ระบบเศรษฐกิจมีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง? มารู้จัก! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบ ออกสอบบ่อย

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D ถ้าพูดถึงเรื่องการพัฒนาประเทศ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ระบบเศรษฐกิจ’ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้า ซึ่งแต่ละประเทศก็มีการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจที่ต่างกัน เช่น ระบบทุนนิยม สังคมนิยม และแบบผสม หลายๆ คนก็ยังสับสนว่าแต่ละระบบต่างกันยังไง ในวันนี้คอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับระบบเศรษฐกิจกันว่ามีอะไรบ้าง แล้วแต่ละแบบมีกลไกการทำงานอย่างไร พร้อมกับตารางเทียบความแตกต่าง และแบบฝึกหัดจากข้อสอบจริงมาให้ได้ทดสอบความรู้ด้านล่างกันค่ะ

ระบบเศรษฐกิจมีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง? มารู้จัก! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบ ออกสอบบ่อย
ระบบเศรษฐกิจมีกี่แบบ แตกต่างกันยังไง? มารู้จัก! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบ ออกสอบบ่อย

Note:

  • ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ - เกิดขึ้นจากการที่ทรัพยากรเศรษฐกิจมีจำกัด  เมื่อเทียบกับความต้องการของมนุษย์ที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด  ทำให้ประสบปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ  ซึ่งจำแนกออกได้เป็น  3  ปัญหา  คือ ผลิตอะไร, ผลิตอย่างไร และผลิตเพื่อใคร
  • ปัจจัยการผลิต - ทรัพยากรที่ใช้ผลิตเป็นสินค้าและบริการ ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และการประกอบการ
  • กลไกราคา - ภาวะการณ์เปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้าและบริการอันเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่าจะผลิตสินค้าปริมาณเท่าใดและราคาเท่าใด
  • อุปสงค์ (Demand) - ปริมาณความต้องการซื้อของลูกค้า ที่มีต่อสินค้าและบริการในช่วงระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง
  • อุปทาน (Supply) - ปริมาณความต้องการขาย หรือปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในช่วงระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง

กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และหน่วยเศรษฐกิจ คืออะไร?

ก่อนไปเจาะลึกระบบเศรษฐกิจว่ามีรูปแบบไหนบ้าง อยากให้น้องๆ ทำความเข้าใจเรื่องส่วนประกอบของระบบเศรษฐกิจกันก่อน เพราะทั้งสองมีส่วนสำคัญในการแบ่งระบบเศรษฐกิจ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และหน่วยเศรษฐกิจ  

กิจกรรมทางเศรษฐกิจ คือ การดำเนินกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริโภค การผลิต และการซื้อขายแลกเปลี่ยน โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ส่วนหน่วยเศรษฐกิจ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยครัวเรือน หน่วยธุรกิจ และหน่วยรัฐบาล ซึ่งแต่ละหน่วยมีหน้าที่ดังนี้

1. หน่วยครัวเรือน - หน่วยเศรษฐกิจที่ประกอบด้วยบุคคลตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไป มีการตัดสินใจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ หรือปัจจัยด้านการเงิน เพื่อให้ได้ประโยชน์แก่ตนมากที่สุด ประกอบด้วย  

  • เจ้าของปัจจัยการผลิต คือ ผู้ที่มีปัจจัยการผลิต โดยเจ้าของจะนำปัจจัยการผลิตที่มีอยู่ให้ผู้ผลิต เพื่อไปผลิตเป็นสินค้าและบริการ โดยได้รับค่าตอบแทนในรูปค่าเช่า ค่าจ้าง ดอกเบี้ย หรือกำไร เป้าหมาย ของเจ้าของปัจจัยการผลิต คือรายได้สุทธิสูงสุด
  • ผู้บริโภค คือ ผู้ใช้ประโยชน์จากสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง เป้าหมายของผู้บริโภค คือ ความพึงพอใจสูงสุด โดยสมาชิกของหน่วยครัวเรือนอาจทำหน้าที่เป็นทั้งเจ้าของปัจจัยการผลิต และเป็นผู้บริโภคไปพร้อม ๆ กัน

2. หน่วยธุรกิจ - บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่เอาปัจจัยการผลิตมาผลิตเป็นสินค้าหรือบริกา เพื่อนำไปขายผู้บริโภค เป้าหมายของผู้ผลิต คือ แสวงหากำไรสูงสุด, มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในธุรกิจนั้น, มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ หรือธุรกิจมีอัตราการเจริญเติบโตอยู่ในอัตราสูงขึ้นเรื่อย ๆ  

3. หน่วยรัฐบาล - บทบาทที่สำคัญที่สุดคือ เป็นตัวกลางในการควบคุมและรักษาสมดุลระหว่างหน่วยธุรกิจและหน่วยครัวเรือน ให้ดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปได้อย่างราบรื่น  นอกจากนี้ก็เป็นทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และเจ้าของปัจจัยการผลิตในระบบเศรษฐกิจได้อีกด้วย

ระบบเศรษฐกิจ  คืออะไร?

เป็นการรวมตัวกันเป็นกลุ่มของหน่วยเศรษฐกิจ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลหรือสถาบันที่ทำหน้าที่เฉพาะอย่างในทางเศรษฐกิจ มีการปฏิบัติภายใต้ระเบียบ กฎเกณฑ์ นโยบาย หรือแนวทางปฏิบัติเดียวกัน เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น  

อย่างที่เราทราบกันว่าทุกประเทศทั่วโลกเผชิญกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเหมือนกัน แต่แนวทางในการจัดการนั้นอาจแตกต่างกัน จึงเกิดเป็นที่มาของระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ นั่นเอง โดยเกณฑ์การจัดประเภทระบบเศรษฐกิจจะแบ่งตาม "ความสัมพันธ์ของหน่วยเศรษฐกิจ" ดูหน้าที่การตัดสินใจทางเศรษฐกิจว่า อำนาจการตัดสินใจขึ้นอยู่กับใคร ระหว่างรัฐกับเอกชน หรือผสมผสานระหว่างรัฐและเอกชน โดยทั่วไปนิยมแบ่งระบบเศรษฐกิจออกเป็น 3 ระบบใหญ่ๆ  ดังนี้

1.ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม (Capitalism)

มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ระบบเสรีนิยม หรือระบบตลาด (Market Economic) เป็นระบบเศรษฐกิจที่เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต และมีเสรีภาพในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ โดยที่รัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่จะทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก และจัดสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ โดยที่จะยกอำนาจการตัดสินใจแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจให้กับเอกชน

เอกชนจะเป็นคนกำหนดทุกอย่างในระบบนี้ ไม่ว่าจะเป็น การผลิตสินค้าต่างๆ ออกมาจำหน่ายในราคาใดก็ตาม โดยใช้กลไกราคาหรือระบบตลาด เข้าไปช่วยในการตัดสินใจ และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดว่า ควรผลิตสินค้าอะไร โดยใช้หลักถ้าสินค้าไหนที่มีคนต้องการมากที่สุด เมื่อผลิตแล้วขายได้ในราคาที่ดีที่สุด ผู้ผลิตก็จะเลือกผลิตสินค้านั้น โดยที่มีกำไรคือแรงจูงใจในการผลิต ทำให้ระบบเศรษฐกิจนี้มีการแข่งขันทางราคาสูงมาก และเป็นไปอย่างเสรี  ทั้งนี้ เพราะราคาถูกกำหนดขึ้นมาจากอุปสงค์และอุปทานของตลาด

จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

  • เอกชนเป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเป็นเจ้าของทรัพย์สินและปัจจัยการผลิต
  • กลไกราคามีบทบาทมาก เพราะเป็นตัวกำหนดราคาสินค้าและบริการ และมีกำไรเป็นแรงจูงใจในการผลิต
  • รัฐไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรักษาความสงบเรียบร้อย ความยุติธรรม

ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม  

  • เอกชนมีเสรีภาพในการเลือกตัดสินใจดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่
  • กำไรและการมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน เป็นแรงจูงใจในการผลิตและทำงาน เพราะยิ่งทำมากก็จะยิ่งมีรายได้มาก และมีทรัพย์สินเป็นของตนเอง ก่อให้เกิดแรงจุงใจทำงานเพิ่มขึ้น
  • มีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ หรือเทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้เกิดการพัฒนาตลอดเวลา ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวอย่างรวดเร็ว
  • มีการแข่งขันขายสินค้าและบริการมากขึ้น ทำให้มีการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพ และปริมาณของสินค้า
  • ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าและบริการในราคาและคุณภาพที่เหมาะสม

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม  

  • เกิดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกัน ทำให้มีรายได้ไม่เท่ากัน นำไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ไม่เป็นธรรม เกิดระบบกลุ่มนายทุนขึ้น
  • นายทุนจะใช้กำไร หรือผลประโยชน์สูงสุดเป็นหลัก
  • การผลิตในระบบทุนนิยมเป็นที่มาของการแข่งขันกันผลิต นำไปสู่การทำลายทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
  • หากมีผู้ผลิตสินค้าและบริการน้อย อาจเกิดการรวมตัวกันผูกขาดการผลิตสินค้าชนิดนั้น ซึ่งทำให้ราคาสินค้าสูง ค่าแรงต่ำ เกิดผลเสียต่อผู้บริโภค และผู้ใช้แรงงานโดนเอาเปรียบ

2. ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialism)

เป็นระบบที่รัฐเข้าไปแทรกแซงและเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต แต่จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับระบอบการปกครองของประเทศด้วย สามารถแบ่งได้เป็น ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ และระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย ซึ่งต่างกันดังนี้  

2.1ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

เป็นระบบเศรษฐกิจที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับทุนนิยม โดยระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์รัฐเป็นเจ้าของทรัพยากรต่าง ๆ รวมทั้งปัจจัยการผลิตทุกชนิด เอกชนไม่มีกรรมสิทธิ์ ตลอดจนเสรีภาพที่จะเลือกใช้ปัจจัยการผลิต  

รัฐเป็นผู้ประกอบการ และทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ ทั้งหน่วยธุรกิจและครัวเรือน จะผลิตและบริโภคตามคำสั่งของรัฐ อีกทั้งกลไกราคาไม่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐจะเป็นผู้ทำหน้าที่ตัดสินใจว่า ทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ ควรจะนำมาผลิตสินค้าและบริการอะไร ผลิตอย่างไร และผลิตเพื่อใคร ซึ่งการตัดสินใจมักจะทำอยู่ในรูปของการวางแผนแบบบังคับจากส่วนกลาง (Central Planning) โดยจะเน้นการคำนึงถึงสวัสดิการของสังคมส่วนรวมเป็นสำคัญ  

จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

  • การรวมอำนาจทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลาง รัฐบาลจะเป็นผู้วางแผนแต่เพียงผู้เดียว เอกชนมีหน้าที่เพียงแต่ทำตามคำสั่งของทางการเท่านั้น

ข้อดีของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

  • ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางฐานะและรายได้ของคนในสังคม
  • เอกชนทำการผลิต และบริโภคตามคำสั่งของรัฐ ผลผลิตที่ผลิตขึ้นมาจะถูกนำส่งเข้าส่วนกลาง และรัฐจะจัดสรรหรือแบ่งปันสินค้าและบริการให้ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

  • ประชาชนไม่มีเสรีภาพที่จะผลิตหรือบริโภคอะไรได้ตามใจ เพราะถูกบังคับหรือสั่งการจากรัฐ
  • คุณภาพสินค้าไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ผลิตขาดแรงจูงใจเพราะไม่ว่าจะผลิตสินค้าได้มากน้อยเพียงใด คุณภาพเป็นอย่างไร ผู้บริโภคก็ไม่มีทางเลือก เพราะต้องบริโภคตามการปันส่วนที่รัฐจัดให้
  • รัฐไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ทำให้ผลิตสินค้าไม่ตรงกับความต้องการ ส่งผลให้มีสินค้าเหลือ และสูญเสียทรัพยากรของประเทศโดยเปล่าประโยชน์

2.2 ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย

เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต วางแผน และควบคุมการผลิตบางประเภท โดยเฉพาะการผลิตที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความแตกต่าง ด้านฐานะระหว่างคนรวยและคนจน เช่น สถาบันการเงิน ป่าไม้ สิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้แก่ การขนส่ง การคมนาคม การไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ โรงงานผลิตน้ำมัน

ส่วนเอกชนถูกจำกัดเสรีภาพในกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะส่วนที่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม สามารถดำเนินการได้เพียงเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมขนาดย่อม  

จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย

  • รัฐคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ โดยมีจุดมุ่งหมายให้เกิดความยุติธรรมในการกระจายสินค้าและบริการแก่ประชาชน
  • ไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต แต่ยังคงให้เอกชนมีสิทธิ์ในการถือครองทรัพย์สินส่วนตัวได้ เช่น ที่พักอาศัย
  • มีการวางแผนจากส่วนกลาง รัฐสั่งการผลิตคนเดียว ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลเป็นผู้ตัดสินใจในการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

ข้อดีของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย

  • ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางฐานะและรายได้ของคนในสังคม
  • ประชาชนได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลกลางโดยเท่าเทียมกัน

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย

  • ไม่มีระบบแข่งขันแบบทุนนิยมทำให้ไม่มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ
  • ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทำงาน เศรษฐกิจของประเทศอาจเผชิญวิกฤต หากรัฐกำหนดความต้องการผิดพลาด

สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ vs สังคมนิยมประชาธิปไตย

Note : สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ รัฐไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้เอกชน รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตทั้งหมด ส่วนระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย รัฐบาลเปิดโอกาสให้เอกชนได้มีส่วนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตอยู่

3. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม (Mixed Economy)  

เป็นระบบเศรษฐกินที่ผสมผสานข้อดีระหว่างระบบทุนนิยมกับสังคมนิยมเข้าด้วยกัน มีลักษณะคล้ายกับระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย จะต่างกันตรงที่ระบบเศรษฐกิจแบบผสมจะมีน้ำหนักค่อนไปทางทุนนิยมมากกว่า และบางครั้งก็มักถูกเรียกว่า ‘ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมใหม่’  

สำหรับระบบนี้ทั้งรัฐบาลและเอกชนสามารถเป็นเจ้าของปัจจัยในการผลิตสินค้าและบริการอย่างเสรี และมีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันในการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลมีบทบาทในการวางแผนกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางอย่าง เช่น การรักษาความปลอดภัย การป้องกันประเทศ สาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ได้แก่ ไฟฟ้า น้ำประปา การขนส่งและคมนาคม  

ขณะเดียวกันก็ปล่อยให้เอกชนดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่ด้วย โดยที่รัฐจะคอยให้ความคุ้มครอง ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในภาคเอกชน ด้วยการสร้างพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การสร้างถนน สะพาน สนามบิน ฯลฯ ไว้ให้ภาคเอกชนใช้ประโยชน์เพื่อดำเนินธุรกิจ

ส่วนกลไกราคาหรือระบบตลาดก็ยังเป็นสิ่งสําคัญในการกําหนดราคาสินค้าและบริการต่างๆ ในระบบเศรษฐกิจแบบผสมนี้ แต่รัฐก็ยังมีอํานาจในการเข้าไปแทรกแซงภาคเอกชน เพื่อกําหนดราคาสินค้าให้มีเสถียรภาพและเกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ทำให้ระบบเศรษฐกิจแบบผสมมีทั้งระบบราคา การแข่งขัน และการวางแผนจากส่วนกลาง รวมกันเป็นระบบเดียวกัน

ปัจจุบันระบบเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ในโลกล้วนแต่มีลักษณะของระบบเศรษฐกิจแบบผสมทั้งสิ้น ต่างกันตรงที่ประเทศไหนจะเป็นระบบเศรษฐกิจแบบผสมที่ค่อนไปทางระบบทุนนิยม หรือระบบสังคมนิยมมากกว่า

จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจแบบผสม

  • ทั้งรัฐและเอกชนมีส่วนร่วมวางแผนการผลิตอาจจะแบ่งหน้าที่ว่า เอกชนจะผลิตอะไร และรัฐบาลผลิตอะไร
  • ราคาสินค้าและบริการเป็นไปตามอุปสงค์และอุปทาน มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงตามกลไกราคา แต่รัฐบาลอาจเข้าแทรกแซงหรือควบคุมราคาบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นสูง
  • เอกชนเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและมีกรรมสิทธิ์ถือครองทรัพย์สินต่าง ๆ เหมือนในระบบทุนนิยม ได้แก่ ที่ดิน เครื่องจักร เงินทุน อาคาร และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ เป็นต้น

ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบผสม

  • มีความคล่องตัวในการดำเนินการ เพราะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของสภาพเศรษฐกิจได้ เช่น ถ้าเอกชนดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจจนสร้างปัญหาและความเดือดร้อนให้ประชาชน รัฐบาลก็อาจเข้าไปควบคุมหรืออกกฎหมาย เพื่อไปกำกับได้ในกรณีที่เห็นว่าจำเป็น
  • รายได้ถูกนำมาเฉลี่ยให้ผู้ทำงานตามกำลัง ความสามารถที่กระทำได้ ไม่ใช่ตามความจำเป็น แรงจูงใจในการทำงานของประชาชนจึงดีกว่า
  • เอกชนมีบทบาททางเศรษฐกิจ มีการแข่งขันกันผลิตสินค้า สินค้าที่ผลิตจึงมีคุณภาพ และประชาชนสามารถเลือกบริโภคได้

ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบผสม

  • การแก้ปัญหาช่องว่างทางสังคม และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ มักไม่มีประสิทธิภาพ
  • การดำเนินการผลิตขนาดใหญ่โดยรัฐบาลนั้น มักขาดประสิทธิภาพ คุณภาพอาจจะไม่เท่าเทียมกับเอกชนผลิต
  • การกำหนดนโยบายและการใช้อำนาจต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล ทำให้นักธุรกิจขาดความมั่นใจในการลงทุน
  • รัฐบาลไม่สามารถสั่งการแบบรีบด่วนได้ตามภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

สรุป! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบ

เพื่อให้น้องๆ เห็นภาพชัดมากขึ้นว่าระบบเศรษฐกิจแต่ละรูปแบบมีลักษณะต่างกันยังไง พี่แป้งสรุปเป็นตารางเปรียบเทียบมาให้แล้วค่ะ  

ระบบ
เศรษฐกิจ
ทุนนิยมสังคมนิยมผสม
คอมมิวนิสต์ประชาธิปไตย
กรรมสิทธิ์เอกชนเป็นเจ้าของ
(กฎหมายรับรอง)
รัฐเป็นเจ้าของทั้งหมดเอกชนมีสิทธิ์แค่
ทรัพย์สินส่วนตัว  เช่น ที่พักอาศัย
รัฐและเอกชน
เป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต
กลไกการทำงานกลไกราคาและระบบตลาด
รัฐวางแผนจากส่วนกลางเป็นหลัก
นโยบายรัฐร่วมกับกลไกราคาและระบบตลาด
การแข่งขันการแข่งขันทางราคาสูง และเป็นไปอย่างเสรีไม่มีการแข่งขันต้องทำตามรัฐสั่งทุกอย่างไม่สนับสนุนให้มีการแข่งขันการแข่งขันทางราคาสูง และเป็นไปอย่างเสรี
บทบาทของรัฐบาลดูแลความสงบความปลอดภัยของประเทศดูแลในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวกับสวัสดิการประชาชนมีบทบาทมากที่สุดในด้านสาธารณูปโภควางแผนกิจกรรมทางเศรษฐกิจบางประการ
ข้อดีผู้ผลิตมีอิสระในการผลิตสิ่งใหม่ๆลดความเหลื่อมล้ำทางฐานะและรายได้ประชาชนได้รับสวัสดิการจากรัฐโดยเท่าเทียมเกิดความสมดุลระหว่างรัฐและเอกชน
ข้อเสียใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองประชาชนไม่มีสิทธิ์เลือกบริโภคได้ตามใจไม่มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆนักธุรกิจไม่กล้าลงทุน เพราะนโยบายขึ้นอยู่กับรัฐ
สรุป! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบออกสอบบ่อย
สรุป! ระบบเศรษฐกิจ 3 รูปแบบออกสอบบ่อย

มาทดสอบความรู้กัน!

รู้จักระบบเศรษฐกิจทั้ง 3 รูปแบบกันไปแล้ว มาลองทดสอบความรู้ความเข้าใจกันค่ะ สำหรับข้อสอบที่นำมาให้น้องๆ ฝึกทำโจทย์ในวันนี้เป็นข้อสอบ A-Level วิชาสังคมศึกษาฯ จากโครงการ Dek-D Pre-Admission รอบพฤศจิกายน 2566

 

จงพิจารณาจากข้อมูลดังต่อไปนี้  

ก.กลไกราคามีบทบาทน้อย

ข.ประชาชนสามารถถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินได้เต็มที่

ค.มีการวางแผนเศรษฐกิจจากส่วนกลาง

ง.มีเป้าหมายในการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม

 

ระบบเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้นมีความสอดคล้องในข้อใดมากที่สุด

1.ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมประชาธิปไตย

2.ระบบเศรษฐกิจแบบผสม

3.ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม

4.ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยม

5.ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมคอมมิวนิสต์

 

จากข้อมูลที่โจทย์ให้น้องๆ ชาว Dek-D คิดว่าเป็นระบบเศรษฐกิจแบบไหนกันคะ ถ้ารู้คำตอบแล้วคอมเมนต์ด้านล่างได้เลย!

 

สำหรับคอลัมน์ ‘รู้ไว้เผื่อออกสอบ’ บทความต่อไปจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ถ้าน้อง ๆ มีประเด็นที่น่าสนใจ หรือความรู้จากวิชาอะไร ที่อยากให้นำมาเล่า หรือแจกทริคการจำ ก็สามารถคอมเมนต์เอาไว้ด้านล่างได้เลย!

 

พี่แป้ง

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น