9 เคล็ดลับถึงนักเขียน ปีใหม่นี้ เริ่มใหม่ทำใหม่กันเถอะ
มาดูกันว่า... ปีหน้าเราจะสามารถปรับอะไร
เพื่อพัฒนางานเขียนได้บ้าง
สวัสดีช่วงปลายปีจ้า ชาวไรเตอร์ทุกคน เห็นว่าอีกไม่กี่วัน ก็จะเข้าปี พ.ศ. 2559 แล้ว พี่ตินก็เลยอยากทำบทความที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงตัวเอง... เพื่อฉลองรับสิ่งใหม่ๆ จะได้เหมือนรีสตาร์ทตัวเองไปด้วย หวังว่าบทความนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อชาวไรเตอร์ ไม่มากก็น้อยนะ
ปีใหม่กำลังจะมาแล้ว ปีเก่าอะไรไม่ดี ก็ทิ้งไป เตรียมรับสิ่งดีๆ ในปีใหม่นี้กัน ^ ^
อ่านให้มากขึ้น
ฟังแล้วหลายคนอาจคิดว่าง่าย... แต่ ได้โปรดหันไปมองกองดองของเราด่วน หนังสือมากมายที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว ได้อ่านบ้างหรือยัง เลิกแก้ตัวด้วยคำว่า ไม่มีเวลาจะอ่านอีกต่อไป แต่ขอให้เปลี่ยนเป็น... ซื้อปุ๊บอ่านปั๊บ ถ้าไม่อยากอ่าน ก็ยังไม่ต้องซื้อ โอเคมั้ย
เรามีคำคมของสตีเฟ่น คิงมาฝากด้วย
“ถ้าคุณไม่มีเวลาจะอ่าน ก็คงไม่มีเวลาจะเขียนหรอก”
บ่นให้น้อยลง
เกิดเป็นนักเขียนแท้จริงแสนลำบาก เราก็รู้กันอยู่ ในความเป็นจริงแล้ว ทุกอาชีพต่างล้วนมีความยากในแบบของตัวเอง จึงอยากให้ว่าที่นักเขียนทุกคนระลึกไว้เสมอว่าอุปสรรคที่เกิดขึ้น มันมาจากการตัดสินใจของเราเอง เราเลือกเองที่จะเป็นนักเขียน เพราะฉะนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งบ่นว่า... ทำไมมันยากยังงี้ ทำไมสนพ. ไม่รับงานเรา ทำไมคนอ่านเมนต์แรง ในเมื่อตัดสินใจเป็นนักเขียนแล้ว จงมุ่งมั่น เลิกบ่น เลิกฟูมฟาย เอาเวลาพวกนั้นมาเขียนหนังสือจะดีกว่า
ทำสำเนาผลงานไว้เสมอ
เราไม่รู้ว่าคุณเคยเจอประสบการณ์อันเลวร้ายอย่าง ไฟล์หาย คอมพิวเตอร์พัง หรือลืมเซฟบ้างหรือยัง เพราะฉะนั้น เราก็เลยขอเตือนแรงๆ ไว้เลย จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์สยดสยองต่อชีวิตนักเขียนของคุณ ต่อจากนี้ ขอให้ฝึกไว้ให้เป็นนิสัยเลยว่า... เขียนจบปุ๊บ ก็ต้องเซฟปั๊บ นอกจากนี้ ควรทำสำเนาไว้หลายๆ ที่ ไม่ใช่เก็บไว้ที่ใดที่หนึ่งเพียงที่เดียว จะเลือกส่งอีเมล หรือเซฟในธัมไดรฟ์ หรือวิธีไหนก็ได้ ขอแค่ให้มีสำเนาไฟล์ไว้หลายๆ แห่ง ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาด จะได้มีไฟล์สำรองเก็บเอาไว้ใช้ได้
งานเขียนเป็นของมีค่า อย่าเอาไปเสี่ยง ถ้าหายไปล่ะก็ ปวดหัวแย่เลย
ลองอะไรใหม่ๆ
การได้ทำอะไรที่แตกต่าง ถือว่าเป็นเรื่องดี คุณย้อนถามว่า... ทำอะไร เราขอแนะนำง่ายๆ เช่น เคยเขียนนิยายด้วยบุรุษที่ 1 แทนตัวเองว่า “ฉัน” มาตลอด ก็อาจจะเปลี่ยนเป็นเขียนจาก point of view แบบพระเจ้าแทน โดยใช้ชื่อของตัวละครแทนที่ หรือจะสลับกันก็ได้ หรือถ้าไม่เคยทำพล็อตล่วงหน้า ก็เปลี่ยนมาทำพล็อตไว้ก่อน หรือเคยทำพล็อต ก็อาจเปลี่ยนเป็นเขียนสดๆ เขียนตอนพิเศษเพิ่ม เปลี่ยนแนวจากนิยายรักเป็นแฟนตาซี ฯลฯ ลองได้หลายแบบ แล้วแต่คุณจะชอบ
ถามว่าให้ลองทำไม เราก็บอกเลยว่า ถ้าอยากเป็นนักเขียน ควรลองวิธีการเขียนหลายๆ แบบ หลายๆ สไตล์ เพื่อหาตัวตนให้พบ โอเค เราเข้าใจว่าคุณอยากทำงานซ้ำๆ อย่างที่เคยชินมาตลอด มันอาจจะง่าย แต่มันน่าเบื่อ และยังจะทำให้คุณขาดความกระตือรือร้น ขาดแรงบันดาลใจ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ เป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะถ้าคุณคิดจะเป็นนักเขียน จำไว้ ไม่ลองไม่รู้หรอกว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร
เสริมสร้างทักษะ เติมเต็มช่องว่าง
ถ้าบอกยังไม่รู้ว่า... ช่องว่างของตัวเองคืออะไร วิธีง่ายๆ คือทบทวนกับตัวเองดูว่า... อะไรคืองานที่เราไม่ถนัด ปัญหาในการเขียนของเราคือเรื่องอะไร สะกดคำผิดๆ ถูกๆ หรือเปล่า เขียนเท่าไหร่ก็ไม่จบ ใช้คำซ้ำ คลังคำไม่มากพอ เขียนยืดยาวเกินไปจนอ่านแล้วเบื่อ ค้นหาข้อเสียของตัวเองให้พบเจอ แล้วอุดรอยรั่วตรงนั้นเสีย รู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง แล้วแก้ด้วยตัวเอง ดีกว่ารอให้คนอื่นมาชี้ให้เห็นนะ นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้ พยายามเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา จะได้พัฒนาตัวเองได้
พูดคุยกับนักเขียนคนอื่นๆ บ้าง
อาชีพของเราคือนักเขียน เพื่อนร่วมวงการของเรามีมากมาย แค่ในเด็กดีนี่ก็หลายคนแล้ว และเราเอง ก็เข้าใจดีว่าสิ่งที่นักเขียนต้องการคือ นักอ่าน แทนที่จะวางตัวเป็นนักเขียน เอาแต่เขียนอย่างเดียว อยากให้ลองเปลี่ยนบทบาท เป็นทั้งนักเขียนและนักอ่าน ไปอ่านเรื่องของนักเขียนคนอื่นๆ บ้าง สร้างมิตรภาพ พูดคุยแบ่งปันความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ โลกออนไลน์ช่วยให้เราเข้าถึงกันและกันง่าย สื่อสารกันง่ายอยู่แล้ว จงใช้มันให้เป็นประโยชน์ และยิ่งเราอ่านงานของคนอื่นมากขึ้นเท่าไหร่ พื้นฐานของเราก็จะยิ่งแน่นมากขึ้นเท่านั้น
เล่าเรื่องงานเขียนให้คนอื่นๆ ฟังบ้าง
คุณคงสงสัยว่าจะเล่าให้คนอื่นฟังไปทำไม คำตอบก็คือ เพื่อฟังผลตอบรับนั่นเอง แนะนำให้เลือกคนที่ชอบอ่านหนังสือ หรือคนที่มีความคิดแตกต่างจากคุณ เมื่อเล่าให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็จะมีคำแนะนำดีๆ กลับคืนมา และคุณก็สามารถนำความเห็นมาปรับผลงานได้ ยิ่งกับคนที่คิดต่าง ก็จะยิ่งได้ฟังความเห็นแตกต่าง ที่ช่วยพัฒนาผลงานของคุณได้
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ฟังที่ดีมักจะซักถามตอบกลับ และคำถามเหล่านั้น ก็จะเป็นตัวจุดประกาย ช่วยให้คุณคิดอะไรต่อยอดได้ไม่มากก็น้อย หรือบางที ถ้าเขาสงสัยพล็อตของคุณ ไม่เข้าใจเรื่องราวที่คุณเขียน แล้วบอกมา คุณก็จะได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน ต้องอุดรอยรั่วอย่างไร แก้ไขอย่างไร ถือเป็นประโยชน์มากๆ
อ่านหนังสือที่ใครๆ พูดถึง
ไม่ว่าจะเป็นผลงานระดับโลก หรือผลงานระดับประเทศ ก็แนะนำว่าควรอ่าน ถามว่าอ่านทำไม ก็อ่านเพื่อศึกษาดูว่า... เหตุผลที่คนอ่านชอบอ่านเรื่องราวเหล่านั้น มันเป็นเพราะอะไร นักเขียนเก่งๆ ที่ทำเงินได้มากมายมหาศาล ตีพิมพ์หนังสือหลายพันหลายหมื่นเล่ม เขาเขียนงานกันอย่างไร แนะนำให้อ่านอย่างเปิดใจ แล้วคุณก็จะได้คำตอบดีๆ มากมายให้กับตัวเอง อยากเป็นนักเขียน ควรรู้ไว้ว่า... ยิ่งอ่านงานของคนอื่น ก็ยิ่งเหมือนเป็นการสะสมประสบการณ์ การอ่านงานที่ดี จะช่วยทำให้เราเขียนได้แนบเนียนขึ้น ลึกซึ้งมากขึ้น
หนังสือต่างประเทศแนะนำ เช่น เดอะดาวินชีโค้ด, แฮรี่ พ็อตเตอร์, ฮังเกอร์เกม, ไดเวอร์เจนท์, เมซรันเนอร์, ลอร์ดออฟเดอะริง ฯลฯ
หนังสือในประเทศแนะนำ เช่น ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต, ประเทศเหนือจริง, กาหลมหรทึก, นิราศมหรรณพ, จุติ, เพชรพระอุมา ฯลฯ
ส่งต่อความรักหนังสือให้คนอื่นๆ
มีหนังสือที่ประทับใจหรือไม่ หรือมีคำคมไหนที่อ่านแล้วลืมไม่ลง แนะนำว่า... ให้ส่งต่อให้คนอื่นๆ เลย เช่น อัพสเตตัสเฟซบุ๊ก อัพทวิตเตอร์ หรือจะอัพอินสตาแกรมก็ได้ ถามว่า... สำคัญตรงไหน ตอบได้เลยว่า... ในเมื่ออยากเป็นนักเขียน คุณควรที่จะรักและร่วมพัฒนาวงการวรรณกรรมไปด้วย ถ้าวงการวรรณกรรมดี ตัวนักเขียนก็จะดีเช่นกัน ดังนั้น ถ้ารักอยากจะเป็นนักเขียน ก็ควรที่จะสนับสนุน พัฒนาวงการวรรณกรรมค่ะ
ชอบหนังสือเล่มไหน ประทับใจนักเขียนคนไหน ให้กำลังใจ ส่งแรงเชียร์ วิพากษ์วิจารณ์ แนะนำ ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้นักเขียนเห็นว่า... งานเขียนของเขาหรือเธอมีผลตอบรับ จะได้เป็นกำลังใจให้ทุกคน (รวมถึงเราด้วย) ผลิตงานเขียนที่มีคุณค่าต่อไป
ปีใหม่นี้ มาพัฒนาวงการวรรณกรรมร่วมกันนะ
อตินเอง







6 ความคิดเห็น
10.ห้ามดอง
ชอบมากเลยค่ะ จะเอามาใช้นะ
ข้อแรกมาก็ตายแล้วว 555
แต่คือทำข้ามขั้นไง แหะๆ ก็จะเอาไปใช้ เพราะตอนนี้สเปะสปะมากกกก
จริงๆอยากเขียนบทละคร บทภาพยนตร์ เป็นสคริปต์ทีมไรงี้ แต่ก็ต้องเริ่มจากจุดนี้แหละ ไฟต์ติ้งงงง!!!!!
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะจะนำไปใช้แน่นอน^^