How to Present หน้าชั้นเรียนยังไงก็รอด? พร้อมคำแนะนำจาก "เจมส์ ฮอร์โมน" + “อิน - แฮท” มธ.

     ในการเรียน หรือการทำงานจะมีอยู่เรื่องนึง ที่ไม่ว่าอยู่ระดับชั้นไหน ประถมฯ มัธยมฯ หรือว่ามหา’ลัย หรือแม้แต่ทำงานแล้ว ก็หนีไม่พ้นค่ะ แล้วไม่ว่าจะชอบ หรือไม่ชอบ ก็ตาม (ยกเว้น จะโยนให้คนอื่นทำให้) เดากันออกไหมคะ ว่าพูดถึงเรื่องอะไร.... เรื่องที่พี่แนนนี่กำลังพูดถึงก็คือ การนำเสนองาน หรือการ Present นั่นเองค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโตทุกคนจะต้องผ่านการนำเสนอผลงานต่างๆ หน้าชั้นเรียน ไม่ว่าจะเป็นงานเดี่ยว หรืองานกลุ่ม อย่างน้อยก็คนละครั้ง 2 ครั้งในชีวิต
 

 
     การนำเสนอ คือการบอกเล่าเรื่องราวที่ได้ไปศึกษาค้นคว้ามาให้กับเพื่อนๆ และคุณครูอาจารย์ฟัง ซึ่งการนำเสนอในสมัยมัธยมฯ ก็จะแตกต่างกับตอนมหา'ลัย ทั้งลักษณะเนื้อหาข้อมูล สไลด์การนำเสนอ รูปแบบหรือวิธีการนำเสนอ ก็เปลี่ยนแปลงไป หลายคนมีความเคยชินกับการนำเสนอแบบมัธยมฯ ทำให้ได้คะแนนในส่วนของการนำเสนอในมหาวิทยาลัยน้อย
     วันนี้พี่แนนนี่เลยจะพาน้องๆ มา checklist ความแตกต่างของการนำเสนอ ระหว่างสมัยมัธยมฯ กับสมัยมหาวิทยาลัย พร้อมคำแนะนำจากรุ่นพี่คนดัง ลูกแม่โดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  • ลักษณะเนื้อหาข้อมูล
มัธยมฯ : ข้อมูลไม่กว้าง ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลตายตัว ไม่ได้เปิดกรอบทางความรู้มาก ค้นหาเนื้อหาจากที่คนอื่นศึกษาไว้แล้ว
มหา'ลัย : ข้อมูลจะไม่ตายตัวมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลพื้นฐาน แล้วให้ใส่มุมมอง ความคิด ไอเดียของตัวเองมากขึ้น แต่ก็ต้องไปศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ซึ่งก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก อาจจะเป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน แถมยังเป็นสิ่งที่มาจากความคิดเราเป็นหลัก หรือเป็นสิ่งที่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง
 
  • สไลด์นำเสนอ
มัธยมฯ : ตัวหนังสือเยอะ คัดลอกเนื้อหาและข้อมูลที่มีลงไปทั้งหมด จากนั้นก็ตกแต่งด้วยรูปภาพหรือเอฟเฟกต์อีกนิดหน่อย
มหา'ลัย : ใส่แค่ข้อความสำคัญ ใจความสำคัญ หรือหัวข้อหลักๆ เป็นหัวข้อสั้นๆ หรืออาจจะใส่รูปภาพ วิดีโอที่ต้องการจะนำเสนอ รวมไปถึงข้อมูลต่างๆ ที่ต้องนำมาประกอบการอธิบายเพื่อให้เข้าใจและเห็นภาพชัดเจนขึ้น
 
  • รูปแบบ หรือวิธีการนำเสนอ
มัธยมฯ : อ่านจากกระดาษ หรือโพยให้อาจารย์ฟัง บางครั้งก็อ่านจากสไลด์เลย
มหา'ลัย : เป็นเหมือนการทำความเข้าใจกับงาน และถ่ายทอดออกมา โดยจะต้องมีการสื่อสารกับคนฟัง เพื่อนๆ หรืออาจารย์มากขึ้น เรื่องการจดกระดาษมาอ่าน ลิืมไปได้เลย อาจจะจดได้แค่คีย์เวิร์ด หรือหัวข้อ แล้วมานำเสนอเท่านั้น
 
     มาดูกันว่า เหล่าคนดังที่พี่แนนนี่ได้ไปสัมภาษณ์มานั้น แนะนำวิธีการนำเสนอในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างไร
     "เจมส์ – ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ" คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ภาคภาษาอังกฤษ (B.J.M) ปี 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่น้องๆ รู้จักกันในนาม "นักแสดงจากเรื่อง Hormones The Series"
Q: เจมส์คิดว่า การ present ตอนมัธยมฯ กับตอนมหา'ลัย แตกต่างกันไหม
A: ต่างมากกกกกกก ตอนมัธยมฯ เราที่ถือกระดาษ แล้วก็พูดตาม แต่พอตอนมหาลัย มันจะเป็นสิ่งที่เราจะต้องไปรีเสิร์ชเพิ่ม เป็นสิ่งที่อาจจะต้องเบสมาจากความคิดเรามากกว่า แต่ละงานก็ใช้เวลานาน จริงๆ "ควร" จะใช้เวลา ไม่ใช่ทำแค่วันเดียว มันไม่ทัน
 
Q: อะไรที่เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการ present (ข้อควรระวัง)
A: เบสิคเลยนะ สิ่งที่หลายคนไม่ค่อยนึกถึง อย่าง ปัจจัยภายนอก เช่น
  • การจับไมค์ อย่าจับห่างเกิน อย่าจับใกล้เกิน เสียงให้คงที่ ถ้าพูดแล้วไม่ได้ยิน หรือดังเกินไป ก็ไม่มีใครอยากฟัง
  • พวกบุคลิกภาพ เวลาพูด ก็อย่าพันสายไมค์ไปเรื่อยๆ หรือว่าแบบเดินหมุนตัว เดินไปนู่นไปนี่ด้วย เพราะมันทำให้เราสับสนว่า จะต้องฟัง หรือจะต้องดู เพราะมันเป็นดึงโฟกัสคนฟังไป
  • อย่าอ่านอย่างเดียว อย่าทำให้เขารู้สึกว่าเราอ่านสไลด์ให้ฟัง เพราะเหมือนไม่ต้องมา present ก็ได้
  • อย่าพูดงึมงำ ให้พูดชัดถ้อยชัดคำ
  • สไลด์ ก็สำคัญ อย่าเขียนตัวอักษรเยอะ คนอยู่ไกลๆ อ่านไม่ออก มองไม่เห็น ถ้าจะมีประโยคอธิบาย อาจจะมีสักประโยคนึง เป็นใจความหลัก ดึงมาแค่ใจความหลัก แล้วอธิบายเพิ่มขึ้นด้วยการพูด แล้วใส่รูปก็น่าสนใจแล้วเพิ่มขึ้นแล้ว
  • การพูด แบบจะเริ่มประโยคยังไง แบ่งวรรคพูดยังไง เราเน้นตรงไหน เน้นสิ่งที่ควรพูด
  • eye-contact เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน มองเป็นสามเหลี่ยม พูดกับทางซ้าย พูดกับทางขวา แล้วจบตรงกลางอะไรแบบนี้ก็ได้
     ผมเน้นปัจจัยภายนอกนะ คือปัจจัยภายใน เรามีเวลาเตรียมตัว มีเวลารีเสิร์ชข้อมูล มีเวลาอยู่กับมันแต่ถ้าเป็นเทคนิค ผมว่ามันคือปัจจัยภายนอกที่จะเอาเข้าไปด้วย เพราะพอพูดถึงพรีเส้น คนก็จะนึกถึงข้อมูลต้องแน่น คือก็ต้องแน่นแหละ แต่เราเตรียมมาพร้อมแล้ว
 
Q: เห็นว่า เจมส์ เพิ่งมาเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ตอนมหา'ลัย แบบนี้การ present ต้องเป็นภาษาอังกฤษ มันทำให้ยากขึ้นไหม แล้วมีวิธีเตรียมตัวอย่างไร
A: เรื่องภาษาก็ยากนะ แต่เรียนไปเรื่อยๆ มันจะเริ่มชิน แต่ยังไงพอเวลา present จะมีความตื่นเต้นนิดนึง พอยิ่งเป็นภาษาอังกฤษปุ๊ป มันจะทำให้เราติดขัดเยอะ แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ เราก็ต้องไม่ตื่นเต้น (555) ไม่ใช่ไม่ตื่นเต้นดิ ปล่อยให้มันตื่นเต้น แต่ว่าเราต้องรู้ว่า เรามาเพื่อ present ถ้าเราเตรียมตัวมาดีพอ เรารู้ว่า bullet point ที่เราจะพูดบ้างมีอะไร มันก็จะโอเค เหมือนเวลาเราพรีเส้น มันต้องซ้อม present ก่อนนิดนึง คือตามสไลด์มันก็จะ lead ไปอยู่แล้ว แค่เรารู้ direction ว่าสไลด์นี้เสร็จ เราไป direction ไหนต่อเพื่อที่จะไปสไลด์ต่อไปไป สิ่งนี้ก็สำคัญเหมือนกันเนอะ เพราะไม่งั้นก็เหมือนจับอะไรมาพูดๆ ไม่รู้
 
Q: ฝากถึงน้องๆ เกี่ยวกับการ present ครั้งแรกในมหา'ลัย
A: จริงๆ มันก็เหมือนกันทุกครั้ง เราก็ต้องเตรียมตัวเหมือนกัน อาจจะยากกว่าตรงที่ว่า ตื่นเต้นนี่แหละ เราตื่นเต้นเพราะแคร์สายตาคนอื่น และอาจจะเป็นคอนเทนท์ใหม่ๆ ข้อมูลใหม่ๆ ที่ต้องทำรีเสิร์ชเพิ่มมากขึ้น ก็เป็นประสบการณ์ใหม่ คิดซะว่า เป็นการเรียนรู้อีกแบบนึง ทำให้เต็มที่ ผลจะออกมาเป็นยังไง ฟีคแบคเป็นยังไงก็เรียนรู้จากมัน
 
     นอกจากพี่เจมส์ ฮอร์โมนของน้องๆ แล้ว ยังมีหนุ่มหล่อ สาวสวยอีก 2 คน มาช่วยยืนยันด้วย
    คนแรก "อิน – ณัฐณี เลิศลักษมีพันธ์" คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาสิ่งทอ ปี4 (ผู้นำเชียร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) และคนที่สอง "แฮท – ศรสกล ล้อเลิศรัตนะ" คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน สาขาโฆษณา ปี4 (ทูตกิจกรรมประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์)
 
 Q: ทั้ง 2 คนคิดว่า การ present ตอนมัธยมฯ กับตอนมหา'ลัย แตกต่างกันไหม
อิน: ต่างค่ะ มัธยมฯ เหมือนการจดโพยไปอ่านหน้าห้อง แต่มหา'ลัย จะต้องมีการสื่อสารกับคนฟัง อาจารย์ด้วย
แฮท: ต่างครับ มัธยมเราจะอ่านตามโพยว่า 1 ตอบอะไร 2 ตอบอะไร หรือหาข้อมูลและอ่านตามรายงาน แต่ว่ามหาลัย ต้องมีรีแอคชั่นกับอาจารย์ พูดคุยกันมากกว่า แบบความคุ้นเคยในสิ่งที่เราทำมา
Q: จุดสำคัญ หรือสิ่งที่ต้องเน้นสำหรับการ present คืออะไร
แฮท: เรื่อง eye contact เวลาไป present อาจจะมีอาจารย์หลายคน เราควรจะรู้ว่า อาจารย์คนนี้เราต้องนำเสนอเรื่องอะไร แบบว่า topic นี้ ควรจะพูดกับคนนี้ หรือว่า topic ไหน ควรจะหาเพื่อนมาช่วยหรือป่าว ถ้าเป็นงานกลุ่ม
อิน: คิดว่า eye contact สำคัญเหมือนกัน เพราะว่าไม่งั้นมันจะเหมือนเราสื่อสารกับใครก็ไม่รู้ แบบถ้าเรามัวแต่มองรอบข้าง มองผนัง มองเพดาน เขาก็จะไม่รู้ว่าเราสื่อสารกับใครอยู่ เขาอาจจะไม่สนใจเรา เขาอาจจะไม่สนใจเนื้อหาในสิ่งที่เราพูด แต่ถ้าเรามี eye contact กับเขา เขาก็จะแบบสนใจว่าเราพูดอะไร จะตั้งใจฟังเราพูดมากขึ้น
Q: น้องๆ คิดว่า ปัจจัยอื่นๆ อย่าง เครื่องแต่งกาย ส่งผลต่อการ present ไหมคะ
อิน: ถึงชุดแต่งกาย มธ. จะอิสระ ขาสั้นได้ แตะได้ แต่พอเวลา present ก็จะใส่ชุดนศ. เพราะเป็นการให้เกียรติวิชา ให้เกียรติอาจารย์ ให้เกียรติเพื่อนๆ
แฮท: และเหมือนเป็น first imprssion ด้วย ถ้าเราแต่งตัวดี เป็นชุดนศ. แบบนี้ อาจารย์ก็จะเอ็นดูเรา เหมือนเราให้เกียรติเขา เขาก็ให้เกียรติฟังเราเหมือนกัน แล้วมันก็ดูเป็นการเป็นงานมากกว่าด้วย
 
Q: ฝากถึงน้องๆ เกี่ยวกับการ present ครั้งแรกในมหา'ลัย
แฮท: ลอง present ให้เพื่อนฟัง เป็นการซ้อม ผลัดกันกับเพื่อน ให้ลองไปเป็นคนดูว่า เรา present เป็นยังไงบ้าง แล้วก็มาคุยกันว่าต้องแก้ไขตรงไหนไหม แล้วก็มาปรับปรุง ผมว่าแบบประสบการณ์ พรีเส้นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ได้ดีเอง
อิน: แล้วก็จะต้องมีข้อมูลที่แน่นด้วย เพราะการ present ก็จะมีอาจารย์ถาม ข้อมูลบนสไลด์อาจจะไม่พอ อาจจะหาข้อมูลเพิ่มเติม เวลาอ.ถามอะไรมาจะได้ตอบได้แบบไม่อึกอัก ไม่เดดแอร์ข้อมูลสำคัญ
      พี่แนนนี่เห็นด้วยกับทั้ง 3 คนเลยค่ะ การ present งานในมหาวิทยาลัยอาจจะต้องใช้เวลาในการศึกษาหาข้อมูล และเตรียมตัวมากหน่อย เพราะจะต้องมีปฏิสัมพันธ์ หรือโต้ตอบกับอาจารย์ กับคนฟังบ้าง ซึ่งประสบการณ์ ก็จะเป็นตัวช่วยน้องๆ อีกทางนึงค่ะ
พี่แนนนี่
พี่แนนนี่ - Columnist เด็กเอกไทย คลั่งไคล้มิกกี้(เม้าส์) หลงใหลอิตาลี คอยเฝ้าลงพื้นที่ ตามข่าว TCAS

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น