เรื่องจริงของนักบิดที่จำใจเปลี่ยนเส้นทางฝันเพราะไม่สวมหมวกกันน็อก

เรื่องจริงของนักบิดที่จำใจเปลี่ยนเส้นทางฝันเพราะไม่สวมหมวกกันน็อก

ประเทศไทยสูญเสียคนจำนวนมากจากอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะคนขับขี่มอเตอร์ไซค์ และไม่เพียงชีวิตที่สูญเสีย แม้คนที่รอดมาได้ก็อาจสูญเสียสิ่งอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะบางส่วน ความสามารถบางอย่าง หรือแม้แต่ความฝัน 

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) รู้ดีว่าการสูญเสียแบบไหนก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน วันนี้เลยชวนชายคนหนึ่งที่อยากมาแชร์ประสบการณ์ เพราะเขาหวังว่า ชีวิตของเขาจะช่วยกระตุ้นเตือนไม่ให้ใครต้องมาเจอแบบเดียวกัน

นักบิดที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางฝัน
 

เต้-จารุกิตติ์ เอกประเสริฐกุล หลงใหลความเร็วบนท้องถนน มีความฝันอยากเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ และเขาก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่มีช่วงเวลาแห่งความคึกคะนอง วันหนึ่งเขาออกไปขับมอเตอร์ไซค์ซิ่งกับเพื่อน โดยไม่รู้ว่า ชีวิตกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

วินาทีที่กำลังขับเคี่ยวกันบนถนน จู่ๆ รถคันหน้าดันเบรกกะหัน จนเต้หยุดรถไม่ทัน ขับชนท้ายเข้าอย่างจัง แรงกระแทกทำให้ตัวเขากระเด็น หัวฟาดพื้นอย่างแรง ... แต่ที่สำคัญก็คือ ดันเป็นหัวเปล่าๆ ที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก!

เต้เลือดไหลออกทางปาก จมูก และตา อาการสาหัส เขาถูกส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์วินิจฉัยว่า บริเวณแกนสมองมีเลือดคั่ง ต้องรักษาด้วยการใช้โลหะดามกะโหลก

จบแล้ว ชีวิตนักบิดใต้แสงตะวัน

แม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมานั้น ไม่ง่ายที่จะเยียวยา ปัจจุบัน เต้ไม่สามารถตากแดดนานๆ ได้ เพราะอาจเกิดอาการชักเกร็ง เนื่องจากโลหะที่ดามกะโหลกเวลาโดนความร้อน ทำให้ประสาทสัมผัสไวขึ้นจนทำให้ชัก

อาการดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับคนที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยที่ตลอดทั้งปีต้องอยู่ภายใต้แสงแดดอันร้อนแรง  

ชวนสวมหมวก รักษาความฝัน

แต่ที่เจ็บปวดกว่าผลกระทบทางกายก็คือ เขาต้องล้มเลิกความฝันการเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์มืออาชีพ แล้วผันตัวมาเป็น “เจ้าของค่ายรถ” ในนาม เต้ปั๊ม BPK ขณะเดียวกันเขาก็ได้นำเรื่องราวของตัวเองมาเป็นอุทาหรณ์ให้กับนักบิดรุ่นใหม่ คอยชักชวนให้ทุกคนมาแข่งกันในสนาม ที่มีระบบความปลอดภัยพร้อม และที่สำคัญ คือการคอยเตือนให้นักบิดทุกคนสวมหมวกกันน็อกเสมอ จะได้ไม่ต้องสูญเสียความฝันเช่นเดียวกับเขา