว่าเป็นการเรียนที่กดดัน เพราะเรียนหนักในช่วงเวลาที่กระชับ และการแข่งขันสูง ต้องสืบค้นข้อมูลเยอะ กังวลว่าจะทำคะแนนได้ไม่ดีหรือทำงานไม่ทัน ช่วงไหนเครียดๆ ต้องหาวิธีบรรเทาอาการ Mental breakdown โดยการ...สั่งส้มตำปูปลาร้ามากินไรงี้ 5555
(อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตอนเรียนพวกเราจะจริงจังสุดๆ แต่ปาร์ตี้เราก็ไปสุดมากกค่ะ)
ช่องทางหลักของคณะ
Website: https://www.crim.cam.ac.uk
Facebook: @CamCriminology
Twitter: @CamCriminology
Youtube: Cambridge University: Crimonology
รีวิวช่วงโควิด: ตรวจฟรีและทั่วถึง
ก่อนจะบินต้องทำ Covid Test จากไทย แล้วซื้อที่ตรวจมาใช้ระหว่างการกักตัวด้วย (ทุนรัฐบาลช่วยซัพพอร์ต) สรุปคือตรวจที่ไทย 1 รอบ และตรวจที่อังกฤษอีก 1 รอบ พี่เดินทางไปถึงเดือนมีนาคม ช่วงนั้น lockdown แล้วต่อมาก็ค่อยๆ ทยอยลดระดับ ซึ่งคนที่มาจากไทยจะต้องกักตัว 10 วัน ระหว่างนั้นคือวันที่ 2 และ 8 ต้องตรวจโควิดแล้วส่งให้ทางศูนย์ตรวจนำไปตรวจอีกค่ะ
พอพ้นช่วงกักตัวคือเราแทบจะใช้ชีวิตได้ปกติเลย เพียงแต่ตอนอยู่ในตึกหรือสถานที่ปิดต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยคนที่นี่สามารถเข้ารับการตรวจโควิดฟรีได้ตลอด จะเดินไปร้านขายยาหรือตามจุดที่ให้บริการเพื่อรับชุดตรวจโควิดหรือว่าจะสั่งชุดตรวจโควิดฟรีเดลิเวอรี่ถึงบ้านก็ได้ เราคิดว่า "การตรวจโควิดฟรีเป็นเรื่องสำคัญมาก” เพราะจะได้ทราบว่าเรามีเชื้อหรือไม่ และจะได้รักษาตามอาการทันที
จัดสรรวัคซีนเหมาะกับช่วงอายุ
กระจายจุดให้เข้าถึงได้ "ทุกคน"
นอกจากตรวจโควิดฟรี คนก็ไม่ได้เข้าถึงวัคซีนยาก เพราะเค้าจะทยอยฉีดวัคซีนไล่ตามช่วงอายุจากมากไปน้อย คนอายุเยอะได้ฉีด AstraZeneca ส่วนคนอายุน้อยได้ Pfizer กับ Moderna ช่องทางเข้ารับการฉีดวัคซีนมีดังนี้:
- ลงทะเบียนกับเว็บ ซึ่งจะมีเว็บส่วนกลางแค่เว็บเดียวเท่านั้น เราสามารถอัปเดตข้อมูล ลงทะเบียน เช็กว่าจะได้ฉีดวันไหน ฯลฯ ทำทั้งหมดได้ในช่องทางเดียว
- สามารถ walk-in ได้ในที่ที่จัดสรรไว้ให้ทั่วประเทศ โดยจะมีประกาศจากรัฐบาลให้ทราบว่าที่ไหนเรา walk-in เข้าไปได้บ้าง พี่ว่ามันดีมากกกเพราะไม่ต้องมางงๆ หรือกระจุกตัวกันที่เดียว ไม่งั้นจะยิ่งเพิ่มโอกาสแพร่เชื้อให้มากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ช่วงที่ปิดโควิดยังมีให้เงินเยียวยากับธุรกิจ และแม้แต่พลเมืองต่างชาติก็ยังได้รับวัคซีน อย่างเช่นพี่เป็นนักศึกษา เขาก็ให้วัคซีนไฟเซอร์ด้วย (ตอนนี้พี่ฉีดไปเรียบร้อย) อีกทั้งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จะสนับสนุนให้เด็กตรวจโควิด แม้พี่มาเรียนในประเทศที่ผู้ติดเชื้อเยอะก็จริง แต่เนื่องจากได้ตรวจโควิดฟรีทุกสัปดาห์ทำให้เรารู้ว่าติดเชื้อรึยัง และเราจะผิดรับชอบต่อสังคมยังไงบ้างหากติดเชื้อ
ศึกษาเกี่ยวกับช่วงระยะเวลาหางาน/ทำงานได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้ (*ข้อจำกัดคือบางงานจะรับแค่สัญชาติอังกฤษนะคะ)
https://www.internationalstudents.cam.ac.uk/graduate-immigration-route
เป้าหมายต่อไปคือการใช้ทุน จะเอาประสบการณ์ที่เรียนมาทำงานกับรัฐบาล แต่แน่นอนว่ายังจะทำงานด้านเรือนจำที่มีแพสชันมาตลอด เราอาจไม่ได้ลงไปชิงมง MUT แล้ว แต่ถ้ามีใครประกวดแล้วสนใจอยากทำความรู้จักงานด้านเรือนจำ สามารถติดต่อมาทาง Facebook @@mintppreeya หรือ IG @mintppreeya ได้เลยค่ะ
ชวนอ่านต่อ
‘มิ้นท์-พรปรียา’ เส้นทางของนางฟ้าเอมิเรตส์ สู่เวที #MUT2020 และว่าที่นักเรียนทุนป.โทที่ Cambridge!
https://www.dek-d.com/activity/56095
‘มิ้นท์ #MUT2020’ กับชีวิตแลกเปลี่ยนใน USA: บทเรียนเล่มใหญ่ที่สอนทั้งภาษาและการมองโลก!
https://www.dek-d.com/studyabroad/56094/
0 ความคิดเห็น