เคยรู้สึกเหงาหรือเศร้าในช่วงฤดูหนาวกันไหม?
สวัสดีค่ะ น้องๆ ชาว Dek-D.com ช่วงนี้สภาพอากาศในประเทศไทยของเราเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาวกันแล้ว สังเกตได้จากลมเย็นเบาๆ ในตอนเช้าที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอากาศหนาวกำลังจะพัดผ่านเข้ามา และในปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์เอาไว้ว่า จะมีอากาศหนาวกว่าทุกปีอีกด้วย ได้ยินแบบนี้ต้องรีบไปเตรียมเสื้อกันหนาวให้พร้อมซะแล้ว!
แม้ว่าฤดูหนาวอาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกเย็นสบายและผ่อนคลาย แต่สำหรับบางคนฤดูหนาวอาจเป็นช่วงเวลาของความเหงา ความเศร้า ความเหนื่อยหน่าย และรู้สึกหดหู่อย่างไม่มีสาเหตุ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บางคนจะมีความรู้สึกเหล่านี้ในฤดูหนาวค่ะ เพราะว่าอาการ “Winter Blues” สามารถเกิดขึ้นได้กับฤดูหนาวที่ดูหม่นหมองแบบนี้ และนักวิทยาศาสตร์ก็ยังเรียกอาการนี้ว่า “Seasonal Affective Disorder (SAD)” อีกด้วย
ทำความรู้จักกับภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล
Seasonal Affective Disorder (SAD) หรือภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล เป็นโรคทางอารมณ์ชนิดหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเขตหนาว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในเมืองไทยจะไม่มีคนที่ตกอยู่ในภาวะนี้เลย โดยผู้ป่วยภาวะนี้จะมีอาการซึมเศร้าเป็นระยะ ซึ่งจะเกิดขึ้นและหายไปในช่วงเวลาเดิมของทุกปี ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการในฤดูหนาวและค่อย ๆ ดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน
ทางด้าน ดร.แมทธิว รูดอร์เฟอร์ (Dr. Matthew Rudorfer) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ของ National Institutes of Health (NIH) ได้ออกมาชี้แจงว่า อาการเศร้าในหน้าหนาวเป็นภาวะหนึ่งที่ไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่ว่าเป็นโรคภัยไข้เจ็บทางการแพทย์ แต่ที่ฤดูหนาวทำให้เราเกิดความเศร้าเป็นเพราะแสงแดดที่น้อยลงนั่นเอง
สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกเศร้าในฤดูหนาว
แม้ว่าสาเหตุของภาวะซึมนี้จะยังไม่ชัดเจน แต่ทฤษฎีทางการแพทย์ส่วนใหญ่ระบุว่าความผิดปกตินั้นอาจมาจากช่วงเวลากลางวันหรือระยะเวลาที่มีแสงแดดของแต่ละวันในช่วงฤดูหนาว ส่งผลกระทบต่อนาฬิกาชีวิตที่เป็นวงจรควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
โดยภาวะนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทในสมอง 2 ตัว ที่ทำให้นาฬิกาชีวิตในฤดูหนาวผิดปกติจนส่งผลต่อร่างกายและอาจเกิดภาวะ Winter Blues ได้ สารสื่อประสาทที่ว่ามีอะไรบ้างมาดูกัน
- ตัวแรก : ระดับเซโรโทนินลดลง เพราะเซโรโทนินเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมอารมณ์ ซึ่งการได้รับแสงแดดไม่เพียงพออาจส่งผลให้สารชนิดนี้มีปริมาณลดลง จึงทำให้รู้สึกเหงา ไม่ร่าเริง และอาจก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าตามมาได้
- ตัวที่สอง : ระดับเมลาโทนินสูงขึ้น เมลาโทนินมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการนอนหลับ หากฮอร์โมนชนิดนี้มีระดับสูงขึ้น อาจส่งผลให้รู้สึกง่วงนอน เซื่องซึม และพลังงานน้อย
นาฬิกาชีวิต คืออะไร?
กรมสุขภาพจิต ได้ให้ความหมายไว้ว่า นาฬิกาชีวิต (Body Clock) คือ วงจรของระบบการทำงานในร่างกายมนุษย์ มีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การตื่นนอน การนอนหลับ หรือการหลั่งฮอร์โมน แม้กระทั่งการแปรเปลี่ยนของอุณหภูมิในร่างกาย
โดยนาฬิกาชีวิตจะมีรอบเวลาอยู่ที่ 24 ชั่วโมง ตามเวลาทั่วไป ซึ่งนาฬิกาชีวิตจะถูกควบคุมโดยแสงและอุณหภูมิภายในร่างกาย ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับแสงแดดและมีอุณหภูมิในระดับที่เหมาะสม ร่างกายก็จะเริ่มทำงานตามวงจรในแต่ละวัน
อาการที่บ่งชี้ว่าเราอาจกำลังตกอยู่ในภาวะ Winter Blues
- รู้สึกหมดหวัง ไร้ค่า หรือมีอารมณ์ซึมเศร้าต่อเนื่อง
- เบื่อในสิ่งที่เคยชอบ หมดความสนใจในสิ่งที่ตัวเองเคยสนใจ
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ไม่มีความกระตือรือร้นในการทำสิ่งต่าง ๆ
- ง่วงนอนทั้งวัน หรือมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท
- พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป เช่น ทานมากไปหรือน้อยเกินไป อยากทานอาหารประเภทแป้งหรือน้ำตาลมากกว่าปกติ หรือเบื่ออาหาร
- ไม่มีสมาธิ วอกแวกง่าย และไม่สามารถจดจ่อได้นาน
- เก็บตัว ไม่อยากเข้าสังคมหรือออกไปพบปะผู้คน
นอกจากจะเศร้าแล้วฤดูหนาวยังทำให้เหงาอีกด้วย!
งานวิจัยที่ศึกษาโดย Adam Fay จาก The State University of New York และ Jon Maner จาก Florida State University พบว่า อุณหภูมิในพื้นที่หรือสภาพแวดล้อมที่เราอาศัยหรือใช้ชีวิตอยู่นั้น มีผลต่อการตัดสินทางสังคมของเรา นั่นจึงหมายความว่า การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอาจมีผลกระทบต่อจิตวิทยาในด้านการเข้าสังคมของเราแต่ละคนค่ะ
การศึกษาในครั้งนี้มีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้เก็บข้อมูล จำนวน 78 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน ตั้งแต่อบอุ่นไปจนถึงหนาวเย็น โดยคนจำนวนครึ่งหนึ่งที่เข้ารับการทดลองจะได้รับเข็มขัดที่ให้ความอบอุ่นตลอดเวลาพันอยู่รอบเอว ผลปรากฏว่า คนที่ไม่ได้รับเข็มขัดให้ความอบอุ่นนั้น มีความสนใจที่จะพบปะพูดคุยกับผู้คนมากกว่า สรุปได้ว่า คนที่รู้สึกหนาวทางกายก็จะรู้สึกเหงาทางใจหรืออารมณ์ไปด้วย จนทำให้ต้องเข้าหาคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองเหงาไปมากกว่านี้
How to รับมือกับอารมณ์เหงาเศร้าเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว
จากที่พี่แป้งเล่ามาจะเห็นได้ว่า ภาวะนี้ไม่ได้ร้ายแรงมากเพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะรู้สึกเศร้าหรือเหงาในช่วงฤดูหนาว น้องๆ รู้ไหมว่าการที่เราทำตัวกระปรี้กระเปร่าในช่วงฤดูหนาวเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะมันช่วยให้เราสามารถกำจัดอารมณ์เหงาเศร้าเหล่านี้ไปได้ ว่าแต่จะมีวิธีอะไรบ้างมาดูกันเล้ย!
1.รับแสงแดดธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
การตื่นมารับแดดยามเช้าถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย เพราะวิตามินดีในแดดตอนเช้าจะช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง แถมยังช่วยให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น เพราะได้รับสารเอ็นโดรฟินที่ทำให้อารมณ์ดี ส่งผลให้เรามีสุขภาพจิตที่ดี ถ้าช่วงฤดูหนาวน้องๆ ต้องไปโรงเรียน พี่แป้งแนะนำให้ออกไปยืนรับแดดสักแป๊บนึงก่อนเข้าห้องเรียนดูนะคะ น้องๆ จะได้รู้สึกตื่นตัวและพร้อมเรียนตลอดทั้งวัน!
ควรออกไปรับแดดให้ได้วันละ 10 - 15 นาที โดยช่วงเวลาที่ควรออกไปรับแสงแดด มีดังนี้
เช้า : 06.00 - 08.00 น. เย็น : 16.00-18.00 น.
เนื่องจากแสงแดดในช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่แรงมาก ทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อผิวของเราค่ะ
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำเป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้เราสามารถต่อสู้กับภาวะ Winter Blues ได้ค่ะ และถ้าน้องๆ ออกกำลังกายกลางแจ้งภายใต้แสงแดดอ่อนๆ ได้ก็จะยิ่งดีมาก! เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำสามารถเพิ่มเซโรโทนิน เอ็นดอร์ฟิน และสารเคมีอื่นๆ ในสมองที่ทำให้รู้สึกดีได้ แถมยังช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้นอีกด้วยนะ
3.เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์
ดร.ดรูว์ แรมซีย์ (Dr.Drew Ramsey) ได้ทำการศึกษาเรื่อง Eat To Beat Depression จนพบว่า อาหารที่เราทานในแต่ละวันส่งผลต่ออารมณ์และสามารถช่วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า และโภชนาการที่เหมาะสมสามารถปรับปรุงสุขภาพของสมองและสุขภาพจิตได้ ยกตัวอย่างเช่น
- กล้วยหอม - ช่วยลดการเกิดอาการซึมเศร้าได้ เพราะมีสารทริปโตแฟน (Tryptophan) ที่เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนให้เป็นสารเซโรโทนิน (Serotonin) ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข นอกจากนี้ยังมีวิตามินบีสูง ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และสมอง
- ปลา - ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า เพราะมีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพอย่างโอเมก้า 3 ช่วยลดอาการซึมเศร้า และทำให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทช่วยสร้างความสุขและความพึงพอใจอีกด้วย
- เห็ดชนิดต่างๆ - เพราะในเห็ดมีแร่ธาตุที่สำคัญ ได้แก่ ไนอะซิน (Niacin) หรือวิตามินบี 2 และไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หรือวิตามินบี 3 และมีธาตุเซเลเนียมสูง ช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุขและลดอารมณ์หมองหม่นได้
4.นอนหลับให้เพียงพอ
หากน้องๆ นอนไม่พอหรือนอนไม่หลับอย่างต่อเนื่องมันจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตแย่ลงและอาจเกิดภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้น พยายามฝึกนิสัยการนอนที่ดี ควรเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาทุกวัน และควรนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง ที่สำคัญงดเล่นโทรศัพท์หรืออุปกรณ์ที่มีแสงสีฟ้าทุกชนิดก่อนนอนประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและปรับการทำงานของดวงตาให้เข้าสู่โหมดการพักผ่อน
“นอนดีมีวินัย สร้างโลกสดใส จิตใจแข็งแรง”
คำขวัญวันนอนหลับโลกในประเทศไทย ประจำปี 2565
5.ออกไปพบปะผู้คนเพื่อคลายความเหงา
การออกไปพบปะสังสรรค์หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ทางสังคมจะช่วยให้คลายความเหงา ลดความรู้สึกโดดเดี่ยว แถมยังช่วยให้เราจัดการกับภาวะนี้ได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าบางคนจะชอบเก็บตัวอยู่ภายในห้องและอาจจะไม่ชอบการพบปะผู้คนเท่าไหร่ แต่ว่าการที่ได้ลองพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว เพื่อนฝูง หรือหวานใจ อาจทำให้เราได้รับมุมมองใหม่ๆ ที่ช่วยให้จัดการปัญหาได้ และยังทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายขึ้นอีกด้วย
6.ฟังเพลงดังจังหวะมันๆ
แม้ว่าอากาศที่หนาวเย็นจะชวนให้นอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่มมากกว่าตื่นไปเรียน และต่อให้จะลุกขึ้นจากเตียงแล้วก็ยังง่วงซึมอยู่ ลองเปิดเพลงฟังพร้อมกับขยับร่างกายตามจังหวะ เลือกเพลงที่มันที่สุดแล้วเปิดให้ดังกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมอง มีงานวิจัยของ McGrill University ในสหรัฐอเมริกา พบว่า การฟังเพลงจะช่วยกระตุ้นกระแสไฟฟ้าในสมอง ทำให้สมองหลั่งสารโดพามีนออกมา เพื่อสร้างความตื่นตัวและความกระฉับกระเฉงให้กับร่างกายมากขึ้น!
สำหรับภาวะซึมเศร้าจากการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล จริงๆ แล้ว อาจไม่ใช่แค่ฤดูหนาวเท่านั้นที่ทำให้เรารู้สึกเหงาหรือเศร้า แต่ฤดูกาลอื่นๆ ก็สามารถส่งผลกับอารมณ์ของเราได้เช่นกัน ทั้งนี้ ถ้าเรารู้วิธีรับมือและวิธีป้องกัน พี่แป้งเชื่อว่ายังไงเราก็สามารถก้าวผ่านอารมณ์เหล่านั้นไปได้
สุดท้ายนี้ ถ้าหากว่าฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง (หรือเปล่า?) น้องๆ คนไหนที่รู้เหงาหรือเศร้าซึมก็สามารถเอาวิธีที่พี่แป้งแนะนำไปปรับใช้กันได้นะคะ หรือใครที่มีไอเดียดีๆ อยากแชร์ก็คอมเมนต์คุยกันด้านล่างได้เลย!
ข้อมูลจาก : https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2528230https://newsinhealth.nih.gov/2013/01/beat-winter-blueshttps://www.helpguide.org/articles/depression/seasonal-affective-disorder-sad.htmhttps://dmh.go.th/news/view.asp?id=2275https://www.countryliving.com/uk/wellbeing/a30698128/people-feeling-cold-more-social/https://drewramseymd.com/depression-anxiety/heres-the-1-food-category-to-fight-depression/
1 ความคิดเห็น