สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกวันนี้ “ไต้หวัน” ก็ยังคงเป็นดินแดนที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักเรียนต่างชาติ บางคนอาจมาเที่ยวแล้วติดใจเรื่องอากาศ ความสะอาด สถานที่ท่องเที่ยว บางคนตั้งใจจะมาเรียนเพื่อซึมซับ 2 ภาษาที่ทรงอิทธิพลของโลก ซึ่งข้อดีคือไต้หวันมีทุนที่ต่างชาติสมัครได้หลากหลายมาก เช่น ทุน HES เรียนภาษา, ทุน MOE ระดับ ป.ตรี/โท/เอก, ทุน TaiwanICDF ป.โท/เอก รวมถึงทุนตรงจากมหาวิทยาลัย ฯลฯ นอกจากนี้คือไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานภาษาจีนมาก่อน ก็สามารถเลือกเรียนหลักสูตรอินเตอร์ได้ค่ะ!
และวันนี้เราก็มีอีกรีวิวจาก “พี่เบญ – เบญจพร พัดเจริญรุ่งเรือง” รุ่นพี่ศิษย์เก่าคณะบัญชีจุฬาฯ ที่ทำงานสักพัก แล้วตัดสินใจสมัคทุน HES ไปเรียนภาษา 3 เดือนที่ไต้หวัน จุดแพสชันสู่การสมัครทุน TaiwanICDF ปี 2020 ไปเรียนต่อ ป.โท IMBA ที่ มหาวิทยาลัยแห่งชาติเจิ้งจื้อ 國立政治大學 National Chengchi University (NCCU) ในเมือง Taipei City ของไต้หวัน
ในนี้จะรีวิวแบบกระชับๆ ให้เห็นภาพ หากใครอยากปรึกษา “พี่เบญ” แบบ 1:1 เตรียมมางานแฟร์เรียนต่อนอก Dek-D รอบเมษายน 2024 นี้กัน! เช็กตารางรุ่นพี่และกิจกรรมทั้งหดที่นี่ https://www.dek-d.com/studyabroadfair/
จากทุนเรียนภาษาระยะสั้น
จุดแพสชันสู่การสมัครทุน ป.โท
สวัสดีค่า ชื่อพี่เบญนะคะ เรียนจบ ป.ตรีคณะบัญชีจุฬาฯ หลังจบทำงานสายการเงิน (Finance) ที่บริษัทหลักทรัพย์และกองทุนรวม เป็นงานที่ตรงสายค่ะ แต่ทำไปปีนึงอยากลองเปลี่ยนแนว เลยย้ายไปสายการตลาด (Marketing) เจอจุดเปลี่ยนเพราะได้ติดต่องานกับคนจีนที่เป็นผู้พัฒนาสินค้า ทำให้มานั่งคิดว่าถ้าเรียนภาษาจีนไว้คงดีแน่ๆ เพราะจีนเป็นประเทศที่มีอิทธิพลด้านเศรษฐกิจของโลก
ตอนนั้นเริ่มจากหาทุนก่อน จนมาเจอกับ Huayu Enrichment Scholarship (HES) ทุนเรียนภาษาจีนระยะสั้นในไต้หวัน ไปแบบสมองโล่งงง ไม่มีพื้นฐานมาก่อน เริ่มต้นที่ภาษาจีนตัวเต็มเลยค่ะ! ผ่านไป 3 เดือน ภาษาพัฒนามากเพราะอยู่สภาพแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาตลอด แล้วยังประทับใจไต้หวันหลายอย่างโดยเฉพาะอากาศและความสะอาดของบ้านเมือง ตอนที่ทำงาน Marketing แล้วอยากเปลี่ยนสาย ก็เลยนั่งหาข้อมูลว่าที่ไหน MBA อยู่อันดับสูงๆ บ้าง
จากนั้นก็มาเจอทุนเต็มจำนวนที่น่าสนใจมากๆ คือ TaiwanICDF ของกองทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (International Cooperation and Development Fund; ICDF) ครอบคลุมค่าเล่าเรียน, เบี้ยเลี้ยงรายเดือน, และอื่นๆ (กำหนดการทุนปี 2024 ปิดรับสมัครไปเมื่อ 15 มี.ค. 2024 ที่ผ่านมาค่ะ)
ข้อมูลทุน TaiwanICDF ปี 2024 (ปิดรับแล้ว)แชร์โพรไฟล์ช่วงสมัครทุน
- GPA ป.ตรี ประมาณ 3.76 เกียรตินิยมอันดับ 2
- ประสบการณ์ทำงาน 2 ปีกว่า (เป็นขั้นต่ำที่หลักสูตรกำหนด)
- คะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ TOEIC 915
แนะนำให้เตรียมเอกสารให้เร็วที่สุด ส่วนตัวใช้เวลาโฟกัสกับ Statement of Purpose (SoP) ไปแล้วประมาณ 80% ของพลังทั้งหมดตอนนั้นค่ะ 5555 ทุน TaiwanICDF เขาจะให้เราเขียนกระชับมากก ≈300 words ต้องเลือกหยิบเรื่องเด่นๆ มาพรีเซนต์ ดูว่าจุดประสงค์ของทุนคืออะไร แล้วเราจะเข้าไป contributed ได้อย่างไรบ้าง ส่วนตอนสมัครมหาวิทยาลัยเขียนไปประมาณ ≈1,500 words หลักๆ คือทำไมถึงเลือกสมัครมหาวิทยาลัยนี้ อยากเรียนอะไร *ศึกษาหลักสูตรที่สมัคร แล้วมาเขียนเชื่อมโยงกับเป้าหมายชีวิตของเราค่ะ
เลือกมหาวิทยาลัยไหนไว้บ้าง
- National Chengchi University (NCCU)
- National Tsing Hua University (NTSU)
- National Taiwan University (NTSU) *ไม่ได้อยู่ในโครงการ ICDF
*กรณีรับทุน TaiwanICDF ผู้สมัครจะต้องเลือกสาขาและมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมทุนเท่านั้น ทั้งหมดเป็นภาคอินเตอร์ สอนเป็นภาษาอังกฤษ สามารถเช็กได้จากระเบียบการของปีที่สนใจสมัครค่ะ
#รีวิวไต้หวัน กับการปรับตัวช่วงแรกๆ
- ตอนไปทุน HES เรียนภาษา 3 เดือน เราก็มีปรึกษารุ่นพี่ที่เคยเรียน + ไปมหาวิทยาลัยดูบรรยาากาศ สภาพแวดล้อม การเดินทาง สุดท้ายติดทั้ง 3 ที่ แต่เลือก NCCU เพราะได้ทุน ICDF และอยู่ใกล้ไทเป มีข้อดีทั้งเรื่องเดินทางสะดวก เที่ยวง่าย อยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวฮิต เช่น กระเช้าเหมาคง (Maokong Gondola), สวนสัตว์ไทเป (Taipei Zoo) *ส่วนใหญ่นักเรียนจะมีสวัสดิการส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวันด้วยค่ะ
- เรื่องยากของเราคือเรียนภาคค่ำ (ประมาณ 18:00-22:00) ปกติจะชินกับการตื่นเช้า แต่เราต้องบริหารเวลาใหม่ ตื่นมาใช้ชีวิตก่อนแล้วค่อยไปเรียน บางคนก็จะมาเรียนหลังเลิกงานค่ะ
- อากาศมีช่วงที่แดดออก ท้องฟ้าสีสวยเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ NCCU อยู่ในเขตป่า ทำให้อากาศค่อนข้างชื้นและฝนตกบ่อย หลายคนจะเจอปัญหาหนังสือหรือเสื้อผ้าขึ้นรา ถ้ามาที่นี่ควรหาเครื่องดูดความชื้นมาใช้ แต่ก็มีช่วงที่แดดออก ท้องฟ้าสีสวยเหมือนกันค่า
- อาหารไต้หวันจะค่อนข้างเฉยๆ (แล้วแต่คน) เรามีซื้อของมาทำอาหารเองด้วยเพราะคิดถึงอาหารไทยเชื้อสายจีน
- พอเป็นนักเรียนจะมีบังคับทำประกันสุขภาพของไต้หวัน ซึ่งระบบการรักษาดีมากก หาหมอได้เกือบทุกโรงพยาบาล ค่ารักษาค่อนข้างถูกเพราะมีประกัน แต่ถ้าใครไม่ค่อยได้ภาษาจีน อาจต้องเน้นโรงพยาบาลอินเตอร์ มีโอกาสที่หมอกับเจ้าหน้าที่จะพูดภาษาอังกฤษได้มากกว่า
- ประทับใจสุดคือระบบคมนาคมของไต้หวันค่ะ ไม่ต้องมีรถส่วนตัวก็เดินทางทั่วถึงหลายที่ ค่าโดยสารถูก อย่างตอนนั้นเรานั่ง MRT นั่งจากต้นสายไปถึงปลายทาง 50 NTD (ค่าเงินพอๆ กัน 1 NTD = 1.13 บาท) ป้ายรถ Bus ก็มีบอกว่าอีกกี่นาทีถึง เราวางแผนชีวิตได้มากกว่า
สาขา International MBA เรียนอะไรบ้าง
IMBA คือ ป.โทบริหารธุรกิจที่เปิดสอนภาคอินเตอร์ คลาสนึง 30-50 คน ในคลาสจะเป็นคนไต้หวัน 50% นอกนั้นเป็นนักเรียนอินเตอร์หลายๆ ชาติ แต่การเรียนใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
ปีแรกจะได้เจอวิชาบังคับทั้งหมด เช่น บัญชี (Accounting), การตลาด (Marketing), การเงิน (Finance) ฯลฯ ช่วงนี้เรียนเลกเชอร์ พอเทอมหลังๆ จะต้องเลือก Concentrations ว่าเน้นด้านไหน และต้องลงวิชาในกลุ่มนั้นๆ ขั้นต่ำ 9 หน่วยกิต ช่วงนี้จะเน้นอภิปราย (Discussion) หรืออาจให้แบ่งฝ่ายโต้วาทีกัน (Debate) โดยมีตารางมาให้ว่าวีคนี้เรียนเคสไหน เราต้องไปเตรียมอ่านแล้วมาคุยกันในคลาส
แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ ผู้ประกอบการ (Entrepreneurship), การเงิน (Finance), การตลาด (Marketing) และการจัดการในภูมิภาคเอเชีย (Management in Asia) *เราเลือกกลุ่มหลังค่ะ สำหรับลิสต์วิชาที่เป็นหน่วยกิตของกลุ่มนี้คือ
- Chinese Business in Global Perspective
- Confucianism and Leadership
- Co-opetition: A Game Theoretic Approach to Business Practices
- Cross Culture Business Negotiation
- International Business Management
- Small and Medium-sized Enterprises
- Strategic Leadership
- Strategic Talent Management
จากประสบการณ์ส่วนตัว Professor แทบทุกวิชาจะเป็นสายเฮฮา หรืออย่างอาจารย์ชาวไต้หวันบางคนก็จบมาจากต่างประเทศ ทำให้มีแนวคิดทันสมัย เปิดกว้างมาก และเข้าใจชาวต่างชาติค่ะ
แนะนำว่าถ้ามีวินัยจะไม่เหนื่อยมาก
ตารางเรียนวีคนึงไม่ได้บีบอัดเกินไป ปริมาณเยอะแบบพอดีๆ บางวิชาอาจจะมีคะแนนการมีส่วนร่วมสัก 10% ส่งงานตรงเวลาอีก 30% ที่เหลือ 60% มาจากการสอบ ส่วนใหญ่วิชาเน้นทฤษฎีอย่างบัญชีหรือไฟแนนซ์ก็จะประมาณนี้ แต่ถ้าเป็นวิชาเฉพาะทาง เช่น ในกลุ่มของ Management in Asia จะเน้นส่งงานมากกว่า (ส่่วนตัวชอบแบบนี้มากกว่าจำไปสอบ)
สำหรับ IMBA เป็นคณะดังของ NCCU อยู่แล้ว และจากที่เรียนมารูัสึกเด่นด้าน Finance มาก ใครจบสายอื่นมาแล้วอยากลองศึกษาด้านนี้เพิ่ม เราว่าที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์เลย
จังหวะไหนช่วยเพิ่มโอกาสทำงานหลังเรียนจบได้?
หลักสูตรนี้ไม่ได้บังคับฝึกงาน แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าการทำงานที่ไต้หวันเป็นยังไงบ้าง หรืออยากได้คอนเน็กชันกับประสบการณ์ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสหลังจบ สามารถลองหาและสมัครฝึกงานได้ค่ะ อย่างตอนนั้นเราก็มีโอกาสไปฝึกในบริษัทด้าน E-Commerce ที่เขาจะขยายฐานมาประเทศไทย และต้องการคนที่เป็นตัวกลางพอดี
นอกจากนี้คือ NCCU จะมีจัด Job Fair แต่บางที่จะมีความเป็น Taiwanese-based (ประมาณว่าพิจารณาเลือกคนไต้หวันก่อนเป็น priority) หรือถ้าเขาต้องการหาคนที่เป็น Native Speaker ในประเทศที่จะเข้าไปทำการตลาด อาจต้องสื่อสารจีนกลางได้ประมาณนึงค่ะ
ข้อดีของการเรียน MBA
- คอนเน็กชันหลากหลาย เพื่อนมาจากหลายแวดวงการทำงาน เช่น อสังหาริมทรัพย์, พัฒนาซอฟต์แวร์, ไอที, กฎหมาย ฯลฯ แล้วยังหลากหลายในมิติของประเทศด้วย ได้รู้อินไซต์ของประเทศนั้นๆ // ถึงตอนเรียนจบแล้วเราต่างแยกย้ายกลับประเทศตัวเอง แต่ก็ยังมีติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ
- เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนสายงาน เพราะ MBA จะได้เรียนพื้นฐานทุกสายที่เกี่ยวกับธุรกิจ แต่อาจไม่ได้ Specific มากถึงขั้นเป็น Auditor ได้
- เราจะได้มาเรียนรู้ว่าคนจากประเทศต่างๆ เขา take action กับเคสต่างๆ ประมาณไหน เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับหน้าที่ของเราได้ เวลาดิสคัสก็จะมีช่วงที่เราได้แชร์เรื่องในประเทศตัวเองแลกเปลี่ยนกัน
ฝากถึงรุ่นน้องที่กำลังค้นหาตัวเอง
ถ้ากำลังเรียน ม.ปลาย หรือ ป.ตรีตอนนี้ยังมีเวลาอีกหลายปี ระหว่างนี้ลองค้นหาสิ่งที่ชอบและสนใจ ควบคู่กับฝึกภาษาอังกฤษ เราว่ายุคนี้มีสื่อให้พัฒนาภาษาได้เยอะมากค่ะ
สำหรับใครที่เตรียมสมัครทุน TaiwanICDF (หรือทุนใดก็ตาม) ยิ่งเตรียมตัวเร็วยิ่งดี พยายามอ่านข้อมูลอย่างรอบคอบที่สุด เช่น ทุนต้องการอะไร เตรียมเอกสารอะไรบ้าง ฯลฯ ยิ่งการเขียน Resume, SoP ไม่ใช่ Draft เดียวจบ แต่ต้องอ่านหลายๆ รอบ ปรับแล้วปรับอีกจนกว่าจะได้เวอร์ชันที่ดีที่สุด ลองให้คนอื่นช่วยอ่าน หรือขอคำแนะนำจากเพื่อน/รุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ จะได้คำแนะนำจากหลายมุมมองค่ะ
การขอทุนและสมัครเรียนคือเหนื่อยจริงแต่คุ้มค่ามาก ถ้าเกิดทำเต็มที่แล้วผลลัพธ์เป็นยังไงเราก็จะไม่เสียใจกับมัน และถึงพลาดทุนปีนี้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะพลาดปีหน้า ถ้าเกิดยังอยากสู้ต่ออีกก็ถือว่าได้ลองสนาม แล้วกลับมาประมวลว่าอะไรที่น่าจะทำให้เราพลาดทุนปีก่อนๆ
. . . . . . . . .
You’re Invited!
อยากปรึกษา 1:1 กับนักเรียนทุนตัวจริง
พบกันที่ไบเทคบางนา 27-28 เม.ย. 2024
รอบนี้พิเศษมากก!! Dek-D’s Study Abroad Fair ได้รับเกียรติจากรุ่นพี่นักเรียนทุนและจบนอกจากประเทศยอดนิยมตอบรับคำเชิญมาประจำบูธใหญ่ของพวกเรา เพื่อให้น้องๆ และผู้ปกครองในงานสามารถ Walk-in ปรึกษาได้ตัวต่อตัว ไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ทุน Erasmus+ (ยุโรปและอเมริกา), Fulbright (อเมริกา), Chevening (สหราชอาณาจักร), DAAD (เยอรมนี), Franco-Thai (ฝรั่งเศส), ทุนรัฐบาลอิตาลี, จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน (ICDF), ทุนรัฐบาลไทย (ก.พ./UiS) รวมถึงรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยในสกอตแลนด์และออสเตรเลียก็มาด้วยนะ!
"พี่เบญ" จะสแตนด์บายที่บูธปรึกษากับน้องๆ แบบ 1:1 ในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 สรุปไฮไลต์อีกเพียบที่ลิงก์ด้านล่างนี้ แล้วเจอกันนะคะ~
เว็บไซต์งานแฟร์ต่อนอก
0 ความคิดเห็น