#โดมินิกัน มันส์ดีเวอร์! ชีวิตแลกเปลี่ยนเรียนชิลล์ๆ & ฮีลใจกับเกาะเล็กในทะเลแคริบเบียน

Hola! สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D ทุกคน เชื่อว่า ‘โดมินิกัน’ คงเป็นประเทศที่หลายคนอาจยังไม่คุ้นหู หรืออาจจะรู้จักกันแค่ในวงการนางงาม แต่ที่นี่ยังมีความปังอีกเพียบเลย ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา, วัฒนธรรม หรือวิวที่สวยจนติดอันดับท็อปๆ ของโลก บอกเลยว่าเหมาะให้เราบินไปเรียนต่อสุดๆ

วันนี้พี่มิวนิคเลยขออาสาพาพี่ ‘มิ้ลค์’ อารียา สินเทศ สาวสวยคนเก่งจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มารีวิวประสบการณ์ที่เคยได้ทุน AFS ไปแลกเปลี่ยนที่ประเทศโดมินิกันเกือบ 1 ปีเต็ม ซึ่งเรื่องราวของพี่มิ้ลค์จะเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงเลือกโดมินิกัน ตามไปฟังจากปากของพี่มิ้ลค์กันเล้ยย~

จุดเริ่มต้นที่อยากไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในต่างแดน

“ส่วนตัวมิ้ลค์ชอบเรื่องราวต่างประเทศอยู่แล้วค่ะ เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพียงแต่ช่วงแรกๆ ยังอินแค่ประเทศในแถบเอเชีย อย่างเช่นเกาหลี (เป็นแฟนคลับเซฮุน วง EXO) พอโตขึ้นความชอบก็ขยายไปโซนอื่นๆ จนอยากลองหาโอกาสไปต่างประเทศ และพอเราได้ไปแลกเปลี่ยนมา ยิ่งทำให้เรารู้ว่าการออกไปสัมผัสกับโลกภายนอกนั้นมันสนุกมากจริงๆ ค่ะ^^

ทำไมถึงเลือกทุนของโครงการ AFS 
แล้วสมัครอย่างไร?

“จริงๆ ในไทยมีหลายโครงการที่น่าสนใจค่ะ แต่คุ้นเคยกับ AFS มากเป็นพิเศษเพราะมีรุ่นพี่ที่รู้จักเคยไปกับโครงการนี้ บวกกับโรงเรียนเรามีศูนย์ AFS ทำให้ติดตามข่าวสารง่ายขึ้น พอโครงการเปิดรับสมัคร AFS รุ่น 55 (ปี 2016-2017) เราก็สมัครกับโรงเรียน แล้วมีสอบข้อเขียนกับสัมภาษณ์ต่อ // ตื่นเต้นมากกเพราะเป็นการสมัครทุนไปต่างประเทศครั้งแรกของเราเลยค่ะ!”

ทำความรู้จักทุน AFS เพิ่มเติม

“ลังเลว่าจะไปดีไหมเพราะเป็นประเทศที่ใหม่สำหรับเรามาก”

“จากลิสต์ประเทศที่ AFS กำหนด เราเลือก ‘โดมินิกัน’ ไว้อันดับ 2 พอประกาศผลแล้วได้ประเทศนี้ก็มีลังเลนิดนึง เพราะเป็นประเทศใหม่สำหรับเรามาก แต่ก็ไม่อยากพลาดโอกาสไปสำรวจค่ะ 5555” 

“พอไปถึงช่วงแรกๆ มีอาการ home sick เพราะคิดถึงบ้าน แล้วยังไม่ชินกับอะไรหลายอย่าง ทำเอาซึมๆ หงอยๆ ไปเป็นอาทิตย์เลย (ตอนนั้นเพิ่งอายุ 16) แต่เรากับโฮสต์พยายามปรับตัวเข้าหากันตลอด พอเริ่มคุ้นชินเราก็เริ่ม Enjoy กับสังคมในโรงเรียน บางวันไปสวนสาธารณะบ้าง เดินไปห้าง หรือไปหาเพื่อนๆ ฯลฯ การเดินทางสะดวกเพราะอยู่ในเมืองหลวง” 

เลิกเรียนเร็ว เพิ่มเวลา Free Time ได้ทำกิจกรรมที่ชอบ

“มิ้ลค์ว่าการเรียนและวิชาต่างๆ ที่เจอตอนไปโดมินิกันจะคล้ายกับที่ไทยนะคะ แต่ที่ต่างกันชัดเจนคือช่วงเวลาเรียน ที่นั่นจะเริ่มตอน 7:30 แล้วเลิก 13:30 ซึ่งตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไปคือ free time ให้นักเรียนทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเล่นกีฬา กลับบ้านไปกินข้าวกับครอบครัว หรือกิจกรรมที่สนใจ โดยที่โรงเรียนเค้าจะไม่บังคับว่าต้องทำกิจกรรมกี่ชั่วโมง และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาด้วย”

อัปสกิลภาษาสเปน & ภาษาอังกฤษแบบจัดเต็ม!

“ที่เจ๋งมากคือเรามีโอกาสซึมซับทั้ง ‘ภาษาสเปน’ ซึ่งเป็นภาษาหลัก และภาษารองคือ ‘ภาษาอังกฤษ’ โดยทั่วไปเพื่อนกับครูที่โรงเรียนกับโฮสต์ในบ้านจะพูดได้ทั้งสองภาษา แต่สมมติมิ้ลค์ขึ้นรถสาธารณะหรือไปที่อื่นๆ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด คนจะใช้ภาษาสเปนเกือบทั้งหมด แถมสำเนียงของคนที่โดมินิกันจะฟังยากนิดนึง เพราะเค้าพูดกันเร็ว ต้องใช้เวลาปรับตัวปรับหูกันสักพัก”

ถึงไม่เก่งภาษาสเปนก็มาแลกเปลี่ยนที่โดมินิกันได้นะคะ มิ้ลค์เองก็ได้แค่เบื้องต้น อย่างสวัสดี ขอบคุณ และแนะนำตัว แล้วค่อยไปฝึกเพิ่มที่นั่น ส่วนตอนเรียนก็ไม่มีปัญหา เพื่อนๆ พูดสเปนและอังกฤษคล่องมากกก ครูก็พยายามสื่อสารและให้เรามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ เช่น ได้ไปเชิญธงชาติหน้าชั้น ได้อ่านพระคัมภีร์นำนักเรียนทุกคน และได้ลองทำอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง สนุกมากก ไม่รู้สึกเคว้งเลยค่ะ”

ถ้าให้ #รีวิวโดมินิกัน จากประสบการณ์ส่วนตัว

  • ประเทศเล็กๆ และส่วนใหญ่เป็นชายหาด ถ้าใครมาเที่ยวห้ามพลาดทะเลเลยค่ะ!
  • คนโดมินิกันค่อนข้างเป็นมิตรและสนุกสนาน พวกเขายังอินกับดนตรีและเสียงเพลง การร้องเล่นเต้นรำคือกิจกรรมโปรดของพวกเขาค่ะ
  • แต่คนเอเชียอาจไม่ชินกับวัฒนธรรมการทักทายด้วยการเอาแก้มชนแก้ม
  • โดมินิกันมี “รถแท็กซี่” ที่แหวกแนวสุดๆ ถึงมีผู้โดยสารอยู่ก่อนแล้วคนก็ยังโบกได้เรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มคันรถ (ทางเดียวกันไปด้วยกันได้) และจะมี “รถกัวกัว” (guagua) ที่ไม่มีประตูปิด มิ้ลค์คิดว่าเป็นรถของชาวพื้นเมืองที่นี่ค่ะ

ได้ความประทับใจกลับมาแบบเกินคุ้ม!

“อย่างแรกเราประทับใจที่ผู้คนเข้าใจความหลากหลายทางเชื้อชาติค่ะ อยู่ที่นั่นไม่เคยเจอสถานการณ์ที่ถูกเหยียดเลย และเราสังเกตว่าผู้คนมักจะชื่นชมกันแม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างแค่ตอนเราทาลิปสติกหรือทาเล็บ ใส่เครื่องประดับ เค้าจะบอกว่าสวยหรือพูดเชิงบวกให้เรารู้สึกดีตลอดเลยค่ะ”

ขอ 3 คำสำหรับการไปแลกเปลี่ยนที่โดมินิกันหน่อย

  • คำแรกคือ “ท้าทาย” เพราะเราตัดสินใจไปใช้ชีวิตคนเดียวในประเทศที่เราแค่เคยได้ยินชื่อ แต่แทบไม่มีข้อมูลความรู้มาก่อนเลย
  • ต่อมาคือ “สนุก” บรรยากาศที่เจอมีแต่ความสนุกเฮฮา ไม่ตึงเครียดกันเท่าไหร่
  • คำปิดท้ายคือ “อิสระ” สังคมที่นี่เปิดกว้าง ค่อนข้างให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและทำสิ่งต่างๆ อย่างมากเลยค่ะ

อยากฝากอะไรกับน้องๆ ที่อยากไปแลกเปลี่ยนไหม?

ถ้าใครพร้อมและมีโอกาส อยากให้ลองไปแลกเปลี่ยนสักครั้ง การฟังสิ่งที่เราเล่าหรือจากคนอื่นอาจทำให้จินตนาการภาพออกก็จริง แต่อาจไม่รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นหรือสนุกเท่ากับที่เราไปสัมผัสเอง ที่สำคัญคือประสบการณ์ของแต่ละคนจะต่างกันค่ะ สิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราเติบโตขึ้นและก้าวจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเองได้” 

“แต่สำหรับใครที่อยากสมัครแต่คิดว่าตัวเองคงไม่ได้หรอก อย่าเพิ่งถอยค่ะ อาจลองคิดเหมือนมิ้ลค์ตอนแรกว่าลองดูดีไหม ถ้าได้ก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยได้พยายามให้เต็มที่ จะได้ไม่เสียดายว่าทำไมตอนนั้นเราถึงไม่ลองสมัครนะ

ช่องทางการติดตามพี่มิ้ลค์

IG: mmillkkkk

Facebook: Areeya Sinted 

 

สำหรับน้องๆ คนไหนที่มีเรื่องราวประสบการณ์ไปเรียนต่อหรือเคยแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ และอยากแชร์ให้เพื่อนๆ ชาว Dek-D ได้อ่านกัน สามารถส่งมาที่อีเมล studyabroad@dek-d.com ได้เลยนะครับ :)

พี่นิค
พี่นิค - Columnist หนุ่มเอก Eng ติ่ง Blackpink วิ่งหาประสบการณ์ใหม่ๆ หลงใหลในการแปลและการแต่งนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น