ฝึกงาน ประสบการณ์คุ้มค่าที่ค้นหาตัวตนได้




     
    การฝึกงานสำหรับเด็กมหาวิทยาลัย และน้องๆ ปวช. ปวส. เป็นเรื่องปกติ หลายหลักสูตรได้บรรจุการฝึกงานเป็นหน่วยกิต บังคับให้ฝึกเอาเกรดจบกันเลย แต่ในความจริงแล้ว เราไม่ต้องรอให้หลักสูตรมาบังคับ เราก็สามารถหาประสบการณ์ลองงานจริงๆ และสามารถหาที่ฝึกกันได้ตั้งแต่มัธยมนี่แหละค่ะ เพียงแต่คนไทยหรือคนทำงานไทยอาจจะยังไม่ค่อยมีใครทำในเรื่องนี้ น้อยนักที่เด็กมัธยมปลายจะไปหาที่ฝึกงานกันเอง แต่งานนี้ก็คล้ายกับการหากิจกรรมนอกหลักสูตรทำนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ต้องรับผิดชอบกันให้มากขึ้น และอาจไม่ได้จบแค่สี่ห้าวันเหมือนไปค่ายต่างๆ เท่านั้นเอง

        การฝึกงานเป็นตัวช่วยให้เราค้นหาตัวเองได้ เราอาจรู้ตัวว่าไม่ชอบสิ่งที่กำลังเรียนก็ได้ หรือเราอาจพบอะไรๆ ใหม่ๆ จากการฝึกงานก็ได้ 


       มีคำยืนยันจากเด็กมหาวิทยาลัยสาขาวิศวกรรมที่ออกฝึกงาน ระหว่างเรียนก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรือเกลียดสาขาที่เรียนแต่อย่างไร พอได้มาฝึกงานก็ค้นพบตัวเองเลยว่า ไม่ได้ชอบสายที่กำลังเรียน และสนใจงานด้านการตลาดมากกว่า เพราะบริษัทส่งไปช่วยงานเวลาที่ไม่ได้ฝึกงานของวิศวะ แล้วก็มีตัวอย่างของน้องที่เลือกเรียนครุศาสตร์ เพราะคะแนนถึง เลือกกันสอบไม่ติด ตอนแรกก็อยากซิ่ว  แต่ซิ่วมันลำบาก เลยเรียนมาเรื่อยๆ จนกระทั่งฝึกสอน แล้วก็พบว่างานสอนนี่แหละคือสิ่งที่ทำได้ดีและมีความสุข และเลือกเป็นครูในที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็มีน้องอีกคนที่เลือกเรียนครุศาสตร์ด้วยความตั้งใจ พอออกฝึกสอนได้เทอมเดียว เจอเด็กเฮี้ยวรับมือไม่ทัน อยากเลิกเป็นครูในที่สุดก็ได้  ซึ่งจากตัวอย่างเหล่านี้เราจะพบว่า การฝึกงานในสายงานที่เรากำลังเรียน หรืองานที่เรากำลังสนใจ จะทำให้เราได้ลองงานจริงๆ ได้ทำจริง เราก็จะรู้จริงว่าเราจะชอบงานดังกล่าวหรือไม่ค่ะ 


การฝึกงานมีหลักการทั่วไปดังนี้
     
            1. ต้องประเมินคุณสมบัติตนเอง ว่าพอจะรับผิดชอบงานที่จะไปฝึกได้จริงหรือไม่ ไม่จำเป็นต้องทำได้ดีทันที แต่ต้องเชื่อว่าจะสามารถรับผิดชอบงานได้อย่างตั้งใจที่สุด และต้องพิจารณาด้วยว่ามีระยะเวลาฝึกเพียงพอหนังไม่ โดยปกติน้องๆ ที่เรียนตลอดก็ห้า-หกวัน ก็คงต้องรอช่วงปิดเทอม 
            2. ร่อนใบสมัครฝึกงาน ควรโทรไปสอบถามข้อมูลทางโทรศัพท์หรืออีเมลโดยตรงว่ารับเด็กฝึกงานไหม และติดต่อส่งเอกสารไปที่ฝ่ายไหน บางหน่วยงานจะมีฝ่ายที่สามารถให้ข้อมูลด้านนี้ได้เลย แต่บางหน่วยงานไม่ค่อยมีเด็กขอไปฝึกงาน เราก็ต้องลองส่งใบสมัครไปเองค่ะ ทั้งนี้ก็ต้องพิจารณาถึงหน่วยงานนิดนะคะ ถ้าเป็นหน่วยงานที่จริงจังมากๆ นะ อย่างหน่วยทหารแบบนี้ก็ไม่ได้อยู่นะ  
            3. การส่งใบสมัครและข้อมูลตัวเรา คิดว่าทำ porfolio สอบเข้าเรียน ทำให้เต็มที่ให้คนอ่านรับรู้ว่าเราตั้งใจจะไปทำงานกับเขาจริงๆ  เขียนประวัติเราโดยสังเขป พร้อมเหตุผลในการขอฝึกงาน  
            4. ไม่ควรหวังเงินฝึกงาน แต่ละที่จะมีสวัสดิการรองรับเด็กฝึกงานต่างกันค่ะ ให้ถือว่าทางหน่วยงานจะสอนงานให้เราได้เรียนรู้อย่างเต็มที่เป็นสิ่งสำคัญ เขาจะดูแลเราตามสมควรค่ะ 
            5. พึงระลึกว่า เราต้องมีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย เสนอตัวเองเข้าไปช่วยได้ทุกงาน คิดเสียว่าเราจะได้ลองงานจริงแล้ว เราจะได้รู้ว่าชอบงานไหน ที่สำคัญต้องมีสำนึกต่อหน่วยงาน การที่เราเข้าไปฝึกงานกับหน่วยงานไหน ก็เหมือนเราเป็นพนักงานของที่นั่นไปครึ่งหนึ่งแล้ว เราต้องดูแลรักษาภาพของหน่วยงาน ไม่เอาเรื่องลับเรื่องเงินโน้นนี่ออกไปเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ เมื่อจบการฝึกงานอยากลืมการขอบคุณพี่ๆ ที่ดูแลใกล้ชิด และหัวหน้าหน่วยงานที่รับฝึกค่ะsd


 

        ณ เว็บไซต์  Dek-D ของเราก็รับน้องฝึกงานตลอดปีเลยค่ะ แต่มีกำหนดชัดเจนว่าต้องเป็นน้องๆ มหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งพี่ก็ไปขอคำให้การ เอ้ย สัมภาษณ์เล็กๆ ว่าได้อะไรจากการฝึกงานบ้าง พี่้เต็นท์ และพี่จ้ำ จะมาเล่าให้น้องๆ ฟังค่ะ


       สวัสดีครับ ชื่อเต็นท์ กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะวิทยาการจัดการ สาขาการจัดการธุรกิจและภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยศิลปากร มาฝึกงานที่ออฟฟิซของเว็บ Dek-D เพราะเห็นว่าเปิดรับ ก็อยากฝึกทางด้านการตลาด เพราะเรียนมาบ้าง ได้ฝึกทำในส่วนของการทำสื่อที่จะใช้เป็น Viral Marketing แล้วก็งานอื่นๆ แล้วแต่พี่ๆ ที่ออฟฟิศจะให้ช่วย ก็จะมีถ่ายภาพบ้าง เรียนรู้งานในหลายๆ ด้านไม่ใช่แค่ด้านการตลาดอย่างเดียว การทำงานที่นี่ก็สนุก พี่ๆ ก็เป็นกันเองมาก แต่ก็มีคิดถึงภาษาอังกฤษบ้างนิดหน่อย พอฝึกงานจบ ก็อาจจะหางานที่เกี่ยวข้องกับทางด้านการตลาดทำ เพราะว่า ฝึกงานทางด้านนี้ ก็อยากจะหาประสบการณ์เพิ่มเติมครับ 


          ผมชื่อจ้ำนะครับ ตอนนี้ฝึกงานอยู่ในตำแหน่ง Marketing & PR ที่มาฝึกในตำแหน่งนี้ก็เพราะว่าคณะที่เรียนก็คือนิเทศศาสตร์ ถ้าถามว่า เอ๊ะ ผมเรียนนิเทศศาสตร์ แล้วทำไมไม่ไปฝึกที่บริษัททำสื่อบันเทิงต่างๆ เช่น คลื่นวิทยุ ผลิตละครหรือ รายการทีวีล่ะ? ที่จริงเพื่อนๆ ก็ไปฝึกงานที่บริษัทดังกล่าว แต่เคยได้ยินมั้ยว่า เรียนนิเทศจบมาก็ตกงาน ก็ประมาณว่า คนเรียนนิเทศเยอะก็จบไปเยอะ จบไปก็ไปสมัครทำผลิตสื่อหนังกันเยอะ แต่ผมมองอีกแบบว่า ตอนนี้แทบไม่มีใครไม่รู้จักอินเทอร์เน็ตเลย ผมเลยเริ่มศึกษาช่องทางในการทำเว็บไซต์และรู้สึกชอบมากๆ  พอดีที่คณะมีการให้นักศึกษาในคณะออกไปฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และก็มาเจอที่เว็บ Dek-D มีการรับนักศึกษาฝึกงานตลอดทั้งปี นั่น! เข้าทาง! ก็รีบจัดการส่งใบสมัครเลย ประมาณ 3 วันก็ได้อีเมลตอบกลับมาว่า ผ่าน!!!
         งานที่ได้รับมอบหมายก็คือ ขั้นแรกวิเคราะห์การตลาดก่อนเลย ต่อด้วยการโปรโมทเว็บหรือที่เรียกว่า SEO และยังมีงานเล็กๆ น้อยๆ อีก เราเลือกได้ว่าเราถนัดแบบใหน แล้วบอกพี่ว่าเราอยากลองงานนี้งานนั้น ถ้าทำได้พี่เค้าก็ให้ทำ
 
         ถ้าถามเรื่องอนาคต ก็อยากทำงานเหมือนกับที่ฝึกงานนี่แหละครับ ผมชอบทำเว็บมาก ยิ่งมาฝึกงานที่นี่ทำให้มีไฟ อยากจะทำเว็บที่ดีๆ เหมือนเว็บ Dek-D ให้ได้เลย สิ่งที่เล่ามาก็จะบอกให้น้องๆ หรือใครที่กำลังจะได้ฝึกงานในอนาคตว่า เลือกค้นหาสิ่งที่เราชอบจริงๆ ทำในสิ่งที่เรารัก ตั้งสติแล้วค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วเราจะมีความสุขกับการทำงานครับ เมื่อมีความสุข การงานก็จะก้าวหน้า ไม่ต้องมานั่งบ่นทีหลังว่า ไม่ชอบอันโน้น อันนี้ไม่ดี เพราะเราเลือกเส้นทางของเรามาแล้วอย่างดี      
                 แล้วคุณมีทางในฝันของคุณหรือยังครับ?

            พี่เต็นท์พูดน้อยสมบุคลิก พูดน้อยแต่งานมากไม่มีเกี่ยง ส่วนพี่จ้ำก็พูดเก่งและฮาสมกับที่จะเรียนด้านนิเทศศาสตร์มาเชียวล่ะ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพี่ๆ ที่มาฝึกงานจริง แล้วน้องๆ ชาว Dek-D ที่รัก พร้อมจะออกประสบการณ์โลกกว้างหรือยังคะ?



           เราไม่จำต้องเรียนมหาวิทยาลัยจนปีสุดท้าย แล้วค่อยมารู้สึกตัวว่าอยากทำอะไรก็ได้เนอะแบบนั้นช้าไปไม่รู้นะ ลองหาที่ฝึกงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า พี่เกียรติก็ไม่แน่ใจว่าที่ไหนจะกล้ารับเด็กๆ ฝึก แต่ก็ต้องลองดูค่ะ ถ้าเราทำให้เขาเห็นความตั้งใจของเราได้ เขาต้องให้เราฝึกแน่ๆ  หรือถ้ามีเวลาว่างลองเดินเข้าไปขอเป็นอาสาสมัครตามหน่วยงานต่างๆ ช่วยดูแลน้องที่ป่วยตามสถานพยาบาล มูลนิธิ  ช่วยดูแลผู้สูงอายุ ไปสอนหนังสือเด็กๆ ชุมชนแออัด เหล่านี้ก็ได้ค่ะ น้องๆ ที่สนใจสายแพทย์อาจขอไปทำงานที่โรงพยาบาล อาจได้เดินเอกสาร ช่วยดูแลผู้ป่วยเล็กๆ น้อยๆ แต่เราก็จะได้สังเกตการทำงานของพี่ๆ หมอ พี่ๆ พยาบาลแล้วค่ะ ก็น่าลองหา(ฝึก)งานแบบนี้ทำดูหามีเวลาว่างค่ะ

พี่เกียรติ
พี่เกียรติ - Community Master ถนัดแฝงตัวตามกระทู้เด็กดี มีความสนใจเป็นล้านเรื่องขึ้นอยู่กับดราม่าขณะนั้น

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Demolish. Member 6 ก.พ. 55 21:46 น. 9
 อยากฝึกกับที่นี่บ้างอ่ะค่ะ 
แต่ตอนนี้ใกล้ปิดเทอมแล้วคงต้องรีบสมัครที่อื่นไว้ก่อน

ปล. นอกเรื่องไปนิดๆ
แต่พี่จ้ำนี่แต่งตัวเหมือนยงฮวาเลยอ่ะ - -



แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2555 / 21:46
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
karin<f>e Community 9 ก.พ. 55 23:02 น. 11
 น้อง คห.10 ต้องลองหาที่ที่เราสนใจและลองสมัครดูค่ะ อาจไม่ถึงต้องฝึกงานก็ได้ ขอเข้าไปช่วยงานจิตอาสายามว่างก็ได้ค่ะ รอติดตามคอลัมน์ค้นหาตนเองตอนต่อไปนะ มีเรื่องเพื่อนๆ มาแบ่งปัน อิอิ

ฝึกงาน ไม่เหมือน หางานทำ เนอะ
การฝึกงาน ผลตอบแทนคือ ประสบการณ์
หางานทำ เป็นการทำงาน ผลตอบแทนคือเงิน  รายได้เพิ่มเติม
จุดมุ่งหมายต่างกันค่ะ... อยากทำแบบไหนเอ่ย?
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด