Do Learn ดูเพลิน! รวม 8 ซีรีส์สำหรับการฝึกภาษาอังกฤษ ครบทั้ง American & British

เชื่อว่าใครหลายคนไม่ชอบการเรียนภาษาในห้องเรียน (พี่ก็ไม่ชอบเหมือนกัน) แต่เดี๋ยวนี้เรามีช่องทางและแหล่งความรู้มากมายให้เลือกอัปสกิลภาษาได้ตามสไตล์ตัวเอง เช่น การอ่านนิยาย/การ์ตูน ฟังเพลง เล่นเกม หรือการใช้แอปหาเพื่อนฝึกภาษาก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งบางทีเราอาจได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่มีสอนในห้องเรียนเลยก็ได้ เพียงแค่หาวิธีให้เหมาะกับตัวเองให้เจอ 

และสำหรับใครที่เป็นสายซีรีส์ต้องปักหมุดบทความนี้เลย เพราะ พี่ธัน ได้รวบรวมซีรีส์ 8 เรื่องทั้งจาก US และ UK มาให้ทุกคนได้ Upskill ภาษาอังกฤษเน้นๆ กับ English speakers บอกเลยได้เพิ่มพูนคลังศัพท์ สำนวน slang พร้อมประโยคสับๆ และที่สำคัญคือสามารถสนุกไปกับการเรียนด้วย ไม่มีง่วง ไม่มีอ่อม! จะมีเรื่องอะไรบ้าง ไปอ่านต่อกันเลยยย~~

Tips ในการฝึกภาษาจากซีรีส์

  1. เลือกหนัง/ซีรีส์ที่สนใจ ตามระดับภาษาของตัวเอง
  2. ดูรอบแรกด้วยซับไทยให้เข้าใจเนื้อเรื่อง รอบที่สองซับอังกฤษ และรอบที่สามแบบไม่มีซับ
  3. จดคำศัพท์หรือประโยคที่ไม่รู้ในแต่ละตอนและกลับมาทบทวนบ่อยๆ
  4. ฟังตัวละครพูดในรอบแรก หลังจากนั้นกดหยุดและพูดตาม

.................

American TV Shows

1. The Big Bang Theory

เริ่มต้นกันที่เรื่องแรกจากฝั่ง US กันก่อน ‘The Big Bang Theory’ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของนักฟิสิกส์ 2 คนที่ชื่อ ‘เชลดอน คูเปอร์’ (Sheldon Cooper) และ ‘เลนนาร์ด ฮอฟสแตดเดอร์’ (Leonard Hofstadter) ที่เป็นทั้งคู่หู คู่กัด และเพื่อนร่วมห้องในอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย (Pasadena, California) // ทั้งสองได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงานของเขาที่ ‘Caltech’ ซึ่งค่อยๆ พัฒนาไปเป็นความสัมพันธ์แบบฉันท์เพื่อนและความรัก

ถึงแม้ตัวละครมักจะถกเถียงกันเรื่องวิทยาศาสตร์ แต่เราไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเข้าใจทุกอย่างที่ทุกคนพูดเพื่อให้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะพวกเขาใช้ภาษาและสแลงในชีวิตประจำวันทั้งนั้น หรือถ้าใครสนใจวิทยาศาสตร์เป็นพิเศษก็สามารถเพิ่มคลังศัพท์สายวิทย์จากเรื่องนี้ได้เต็มที่เลย

Note: รู้หรือไม่? เชลดอนเป็น Pad Thai Lover ด้วยนะ

Credit: Prime Video
Credit: Prime Video

2. Friends

ซีรีส์ซิตคอมยุค 90’s ที่ใครหลายคนต้องรู้จักอย่าง ‘Friends’ เป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อน 6 คนที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์ก (New York) โดยตลอด 10 ซีซั่นเราจะได้ตามติดชีวิตของเพื่อนกลุ่มนี้ที่ต้องก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต เช่น ความรัก การอกหัก การแต่งงาน การหย่าร้าง และการงาน บอกเลยว่ารวมมิตรทุกเรื่องดราม่า ที่คนส่วนมากต้องเคยมีประสบการณ์ร่วมมาก่อนแน่นอน

อีกอย่างเรื่องนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากฝึกภาษาอังกฤษเพราะว่าตัวละครมีจังหวะการพูดที่ไม่เร็วและยังใช้ภาษาเป็นกันเอง ซึ่ง Native speakers ใช้ประจำ เหมาะกับการนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันมากๆ เลยครับ 

Note: หนึ่งคนที่ฝึกภาษาอังกฤษจากเรื่องนี้ก็คือ ‘คิมนัมจุน’ แรปเปอร์มากความสามารถจากวง BTS (ใครอยากตามอ่านทริกการฝึกภาษาจากพี่เขา ต้องคลิกที่นี่เลย)

Credit: Prime Video
Credit: Prime Video

3. The Office

มาต่อกันที่ซิตคอมสารคดีแนวล้อเลียน (Mockumentary) อย่าง ‘The Office’ กัน ซีรีส์เรื่องนี้จะพาไปตามติดชีวิตของพนักงานบริษัท Dunder Mifflin Paper Company ในเมืองสแครนตัน (Scranton) รัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) ที่ทุกคนต้องทำงานอัดกันอยู่ในออฟฟิศแคบๆ กับเพื่อนร่วมงานแปลกๆ และหัวหน้าที่ความมั่นใจเกินร้อย

เรื่องนี้ใครกำลังเริ่มฝึกภาษาดูได้ดูดีสุดๆ เพราะตัวละครใช้ภาษาทั่วไปที่ต้องเจอในการทำงานบ่อย ภาษาเป็นระดับกันเอง ไม่ทางการ ทำให้คนดูได้ซึมซับสำนวนและคำศัพท์ในชีวิตประจำวันไปด้วย (ที่ในหนังสือไม่มีสอน!)

Credit: IMDb
Credit: IMDb

4. Modern Family

ปิดท้ายฝั่งอเมริกันด้วยซีรีส์สไตล์ Mockumentary กับเรื่อง Modern Family ที่จะเล่าเรื่องราวสุดบันเทิงของสามครอบครัวเครือญาติที่อาศัยอยู่ในแคลิฟอร์เนีย (California) เราจะได้เห็นตัวละคร (ที่สุด Iconic และถูกนำไปทำมีมอยู่บ่อยๆ) ผ่านประสบการณ์ชีวิตมากมาย ที่ช่วยให้ได้เรียนรู้ความจริงของชีวิตที่สำคัญกับอนาคตของพวกเขา

เรื่องนี้จะเป็นแนวตลก ย่อยง่าย ตัวละครก็มีทำนองการพูดที่เป็นธรรมชาติซึ่งก็เหมือนกับที่คนทั่วไปเขาพูดกันนี่แหละ โดยจะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงคนแก่ นอกจากนั้นยังมีสำนวน สแลง คำศัพท์ในชีวิตประจำวันให้สะสมและซึมซับไปพร้อมกับความฮาอีกด้วย

Credit: Prime Video
Credit: Prime Video

British TV Shows

5. Sherlock

มาส่องซีรีส์เรื่องแรกจากเกาะอังกฤษกันหน่อย ซีรีส์ ‘Sherlock’ นี้มีการดัดแปลงมาจากนวนิยายของ ‘Sir Arthur Conan Doyle’ ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน โดยตัวหลักของเรื่องก็คือ ‘เชอร์ล็อก โฮล์มส์’ (Sherlock Holmes)

Sherlock อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอนในศตวรรษที่ 21 ที่พวกโจรขโมยและฆาตกรต่อเนื่องเกลื่อนเมืองจนเกินจะรับมือไหว ทำให้พวกตำรวจต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากเขา // ผู้ช่วยของเขา ‘จอห์น วัตสัน’ (John Watson) แพทย์ทหารที่เพิ่งกลับมาจากอัฟกานิสถานก็มีส่วนช่วยในการไขคดีต่างๆ เช่นกัน โดยภาคนี้จะต่างจากเรื่อง Sherlock Holmes เวอร์ชันต้นฉบับเพราะเนื้อเรื่องเกิดขึ้นในสมัยปัจจุบัน ภาษาอังกฤษก็จะเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น

Note: แต่ๆๆๆ ตัวละครพูดกันไปมาค่อนข้างเร็ว อาจฟังยากในช่วงแรกๆ ลองลดความเร็ว Playback speed ก็ได้เหมือนกันครับ

Credit: IMDb
Credit: IMDb

6. Cunk on Earth

เรื่องต่อไปเป็นรายการสารคดีเชิงล้อเลียน ‘Cunk on Earth’ ที่มีตัวละครเอกชื่อว่า ‘ฟีโลมีนา คังก์’ (Philomena Cunk) ในแต่ละตอนเธอจะพาไปชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และพูดคุยกับนักวิชาการในสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านปรัชญา วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ ฯลฯ ส่วนความบันเทิงก็มาจากการที่เธอถามคำถามประหลาดๆ นอกประเด็นตอนที่เธอพูดคุยกับแขกรับเชิญที่หน้าตาจริงจังสุดๆ นี่แหละ ทำเอาพวกนางอึ้ง ไปต่อไม่ถูกกันเลย

ส่วนเรื่องนี้ก็ใช้ภาษาอังกฤษง่ายๆ ถึงแม้เนื้อหาจะดูยากก็ตาม อีกอย่างคือมีการใช้ภาพประกอบเวลา Cunk และแขกรับเชิญพูดถึงเรื่องต่างๆ ช่วยให้คนดูตามเนื้อเรื่องได้ทัน 

Credit: IMDb
Credit: IMDb

7. The Crown

อีกหนึ่งซีรีส์เน็ตฟลิกซ์สุดโด่งดังอย่าง ‘The Crown’ เล่าเรื่องราวของราชวงศ์อังกฤษในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ซึ่งตรงกับสมัยการครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 (Queen Elizabeth II) ที่สอดแทรกมาพร้อมกับเรื่องราวของการต่อสู้ทางการเมืองและความรักอันขมขื่น

ตัวละครในเรื่องจะพูดสำเนียงมาตรฐานอย่าง Upper Received Pronunciation (URP) ที่ปัจจุบันแทบไม่มีใครใช้กันแล้ว เว้นแต่ในหมู่คนชั้นสูงที่อายุมาก แม้ว่าบางท่านจะมีสำเนียง URP แต่ก็ออกเสียงชัดถ้อยชัดคำ ทำให้เข้าใจได้ง่าย หรือถ้าใครอยากฝึกพูดภาษาฟีลผู้ดีสุด Posh ต้องห้ามพลาดเรื่องนี้เลย! 

Note: มีคำศัพท์ระดับสูงและซับซ้อนที่ใช้ในบริบททางการเมืองและประวัติศาสตร์ค่อนข้างเยอะ อาจเข้าใจยาก แต่ก็ช่วยเพิ่มคลังศัพท์ได้มากเช่นกัน ดูเพลินๆ ค่อยๆ สะสมกันไปได้ครับ

Credit: Wikipedia
Credit: Wikipedia

8. Heartstopper

‘Heartstopper’ ซีรีส์ LGBTQ+ สุดฟินจิกหมอน ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนของ Alice Oseman เล่าเรื่องราวของ ‘นิค เนลสัน’ (Nick Nelson) และ ‘ชาร์ลีย์ สปริง’ (Charlie Spring) นักเรียนอังกฤษสองคนที่โรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง // ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นความรัก มิตรภาพ และความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกสอดแทรกผ่านเหตุการณ์และตัวละครต่างๆ ในซีรีส์

ด้วยความที่เรื่องนี้ถูกจัดเป็นแนว Young Adult (YA) ทำให้ระดับภาษานั้นไม่ยากเลย จะมีบทพูดเรียลๆ เป็นกันเองตามประสาวัยรุ่น มีสแลงและสำนวนอังกฤษในหมู่เพื่อน โรงเรียน และชีวิตประจำวัน ดูเรื่องนี้ได้จดเพิ่มคลังเพียบ!

Credit: IMDb
Credit: IMDb

……………..

เป็นยังไงกันบ้างกับ 8 ซีรีส์หลากหลายสไตล์ที่พี่ลิสต์มาให้  มีเรื่องไหนที่เคยดูกันแล้วบ้าง หรือว่าอยากดูเรื่องไหนบ้างเอ่ย? ส่วนตัวพี่ชอบ The Big Bang Theory มากๆ เพราะนอกจากจะตลกแล้วในเรื่องยังสอดแทรกวัฒนธรรมไทยออกมาได้ดีด้วย คราวหน้า Study Abroad by Dek-D จะมีแหล่งฝึกอัปสกิลภาษาไหนมาแนะนำ อย่าลืมติดตามล่ะ :D

 

Sourceshttps://oxfordlanguageclub.com/page/blog/10-best-american-sitcoms-to-learn-englishhttps://www.looper.com/194646/the-entire-big-bang-theory-story-finally-explained/https://home.adelphi.edu/~ni21572/overview.html#:~:text=Friends%20is%20a%2090's%20Comedy,and%20all%20sorts%20of%20drama. 
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น